โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )

7.3

เขียนโดย shilen

วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.

  188 บทที่
  11 วิจารณ์
  114.80K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

79) ข่าวของวันวาน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
เรื่องมันเกิดขึ้นยามเที่ยงของวันวาน   แต่ข่าวเพิ่งแพร่ออกไปในตอนเย็น   เด็กๆ ที่อยู่ในหอนอนของปราสาทขาวต่างจับกลุ่มกันพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้กันอึกทึก   แต่ฟิโลโซเฟอร์และน้องสาวนั้นพักอาศัยอยู่ในบ้านของตัวเองจึงไม่รู้เรื่องราวว่ามีสิ่งใดเกิดขึ้นในวันนั้น
 
“ พวกเขาถูกซุ่มโจมตีน่ะ   ที่กลางป่าแดงเลย   ทหารคุ้มกันตายไปกว่าครึ่งส่วนที่เหลือหนีรอดไปได้   รวมทั้งกษัตริย์แฮโรดและเจ้าชายเอลานอสด้วย ”
 
เลโอน่าบอก
 
“ ป่าแดงหรือ ” 
 
เด็กชายขมวดคิ้วรู้สึกคุ้นชื่อนี้เหลือเกิน
ทันใดก็เบิกตากว้าง
มันคือป่าที่เขากับพ่อมักจะเข้าไปขนเอาท่อนซุงอยู่ประจำนั่นเอง
 
“ การถูกลอบโจมตีของขบวนเสด็จมันสามารถเกิดขึ้นได้เสมอ   ไม่ว่าจากกลุ่มโจรป่า   หรือฝ่ายต่อต้านที่ต้องการโค่นบัลลังก์   แต่คราวนี้มันต่างออกไป   ข้าได้ยินคนล่ำลือกันว่าเป็นฝีมือของผู้ใช้มนต์ดำ ”  
 
อีเลียสว่า
เลโอน่ายกมือแตะปากทำสัญญาณให้ลดเสียงลง
 
“ ทางสภาไม่ชอบใจเรื่องนี้หรอกนะ   ที่ว่าเป็นฝีมือของผู้ใช้มนต์ดำ   ในเมื่อกวาดล้างคนเหล่านั้นจนหมดแล้ว   แต่ยังมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก   นั่นแสดงว่าพวกเขายังอยู่อย่างน้อยก็คนหนึ่ง ”
 
“ ว่าแต่ฟิลอสน้อยของเรา   บ้านนอกกำแพงเมืองของเจ้าตั้งอยู่ที่ใดกัน   หวังว่าคงจะไกลจากป่าแดงพอสมควรนะ    ไม่อย่างนั้นข้าคงเป็นห่วงแย่ ”    
 
เด็กชายร่างอ้วนเจ้าของแก้มตุ่ยว่า
ฟิโลโซเฟอร์เอามือปิดปากไอกลบเกลื่อน
 
หวังว่าบิดาของเขาจะรู้ข่าวนี้
บ้านหลังนั้นจะว่าไกลก็ไกลแต่จะมองว่าใกล้ก็ได้เช่นกัน
 
“ มันเป็นแค่ข่าวลือหรอกนะ ”
 
ฟีไลร่าว่าบ้าง
นางไม่อยากให้เพื่อนเป็นกังวล
 
“ กษัตริย์แฮโรดนั่นศัตรูน้อยเสียที่ไหน   เรื่องแบบนี้ใครก็ลงมือได้   ถ้าเป็นผู้ใช้มนต์ดำจริงมีเหตุผลใดที่ต้องไปดักกลางป่า   เขาตัวคนเดียวจัดการตรงไหนก็ได้   ถ้าให้เดาน่าจะเป็นทหารรับจ้างนี่แหละ   ฝ่ายแฮโรดเสียไปกว่าครึ่งอีกฝั่งคงมีไม่น้อย   ถ้าให้จัดทัพรอรับที่กลางทุ่งโลงไม่ถูกจับได้ก็ประหลาดแล้ว   ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมต้องเป็นกลางป่าทึบ   จากนั้นก็โยนความผิดให้ผู้ใช้มนต์ดำเสีย ” 
 
“ เจ้ารู้ได้อย่างไร ”
 
อีเลียสถาม
 
“ ข้าเดาน่ะ ” 
 
ฟีไลร่าตอบหน้าตาเฉย
 
“ ก็มันมีเหตุผลที่สุดแล้วมิใช่หรือ ”    
 
            การสนทนาถูกสะดุดไปเมื่อคาโลไรน์ยกของว่างออกมาให้   โลธอร์ไม่รอช้ารีบลุกขึ้นไปช่วยจัดวางอย่างกระตือรือร้น   เขาจัดวางของบนโต๊ะอย่างเป็นระเบียบ   สิ่งที่เตรียมมามีทั้งขนมและผลไม้แห้ง   เครื่องดื่มเป็นน้ำมะนาวและนมแพะปรุงเครื่องเทศ   นอกจากนั้นคาโลไรน์ยังชวนเด็กๆ ให้อยู่ทานมื้อเที่ยงด้วย
 
โลธอร์ชมฝีมือทำขนมของคาโลไรน์หยุดปาก   เขาบอกว่ามารดาของเขาควรจะได้รู้จักนาง   ทำเอาคาโลไรน์ยิ้มแก้มปริ   ไม่ใช่แค่โลธอร์แต่เด็กๆ ทุกคนต่างก็ชอบคาโลไรน์   นางใจดีและเป็นกันเองกับเด็กๆ
 
            ระหว่างทานขนมอีเลียสก็หยิบหนังสือการบ้านขึ้นมาดูด้วย   เขาเป็นคนขยันและรักการศึกษาหาความรู้   ปู่ของเขานามว่าอาเทมิสคือผู้รอบรู้เป็นถึงที่ปรึกษากษัตริย์   แต่บิดาของเขาเป็นได้แค่ขี้เมาคนหนึ่ง   ดังนั้นความกดดันทั้งปวงจึงตกมาอยู่ที่เขา   ว่าจะสามารถรักษาชื่อเสียงของตระกูลได้หรือไม่   
 
 “ นี่เป็นประโยชน์ของเอลฟ์สโนว์ข้าพบจากหนังสืออีกเล่ม   เอลฟ์สโนว์ช่วยรักษาสภาพร่างกายไม่ให้เหี่ยวย่นและคงสภาพเนื้อเยื่อไม่ให้เน่าเปื่อยจึงเป็นที่นิยมในการใช้ดองศพ   แต่ขั้นตอนและวิธีการใช้ไม่ได้กล่าวเอาไว้ละเอียดนัก   ข้าเห็นว่าเล่มนี้แตกต่างจากเล่มอื่นเลยหยิบมา  ”
 
อีเลียสว่า
 
“ อ้อ   เพราะเหตุนี้ดารีลจึงใช้มันรักษาโรคระบาดในกลุ่มที่ทีแผลเน่าเปื่อย ”
 
ฟีไลร่าว่าบ้าง
 
“ ใช่   แต่เขาคงผสมยาอย่างอื่นลงไปด้วย ”
 
“ จริงสิฟีไลร่า   น้ำนมที่กรองจากเอลฟ์สโนว์แน่ใจว่าเอาตัวเอลฟ์ออกหมดแล้ว ”
 
ฟิโลโซเฟอร์เพิ่งนึกได้
 
“ คิดว่าหมดนะ   ก็เราใช้ผ้ากรองนี่   ทำไมหรือ ”
 
“ ดารีลบอกว่าตัวเอลฟ์สโนว์มีพิษ   ถ้าเผลอหลุดลงไปแม้แต่ตัวเดียวเป็นเรื่องยุ่งแน่ ”
 
คำพูดนั้นทำเอาเลโอน่าตาเหลือกนางหันไปแยกเขี้ยวใส่โลธอร์
 
“ เจ้าก็ดูอยู่กับข้านี่นาจะโยนให้ข้ารับผิดชอบคนเดียวได้อย่างไร ”
 
“ เจ้าสองคนไม่คิดอยากไปพักในปราสาทขาวบ้างหรือ   อยู่หลายคนสนุกออก ”
 
อีเลียสชวนเปลี่ยนเรื่องก่อนที่สองคนนั้นจะเริ่มทะเลาะกันอีก
 
“ อยู่หอนอนมีค่าใช้จ่าย   ถึงอย่างไรพวกเขาก็มีบ้านอยู่แล้ว   พ่อแม่ของพวกเขาคงไม่ชอบใจเรื่องนี้นักหรอกที่ต้องปล่อยให้ลูกๆ อยู่ห่างตา ”
 
ฟีไลร่าค้าน
 
“ พวกเจ้าอยู่รวมกันทั้งหมดนี่หรือ ”
 
คาโอเรียสงสัย
 
“ ไม่เสมอไปหรอก   หอนอนห้องหนึ่งมีสี่เตียง   ถ้าเป็นพวกผู้ดีมีตระกูลหรือคนที่จ่ายเงินให้ทางโรงเรียนมากหน่อยก็ได้อยู่ห้องเดี่ยว   หรืออย่างเจ้าหญิงลูเซียน่าข่าวว่าอยู่หลายห้องเหมือนบ้านเลย   ซึ่งก็ไม่แปลกพระนางมีบริวารมาด้วย ”
 
ฟีไลร่าอธิบาย
 
           
            ขณะนั้นคาโลไรน์ได้เข้าไปในครัวเพื่อเตรียมอาหารเที่ยง   เลโอน่าลุกขึ้นไปช่วยอย่างคล่องแคล่วทั้งที่นางพยายามห้ามแล้ว   โดยขอยืมใช้ชุดผ้ากันเปื้อนจากคาโอเรีย
 
“ เขาเก่งไปเสียทุกอย่างนะญาติของเจ้าคนนี้ ”
 
โลธอร์ว่า
ฟีไลร่าพยักหน้าเห็นด้วย
อีเลียสเงยหน้าจากสมุดหลังจากเงียบอยู่นานเขากำลังคัดลอกเนื้อหาสำคัญอยู่
 
“ เลโอน่ามีอายุมากกว่าตั้งสามปี   แต่ทำไมยังเรียนชั้นเดียวกับเจ้าอยู่ล่ะ   ทั้งที่เรียนเก่งออกอย่างนั้น ”
 
“ ถามข้าแล้วข้าจะรู้ไหมนี่   ทำไมไม่ไปถามนางโน่น ”
 
เด็กหญิงผมสีเงิน
แล้วนางก็คิดอะไรบางอย่างออก
 
“ พูดถึงช่วงนี้เราไม่ค่อยได้ไปไหนกันเลย   พรุ่งนี้หาเวลาไปเที่ยวกันดีไหมชวนฟิโลโซเฟอร์กับน้องสาวด้วย ”
 
“ หนาวๆ แบบนี้เจ้าจะไปที่ไหนกันล่ะ ”
 
อีเลียสสงสัย
 
“ ก็หาอะไรอุ่นๆ กินอย่างร้านน้ำชา ”
 
“ โธ่   พาเพื่อนรักไปดื่มกินทั้งทีเลือกอะไรที่ดีกว่านี้ไม่ได้หรืออย่างไร   พวกไก่ย่างหมูหันร้านเด็ดๆ อะไรเทือกนั้น ”
 
เด็กชายแก้มตุ่ยว่า
 
“ แต่ร้านน้ำชาที่ข้าจะพาไปเป็นร้านที่ขึ้นชื่อที่สุดในโอรีเวียแล้วนะ ”
 
อีเลียสเงยหน้าจากสมุดทันใด
 
“ อย่าบอกนะว่าร้านนั้น ”
 
แต่ฟีไลร่าพยักหน้ารับพลางยิ้มอายๆ
 
“ ไม่ไหวล่ะแพงเกินไป   ของร้านนั้นดีก็จริงแต่เราต้องคิดถึงเงินในกระเป๋าด้วย   อีกอย่างฟิโลโซเฟอร์ของเรามีขีดจำกัดเรื่องค่าใช้จ่าย   อย่าทำให้เขาต้องลำบากเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่องเลย   คิดหาร้านอื่นเถอะ   อย่างโลธอร์เสนอมาก็ไม่เลวนะ   พวกปิ้งย่างน่ะ ” 
 
“ เอาเถอะน่าข้าจ่ายไหว   พอดีบ้านรวยเดี๋ยวเลี้ยงเอง ”
 
ฟีไลร่ายิ้มเจ้าเล่ห์
ดวงตากลมโตกระพริบถี่ด้วยท่าทางออดอ้อน
 
ฟิโลโซเฟอร์คิดถึงเงินเก็บที่เขาสะสมไว้ในกระปุก
มันน่าจะมีเพียงพอ
ร้านน้ำชาจะแพงได้เท่าไหร่กัน
 
“ ไปร้านน้ำชาก็ได้นี่ถ้านางอยากไป   ถึงอย่างไรข้าก็พอมีเงินบ้างคิดว่าจ่ายเองไหว   ถ้ามันแพงมากเราก็เลือกกินของที่ถูกที่สุดในร้านสิ   ไม่เป็นไรหรอกน่า ”
 
เด็กชายชาวซีนาร์ยบอก
 
“ ว่าแต่ร้านที่ว่ามันอยู่ตรงไหนล่ะ ”
 
“ คฤหาสน์ของท่านลอร์ดเดเวอร์ลอส ”
 
อีเลียสตอบเนือยๆ
ฟิโลโซเฟอร์นั่งนิ่งชื่อนี้คุ้นหูพอสมควร
สุดท้ายเขาก็นึกได้
 
“ ร้านท่านปู่ของดารีล   พวกเจ้าไปที่นั่นมาแล้วหรือ ”
 
“ ไม่เคย ”
 
ฟีไลร่าตอบหน้าตาเฉย
 
“ ถึงได้อยากไปอย่างไรล่ะ   แล้วเจ้าเคยไปหรือเปล่า   รู้จักกันดีมิใช่หรือ ”
 
ฟิโลโซเฟอร์ส่ายหน้า
 
“ เคยผ่านแถวนั้น   แต่ดารีลห้ามเอาไว้   เขาบอกว่าข้าไม่ควรไปที่นั่น ”
 
“ เขาห้ามเจ้าทำไมกัน   ในเมื่อมันเป็นที่ๆ ใครก็เข้าได้อยู่แล้ว   มีเหตุผลอะไร ”
 
อีเลียสสงสัย
 
“ ดารีลเป็นคนพิลึก   ข้าเดาความคิดของเขาไม่ออกหรอก   บางทีหมอนั่นอาจกลัวว่าข้าจะไม่มีเงินจ่าย   เลยตัดปัญหาอย่าให้มาเลยดีกว่า ”
 
ฟิโลโซเฟอร์พูดติดตลก
แต่ดูเหมือนเพื่อนๆ จะไม่ตลกด้วย
 
“ ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้เราไปกันไหม   ค่าใช้จ่ายส่วนของฟิโลโซเฟอร์ข้ารับผิดชอบเอง   มันต้องมีอะไรแน่ๆ ข้าอยากไปเห็นด้วยตาตัวเอง ”
 
อีเลียสว่า
 
 
เลโอน่ายกโถน้ำซุบออกมาจากครัว   นางวางมันลงบนเตาหินเล็กกลางโต๊ะอาหาร   แล้วรีบกลับเข้าไปขนของออกมาเพิ่ม   หมูตั้งแผ่นเบ้อเริ่มส่งกลิ่นหอมฟุ้ง   วุ้นผลไม้สีสดเบียดเสียดกันอยู่ในโถแก้วใบใหญ่   โลธอร์มองตามตาเยิ้ม   พวกเขาหันมาช่วยกันจัดโต๊ะอาหาร   แม้แต่คาโอเรียก็วางงานเย็บในมือ 
 
ประตูหน้าเปิดปังออกอีกครั้ง   พร้อมกับอาเธอร์เดินตัวปลิวเข้ามา   เขาสลัดเสื้อคลุมออกแล้วต้องประหลาดใจ   ที่ตะขอทองเหลืองมีเสื้อคลุมขนสัตว์ตัวสวยแขวนอยู่ก่อนแล้ว   หนุ่มใหญ่แขวนเสื้อไว้กับราวตะขออันที่ว่าง   จากนั้นจึงเดินตรงมายังห้องนั่งเล่น  
 
“ หืม   นี่มันอะไรกัน   เด็กๆ น่ารักมากมายมารวมกันอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร ” 
 
อาเธอร์ทักทายอย่างอารมณ์ดี
 
“ พวกเขาเป็นเพื่อนกับลูกๆ ของเรา   มานี่เถอะที่รัก   ดีแล้วที่มาทันมื้อเที่ยง   วันนี้มีคนมากมายต้องเป็นวันดีอีกวันแน่ๆ เลย ”
 
คาโลไรน์พูดพลางจูงมือสามีไปนั่งบนเก้าอี้ตัวประจำ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา