โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )

7.3

เขียนโดย shilen

วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.

  188 บทที่
  11 วิจารณ์
  113.86K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

86) ตู้ที่ถูกล่ามโซ่

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
หลังจากเริ่มชินกับความแปลกใหม่   เด็กๆ ต่างแยกย้ายไปตามส่วนอื่นๆ ของห้อง   พวกเขาทุกคนรักษาสัญญาได้เป็นอย่างดี   คือก้าวเท้าอย่างระมัดระวังและไม่แตะต้องสิ่งใด
 
ฟิโลโซเฟอร์ให้ความสนใจกับสิ่งที่เก็บไว้ริมผนังส่วนหนึ่ง
มันคือชั้นวางอาวุธชนิดต่างๆของดารีล
 
ไม่ว่าจะเป็นมีดสั้น   ดาบขนาดต่างๆ ธนู
รวมทั้งของแปลกๆ ที่ดูเหมือนจะเป็นอาวุธลับ
 
ขวาสุดของชั้นเป็นหุ่นร่างเท่าคนจริง
หุ่นนั้นสวมชุดคลุมขาวและหน้ากากสีทอง
 
ฟิโลโซเฟอร์จำได้ว่ามันคือชุดที่ดารีลใส่ในงานพิธีนั่นเอง
ในวันนั้นมันอยู่ในสภาพคลุกฝุ่น
แต่วันนี้กลับขาวสะอาดเหมือนใหม่ได้อย่างเกินความคาดหมาย
 
ข้างๆ หุ่นตัวนั้นคือที่ตั้งของคทา
มีทั้งหมดสี่ชิ้นเป็นไม้หนึ่งชิ้น   โลหะสีเงินสองและโลหะสีดำหนึ่ง
 
“ ระวังหน่อยอย่าเข้าไปใกล้นัก   ยังไม่เข็ดหรือไง ”
 
ดารีลพูดเบาๆ จากทางด้านหลัง
มือข้างหนึ่งดึงไหล่เด็กชายให้ถอยห่างออกมา
 
“ เหตุใดเจ้าไม่ถือคทา   มันเป็นอาวุธที่สำคัญของผู้ใช้เวทมนตร์มิใช่หรือ   แล้วหากเกิดเหตุจำเป็นเจ้าจะทำเช่นไร   แค่มีดเล็กๆ เล่มเดียวอาจแก้ปัญหาไม่ได้ ”
 
ฟิโลโซเฟอร์ถาม
 
“ เจ้าคิดว่าผู้มีอำนาจวิเศษต้องถือคทาเท่านั้นจึงจะร่ายมนตร์ได้อย่างนั้นหรือ   จริงๆ แล้วของทั้งหมดตรงหน้านี้ข้าสร้างขึ้นมาเอง   มันทำมาจากแร่และวัตถุที่มีพลัง   สิ่งเหล่านี้มีชื่อเรียกอีกอย่างว่าวัตถุเวทมนตร์   แน่นอนว่ามนุษย์ทั่วไปสามารถใช้งานได้   หากแต่มันจะแสดงอำนาจที่แท้จริงเมื่ออยู่ในมือของเหล่าผู้ใช้เวทย์มนตร์   จริงอยู่หากข้าถือคทาไว้จะสามารถแสดงพลังได้รุนแรงกว่าปรกติ   สำหรับข้าแล้ว ” 
 
ดารีลชูมือข้างหนึ่ง
แสดงให้เห็นแหวนรูปงูสีดำที่เลื้อยพันรอบๆ นิ้วกลาง
 
“ สิ่งนี้ก็ช่วยได้เหมือนกัน ”
 
“ แล้วดาบโบราณของข้าล่ะ   เป็นวัตถุเวทมนตร์ด้วยหรือไม่ ”
 
เด็กชายถาม
 
“ นั่นเป็นเรื่องที่เจ้าต้องหาคำตอบเอง ”
 
ดารีลว่า
พลางระบายยิ้มน้อยๆ ที่มุมปาก
นั่นทำให้เขาดูเจ้าเล่ห์ขึ้นมาทันที
 
เด็กหญิงสองคนยืนอยู่กลางห้องไม่ขยับไปไหน
เลโอน่าจับมือคนอายุน้อยกว่าไว้แน่น
เห็นได้ชัดว่าพวกนางตื่นกลัวเกินกว่าจะก้าวขาเดินสำรวจ
 
โลธอร์ยืนนิ่งไม่ไหวติงอยู่แถวๆ โถแก้วดองผลไม้แปลกๆ
ของในนั้นล้วนสีสดส่องประกายแวววาวในน้ำสีเหลืองอำพัน
 
เด็กชายชาวซีนาร์ยเดาออกได้ในทันทีว่า
เพื่อนร่างกลมกำลังคิดอะไร
 
เขาจึงเดินเข้าไปกอดคอเพื่อน
แล้วกล่าวว่า
 
“ ไม่ว่าด้วยเหตุผลใด   เจ้าก็อย่าแม้แต่จะคิดลิ้มลอง   ผลที่ออกมาไม่สวยงามแน่   ถึงแม้เจ้าไม่เสียใจกับผลที่ตามมา   แต่จงรู้ไว้ว่าข้าเองที่จะเสียใจที่สุด ”
 
“ เหลวไหลน่า   อย่างน้อยข้าก็ไม่ใช่หัวขโมย   ในเมื่อเจ้าของเขาห้ามเอาไว้อย่างเด็ดขาด   ต่อให้ใจคิดมือข้าก็ไม่ขยับตาม   แต่เจ้าเชื่อหรือไม่กลิ่นพวกนี้หอมยั่วยวนมาก   ถ้าได้ใช้ผสมลงในขนมหวาน   ให้กินคำเดียวแล้วตายบางทีก็รู้สึกคุ้มค่าที่จะลองเสี่ยง ”  
 
โลธอร์ว่า
ฟิโลโซเฟอร์ได้แต่ส่ายหน้า
 
“ แล้วอีเลียสของเราล่ะ ”
 
พวกเขาพบว่าอีเลียสยืนเกาคางอยู่หน้าตู้ไม้สีดำขนาดใหญ่
สิ่งที่น่าแปลกคือมันล่ามโซ่ไว้ถึงสามชั้น
 
เด็กทั้งสองจึงเดินตรงเข้าไปหาเขา
หลังจากพิจารณาอยู่เป็นครู่
อีเลียสจึงพูดว่า
 
“ พวกเจ้าคิดว่าอะไรอยู่ในนี้   ความจำเป็นอันใดทำให้ต้องปิดอย่างแน่นหนา ”
 
ฟิโลโซเฟอร์มองตู้หลังนั้น
มันมีสีดำราบเรียบแต่ทว่ากลับดูหนาและแข็งแกร่ง
 
ท่ามกลางละอองไอแปลกๆ ในห้องชวนให้คิดว่ามันคือประตูลึกลับ
ที่จะพาก้าวข้ามไปสู่ดินแดนแปลกประหลาด
 
“ หรือมันใช้ขังสิ่งมีชีวิต ”
 
โลธอร์ว่า
 
“ สัตว์ทดลองที่เป็นอันตราย ”
 
“ ไม่น่าใช่   ตอนแรกข้าก็คิดเช่นนั้น   แต่ยืนอยู่ตั้งนานไม่เห็นได้ยินเสียงอะไรผิดปรกติ ”
 
อีเลียสว่า
 
“ ฟิลอซเจ้าคิดอย่างไร ”
 
เด็กชายยิ้มแห้ง
เรื่องนี้ตอบยากต่อหน้าผู้คนดารีลมักทำตัวเรียบร้อยอยู่ในกรอบ
แต่พอลับหลังเขาก็ซุกซนเหมือนๆ กับเด็กชายทั่วไป
 
ถ้าในห้องของเขาจะมีของอันตราย
มันก็เป็นไปได้เหมือนกัน
 
“ พวกเจ้ามากันห้าคนมิใช่หรือ   ใครกันชื่อฟิลอซไม่เห็นแนะนำให้ข้ารู้จัก ”
 
เสียงนุ่มละมุนของดารีลดังขึ้นใกล้ๆ
 
อีเลียสตบไหล่ฟิโลโซเฟอร์สองสามที
แล้วกล่าวว่า
 
“ ไม่มีใครชื่อฟิลอซทั้งนั้น   แต่นี่เป็นปัญหาของโลธอร์   ไม่รู้ทำไมเขาเรียกชื่อฟิโลโซเฟอร์ไม่ถูกเสียที ”
 
“ แต่ฟิลอซเขาก็พอใจให้ข้าเรียกแบบนั้น   ไม่เห็นว่าเจ้าสมควรต้องเดือดร้อนแทน ”
 
โลธอร์ว่า
น้ำเสียงเริ่มหงุดหงิด
 
“ ช่างเถอะ   ถือเป็นความผิดของข้าที่บังอาจถามก็แล้วกัน   ว่าแต่พวกเจ้ามายืนออทำอะไรตรงนี้   มีสิ่งใดน่าสนใจอย่างนั้นหรือ ”
 
ดารีลชิงสงบศึกเสียก่อน
 
“ เปล่าหรอกเพียงแต่ตู้นี้ดูแปลก   ถ้าเจ้าไม่อยากให้ยุ่ง   พวกเราขยับไปที่อื่นก็ได้ ”
 
ฟิโลโซเฟอร์ว่า
 
แต่ดารีลก้าวเข้าไปใกล้ประตูบานนั้น
เอื้อมมือไปแตะที่แม่กุญแจ
ทันใดนั้นพันธนาการทั้งปวงก็หลุดร่วงลง
 
“ อยากรู้ก็เปิดดูสิ ”
 
พ่อมดน้อยว่าพลางถอยออกมา
 
อีเลียสสะกิดเพื่อนร่างอ้วน
แต่โลธอร์กลัวเกินกว่าจะก้าวขา
 
เด็กชายชาวซีนาร์ยจึงต้องอาสา
เขาเดินมาหยุดหน้าประตูบานนั้นแล้วหันกลับไปมองเพื่อน
 
คู่หูอ้วนผอมยืนเบียดกันไปมาแต่ก็ไม่มีใครถอยหนี
ส่วนดารีลเสมองไปทางอื่นด้วยท่าทางมีลับลมคมใน
 
อย่างน้อยทุกคนก็ยังอยู่ที่นี่
เขาจึงเอื้อมมือไปที่ประตูบานนั้น
 
“ รู้ไหม   ความอยากรู้อยากเห็นทำลูกกระต่ายตายมานักต่อนักแล้ว ”
 
เสียงดารีลลอยมาเบาๆ
 
ฟิโลโซเฟอร์หยุดกึกแต่มือยังค้างอยู่กับที่
 
“ พอเถอะ   ข้าไม่อยากรู้แล้ว   เจ้าถอยออกมาเถอะ ”
 
อีเลียสเริ่มร้อนรน
 
เด็กหญิงทั้งสองเมื่อเห็นเหตุการณ์ผิดปรกติก็เดินมาร่วมวงด้วย
 
เด็กชายจากซีนาร์ยหันมองดารีลอีกครั้งหวังขอความเห็น
แต่พ่อมดน้อยกลับส่งยิ้มสุดเจ้าเล่ห์กลับมาให้
 
แล้วความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นในหัว
หากเบื้องหน้ามีอันตรายจริง
 
ป่านนี้ดารีลคงกระชากเขาหงายหลังออกมาแล้ว
เมื่อเป็นดังนั้นเขาจึงดึงประตูตู้เปิดออกอย่างแรง
 
สิ่งที่ปรากฏแก่สายตาทำเอาทุกคนอ้าปากค้าง
อีเลียสถึงกับอุทานออกมา
 
“ เสื้อผ้า   ข้างในคือเสื้อผ้าหรอกหรือ ”
 
“ พวกเจ้านี่ประหลาดคนจริง   ก็เห็นอยู่ว่ามันคือตู้เสื้อผ้า   คิดว่าข้างในจะมีอะไรได้ล่ะ ”  
 
ดารีลว่า
 
“ ชุดพวกนี้ดูมีราคาก็จริง   แต่มันสำคัญถึงกับต้องล่ามโซ่ไว้เลยหรือ   ของอย่างอื่นที่ดูมีราคาและสำคัญกว่าเจ้ายังวางเอาไว้เฉยๆ แบบนี้จะไม่ให้ประหลาดใจได้อย่างไร ”
 
โลธอร์ท้วง
 
“ ไม่ใช่ฝีมือข้าหรอก   สตรีซักผ้าเป็นคนคล้องเอาไว้   นางกลัวว่าข้าจะเอาของไม่ถูกไม่ควรยัดเข้าตู้เสื้อผ้า   เลยเอาโซ่คล้องกันไว้ก่อน ”
 
ดารีลอธิบาย
 
“ ถ้าอย่างนั้น   ห้องที่สะอาดเป็นระเบียบขนาดนี้   ก็ฝีมือนางด้วยน่ะสิ ”
 
เลโอน่าว่า
 
“ เปล่า   ข้าทำเอง   จริงๆ ข้าชอบให้ห้องรกหน่อยๆ มีฝุ่นนิดๆ จะได้ไม่รู้สึกอึดอัด   บ้านผู้ใช้เวทมนตร์คนอื่นก็ดูรกๆ เหมือนกันมันน่าสนใจดี   แต่ข้าทำแบบนั้นไม่ได้   เพราะทันทีที่ห้องรกก็จะมีคนเข้ามาทำความสะอาด   และข้าไม่อาจปล่อยให้คนนอกมาจับสิ่งของในห้องโดยพละการได้   เนื่องจากว่ามีบางสิ่งที่เป็นอันตรายถึงชีวิต   ดังนั้นเพื่อตัดปัญหาที่อาจจะมีในอนาคต   ข้าจึงต้องจัดเก็บทุกอย่างให้เรียบร้อย ”
 
ฟิโลโซเฟอร์สำรวจดูทั่วตู้
เขาพบว่าดารีลมีชุดสีดำและสีขาวอย่างละครึ่ง
แต่น่าแปลกที่เขามักจะเห็นหนุ่มน้อยคนนี้ในชุดคลุมดำเสมอ
 
นอกจากนั้นเขายังพบหน้ากากอีกสี่อัน
เข็มขัดแบบต่างๆ
และไม่มีเครื่องประดับใดๆ
 
“ ตนในตระกูลนี้แต่ละคนมีหน้ากากมากมาย   สำหรับข้าเพียงเท่านี้ก็เกินพอแล้ว ”
 
ดารีลว่า
เมื่อเห็นฟิโลโซเฟอร์หยิบขึ้นมาลองสวม
แต่ไม่สามารถใส่ได้พอดี
 
เด็กชายจึงปิดตู้เอาไว้เช่นเดิม
เมื่อหันกลับมาอีกครั้งเขาก็เห็นหม้อใหญ่ทั้งหกที่กำลังเดือดพล่าน
 
ถักจากหม้อต้มคือนาฬิกาทรายรูปแบบต่างๆ จำนวนสิบสามอัน
กำลังทำหน้าที่ของมันไปเรื่อยๆ
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา