โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )

7.3

เขียนโดย shilen

วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.

  188 บทที่
  11 วิจารณ์
  113.69K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

166) ข้าเปล่าทำ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
ในค่ำคืนอันหนาวเหน็บ   เมื่อพระจันทร์ถูกเมฆกลืนกินความมืดนั้นก็ลึกล้ำนัก   ที่ห้องๆ หนึ่งของปราสาทขาว   ประตูหน้าต่างปิดมิดชิดทุกด้านทำให้ไอสีเข้มจากหม้อต้มยาฟุ้งตลบหนาแน่นในห้องนั้น   ด้วยกลิ่นอันฉุนเฉียวและความมืดสลัวทำให้ชายแก่ร่างอ้วนที่นั่งก้มอยู่หน้าเตา   ไม่ทันสังเกตเห็นหน้าต่างบานหนึ่งค่อยๆ เปิดแง้มออก   หนุ่มน้อยในชุดคลุมดำผู้ถือกระถางเผากำยานอยู่เป็นนิจได้ปรากฏตัวขึ้น   เขานั่งชันเข่าบนกรอบหน้าต่างสายตาจับจ้องชายเจ้าของห้องอย่างใจเย็น   มือก็แกว่งโซ่คล้องกระถางไปเรื่อยๆ ราวกับลูกตุ้มหินบอกเวลา
 
“ ท่านไม่คิดจะสนใจข้าจริงๆ หรือ ”
 
หนุ่มน้อยคนนั้นเอ่ยทักขึ้นในที่สุด
นั่นทำให้ครูใหญ่วีแกนถึงกับสะดุ้งสุดตัว
เขาถอยหนีลนลาน
 
“ อะไรกันล่ะ   ทำอย่างกับเราไม่เคยพบกันมาก่อน ”
 
คนผู้นั้นท้วง
เขายังคงสวมหน้ากากโลหะดำอันเดิมเหมือนทุกครั้ง
 
“ เจ้าทำอะไรดารีลเจ้าต้องการอะไรกันแน่ ”
 
วีแกนตะคอกถาม
เนื้อตัวสั่นเทา
 
“ ข้าเปล่าทำ ”
 
หนุ่มน้อยคนนั้นตอบเรื่อยๆ
ไม่มีท่าทีเดือดร้อนอะไร
 
“ โกหก   ตอนนี้ดารีลถูกจองจำเพราะอะไรถ้ามิใช่เพราะเจ้า ”
 
เจ้าของร่างบางในชุดคลุมดำเลื่อนกายลงมาจากหน้าต่าง
เขาถอนหายใจเบาๆ ดังว่ากำลังเอือมระอา
 
“ เจ้ารู้จักเขาน้อยเกินไป   พ่อมดคนนั้นน่ะ   ทั้งหมดเป็นแผนของเขาหาใช่ข้าไม่   ข้าน่ะตัวตนเดียวโดดเดี่ยวไร้ที่พึ่งมีหรือจะต่อกรกับคนโปรดของจอมเวทวาลานได้   เจ้าเองก็เป็นคนหลักแหลมคนหนึ่ง   เพียงเท่านี้จะมองไม่ออกเป็นไปได้หรือ ”
 
“ แล้วเขาจะทำไปเพื่ออะไรกัน ”
 
ครูใหญ่วีแกนถาม
 
หนุ่มน้อยคนนั้นเดินมานั่งลงข้างๆ หม้อต้มยา
 
“ สิ่งนี้เป็นผลงานของข้าและเจ้าสองคนเพียงเท่านั้น   และดารีลรู้ความจริงข้อนี้ดี   แล้วเชื่อจริงๆ น่ะหรือว่าคนอย่างหมอนั่นจะยอมให้ผลงานล้ำค่าขนาดนี้ตกไปอยู่ในมือของผู้อื่น   สู้ทำเป็นเร้นกายหายไปแล้วแอบมาฉกโดยไม่มีใครรู้   ของแบบนี้ใช่จะทำได้ง่ายๆ มอบให้วาลานก็ดีเก็บไว้ใช้เองก็ดี   หรือจะมอบให้เจ้าครูใหญ่วีแกนเอาไปใช้ประโยชน์ตามอำเภอใจ   ใครกันใจดีขนาดนั้น   คิดดูให้ดีสิ ”
 
“ แต่ยานี่ยังไม่สำเร็จผลเขาไม่ชิงไปหรอก ”
 
ชายชราร่างอ้วนว่า
แต่น้ำเสียงไม่มั่นคงเสียแล้ว
กาเอลหัวเราะลั่น
 
“ ข้าอิจฉาเสียจริง   หมอนั่นสามารถทำให้เจ้าเชื่อใจขนาดนี้ได้อย่างไรกัน   ไม่เคยเลยสักครั้งหรือไรที่เขาเอ่ยคำลวงกับเจ้า ”
 
“ ไม่เคย ”
 
ครูใหญ่ตอบทันที
 
“ ไม่เคยหรือเจ้ารู้ไม่ทันเขากันแน่   ดารีลสามารถแค่ไหนเจ้ารู้ดีมิใช่หรือ   ต่อหน้าเขาเจ้าเป็นแค่เศษสวะชิ้นหนึ่งเท่านั้น   คิดเอาเองก็แล้วกันว่าจะสามารถปกป้องของล้ำค่าชิ้นนี้ได้อย่างไร   ในเมื่อเขาเป็นคนที่หากคิดจะลงมือไม่ว่าใครเขาก็สังหารได้ทั้งนั้น   ข้าเพียงแค่มาเตือน   หวังจะให้ข้ายืนหยัดต่อหน้าเขาแทนเจ้านั้นคงไม่ล่ะ   อย่างน้อยข้าก็รักตัวกลัวตายเป็นเหมือนกัน ”
 
 
            ในยามเช้าของวันนั้น   ขณะที่เด็กๆ กำลังมุ่งหน้าไปยังชั้นเรียน   ด้วยบรรยากาศสุดอึมครึมมีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายเหลือเกิน   ซึ่งแต่ละอย่างล้วนสร้างความวิตกกังวลไม่น้อยเลย  ด้วยสาเหตุนี้จึงทำให้เสียงหัวเราะและความสดใสของเด็กๆ จางหายไป   เมื่อพวกเขาเอาแต่ก้มหน้าครุ่นคิดถึงแต่สิ่งที่อาจเกิดขึ้นในเวลาอันใกล้  
 
เป็นเพราะเมื่อคืนฟิโลโซเฟอร์นอนไม่หลับ  
เขาเอาแต่คิดถึงคนผู้หนึ่ง
ที่ถูกจองจำในคุกใต้ดิน
 
เช้าวันนี้จึงดูหดหู่อยู่ไม่น้อยแม้ทานอาหารยังแทบไม่รู้รส
เด็กชายชาวซีนาร์ยเดินลากขาที่หนักอึ้งพอๆ กับความคิด
และอยู่รั้งท้ายเพื่อนๆ ขณะเดินไปชั้นเรียน
 
ทันใดนั้นเขาก็ถูกปิดปากเอาไว้
และเจ้าของมือลึกลับนั้นก็ลากเขาเข้าไปในมุมอับ
 
เด็กชายตัวน้อยมองเห็นร่างสูงโปร่งในชุดคลุมดำมิดชิด
ผู้ลงมือก่อเหตุกับเขาในเวลานี้
 
ชั่วพริบตานั้นเขาปล่อยหนังสือในอ้อมแขนให้ร่วงหล่น
แล้วล้วงมือเข้าไปหยิบมีดสั้น
แต่ทันใดสายตาก็เหลือบไปเห็นปอยผมสีแดงเพลิงเสียก่อน
 
ฟิโลโซเฟอร์จึงเปลี่ยนใจมาแกะมือที่ปิดปากของเขาออก
 
“ เจ้าหญิงลูเซียน่า ”
 
เขาอุทาน
ด้วยความตื่นตระหนกปนเปกับความประหลาดใจ
 
“ ไม่ใช่ว่ากลับถึงเมืองอันดอรีสแล้วหรือเหตุใดจึงอยู่ที่นี่แล้วทหารคุ้มกันของท่านล่ะ ”
 
เจ้าหญิงแสนงามปลดผ้าคลุมหน้าออก
พลางทำสัญญาณให้เขาลดเสียง
 
“ เจ้าหญิงตอนนี้โอรีเวียกำลังตกอยู่ในอันตรายท่านอย่าอยู่ที่นี่เลยนะ ”
 
เด็กชายยังคงร้อนรน
 
“ เจ้านี่พูดอย่างกับเป็นดารีลเลยนะ ”
 
พระนางแย้มสรวล
พลางบีบไหล่ของเขาทั้งสองข้าง
 
“ เรามีเวลาไม่มากก่อนที่ใครจะมาเห็น   ข้ามีเรื่องหนึ่งอยากขอร้องเจ้า ”
 
“ ข้านี่นะ   เจ้าหญิงข้าจะช่วยอะไรท่านได้   แต่ว่ามาเถอะข้าจะพยายาม ”
 
ฟิโลโซเฟอร์กล่าว
 
“ ข้าไว้ใจเจ้าที่สุดจึงต้องพึ่งเจ้าเท่านั้น   จงมอบสิ่งนี้กับดารีลมันสำคัญมากเจ้าต้องส่งให้เขากับมืออย่าให้ใครรู้เห็น   แล้วบอกสิ่งหนึ่งกับเขาด้วย ”
 
เจ้าหญิงได้ยัดถุงผ้าปักลายสวยงามใส่มือฟิโลโซเฟอร์
 
“ เจ้าหญิงใยท่านไม่มอบให้เขาด้วยตนเองในเมื่อมันสำคัญเช่นนี้ ”
 
กล่าวเช่นนั้นแล้วเด็กชายชาวซีนาร์ยถึงกับสะดุ้ง
เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเวลานี้ดารีลอยู่ที่แห่งใด
 
เขาจึงยืนอ้ำอึ้งไม่รู้จะทำอย่างไรดี
ถ้าเจ้าหญิงรู้ว่าดารีลถูกจองจำ
จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
 
“ เพราะว่าเขาจะไม่รับเอาไว้น่ะสิข้าจึงจำเป็นต้องทำเช่นนี้ ”
 
เจ้าหญิงลูเซียน่าตอบด้วยพระทัยเศร้าหมอง
 
“ เจ้าหญิงแท้จริงแล้วดารีลนั้นรักท่านมาก   ข้าไม่รู้ว่าระหว่างพวกท่านเกิดอะไรขึ้นกันแน่   แต่ดารีลก็เจ็บปวดเพราะเรื่องนี้อยู่ไม่น้อย   บางทีถ้าคุยกันดีๆ อาจมีทางออกอื่นก็ได้ ” 
 
เจ้าหญิงถอนหายใจยาว
สองหัตถ์กุมมือเด็กชายไว้หนักแน่นและมั่นคง
 
“ ข้าพยายามมาตลอดแต่เจ้ารู้อะไรไหม   ความรักอันมั่นคงของข้าไม่สามารถหยุดเขาได้อีกต่อไปแล้ว   ในเมื่อเขาตัดสินใจเลือกทางเดินสายหนึ่งและจะไม่มีวันหันกลับ   ฟิโลโซเฟอร์ข้ามีอีกเรื่องที่ต้องขอร้องเจ้า   ไม่สิเจ้าต้องสาบานต่อหน้าข้า ” 
 
เด็กชายตัวน้อยจ้องพระพักตร์อันทุกข์โศกนั้น
แล้วเป็นอันต้องเจ็บปวดไปด้วย
 
เขาจึงกล่าวว่า
 
“ ถ้านั่นจะทำให้เจ้าหญิงสบายใจข้าก็ยินดี ”
 
เจ้าหญิงลูเซียน่ายื่นหัตถ์ทั้งไปประคองใบหน้าของเขา
แล้วทั้งสองก็สบตากัน
 
“ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเจ้าอย่าคิดร้ายกับดารีลเลยนะ   สิ่งที่เขาทำไปทั้งหมดล้วนเกิดจากแรงบีบคั้น   แท้จริงแล้วชีวิตของดารีลน่าสงสารมากไร้คนเข้าใจอย่าถ่องแท้   เขาน่ะโดดเดี่ยวมาตลอด ”
 
“ เจ้าหญิงโปรดวางใจ   ตั้งแต่ครั้งแรกที่ข้าได้พบกับเขาดารีลก็ไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไปแล้ว   ดังนั้นหากใครจะคิดร้ายกับเขา   นั่นย่อมไม่ใช่ข้าอย่างแน่นอน ”

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา