โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )

7.3

เขียนโดย shilen

วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.

  188 บทที่
  11 วิจารณ์
  114.87K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

169) เด็กหญิงและคราบเลือด

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
พวกเขาวิ่งขึ้นบันไดไปชั้นแล้วชั้นเล่าในขณะที่คนส่วนใหญ่วิ่งสวนกลับลงมา   อีเลียสเป็นคนคอยชี้ทางให้พวกเขาหลบจากกลุ่มปีศาจที่ดูเป็นอันตรายจนเกินไป   หมอกสีดำที่ปลิวคลุ้งนอกจากจะทำให้การมองเห็นแย่ลงแล้วยังระคายเคืองแปลกๆ
 
เด็กๆ ต่างดั้นด้นขึ้นมาจนถึงชั้นสี่   ขวานและค้อนของโลธอร์เปราะเปื้อนไปด้วยเลือดรวมทั้งสมุดปกหนาของอีเลียสด้วย   เด็กชายร่างผอมตัวน้อยๆ ได้แต่ป่ายปัดไปบนของสำคัญด้วยความขัดเคืองมีเพียงดาบของฟิโลโซเฟอร์ที่ยังคงสะอาดหมดจด   ทั้งที่ผ่านการฟาดฟันมาอย่างหนัก
 
เสียงต่อสู้รุนแรงดังลงมาจากชั้นบน
ทั้งข้าวของแตกหักหล่นกระจัดกระจาย
 
“ ข้างบนคือชั้นคือชั้นห้ามิใช่หรือ ”
 
ฟิโลโซเฟอร์ถามพลางหอบ
เขาใช้มือข้างหนึ่งกดซี่โคลงเพื่อลดอาการจุกเสียด
 
“ ดูเหมือนจะงานหนักใช่เล่น ”
 
สหายร่างอ้วนว่าพลางนั่งลงบนขั้นบันได
เขาเองก็เหนื่อยไม่น้อย
 
“ ข้าว่าพวกนางไม่อยู่ที่นั่นแล้วล่ะ   สยองขนาดนั้น   เป็นข้าเผ่นตั้งแต่เก้าอี้ตัวแรกล้มฟาด   ในครัวยังไม่มีใครเลยคาโอเรียหนีไปแล้วถ้าฟีไลร่ากับพี่สาวยังไม่หนีก็คงสติไม่ดีทั้งคู่ ”
 
ยังไม่สิ้นคำพูดของอีเลียส
ก็ได้ยินสัตว์ร้ายคำรามกึกก้องเสียงกระแทกดังปัง
ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องและความโกลาหล
 
เห็นได้ชัดว่ามีเด็กผู้หญิงหลายคนซ่อนตัวอยู่
และถูกค้นพบเข้าเสียแล้ว
โดยอะไรก็ตามที่มุ่งร้ายหมายชีวิต
 
ฟิโลโซเอร์วิ่งฝ่าขึ้นไปทันที
ในขณะที่หลายคนวิ่งสวนกลับลงมา
 
“ คาโอเรีย   ฟีไลร่า   เลโอน่า   ข้ามาแล้ว ”
 
เด็กชายชาวซีนาร์ตะโกนก้อง
ในใจก็ภาวนาขออย่าให้พวกนางอยู่แถวนี้เลย
 
กว่าพวกเขาจะฝ่าขึ้นมาได้
เด็กๆ ที่วิ่งวุ่นวายก็หนีหายไปหมดแล้ว
 
เหลือเพียงความแตกหักและสูญเสีย
น่าแปลกที่ตรงชั้นนี้
ไม่มีผีร้ายหรือสัตว์ปีศาจ
 
ในเวลานี้มันเงียบจนน่าตกใจ
ราวกับมีสัตว์ร้ายกำลังดักซุ่มรอเหยื่อ
 
เด็กทั้งสามเหลือบไปเห็นเด็กหญิงคนหนึ่งนอนคว่ำหน้าอยู่
ผมสีทองยาวสลวยเปียกชุ่มไปด้วยเลือด
 
ฟิโลโซเฟอร์ใจหายวาบเข่าอ่อนจนแทบทรุด
สหายร่างอ้วนเป็นคนคว้าแขนเอาไว้
แม้ร่างจะอวบหนาแต่เขาว่องไวไม่น้อย
 
พวกเขาค่อยๆ ย่องไปหาร่างที่นอนแน่นิ่ง
ฟิโลโซเฟอร์นั่งลงเขาวางดาบไว้ข้างตัว
ด้วยความหวาดกลัวและสับสนอันท่วมท้น
 
เด็กชายยื่นมือสั่นเทาไปเกลี่ยเส้นผมสีทองนั้นเบาๆ
 
โลธอร์ถึงกับยกสองมือปิดหน้า
ส่งเสียงครางเบาๆ
 
“ ให้ข้าทำแทนก็ได้ ”
 
อีเลียสเสนอ
เขาเป็นคนเดียวที่ยังสามารถทำใจสงบนิ่ง
ได้อย่างน่าประหลาด
 
เด็กชายชาวซีนาร์ยไม่ตอบว่าอะไร
เขาค่อยๆ พลิกร่างเด็กหญิงคนนั้นขึ้น
ใบหน้าซีดเผือดที่ไม่คุ้นเคยได้ปรากฏแก่สายตา
 
“ ขอโทษด้วยข้าจำคนผิดไม่ได้ตั้งใจจะรบกวนเจ้า ”
 
เขากล่าวด้วยความรู้สึกผิด
ที่ลึกๆ แล้วก็หวังอย่างแรงกล้าให้ร่างนี้เป็นคนอื่น
 
อีเลียสถอนหายใจออกมาเป็นคนแรก
 
“ นี่มันชั่วร้ายมากฝีมือใครกัน   เธอเป็นแค่เด็กหญิงตัวเล็กๆ เท่านั้นเองไม่ควรเลยที่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ ”
 
เขาว่าพลางถอดเสื้อคลุมนอกมาคลุมร่างให้เด็กหญิงคนนั้น
 
“ ข้าพอจะแบกนางไหว ”
 
โลธอร์เสนอ
เพราะเขาอยากเชื่อว่าเด็กคนนี้แค่หมดสติไป
 
“ นางไม่หายใจแล้ว ”
 
คำตอบนั้นทำเอาเขาคอหด
 
“ ยังไงต่อล่ะทีนี้ ”
 
อีเลียสเป็นคนเอ่ยคำถามนี้ออกมา
ในเมื่อทั้งชั้นดูเงียบกริบ
ราวกับผู้คนได้หนีออกไปจากตรงนี้จนหมดสิ้นแล้ว
 
แต่พวกเขารู้ดีว่า
สัตว์ปีศาจอะไรก็ตามที่เคยโจมตีอยู่ที่นี่
ยังไม่หนีไปไหน
 
มันคงซุ่มซ่อนอยู่ที่ไหนสักแห่ง
นั่นหมายความว่า
เหยื่อของมันก็ยังมีหลงเหลืออยู่แน่นอน
 
และไม่ว่าสัตว์ปีศาจตนนั้น
มันจะเป็นอะไรก็ตาม
 
เด็กๆ ทั้งสามต่างรับรู้ได้ว่า
มันมีอันตรายไม่น้อย
 
จึงเป็นการยากที่จะตัดสินใจว่า
ควรพุ่งเข้าไปหามัน
 
หรือหลบหนีให้เงียบและเร็วที่สุด

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา