โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )

7.3

เขียนโดย shilen

วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.

  188 บทที่
  11 วิจารณ์
  113.67K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

54) ข้าไม่รู้หรอก

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ระฆังตีดังหกครั้งเด็กๆ ต่างเงยหน้าขึ้นมองที่หน้าต่างแล้วพร้อมใจกันลุกขึ้น   นักเรียนที่ยังคงค้างอยู่ในห้องต่างก็ออกไปยังห้องโถงรับประทานอาหาร   ฟีไลร่าชักชวนเพื่อนๆ ไห้ไปด้วยแต่ฟิโลเฟอร์บอกว่าต้องไปหาคาโอเรียก่อน   พวกเขาจึงพากันไปที่ห้องเรียนของระดับสาม

 

“ อ้าวพวกเจ้าไม่ได้พักในปราสาทขาวหรอกหรือ ”

 

โลธอร์ถามด้วยความรู้สึกเสียดาย

 

“ พวกเรามีบ้านหลังหนึ่งบนถนนสายสามน่ะ ”

 

คาโอเรียตอบ

อีเลียสทำตาโต

 

“ เจ้าเป็นครอบครัวชาวนาจากซีนาร์ยไม่ใช่หรือเหตุใดมีบ้านได้ล่ะ   รู้ไหมแม้แต่เจ้าหญิงเจ้าชายก็ยังต้องเช่าหอนอนในปราสาทขาว   นั่นเป็นเพราะพวกเขาไม่มีเชื้อสายของชาวโอรีเวีย   ตกลงพวกเจ้าเป็นใครกันแน่ ”

 

“ เรื่องมันยาวน่ะ ”

 

ฟิโลโซเฟอร์ยักไหล่เป็นสัญญาณว่าขี้เกียจเล่าแล้ว

 

พวกเขาเดินผ่านประตูโค้งที่ประดับรูปสลักหินลวดลายอ่อนหวานเข้าไปยังโถงอาหาร   ในความรู้สึกของเด็กตัวน้อยคือมันโอ่อ่ามาก   ห้องนี้กว้างขวางเพดานสูงที่เต็มไปด้วยลวดลายและอัญมณีหลากสี   พื้นลายหินขัดสีเข้มแวววาวตัดกับโต๊ะรับประทานอาหารสีขาวงาช้าง   และซุ้มขายอาหารหลังคาผ้าใบสีแดง

 

“ ข้าในฐานะเจ้าถิ่นขออาสานำเสนอเมนูน่ากินประจำวันนี้ ”

 

ฟีไลร่ายิ้มกว้างผายมือออกข้างลำตัวด้วยท่าทีเชื้อเชิญ

 

ฟิโลโซเฟอร์ได้แต่ยิ้มแห้งพลางชูกระป๋องอาหารให้ดู

เขาแน่ใจว่าแทบทุกอย่างในนี้ต้องมีเครื่องเทศผสมอยู่แน่นอน

 

แต่ถึงอย่างนั้นคาโอเรียก็วิ่งตามเด็กหญิงคนนั้นไป

นางไม่ได้มีปัญหาแบบเดียวกับพี่ชายจึงไปซื้อเนื้อแพะย่างเนยมาหนึ่งจาน

แม้ว่าอาหารในกระป๋องจะมีเพียงพอสำหรับคนสองคน

นางก็แค่อยากลองของใหม่เท่านั้นเอง

 

ฟีไลร่าเลือกโต๊ะตัวหนึ่งแถวใกล้ๆ ทางออก

เด็กหญิงเอื้อเฟื้อซื้อผลไม้มาเผื่อเขาด้วย

โลธอร์สามารถหอบจอกน้ำมะนาวทั้งหมดหกจอกมาได้ด้วยตัวคนเดียว

 

เด็กชายตัวน้อยนั่งลงแล้วจึงสังเกตเห็นคนผู้หนึ่ง

นั่งอยู่ริมหน้าต่างกับเด็กสาวผิวขาวซีดผมยาวสีแดง

ทับทิมบนสร้อยคอทอประกายวาววับกับแสงแดดดูคุ้นตายิ่งนัก

นางกำลังคุยเจื้อยแจ้วอยู่กับพ่อมดน้อยที่ฟิโลโซเฟอร์รู้จักดี

 

“ เจ้าทานของข้าด้วยก็ได้นะ   ข้าไม่หวงหรอก ”

 

โลธอร์เสนอ

 

ฟิโลโซเฟอร์ส่ายหน้าแต่ไม่พูดว่าอะไร

 

“ ไหนขอข้าดูหน่อยสิ ”

 

อีเลียสชี้ไปที่กระป๋องใส่อาหาร

เด็กชายฟิโลโซเฟอร์จึงเลื่อนไปให้

 

“ ท่าทางน่ากิน   แต่ไหง๋ไม่มีกลิ่นเครื่องเทศเลย ”

 

อีเลียสว่า

 

“ ไม่มีก็คือไม่ใส่   แต่ไม่ได้หมายถึงว่าจะไม่อร่อย ”

 

โลธอร์พูดทั้งที่ปากยังเคี้ยวอาหารตุ่ยๆ

 

“ พวกเจ้าจะกินก็ได้มันมีมากพอ ”

 

เจ้าของอาหารบอก

 

“ ถ้าเช่นนั้นข้าขอชิ้นหนึ่ง ”

 

อีเลียสหยิบขนมปังชิ้นเล็กๆ ออกมา

ฟีไลร่ากับลูกพี่ลูกน้องก็ยืดตัวเข้ามาท่าทางสนใจ

 

“ เฮ้! ต้องข้าก่อนสิลัดคิวไม่ได้นะ ”

 

เจ้าเด็กร่างอ้วนท้วง

 

แต่ก่อนที่อีเลียสจะทันยื่นให้ใคร

ก็มีมือหนึ่งฉกเอากระป๋องอาหารไปจากมือของเขา

 

“ อาหารที่ไม่ใส่เครื่องเทศ   ก็คือเศษเดนของขยะริมถนน   น่าขยะแขยงที่สุด ”

 

เจ้าชายเอลานอสพูด

เขามายืนอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไรไม่มีใครสังเกต

 

“ ปราสาทขาวเป็นสถานที่ศิวิไลซ์   เอาของโสโครกเช่นนี้เข้ามาได้อย่างไร   น่าสะอิดสะเอียนนัก ”

 

ว่าแล้วก็ย่นจมูกตั้งท่าจะโยนกระป๋องใส่อาหารทิ้ง

 

แต่โลธอร์กระชากกลับมาเสียก่อน

เขาบรรจงวางกลับลงบนโต๊ะ

 

“ โถ   ไม่ตกใจนะไม่ต้องตกใจ   ข้าจะเขมือบเจ้าเอง   มีข้าอยู่ทั้งคนเจ้าคนถ่อยนั่นทำร้ายเจ้าไม่ได้ ”

 

เด็กร่างอ้วนพูดกับอาหารด้วนน้ำเสียงสุดละมุน

 

“ เจ้าจะแสดงกิริยาแบบนี้กับข้าไม่ได้ ”

 

เจ้าชายเอลานอสคำราม

ทหารคุ้มกันสองคนเดินใกล้เข้ามาด้วยสีหน้าดุร้าย

 

ในระหว่างที่เด็กๆ กำลังตกตะลึง

คาโอเรียก็เดินแทรกขึ้นไปด้านหน้าแล้วฟาดหมัดเปรี้ยง

เจ้าชายผู้สูงศักดิ์ถึงกับทรุดลงไปนอนเลือดกบปาก

 

ทหารคุ้มกันต่างสะดุ้งทำตัวไม่ถูก

เมื่อเห็นเด็กหญิงตัวน้อยที่เพิ่งทำร้ายนายของตนปรายตามอง

พวกเขาก็ถอยหลังออกไปก้าวหนึ่ง

 

“ ถ้าแยกประเภทอาหารด้วยเครื่องเทศ   อย่างนั้นแล้วขี้หมาคลุกเครื่องเทศก็คงสูงส่งพอสำหรับท่านน่ะสิ   คนเรามีสิ่งที่ชอบไม่เหมือนกันเรื่องแค่นี้แยกแยะไม่ได้เลยหรือ ” 

 

คาโอเรียว่า

ฟิโลโซเฟอร์รีบดึงน้องสาวให้หลบด้านหลัง

อีเลียสดึงนางถอยไปหลบหลังตัวเองอีกที

 

“ สุภาพสตรีไม่ทำกิริยาเยี่ยงนี้หรอกนะ ” 

 

เขาเตือนเบาๆ

 

“ ไม่มีใครสอนเจ้าหรืออย่างไรว่าห้ามโยนอาหารเล่น   คิดถึงยามแห้งแล้งและอดอยากบ้าง   บางทีมีเงินก็ซื้อของกินไม่ได้เสียด้วยซ้ำ ”

 

โลธอร์ว่าบ้าง

 

“ พวกเจ้าอย่าบังอาจมาสอนข้า ” 

 

เจ้าชายน้อยแหกปากลั่น

 

“ รู้หรือไม่ว่าบิดาข้าเป็นใคร ”

 

“ ข้าไม่รู้หรอก ”

 

คาโอเรียว่าพลางขำกลิ้ง

 

“ กลับบ้านไปถามมารดาของท่านสิ ”

 

ที่นางตอบไปแบบนั้นก็เพราะไม่รู้จริงๆ

 

นั่นทำให้เจ้าชายเอลานอสโกรธจนหน้าแดง

เขาเดินพุ่งเข้ามา

 

ฟิโลโซเฟอร์กับโลธอร์ก้าวออกไปขวาง

และเด็กๆ ตรงหน้าก็ไม่มีทีท่าว่าจะหวาดกลัว

แต่คนที่หวาดกลัวกลับเป็นทหารคุ้มกันของเขาเอง

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา