ยอดสตรีฉางอิ๋ง

-

เขียนโดย Xiaobei

วันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 เวลา 17.20 น.

  35 ตอน
  0 วิจารณ์
  23.23K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 17.21 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

15) พี่สาวผู้รังแกได้ (1)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

วันรุ่งขึ้น เว่ยฉางอิ๋งนำคำที่ญาติผู้พี่ซ่งไจ้สุ่ยกล่าวมารายงานกับฮูหยินซ่งด้วยท่าทีราวกับได้รับสมบัติล้ำค่า

ฮูหยินซ่งได้ยินก็ถามว่า "เรื่องพวกนี้ใครเป็นคนคิดให้เจ้า?"

"ท่านแม่ท่านจะคิดว่าข้าฉลาดคิดขึ้นมาเองไม่ได้หรือ?" เว่ยฉางอิ๋งกล่าวกระเง้ากระงอด แล้วถึงได้ยิ้มพลางกล่าวว่า "เป็นความคิดของท่านพี่"

"หากว่าเจ้ามีไหวพริบอย่างนี้ จะไม่กล่าวออกมานานแล้วไปฝึกฝนวิชายุทธ์ของเจ้าต่ออย่างเปิดเผยหรือ?" ฮูหยินซ่งยิ้มเย็นแล้วกล่าวออกมา "ข้ายังไม่รู้จักเจ้าหรือ เหตุผลที่เรียนวิชายุทธ์ เจ้าหามามากมายแล้วตั้งแต่เล็ก"

เว่ยฉางอิ๋งแลบลิ้น "ดูท่านแม่พูดเข้า แม้ว่าข้าจะตั้งใจฝึกวิชายุทธ์ แต่ก็ไม่ใช่คนไร้สมองนะ! ในสายตาท่านแม่ข้าโง่ขนาดนั้นเลย?"

"โง่น่ะเจ้าไม่โง่หรอก" บุตรสาวคนโตคนนี้ทั้งดื้อดึงทั้งซุกซนทั้งเจ้าเล่ห์ ตั้งแต่เล็กก็รู้ฐานะของตนในใจของท่านแม่และท่านย่าแล้ว ทั้งยังรู้จักจับเอาจุดที่ดีที่สุดอย่างการที่ตนถูกตามใจรักใคร่มาใช้ได้อย่างดีเยี่ยมโดยไม่มีใครสั่งสอนอีก ทุกวันนี้ฮูหยินซ่งไม่สามารถทำอะไรนางได้แล้ว จึงถอนหายใจแล้วกล่าวว่า "แต่ว่าเจ้าคิดมาตลอดว่าเสิ่นจั้งเฟิงคนนั้นไม่มีทางชอบเจ้าแน่ และเจ้าก็ไม่ชอบที่จะไปลองทำดีกับเขาด้วย ดังนั้นจึงไม่เคยคิดอธิบายเรื่องที่เจ้าเรียนวิชายุทธ์อย่างนี้มาก่อน!"

เว่ยฉางอิ๋งยิ้มแล้วกล่าวว่า "อย่างไรวันนี้ท่านพี่ก็ออกความคิดนี้มาแล้ว ท่านแม่ว่า หากอธิบายกับฮูหยินซูอย่างนี้ไป...เมื่อข้าแต่งงานไปแล้วหากว่าทำอะไรอย่างอื่นไม่ได้นอกจากวิชายุทธ์ จะปิดบังได้ไหม?"

"อธิบายอย่างนี้ไม่ยาก เจ้าคิดว่าท่านย่าเจ้าคิดไม่ได้หรือ ก็มีแต่คนไร้น้ำใจอย่างเจ้านั่นแหล่ะที่คิดไม่ได้!" ฮูหยินซ่งกล่าวเสียงเย็นว่า "แต่แม้ว่าฮูหยินซูจะรับว่าเจ้าใส่ใจเสิ่นจั้งเฟิง แต่วันหลังเจ้าจะไม่สนใจเรื่องอื่นแล้วหรือ?"

เว่ยฉางอิ๋งกลอกตา แล้วมองไปยังแม่นมซือข้างๆ แม่นมซือยังไม่ทันได้กล่าวอะไร ฮูหยินซ่งก็ฮึ่มออกมาเสียงเย็นแล้วกล่าวว่า "หยุดคิดไปได้เลย! แม่นมซือคือแขนของข้า! ข้าไม่มีทางยอมยกนางให้เจ้าแน่!"

คำเหล่านี้ทำให้ผู้ที่ติดตามรับใช้ฮูหยินซ่งมานาน แม่นมซือที่รู้ดีถึงวิธีการที่นางพูดกับบุตรสาวบุตรชายได้ฟังก็เข้าใจทันที...คุณหนูใหญ่เว่ยฉางอิ๋งมองเช่นนั้น ปีหน้าตนจะต้องตามคุณหนูใหญ่คนนี้ไปเป็นของเผยเจี้ย[1]แน่นอนแล้ว

ในใจของแม่นมซือพลันเศร้าใจขึ้นมา เดิมนางคือผู้ทำคลอดของตระกูลซ่ง นางมาเป็นเผยเจี้ยของฮูหยินซ่งพร้อมกับพ่อและแม่มาที่ตระกูลเว่ย ทุกวันนี้บุตรหลานต่างก็ทำงานที่ตระกูลเว่ย...คนมากมายทั้งหมดนี้ไม่สามารถที่จะให้เว่ยฉางอิ๋งเป็นเผยเจี้ยได้หมด เมื่อเป็นอย่างนี้ปีหน้าก็เป็นไปได้แล้วว่าจะต้องแยกจากที่บ้านแล้ว...

หากว่าเป็นเรื่องอื่น นางยังพอจะอาศัยว่าอยู่รับใช้ฮูหยินซ่งมานานหลายปีขอร้องฮูหยินซ่งได้บ้าง แต่ว่าวันนี้คนที่อยากได้นางคือเว่ยฉางอิ๋ง นางเป็นถึงหัวใจของฮูหยินซ่ง ตั้งแต่ยังเล็กนางอยากได้อะไรมีอะไรบ้างที่ฮูหยินซ่งไม่ให้นาง แม่นมซือยังจำได้ว่า เมื่อสมัยที่เว่ยฉางอิ๋งยังเล็กนั้น นางไม่ระวังทำอัญมณีแตกไปชิ้นหนึ่ง และรู้สึกว่าเสียงของแตกนั้นน่าฟัง ฮูหยินซ่งผู้รักบุตรสาวดั่งดวงใจก็ให้คนไปเอาอัญมณีมาอีกคันรถและทำแตกเพื่อให้บุตรสาวฟัง เอาใจนางให้มีความสุข แม้ว่าอัญมณีที่รถคันนั้นนำมาให้ทำแตกจะไม่ใช่ของล้ำค่าอะไร แต่ว่าในสายตาของคนอื่น เรื่องนี้ก็ทำให้ผู้คนตกใจมากแล้ว

แล้วจะนับประสาอะไรกับนางที่เป็นเพียงบ่าวรับใช้คนหนึ่ง?

จากการที่เว่ยฉางอิ๋งไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยอมเรียนรู้สิ่งที่หญิงสาวควรจะเรียนรู้อย่างนี้ เกรงว่าต่อให้เว่ยฉางอิ๋งไม่กล่าวออกมา ฮูหยินซ่งก็ต้องให้นางไปเป็นเผยเจี้ยแน่ เพื่อให้นางคอยช่วยเหลือ เพื่อป้องกันไม่ให้บุตรสาวที่ไม่เชื่อฟังเมื่อแต่งออกไปแล้วจะรับมือไม่ได้

แต่ว่าเหล่าบุตรหลานเหล่านั้นของคนต่างก็ทำงานอยู่ในตระกูลเว่ยทั้งนั้น หากอยากจะไปเป็นเผยเจี้ยด้วยกัน คงจะยาก...เมืองหลวงห่างกับเฟิ่งโจวไกลขนาดนั้น จากกันครั้งนี้วันหลังจะได้พบกันอีกหรือไม่ก็ยังเป็นปัญหาเลย...

นางยังไม่ทันจะทุกข์เสร็จ ก็ได้ยินเว่ยฉางอิ๋งกล่าวกับฮูหยินซ่งอย่างกระตือรือร้นว่า "ใครไม่รู้บ้างว่าแม่นมซือคือคนสำคัญของท่านแม่ ท่านแม่จัดการบ้านใหญ่ขนาดนี้คนเดียว หากไม่มีแม่นมซือคอยช่วย ไม่ใช่ว่าต้องเหนื่อยยิ่งกว่าเดิมหรือ แล้วจะทำอย่างนี้ได้อย่างไร ข้าไม่ใช่พวกลูกอกตัญญูอย่างนั้นเสียหน่อย แล้วข้าจะเอาแม่นมซือไปได้อย่างไรกัน?"

แม่นมซือได้ยินเข้าก็พลันถอนหายใจ นางไม่กล้าแสดงสีหน้าคาดหวังออกมา ได้แต่ก้มหน้าลง และใช้หางตาลอบมองไปที่ฮูหยินซ่ง

ฮูหยินซ่งยังคงปั้นหน้าเยือกเย็น นางนั่งด้วยท่าทีน่าเกรงขามไม่ให้คนต่อต้านแล้วกล่าวเสียงเย็นว่า "เจ้ายังไม่ใช่ลูกอกตัญญูอีกหรือ?"

พูดออกไปอย่างนั้น นางยังคงไม่หายโมโห แต่ว่าดวงตาของฮูหยินซ่งคู่นั้นกลับโค้ง นางถูกคำพูดเป็นห่วงของบุตรสาวเอาชนะเสียแล้ว

เว่ยฉางอิ๋งรู้อารมณ์การเปลี่ยนแปลงของท่านแม่ดีที่สุด นางรับรู้ได้ทันทีแล้วยิ่งออดอ้อนมากขึ้น "ลูกรู้ดีว่าแต่ก่อนลูกอกตัญญู คราวนี้ลูกเข้าใจขึ้นมาแล้ว ถึงได้ยิ่งเป็นห่วงท่านแม่มากขึ้น เพื่อจะได้ทดแทนแต่ก่อนที่ขาดหายไป!"

แค่พูดมาไม่กี่ประโยค ฮูหยินซ่งก็หมดท่าและไม่สามารถรักษาท่าทีโมโหไว้ได้แล้ว นางยกมุมปากขึ้นสูง ยิ้มออกมาจากดวงตา พวกแม่นมซือต่างก็อดมองกันตาค้างไม่ได้ ไม่เคยเห็นฮูหยินที่ง้อได้ง่ายอย่างนี้เลย!

ฮูหยินซ่งหมดท่าต่อหน้าของบุตรสาวบุตรชายไม่ใช่เพียงครั้งสองครั้งแล้ว แม้ว่าในใจจะผิดหวังที่พ่ายแพ้ต่อความคิดที่อยากจะดุบุตรสาวอีกครั้งแล้ว แต่ว่าความคิดนี้เข้ามาเพียงแวบเดียวก็ถูกฮูหยินซ่งโยนทิ้งไปทันที นางฟังคำหวานของเว่ยฉางอิ๋งอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายนางก็กล่าวความต้องการออกมา "ให้แม่นมซือสั่งสอนท่านอาเฮ่อให้มากหน่อยไหม แล้วค่อยให้ท่านอาเฮ่อมาสอนข้าอีกที"

ฮูหยินซ่งได้ยินดังนั้นกลับโมโหขึ้นมา "ในเมื่อเจ้าคิดจะเรียน ทำไมไม่เรียนกับแม่นมซือเอง แต่กลับต้องอ้อมอย่างนี้ อะไรก็คิดแต่จะให้คนอื่นทำ แล้วเจ้าล่ะ?"

นางแค้นใจจริงๆ เลย! บุตรสาวคนนี้ทำไมไม่เข้าใจเสียที อยู่ที่บ้านมีนางคอยดู เอาทุกเรื่องส่งให้กับพวกแม่นมเฮ่อก็ไม่ได้เป็นอะไร แต่เมื่อแต่งออกไปแล้ว นางไม่มีความคุ้มครองจากผู้ใหญ่อีกแล้ว ใครจะรู้ว่าคนข้างกายจะเกิดคิดละโมบ และแอบลอบกัดเจ้านายหรือไม่?

ตอนนี้แม่นมเฮ่อซื่อสัตย์ แต่ว่าวันหลังใครจะรู้ได้ล่ะ

อีกอย่างต่อให้แม่นมเฮ่อซื่อสัตย์ตลอด เว่ยฉางอิ๋ง ลูกสะใภ้ผู้ซึ่งแต่งงานโดยผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายจัดการกลับดูแลบ้านไม่ได้ หากเรื่องนี้แพร่ออกไปจะน่าฟังหรือ คงได้เป็นเรื่องขบขันแน่!

"ท่านแม่คิดดูสิ! ตอนนี้ข้าต้องเรียนวิชายุทธ์! ยังจะมีเวลามากขนาดนั้นที่ไหนกัน?" เว่ยฉางอิ๋งเห็นท่านแม่โมโห ก็ไม่พูดอะไรแล้วซุกเข้าไปในอกนางทันที น้ำเสียงก็อ่อนหวานเสียจนมากไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว มันหวานเสียจนแทบจะกลายเป็นน้ำ ทั้งถูไถทั้งเขย่าแขนเสื้อ เหลือแค่ยังไม่ได้กลิ้งไปที่พื้นต่อหน้าฮูหยินซ่งเท่านั้นแล้ว "ให้ท่านอาเฮ่อเรียนก่อน เมื่อข้าแต่งงานไปแล้วค่อยไปถามท่านอาเฮ่อ ทำอย่างนี้ไม่ใช่ว่าไม่พลาดทั้งสองอย่างหรือ?"

ได้ตามที่นางต้องการ ให้คนอื่นเรียนสิ่งที่เจ้าสาวควรจะเรียนไป ส่วนตัวเองก็มุ่งมั่นกับความคิดที่จะกำราบคู่หมั้นของนางต่อ!

...............................................

[1] เผยเจี้ย : ของหรือคนที่ฝ่ายหญิงนำไปด้วยจากที่บ้านของตนเมื่อแต่งงานไปยังบ้านฝ่ายชาย

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้นำมาจากแหล่งอื่นและได้รับการอนุญาตจากเจ้าของแล้ว

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา