Ask her to be my last​ (to be)#รัก​ไม่เลือกเวลาเกิด

-

เขียนโดย fRONG_UFO

วันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 เวลา 23.35 น.

  14 ตอน
  0 วิจารณ์
  10.06K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2563 01.10 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) ความลับในใจ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
#ความลับในใจ
 
 
“น้องๆ รีบลงจากรถแล้วไปรวมตัวกันด้านหน้าอาคารเลยนะค่ะ”
 
“อ้าวพี่ภู พี่จะไปไหน”
ผมเอ่ยถามอีกฝ่ายที่ดูเหมือนว่าไม่ไปทางเดียวกัน
 
“สนิทหรอถึงเรียกภูเฉยๆ”
 
“ก็อยากสนิทด้วย”
ผมเอ่ยตอบทันที
 
“แต่กูไม่อยากสนิทกับมึง ถ้าไม่ใช่เพราะว่ามึงเป็นน้องรหัส หน้ามึงกูก็จะไม่มอง”
 
“พี่โกรธผมเรื่องก่อนหน้านี้หรอ ผมขอโทษ”
“แล้วตกลงพี่จะไปไหน ไม่ไปกับผมเหรอ”
พี่ภูไม่ตอบคำถามแล้วเดินไปอีกทาง
 
 
“น้องตะวันค่ะ น้องอีกแล้วหรอ ไปรวมตัวได้แล้วค่ะ”
รุ่นพี่ผู้หญิงเอ่ยเรียกและสีหน้าดูหงุดหงิดที่เป็นผมอีกแล้ว
 
 
ยินดีต้อนรับสู่ค่ายสานสัมพันธ์ของคณะบริหารธุรกิจอีกครั้งนะค่ะ วันนี้เตรียมกายเตรียมใจพร้อมกันแล้วใช่ไหมค่ะ พี่จะแจ้งกิจกรรมล่วงหน้าเลยนะค่ะ วันนี้พี่จะมีเกมทั้งหมด 3 ฐานนะค่ะ โดยให้เล่นกับพี่รหัสของตัวเอง
 
ระหว่างที่รุ่นพี่เเจ้งกิจกรรมอยู่นั้น มิกซ์กับบูมก็เดินเข้ามาหา
 
"มึงไงบ้างวัน ยังอยู่ดีไหมว่ะ"
บูมเอ่ยถาม
 
"มึงทำไมไม่โทรหากูก่อนมารวมตัว กูจะได้ไปรับที่รถ"
มิกซ์เอ่ยถามด้วยความรู้สึกห่วงใย
 
"เออกูไม่เป็นอะไรเเล้ว เเขนขายังครบดี มึง 2 คนไม่ต้องห่วง กูโตเเล้วครับเพื่อน"
 
 
 
เกมเเรกของฐานวันนี้นะค่ะ คือ เกมวิ่งเพื่อรักนั่นเองค่า
โดยจะมัดขาคนละข้างของตัวเองติดกับขาพี่รหัส เเล้ววิ่งให้ถึงเส้นชัยในเวลา 1 นาที
เตรียมตัวเลยนะค่ะ
 
"มึงยืนทำไรว่ะ กูจะมัดเชือกเนี้ย"
พี่ภูเอ่ยขึ้นขณะนั่งคุกเข่าเเล้วมองขึ้นมา
 
"มึงวิ่งเร็วๆดิ ขามึงสั้นจังวะ"
อีกฝ่ายเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าที่เหงื่อโชกเต็ม เเล้วก็โอบไหล่จนผมเริ่มเกร็งมากขึ้น
 
"ผมวิ่งเร็วสุดได้เเค่นี้อ่ะ พี่ภูขายาวเเล้วก้าวเร็วเองอะ"
 
"มึงเตี้ยเองปะว่ะ กูไม่ผิด"
พี่ภูเอ่ยขึ้นพร้อมกับยิ้มมุมปากเล็กน้อย
 
สุดท้ายคือเรา 2 คน คือคู่สุดท้ายเพราะมัวเเต่เถียงกันเรื่องขาสั้นขายาว
 
 
ต่อไปเกมฐานที่ 2 เกมป้อนรักนั่นเองจ้า
โดยจะมัดมือมือทั้ง 2 ฝ่ายติดกัน เเล้วจะมีจานขนมอยู่ด้านหน้า ทำไงก็ได้ป้อนขนมกันจนหมดจานในเวลา 1 นาทีเหมือนเดิมนะจ้า
"เดี๋ยวผมป้อนพี่เอง พี่เขยิบมาชิดผมหน่อยดิ มือมันเอื้อมไม่ได้"
 
"เเค่นี้พอกูไม่อยากใกล้มึง"
 
"พี่ภู"
ผมเรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยเสียงเข้มๆ
ผมเลยเป็นฝ่ายเขยิบเข้าไปหา เเล้วค่อยๆ หยิบขนมป้อนให้พี่ภูกิน
 
"มึงช้าๆ ดิ เต็มปากกูเเล้วเนี้ย"
ขนมเต็มปากพี่ภูจนเห็นข้างๆกระพุงเเก้มทั้ง 2 ข้าง
 
"เเพ้อีกเเล้วอ่ะ "
ผมกล่าวขึ้นเเล้วหันไปทางหน้าพี่ภู ดูเหมือนพี่ภูจะทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ด้วย
 
 
เกมฐานสุดท้ายเเล้วนะจ้าเด็ก ๆ เกมนี้ชื่อความลับในที่เเคบ
โดยให้พี่รหัสกับน้องรหัสเข้าไปอยู่ในกล่องสี่เหลี่ยม​ที่ตั้งอยู่ข้างหน้าทีละคู่
เเล้วบอกความลับตัวเองให้อีกฝ่ายรู้ไม่เกิน 5 นาที
เริ่มเกมเลยยยยค่ะ
 
บรรยากาศ​เงียบไปสักพักใหญ่ๆ
 
"พี่ภูไม่มีอะไรจะบอกบ้างเหรอ"
 
อีกฝ่ายถามขึ้นมาด้วยสีหน้าที่เหมือนรอคำตอบ ทำไมไอ้จุ๊บเเจงมันไม่เเจ้งก่อนหน้าว๊าว่ามีเกมพูดความลับด้วย ผมเอ่ยขึ้นในใจ จนอีกฝ่ายเริ่มตั้งคำถาม
 
"พี่ภูผาครับ ที่ผมมาเรียนคณะบริหารไม่ได้ตั้งใจเข้ามาจีบพี่นะครับ ผมต้องการมาเรียนจริงๆ เพราะอยากช่วยงานคุณพ่อครับ"
 
“มึงคิดงั้นจริงเหรอวะ”
 
“ครับพี่ภู”
ผมพยักหน้าเบาๆ
 
“งั้นตอนนี้มึงก็ไม่ได้รู้สึกแบบ..อะไรแบบนั้นกับกูแล้วใช่ปะ”
พี่ภูเอ่ยขึ้นจะพร้อมรอยยิ้มเล็กน้อยที่บ่งบอกถึงความดีใจ
 
“ครับพี่ภู ตอนนั้นผมบอกชอบพี่เพราะพี่เป็นไอดอลผมต่างหากครับ”
ผมรีบพูดแก้ตัวในเหตุการณ์วันนั้นทันที แต่ในใจลึกๆก็ชอบแหละ ชอบมากขึ้นทุกวันด้วย
แต่ถ้าแลกกับการที่ได้อยู่ข้างๆพี่เขาตลอดไปต่อให้เป็นได้แค่นี้ก็ถือว่าคุ้ม...
 
“อ๋อเออกูว่าแล้วมึงคงไม่คิดอะไรแบบนั้นกับกูจริงๆ หรอก”
พี่ภูเหมือนจะมีรอยยิ้มมากขึ้นเวลาหันมาพูดกับผม
“กูเลิกอึดอัดล่ะ โอเคต่อไปนี้กูจะเป็นพี่รหัสที่ดีให้มึงเองตะวัน มีไรปรึกษากูได้ตลอด”
 
“ขอบคุณครับพี่ภู”
เป็นครั้งแรกที่พี่ภูเอ่ยชื่อผม
“ผมมีอีกเรื่องนึงจะบอกพี่ครับ”
 
“ว่า”
พี่ภูตอบสั้นๆแล้วมองหน้าผมเพื่อรอคำตอบ
 
“ผมคือคนที่ทักไปยืมหนังสือพี่เมื่อปีที่แล้วครับ”
 
“อ้าวมึงคือคนที่ตั้งรูปแมวเองหรอ แต่เอ๊ะกูเหมือนจะจำได้ล่ะ ตอนนั้นมึงแนะนำชื่ออย่างจะสัมภาษณ์เข้าเรียนกับกู นึกแล้วยังขำ”
พี่ภูขำออกมาเล็กน้อย แต่ทำผมเขินไปโดยไม่รู้ตัว..
ผมคิดถูกแล้วที่ทำแบบนี้
 
 
แล้วดูเหมือนว่าผมกับพี่ภูเราจะญาติดีกันแล้ว ไม่สิพี่ภูยอมพูดคุยมากขึ้นมาก เข้าใจแหละว่าพี่เขารู้สึกอึดอัด
 
กิจกรรมวันนี้ดูเหมือนว่าจะผ่านไปด้วยดีและเวลาก็ล่วงเลยมาจนถึงช่วงค่ำ
ช่วงค่ำวันนี้จะมีกิจกกรรมผูกข้อมือทำขวัญรับน้องปี 1 อย่างชัดเจน
แต่ระหว่างที่กิจกรรมจะเริ่มขึ้นก้มีเสียงโทรศัพท์ผมเข้ามา
 
“ฮาโหลครับแม่”
“ตะวันอยู่ที่ค่ายแล้วใช่ไหมลูก คือ..”
น้ำเสียงแม่ดูเหมือนจะมีเรื่องไม่สบายใจ
 
“ใช่แม่ แม่โทรมาตอนนี้มีอะไรหรือเปล่าครับ” ผมถามแม่ด้วยความสงสัย
 
“พ่อเราเกิดอุบัติเหตุรถชนนิดหน่อยนะ แต่ตะวันไม่ต้องเป็นห่วงพ่อนะ พ่อไม่เป็นอะไรแล้ว” แม่รีบบอกเหตุผลเพื่อให้ผมคลายความกังวลลง
 
“ให้ลุงสิงห์ขับรถมารับผมได้ไหมแม่” ผมรู้สึกว่าผมเริ่มเครียดเเละกังวล
(ลุงสิงห์คือคนขับรถเก่าแก่ในตระกูลของบ้าน)
 
“พ่อไม่เป็นอะไรแล้ว ตะวันอยู่ทำกิจกกรมคณะดีกว่านะลูก เพื่อความสบายใจของพ่อกับแม่น้า พรุ่งนี้ตะวันก็กลับบ้านแล้ว
เดี๋ยวก็เจอพ่อนะค่ะคนเก่งของแม่”
แม่ปลอบผมเพราะรู้ว่าผมต้องเป็นกังวลมากแน่ๆ
 
“งั้นก็ได้ครับ สวัสดีครับ”
ผมวางโทรศัพท์แล้วก็มานั่งอยู่ด้านหลังอาคารเงียบๆคนเดียว
 
 
 
“ภูผาน้องตะวันไปไหนเหรอ”
แป้งถามขึ้น
“กูก็ไม่เห็นตั้งแต่ช่วงค่ำเลยว่ะ กูเดินหาจนทั่วแล้วไม่เจอ ไปถามเพื่อนน้องมันก็บอกไม่เห็น นี่ก็ผูกข้อมือกันเสร็จแล้วด้วย”
ผมมีความกังวลเล็กน้อยขึ้นมาแบบไม่รู้ตัว
 
 
ผมรู้สึกเครียดจนไม่อยากจะทำอะไรแล้ว ถึงพ่อผมจะไม่เป็นอะไรมาก แต่ก็ยังไม่หายกังวล ต้องได้เห็นพ่อกับตาว่าไม่เป็นอะไรจริงๆถึงจะเลิกกังวล แล้วก็มีเสียงเดินมาจากข้างหลัง
“มึงมาทำเชี้**ไรตรงนี้ว่ะตะวัน ทุกคนหามึงจนทั่วแล้วเนี้ย”
พี่ภูผาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ดูโมโห แต่ก็ต้องเลิกโมโหทันทีเพราะเหมือนว่าพี่เขาจะเห็นรอยน้ำตาที่ผมร้องไห้ไว้ก่อนหน้านี้
“มึงเป็นอะไร”
ภูผาถามด้วยความสงสัยแล้วจับหน้าผมให้หันไปมองด้านหน้า
 
“เปล่าพี่”
 
“เปล่าเชี้**ไร มึงร้องไห้หรอ แล้วทำไมมึงไม่ไปร่วมกิจกรรมถ้ามึงไม่เป็นไร” พี่ภูผาขึ้นเสียงใส่
 
“พ่อผมเกิดอุบัติเหตุ..”
ผมตอบไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
และสีหน้าพี่ภูผาก็เริ่มเปลี่ยนทันที
 
“โทษทีว่ะ กู..”
 
“ไม่เป็นไรครับพี่ พี่ภู..ผูกแขนผมตรงนี้ได้ไหม”
 
“เออตรงนี้ก็ตรงนี้”
พี่ภูเอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อเพื่อหยิบเชือกสีขาวเส้นเล็กออกมา
 
“เอาแขนมึงมาดิ”
 
ผมเขยิบไปไปใกล้แล้วก็ยื่นแขนให้
 
“กูขอให้มึงมีความสุขกับการใช้ชีวิตในรั้วมหาลัย และมีความสุขกับคณะที่มึงเลือก ขอให้มึงเจอแต่เรื่องดีๆนับต่อจากนี้
แล้วก็..ถ้ามีอะไรก็ปรึกษากูได้ทุกเรื่อง”
ผมรู้สึกสบายใจขึ้นมาทันทีหลังจากฟังคำอวยพร
นี่ใช่ไหมที่คนเคยพูดกันว่า..ถ้าได้กำลังใจจากคนที่เรารักก็เหมือนได้คาถาเวทมนต์มาเป็นเกาะคุ้มครองภัย
 
“ทุกเรื่องจริงเหรอครับพี่ภู”
 ผมเอ่ยออกไป
 
“ทุกเรื่อง...ทุกเรื่องแค่เรื่องเรียนนะมึงง”
ผมเลิกลั่กรีบแก้คำพูดที่อวยพรไปเมื่อกี้ให้ไอ้เด็กเมื่อวานซืน
 
“ขอบคุณครับพี่ภู”
ผมยิ้มให้กับพี่ภูเล็กน้อยพร้อมกับขำพี่ภูที่เเสดงท่าทีเลิกลั่กออกมา
 
“มึงขำอะไร”
พี่ภูถามขึ้นพร้อมกับขมวดคิ้วเล็กน้อย
 
“น่ารักดีครับ”
 
 
 
#ภูผาตะวัน

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา