ตุ๊กตาเทวา

-

วันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 เวลา 00.04 น.

  25 บท
  2 วิจารณ์
  14.94K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2564 13.14 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

21) บทที่39นิพนธ์ มดเท็จ(3)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
"อดัม"
เสียงใสเรียบๆเรียกชื่อใครบางคนดังขึ้นจากความมืด
"หืม อ่า เอวา เอวาที่รัก เธอนั่นเองที่เอ่ยชื่อฉัน"
ชายหนุ่มตื่นจากนิทราลุกขึ้นอ้าแขนกว้างเดินเข้าหาอีกฝ่ายสวมกอดด้วยความรัก
ทว่ากลับถูกหลบอย่างไร้เยื่อใย
"รีบไปเถอะ ท่านเทพกำลังจะสร้างร่างภาชนะแล้ว"
ฝ่ายหญิงสาวนามเอวาจริงจังไร้อารมณ์หยอกล้อกล่าว
"จ้าๆ"
อดัมประกบมือร่ายคาถาพรางกาย
พวกเขาอยู่บนดาดฟ้าของโรงพยาบาล
ที่นี่คือเป้าหมาย
ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงห้องน้ำหญิงห้องหนึ่ง ทั้ง2คนเดินเข้าไปก็พบกับหญิงสาวคนหนึ่งยืนเด่นอยู่ผู้เดียว
ประตูห้องส้วมเปิดอยู่ทุกบานแปลว่าไม่มีใคร
"มากันแล้วรึ"
หญิงสาวผู้มาก่อนร้องทัก เธอรอทั้ง2คนอยู่แล้ว
แม้จะดูภายนอกไม่ต่างจากผู้หญิงทั่วไป แต่ดวงตาสีฟ้าประกายราวดาราช่างพิลึก รวมถึงท่วงท่าการวางมาดดั่งราชสีห์
อดัมและเอวาคุกเข่าลงแสดงความนอบน้อมโดยไม่สนว่าจะเป็นพื้นของห้องน้ำแต่อย่างใด
"ต้องขออภัยที่ให้รอค่ะ"
"เพลาของข้ามีน้อยนัก เราควรเริ่มกันเสียที"
"เอ๋ ในห้องน้ำนี้เลยหรือครับ" อดัมร้องเสียงหลงจริตจะก้านเกินการ
"ตามนั้น" ตอบเพียงสั้นๆ หญิงสาวก็ยื่นมือให้ทั้ง2คน
พวกเขาจับมือกันเป็น 3เหลี่ยม หลับตาสงบเสงี่ยมตั้งจิต
หญิงสาวร่ายมนต์ฟังไม่รู้ภาษา
ห้องน้ำหายไป
รอบๆมืดมิด มีเพียงแสงระยิบระยับดั่งว่าอยู่ในอวกาศ
ที่พื้นส่องสว่างด้วยลวดลายภาษาที่ไม่เคยเจอบนโลก
ร่างของอดัมและเอวาเรื่องแสง แสงเหล่านั้นไหลเข้าหาผู้บริกรรมคาถาและไปรวมกันที่ท้องของเธอเป็นจุดเดียว
เมื่อผ่านไปได้สัก10นาที ทุกอย่างก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม
อดัมและเอวาลาผู้เป็นนายและกลับออกมา
เสียงเพลงดังขึ้น หญิงสาวตื่นจะภวังค์ดูสับสน
เมื่อตั้งสติได้จึงรู้ว่าเสียงเพลงนั่นมาจากมือถือตนที่อยู่ในกระเป๋าถือ
"ฮาโหล" เธอรับ
"เป็นอะไรรึเปล่า เห็นเข้าห้องน้ำนานแล้ว" เสียงในสายร้องถาม
"เอ๋ ฉันพึ่งเข้ามาเองนะ"
"เธอเข้าไปเกือบ 15นาทีแล้วนะ"
"...จริงด้วย!! อะไรกันนะ รอเดี๋ยวนะ"
หญิงสาวที่เห็นว่าเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาข้อมือและการรับรู้ของเธอไม่ตรงกัน จึงกุลีกุจอทำธุระแล้วออกไป
"เป็นอะไรรึเปล่า ให้หมอตรวจอีกรอบไหม" ชายหนุ่มที่ท่าทางเป็นคนรักถามอย่างห่วงใย
"ไม่หรอกกังวลเกินไปแล้ว"
"ก็นะลูกคนแรก ก็ขี้เห่อเป็นธรรมดา"
"จ้าๆ ยังอีกตั้ง 5เดือนนะกว่าจะได้เห็นหน้าลูก"
"อยากเห็นเร็วๆจังเลยนะ ลูกสาวคนสวย"
 
 
 
"ขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ ภรรยาของคุณ เสียชีวิตระหว่างคลอดบุตร เราพยายามยื้อชีวิตของทั้งแม่และเด็กแล้ว แต่ว่า เราช่วยได้แค่เด็กครับ"
ชายในชุดสีเขียวอ่อนที่ไม่ต้องบอกก็รู้ได้ว่าคือแพทย์ทำคลอดได้เดินจากไปหลังแจ้งข้อความที่เขาควรรู้
ตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอเริ่มป่วยและอ่อนแอลงเรื่อยๆ
แม้หมอจะเตือนแล้วว่าอาจจะถึงแก่ชีวิต แต่เธอก็อยากจะรักษาลูกเอาไว้
คำว่า ไม่เป็นไร เราต้องผ่านมันไปได้
เป็นคำพูดที่เข้าใช้เรียกกำลังใจให้เธอเสมอ
ทว่าวันนี้เขาได้รู้แล้วว่า ที่จริงเขาแค่ปลอบใจตัวเอง
ภรรยาของเขาไม่อยู่แล้ว ความจริงที่ทำให้สมองของเขาว่างเปล่า
แต่เมื่อตั้งสติได้ก็บอกตัวเองว่า ยังเหลือลูกอยู่
ใช่ เขาต้องเลี้ยงดูเด็กคนนี้ให้เติบโตได้ดี
ด้วยความรัก
ตามขั้นตอนแล้วลูกจะต้องอยู่ที่หอเด็กอีก 3วันโดยประมาณ
ส่วนศพภรรยาก็รอให้เขาซึ่งเป็นสามีจัดการอะไรหลายๆอย่างให้เรียบร้อยถึงจะมารับทีหลัง
ดังนั้นวันนี้สิ่งที่เขาทำได้คือกลับบ้านหลังจากที่ไปเจอหน้าลูกไม่ถึง 5นาที
ลูกคนแรกซึ่งเป็นลูกชาย
ลูกชาย?
ถ้าจำไม่เพี้ยน ตอนอัลตราซาวด์เขาได้ลูกสาว
แล้วเหตุใดกัน วันนี้เด็กคนนั้นถึงกลายเป็นเด็กชายเล่า
พ่อม่ายเหยียบเบรคจมเท้าเสียงล้อสีพื้นยางมะตอยแสบแก้วหู
มองรอบๆไม่มีรถสวนมา แม้เป็นกลางคืนแต่ไฟทางทั้งหลายให้ความสว่างได้อย่างมั่นใจ
เขาเลี้ยวรถกลับอย่างลุแก่โทสะ
แค่ผิดพลาดเรื่องเมียตายก็น่าโมโหพอแรงแล้ว
ยังจะมาส่งเด็กให้ผิดอีก
เขาต้องกลับไปคุยให้รู้เรื่อง
ทว่ายังไม่ทันไร รถยนต์คันสวยก็ต้องหยุดอีกครั้ง
ชายหนุ่มแต่งตัวดูมีภูมิด้วยสูทสีดำโผล่มายืนขวางทางอย่างไม่กลัวตาย
"เฮ้ย อะไรวะ อย่างตายรึไง คนยิ่งรีบๆอยู่" เจ้าของรถโวยวายการใหญ่ วันนี้มีแต่เรื่องชวนเวียนเศียร
"คุณนะ อันตรายเกินไปนะครับ" ชายคนนั้นพูด ใบหน้ายิ้มแย้มดูแล้วชวนรำคาญอย่างบอกไม่ถูก
ไม่เข้าใจจริงๆว่าคนๆนี้พูดอะไร ชายหนุ่มเบนหัวรถออกเพื่อจะรีบกลับไปที่โรงพยาบาล
แต่รถกลับไม่ขยับ
กุญแจบิดกลับดับเครื่องเองอย่างประหลาด
แม้พยายามติดเครื่องอีกกี่ครั้งก็ไร้ผล
"อะไรวะ!!! " เจ้าของรถสบถ
"ที่จริงผมสงสารคุณนะครับ ต้องเสียทั้งภรรยาและลูกไปพร้อมกันแบบนี้ แต่เพื่อนของผมเห็นว่า การเก็บคุณเอาไว้ อาจจะทำให้แผนการของพวกเราเสียทิ้งก็ได้ ดังนั้น ผมคงต้องขออภัยจริงๆนะครับ"
"พูดอะไรวะ ไม่รู้เรื่อง อย่ามาเล่นลิ้นนะโว้ย ที่ว่าเสียลูกหมายความว่าไง มึงรู้อะไร ทำไมอยู่ๆ ลูกกูกลายเป็นผู้ชาย!! "
เจ้าของรถลงมาโวยวายพร้อมปืนพกในมือ ชูเล็งไปด้านหน้า
"แหมๆ เพราะผมสงสารคุณนะครับ ก็เลยจะบอกให้ เด็กคนนั้นไม่ใช่ลูกของคุณครับ ลูกสาวของคุณนะ ตายไปตั้งแต่เดือนที่5ของครรภ์แล้วละครับ ทำไมนะเรอะ ก็ถูกเด็กชายคนนั้นกินไปตั้งแต่อยู่ในท้องแล้วยังไงละ แล้วเขาก็มาแทนลูกสาวของคุณ ทั้งคุณและภรรยาเลี้ยงเด็กกาฝากมาจนเขารอดปลอดภัยออกมาได้ ต้องขอขอบคุณจริงๆ เหตุที่ภรรยาของคุณอ่อนแอจนตายไปนะ เพราะถูกเด็กคนนั้นกัดกินจากข้างในอย่างไงละครับ"
"จะเป็นไปได้ยังไงเรื่องแบบนี้!!! ก็เห็นอยู่ว่ามีเด็กคนเดียวในท้องนะ!! "
"เพราะพวกเรา ใส่เด็กคนนั้นลงไปเองหลังจากอันตราซาวด์ครั้งแรกยังไงละ"
"มึง!!! "
ไม่รู้หรอกว่าเจ้านี้พูดจริงไหม หรือถ้าพูดจริงแล้วทำได้ยังไง
แต่นิ้วของเขาก็เหนี่ยวไกใส่คำสั่งสังหารให้กับปืนในมือด้วยโทสะไปแล้ว
กระสุนถูกอกชายคนนั้นเต็มๆ
แต่มันไม่ทะลุเข้าเนื้อ เขาปัดมันออกราวกับว่าเป็นเพียงเศษฝุ่นที่ติดเสื้อ
"อะไรกัน สูทตัวนี้แพงนะครับ ทำแบบนี้ไม่ดีเลยนะ อืมจริงสิ ไหนๆคุณก็ยิงออกไปแล้วนัดหนึ่ง งั้นเอาแบบนี้แล้วกัน"
ชายใส่สูท หยิบกระสุนที่หล่นพื้นขึ้นมา เขาปามันออกไปทางซ้ายของตัวเอง
กระสุนบินเลี้ยวเจาะเข้าที่ขมับขวาของเจ้าของปืนจนทะลุออกอีกด้านล้มลงสิ้นใจตรงนั้น
"แบบนี้จะได้ดูเหมือนฆ่าตัวตายไงละ"
"พล่ามมากน่ารำคาญนะ อดัม ฉันรอจนเมื่อยแล้ว" เอวาที่หลบอยู่ด้านหลังเงาของเสาไฟทางบ่นขึ้นหลังจบงาน
"ขอโทษๆ นานๆทีก็อยากคุยกับคนจริงๆบ้างนะ แล้วยังไงต่อละ เอวา แผนของเธอต่อจากนี้นะ"
"เรา 2คนจะรับบทเป็นพ่อแม่ปลอมๆของเด็กนั้นเอง"
"โห แปลว่าเราคือสามีภรรยาสินะ"
"ฉันไม่มีทางนอนกับนาย นี้ก็เพื่อร่างสถิตของท่านเทพ จำไว้ซะ"
 
 
 
จู่ๆพิมก็ถูกลากออกมาจากจิตของอดัมกลับมาที่บ้านไม้เหมือนเดิม
"แอบดูอะไรหรอครับ พี่พิม"
เสียงเด็กหนุ่มที่คุ้นเคย พิมหันกลับไปก็พบนิพนธ์ยืนอยู่
แต่ตาขวาไม่เป็นสีทองเหมือนทุกครั้ง วันนี้มันเป็นสีฟ้าประกายดวงดาว
เทพองค์นั้นควบคุมอยู่สินะ
เธอรู้ได้
"บางครั้งสาวๆเขาก็อยากรู้อดีตของหนุ่มๆบ้างละ นิพนธ์ เธอละ เมื่อไรจะกลับไปทำงานสักที"
"ฮ่าๆๆ เปล่าประโยชน์ ถึงจะยังไม่สมบูรณ์ แต่เราก็ยึดร่างนี้ได้ราว 4 ใน 5 ส่วนแล้ว ว่าแต่เจ้าเถอะ มีฝีไม้ลายมือไม่ใช่เล่น จักมาร่วมหัวจมท้ายกับเราไหมละ"
"กับเทพไม่รู้หัวนอนปลายเท้านะเรอะ ฉันไม่ใช่พวกเทวะนิยมที่พอเห็นว่าเป็นเทพแล้วบูชาไหว้สาไปเรื่อย ฉันนับถือเทพที่ศีล"
"น่าเสียดายนะ"
สิ้นคำพูดเทพ พิมก็ชิงลงมือก่อน นัยน์ตาเปลี่ยนเป็นสีแดงจ้องไปที่เป้าหมาย
ทว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
"ไร้สาระน่า แม่มด ไอ้การหลอกจักให้เห็นว่าแขนขาดขาขาดแล้วควบคุมพูสมองส่วนกลางว่าเจ็บแบบที่เจ้าทำกับคนอื่นนะ ใช่กับเราไม่ได้ผลหรอก เอาละ มีอาคมมนตร์ดำอันใดใช้มาให้หมดเลย แม่มดเอ๋ย

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา