ยอดสตรีฉางอิ๋ง

-

เขียนโดย Xiaobei

วันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 เวลา 17.20 น.

  35 ตอน
  0 วิจารณ์
  23.24K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 17.21 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

22) นิสัยต่างกัน (1)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

เว่ยเกาฉานกับเว่ยฉางเยียนสบตากันแล้วกล่าวอย่างเป็นทุกข์ว่า "เกรงว่าหากครั้งนี้ไม่ไป วันหลังพี่หญิงรองให้คนมาส่งบัตรเชิญ จะกล่าวอ้างแต่คอยรับใช้ผู้ใหญ่อย่างเดียวทุกครั้งคงไม่ได้"

"ทำไมถึงไม่ได้?" ซ่งไจ้สุ่ยกล่าวด้วยท่าทีสงบราบเรียบว่า "น้องสาวทั้งสองให้ข้าพูดอย่างไม่เกรงใจสักไม่กี่ประโยคเถอะ คุณหนูสองคนนี้ แม้ว่าจะเป็นพี่สาวของพวกเจ้า แต่อย่างไรก็ยังห่างกันอีกบ้าน น้องสาวทั้งสองหากว่ามีอะไรไม่ดี ก็ต้องให้ผู้ใหญ่บ้านของตนเองเป็นผู้สั่งสอน เมื่อไหร่กันที่ให้บ้านอื่นมาจัดการอะไรได้ อีกอย่าง ข้าอยากจะถามน้องสาวทั้งสองอีกคำว่า หากว่าเป็นวันเกิดของท่านย่า ของขวัญของน้องสาวทั้งสอง ดีกว่าที่ให้คุณหนูรองหลายเท่าหรือ?"

เว่ยฉางเยียนกล่าว "นี่...จะเป็นไปได้อย่างไร ตอนนี้ที่พวกเราเอาออกมาได้ก็มีเท่านี้เอง"

"ถ้าอย่างนั้นท่านย่าเคยเลือกมากไม่พอใจของขวัญที่น้องสาวทั้งสองให้หรือ?" ซ่งไจ้สุ่ยยิ้มเย็นแล้วกล่าวว่า "คิดว่าคงไม่เคยสินะ ท่านย่าคือท่านย่าสายตรงของน้องสาวทั้งสองคน มีแต่จะต้องปกป้องน้องสาวทั้งสองคน ส่วนคุณหนูรอง อาศัยอะไรมาเหนือหน้าท่านย่า น้องสาวทั้งสองยังต้องไปหานางให้นางว่ากล่าวอีก นี่ไม่ใช่ว่าทำให้ท่านย่าเสียใจหรอกหรือ?"

นางไม่รอให้ทั้งสองคนตอบ ก็ผ่อนน้ำเสียงลงพลางกล่าวว่า "ข้าว่านิสัยของน้องสาวทั้งสองนุ่มนวลเกินไป คุณหนูรองจึงคิดว่าน้องสาวทั้งสองรังแกได้ง่าย!"

ซ่งไจ้สุ่ยอาศัยอยู่ในตระกูลเว่ยมาหลายเดือน นางรู้กาลเทศะมาตลอด และยังมีท่าทีรู้มารยาทมีความรู้ ตั้งแต่ระดับบนลงล่างต่างก็ชื่นชมเคารพที่ตระกูลซ่งสั่งสอนอบรมบุตรสาวมาได้ดี และรู้สึกว่าคุณธรรมเมตตาอย่างมารดาของแผ่นดินก็เหมือนกับนางอย่างนี้ ปกติแล้วเว่ยเกาฉานกับเว่ยฉางเยียนไม่ได้คุ้นเคยกับนางมากนัก ได้ยินมามากก็จากบ่าวไพร่ที่กล่าวกัน ตอนนี้จึงอดที่จะตะลึงตาค้างไปไม่ได้ ในใจก็คิดว่าท่านพี่ซ่งคนนี้...ทำไมฟังดูแล้วเหมือนจะถูกพี่หญิงสามพาเสียเลย?

เว่ยฉางอิ๋งอยู่ข้างๆ ขมวดคิ้วแล้วมองซ่งไจ้สุ่ยอยู่ครู่หนึ่ง ตอนนี้นางเอ่ยปากว่า "ที่ท่านพี่ซ่งกล่าวมาก็มีเหตุผล เห็นชัดๆ ว่าพี่หญิงรองจงใจทำให้พวกเจ้าลำบากใจ ข้าว่าวันหลังจวนจิ้นผิงกงนั้นพวกเราไม่ต้องไปก็ได้แล้ว อย่างไรในบ้านของพวกเราก็ใช่ว่าจะไร้พี่น้อง"

การที่ซ่งไจ้สุ่ยแทรกเข้ามาอย่างนี้ทำให้เว่ยฉางอิ๋งเปลี่ยนใจ ไม่ว่าในใจของเว่ยเกาฉานกับเว่ยฉางเยียนจะยอมรับหรือไม่ยอมรับการจัดการที่เยือกเย็น อย่างการตัดขาดไปมาหาสู่กัน แต่สุดท้ายก็ได้แต่ต้องตอบรับคำ

ตอบรับคำแล้ว เว่ยเกาฉานและเว่ยฉางเยียนก็ไม่ได้เหมือนกับเว่ยฉางอิ๋งและซ่งไจ้สุ่ยที่ไร้ความหวาดกลัวเพราะมีคนหนุนหลัง นางนั่งอยู่ตรงนั้นและแสดงท่าทีเหม่อลอยออกมา ไม่นาน ก็มีสาวใช้ที่ไหวพริบดีเข้ามา ‘เตือน’ว่าพวกนางยังมีเรื่องที่ต้องไปทำ

เว่ยเกาฉานและเว่ยฉางเยียนจึงใช้โอกาสนี้กล่าวลา กลับไปบ้านสามแล้วไปปรึกษาถึงความคิดของซ่งไจ้สุ่ยให้ละเอียด

พวกนางไปแล้ว ศาลาไฉ่ผิงที่จัดการดีแล้วก็เลยเป็นของเว่ยฉางอิ๋งและซ่งไจ้สุ่ยไป

ศาลาไฉ่ผิงนี้ตั้งอยู่กลางทะเลสาบ เพราะตอนที่ก่อสร้างขึ้นมานั้นมีจุดประสงค์หลักคือให้ใกล้น้ำและมีอากาศปลอดโปร่ง เอาไว้ใช้หลบร้อนในฤดูร้อน และยังเอาไว้ชมปลาชมดอกไม้ด้วย ดังนั้นด้านนอกศาลาจึงมีระเบียงคดอยู่ ใกล้ๆ ทะเลสาบยังสร้างเหม่ยเหรินเข้า[1]เอาไว้ด้วย ฤดูนี้ ดอกบัวในทะเลสาบใบบัวใหญ่กว่าศีรษะคน มีทั้งใกล้ไกล เป็นจุดแดงเป็นแถวท่ามกลางสีมรกต ห้อมล้อมศาลาไฉ่ผิงทั้งหมดไว้ มองไปแล้วคือใบสีเขียวขจีของฤดูร้อนที่เห็นกันมากที่สุด

แม้ว่าในทะเลสาบนี้จะปล่อยปลาหลีฮื้อไว้หลายร้อยตัว แต่ว่าเพราะเป็นฤดูบัว ทำให้เต็มไปด้วยใบไม้ยากจะเห็นได้สักตัว

แม้ว่าศาลาไฉ่ผิงจะสร้างอยู่บนน้ำ แต่ว่าตอนนี้รอบด้านไม่มีเสียงผู้คน แต่ว่าก็ไม่ได้สงบเงียบ เพราะริมทะเลสาบล้อมไปด้วยต้นหลิว ทำให้มีเสียงจักจั่นร้องดัง เสียงอึกทึกมาก

ต้นหลิวเหล่านี้มีอายุหลายร้อยปีแล้ว อย่างต่ำก็มีอายุได้หลายสิบปี แม้ว่าจะเป็นต้นหลิ่ว แต่เพราะอายุของมัน จึงทำให้มันดูโอ่อ่าไม่น้อย ต้นหลิวมากมายต่างก็แผ่ลงไปบนทะเลสาบ และบังแสงแดดและดอกบัวบนทะเลสาบไปหลายจั้ง มองออกไปจากศาลาไฉ่ผิง ก็คือเตียงนอนไหมสีเขียว ปลอดโปร่งสบาย

ที่ไม่ได้เอาจักจั่นที่นี่ออกไปก็เพราะฮูหยินผู้เฒ่าซ่ง เพราะบนต้นหลิวริมทะเลสาบนี้ต่างก็มีนกมาสร้างรังไว้ไม่มากก็น้อย ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งรักนกกระจอก เกรงว่าหากบ่าวที่นำจักจั่นออกไปไม่ทันระวัง จะทำให้รังนกตกลงไปในทะเลสาบ การผิดพลาดอย่างนี้แต่ก่อนก็มีมาแล้ว และจักจั่นก็เป็นอาหารของนกกระจอกด้วย

ดังนั้นในสวนแห่งนี้จึงมีจักจั่นมากมายที่เกิดและตายไปเองตามธรรมชาติเพราะอาศัยบุญจากนกกระจอก

ท่ามกลางเสียงร้องของจักจั่น ซ่งไจ้สุ่ยนำถ้วยใบเล็กที่รินชากฤษณาไว้กว่าครึ่งวางไปบนโต๊ะ นางเอาผ้าเช็ดหน้าในแขนเสื้อออกมาเช็ดหยดน้ำบนมือแล้วจึงกล่าวคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มว่า "น้องสาวสองคนนี้นับว่าน่าสนใจ ทั้งๆ ที่เรื่องนี้หลบเลี่ยงได้แท้ๆ แต่กลับจะให้เจ้าออกหน้าให้พวกนาง ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่?"

เว่ยฉางอิ๋งกล่าว "ข้าเองก็ยินดีออกหน้าให้ แม้ว่าวิธีการของท่านจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ชั่วคราว แต่ว่าทางนี้หลบเลี่ยงไม่ไป ทางฝั่งพี่หญิงรองจะไม่มาหาเองหรอกหรือ ข้าว่าสู้พวกเราไปที่บ้านให้รู้กันไปเลยดีกว่า ให้นางหยุดคิดที่จะรังแกบ้านพวกเราไปเสีย นี่ถึงจะเรียกว่าขจัดภัยภายหลัง! ทำไมบ้านพวกเราต้องให้นางคอยมาระบายอารมณ์ด้วย?"

ซ่งไจ้สุ่ยหึแล้วกล่าวว่า "เจ้าฝึกวิชายุทธ์จนโง่ไปแล้วหรือ เรื่องนี้คือเรื่องของบ้านสาม ผู้ไม่ได้ความเป็นธรรมก็คือบ้านสาม หากว่าท่านอาสามของเจ้ามีความสามารถบ้าง ช่วยสักหน่อย วันหลังก็ยังมีประโยชน์ แต่ข้าเห็นว่านิสัยเขาและความสามารถเขาไม่ไหว เจ้าไปช่วยเหลือเขา..." นางลดเสียงเบาลงแล้วกล่าวว่า "วันหลังฉางเฟิงไปชิงเอาตำแหน่งผู้นำตระกูล ก็ไม่แน่ว่าเขาจะกล้าล่วงเกินบ้านสอง แล้วทำไมต้องไปยุ่งยากใจด้วย"

"ข้าไม่ได้หวังว่าช่วยน้องสี่น้องห้าครั้งนี้แล้วบ้านสามจะไม่ลืมบุญคุณแล้วตอบแทนน้ำใจคืน" เว่ยฉางอิ๋งได้ฟังคำนี้จึงเข้าใจสาเหตุที่ซ่งไจ้สุ่ยไม่อยากช่วยบ้านสาม แต่กลับรู้สึกว่าการดึงบ้านสามมาเป็นพวกนั้นไม่มีค่ามากนัก นางพลันหลุดยิ้มออกมาแล้วกล่าวอย่างไม่ใส่ใจว่า "ข้ารู้สึกว่าพี่สาวคนนี้รังแกคนมากเกินไป อีกอย่างนี่ก็เป็นสิ่งที่ช่วยเหลือได้ เดิมท่านอาของจวนจิ้งผิงกงก็พูดแล้วว่าเรื่องนี้พี่หญิงรองทำไม่ถูก หลายปีมานี้เห็นแก่ที่พี่หญิงรองต้องเป็นม่ายตั้งแต่ยังอายุน้อย ถึงได้ยอมปล่อยให้นางร้ายกาจขึ้นเรื่อยๆ พูดกับนางตรงๆ ไปเลย หากเกิดอะไรขึ้นวันหลังไม่ต้องไปมาหาสู่กันก็พอ ไม่มีใครคิดอยากจะยอมนางตลอด ดูสิว่านางจะทำอย่างไรได้?"

"เรื่องนี้ฟังก็พอ หากว่าคิดเป็นจริงจังนั่นเรียกว่าโง่" ซ่งไจ้สุ่ยยิ้มเย็นแล้วกล่าว "ตำแหน่งจิ้นผิงกงกลับดูแลจัดการบุตรสาวตนเองไม่ได้หรือ เจ้าคิดว่าท่านอาของเจ้าคือท่านอาข้าหรือ?"

เว่ยฉางอิ๋งกล่าว "เขามีบุตรสาวเพียงคนเดียว จะรักใคร่เอาใจหน่อยก็ไม่แปลก อีกอย่างแม้ว่าเขาเองก็แค้นเคืองอาสะใภ้สามเช่นกัน แต่ว่าแค้นก็แค้นไป หรือเขาจะสามารถลดฐานะลงมาแล้วมาจัดการเอง?"

..............................

[1] เหม่ยเหรินเข้า : ม้านั่งตัวยาว ทำมาจากไม้ทั้งชิ้น ด้านหลังจะมีพนักพิงที่มีลักษณะโค้งยื่นออกไปด้านหลังคล้ายกับคอของห่านเพื่อให้ให้สะดวกสบายต่อการนั่ง

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้นำมาจากแหล่งอื่นและได้รับการอนุญาตจากเจ้าของแล้ว

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา