Psychic พลังกายสิทธิ์ ลิขิตมรณะ

-

เขียนโดย MoMoGa

วันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 เวลา 23.06 น.

  26 บท
  4 วิจารณ์
  16.72K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 11.12 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

15) ตอนที่ 9 ปิดเทอม

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

          วันพฤหัสบดีที่ 10 กรกฎาคม เวลา 11.35 นาฬิกา

          หลังจากเกิดเรื่องเมื่อวันพุธของสัปดาห์ที่แล้วซึ่งพวกอากิโอะถูกโจมตีที่ปารีส ในระหว่างที่พวกเขากำลังต่อสู้กันอยู่นั้น มาซามุเนะก็ได้คุยกับแคทเธอรีน ฟรีค ผู้เคยเป็นคนรับใช้ให้กับแม่ของเขา สิ่งที่เขาได้รับรู้จากเธอก็คือ ความจริงที่ว่าตัวเธอเองก็เป็นผู้ใช้พลังจิตเช่นเดียวกับเขา(ถึงตอนนี้จะพูดได้ไม่เต็มปากก็เถอะว่าใช้ได้) แต่ถึงจะรู้อย่างนั้น เธอก็ไม่ได้รู้รายละเอียดว่าทำไมตัวเธอถึงใช้ได้ แต่ถ้าลองสอบประวัติเธอสักนิดก็น่าจะรู้ได้ และมันก็อาจจะทำให้ตัวเขาได้รู้ถึงต้นกำเนิดของพลังจิตด้วยก็ได้

          หลังจากที่เขากลับมาจากปารีสแล้ว ก็ได้รู้เกี่ยวกับรายละเอียดของการต่อสู้จากปากของเซย์ริว อิบูกิ ซึ่งได้เข้าไปร่วมต่อสู้ด้วยจากการที่ตัวมาซามุเนะเป็นคนโทรไปขอร้องเอง เนื่องจากเขารับรู้ได้ว่าศัตรูไม่ธรรมดาสุดๆ และสาเหตุที่ทำให้เขาพึ่งจะรู้หลังจากกลับจากปารีส ก็เพราะอลิซาเบธและอากิโอะขออนุญาตกับก่อนเนื่องด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง ซึ่งอาจารย์มายาซาว่าก็ไม่ได้ว่าอะไรด้วย

          หลังจากกลับมาจากปารีส ก็ได้รู้ว่าอลิซาเบธจะกลับมาในตอนเปิดเทอม ทำให้ตอนนี้ในบ้านของพวกเขาเหลือกันอยู่แค่ 3 คนเท่านั้น ซึ่งประกอบไปด้วยมาซามุเนะ นากิสะและอิบูกิ แต่ถ้านับเทมเปสต์ด้วยก็กลายเป็นสี่

          ซึ่งตอนนี้ นากิสะไม่อยู่บ้านเพราะมีแค่โรงเรียนของมาซามุเนะเท่านั้นที่เลือกที่จะปิดเทอมในช่วงเวลานี้ซึ่งปกติแล้วจะปิดช่วงปลายเดือนกรกฎาคม แต่กลับกันแล้วโรงเรียนของเขาก็จะเปิดเทอมในช่วงที่โรงเรียนปิดเทอม ช่างเป็นเรื่องที่น่าเศร้ายิ่งนัก

          “ปิ๊งป่อง”

          ขณะที่มาซามุเนะกำลังกระหน่ำจอยเกมอยู่ที่หน้าจอทีวีอยู่นั้น เสียงกริ่งซึ่งบ่งบอกว่ามีคนต้องการอะไรสักอย่างจากบ้านหลังนี้ก็ดังขึ้น เขารีบวิ่งออกไปที่รั้วหน้าบ้าน ระหว่างทางก็มองดูว่าไม่มีรถยนต์ที่ต้องการเข้ามาจอด เขาวิ่งไปที่ประตูซึ่งเป็นทางเข้าตามปกติของบ้าน

          “ขอโทษที่ให้รอนะครับ”

          มาซามุเนะเปิดประตูออก และสิ่งที่เห็นก็คือผู้หญิงผมขาวซึ่งมีความสูงเกิน 2 เมตร สวมชุดเมดถือกระเป๋าลากอยู่ในมือขวา กำลังยืนรออยู่หน้าประตู

          “คุณหนูค่ะ ชุดนั่นมัน”

          ใช่แล้ว คนที่กดกริ่งหน้าบ้านก็คือแคทเธอรีน ฟรีค หญิงผู้เคยเป็นคนรับใช้ของแม่ของเขา ซึ่งตอนนี้หน้าของเธอแสดงอการตกใจเป็นอย่างมา เธอใช้มือซ้ายชี้ของมาซามุเนะ

          “อะไรหรอ ว่าแต่ทำไมเธอถึง...จี๊--------”

          ใช่แล้ว เพราะว่าวันนี้เป็นวันหยุด มาซามุเนะจึงเล่นเกมตั้งแต่เช้า ไม่ได้ทำแม้กระทั่งอาบน้ำ

          “ดิฉันคิดว่าเวลานี้ก็น่าจะเหมาะแก่การตื่นนอนแล้วนะคะ?”

          “มะ...ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เข้ามาในบ้านก่อนก็แล้วกัน”

          แคทเธอรีนพยักหน้าตอบหลับเบาๆ มาซามุเนะที่เห็นดังนั้นจึงวิ่งเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้เธอยืนอยู่หน้าบ้านคนเดียว ก่อนที่จะเข้าไปในบ้าน แคทเธอรีนหยิบหนังสือขึ้นมาเล่มหนึ่ง สภาพค่อนข้างเก่า ปกของหนังสือมีตัวหนังสือเขียนไว้ว่า [แนะนำวิธีการเลี้ยงและดูแลเด็กที่ไม่ได้เจอหน้ากันนาน ได้ผล 100%] เธอเปิดมันในหน้าที่มีที่คั้นหนังสือคั้นไว้แล้วอ่านมันอยู่ครู่หนึ่ง

          “คุณหนูคงจะเขินเราสินะ เอาล่ะ ต่อไปก็…”

          เธอเดินเข้าไปในบ้านโดยที่ยังคงอ่านหนังสือเล่มนั้นอยู่

          “คุณหนู ให้ดิฉันอาบน้ำให้ไหมคะ?”

          เธอตะโกนตามหลังมาซามุเนะที่กำลังวิ่งเข้าไปในบ้าน แต่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับมา เธอจึงเดินเข้าไปในบ้านตามเขา

          “แล้วทำไมเธอถึงได้มาอยู่ที่นี่ล่ะ?”

          หลังจากมาซามุเนะอาบน้ำเสร็จ เขายกชาฝรั่งที่พึ่งชงเสร็จมาให้แคทเธอรีนที่ตอนนี้กำลังนั่งรออยู่ที่กินข้าว เขาวางมันลงพร้อมกับนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามของเธอ ระหว่างรอแคทเธอรีนก็เก็บกวาดห้องนั่งเล่นที่มาซามุเนะทำรกไว้ พร้อมกับสำรวจบ้ายไปในตัวด้วย

          “ดิฉันคิดว่าบ้านของคุณหนูไม่น่าจะสะอาดเท่าไหร่ ก็เลยคิดว่าน่าจะมาดูแลบ้านให้คุณหนูน่ะสิค่ะ อีกอย่างถ้าดิฉันก็อย่างรู้จักคุณหนูในตอนนี้ด้วยค่ะ”

          แคทเธอรีนพูดพร้อมกับจิบชาฝรั่ง มาซามุเนะทำก็จิบตามบ้าง จากนั้นทั้งสองคนก็มองหน้ากันอยู่นาน

          “สรุปก็คือคุณเมดจะมาทำงานบ้านให้พวกเราใช่ไหมครับ”

          มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากมุมหนึ่งของห้องนั่งเล่น พอทั้งสองคนมองไปก็เห็นเทมเปสต์กับอิบูกิที่อยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นซึ่งกำลังหยิบน้ำผลไม้มาจากตู้เย็นอยู่ เขาเทน้ำผลไม้ใส่แก้ว 3 ใบพร้อมกับยกอีก 2 ใบมาให้มาซามุเนะและแคทเธอรีน มาซามุเนะมองหน้าอิบูกิด้วยสีหน้ามึนงง

          “ก็นายชงชาได้ห่วยสิ้นดีเลยนี่นา”

          อิบุกิพูดพร้อมกับยักไหล่คล้ายกับจะบอกว่าช่วยไม่ได้

          “ไม่จริงหรอกน่า ขนาดแคทเธอรีนยังกินได้เลยนี่”

          มาซามุเนะตอบกับอิบูกิพร้อมกับหันไปมองทางแคทเธอรีน แต่ก็ต้องสิ้นใจเมื่อเธอสายหัวพร้อมกับจิบน้ำผลไม้ที่อิบุกิรินมาให้ ส่วนแคทเธอรีนก็หันหน้าไปทางอิบูกิและเทมเปสต์

          “สวัสดีค่ะ ดิฉันชื่อแคทเธอรีน ฟรีค จะมาจัดการเรื่องงานบ้านตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปค่ะ”

          แคทเธอรีนพูดพร้อมกับลุกขึ้นโค้งคำนับทั้งสองคน(นับรวมเทมเปสต์เป็นคนไปเลยก็แล้วกัน) อิบูกิกับเทมเปสต์ก็คำนับตอบกลับไป แล้วค่อยแนะนำตัวตอบกลับ

          “เออ ไม่ต้องก็ได้ครับ ผมอายุเท่ามาซามุเนะนั่นแหละ ผมชื่อเซย์ริว อิบุกิ ส่วนนี้เป็นสิ่งมีชีวิตที่เกิดมาจากพลังจิตชองผม ชื่อเทมเปสต์ครับ”

          “เป็นเพื่อนของคุณหนูสินะคะ ขอบคุณที่ดูแลคุณหนูตลอดมาค่ะ”

          แคทเธอรีนพูดพร้อมก้มหัวให้อิบูกิเล็กน้อย

          “งั้น แคทเธอรีนก็นอนห้องที่สามก็แล้วกันนะ มีอะไรมาคุยกับพวกฉันได้ ฉันนอนอยู่ห้องที่แปด อิบุกินอนอยู่ห้องที่เจ็ด”

          “เข้าใจแล้วค่ะ งั้นดิฉันขอตัวเอาของไปเก็บก่อนนะคะ”

          มาซามุเนะพยักหน้าตอบรับเบาๆ ก่อนที่แคทเธอรีนจะเดินออกไปจากห้องนั่งเล่น ซึ่งปกติแล้วก็ควรจะเป็นอย่างนั้น แต่เสียงฝีเท้าที่วิ่งอยู่บนทางเดินและเสียงแหลมๆของเด็กสาวก็ทำให้เหตุการณ์ทุกอย่างเปลี่ยนไปทันที

          “นี่มันรองเท้าของใครกันคะ? ท่านพี่!”

          ประตูห้องนั่งเล่นที่แคทเธอรีนกำลังเดินเข้าไปหาก็ถูกเปิดออกมาก่อนที่เธอจะเดินเข้าไปถึงซะอีก เด็กผู้หญิงสวมชุดกะลาสีสีน้ำเงินเข้มเดินเข้ามาพร้อมกับรองเท้าผู้หญิงในมือขวาของเธอ ดังนั้นสิ่งที่เธอจะเห็นเป็นอย่างแรกก็คือแคทเธอรีน ซึ่งเธอคนนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากฮันโซ นากิสะ น้องสาวคนละสายเลือดของมาซามุเนะ

          “เธอเป็นใครน่ะ”

          นากิสะพูดออกมาด้วยสีหน้าสงสัยเล็กน้อย เธอยืนหน้าออกมาหามาซามุเนะจากตัวของแคทเธอรีนที่ยืนบังอยู่ แต่เธอก็ถูกแคทเธอรีนอุ้มตัวไปไว้ในอ้อมแขนแล้วหันหน้ามาหามาซามุเนะอีกทีหนึ่ง

          “เด็กผู้หญิงคนนี้เป็นใครเหรอคะ? คุณหนู หรือนอกใจคุณหนูคุออนเหรอค่ะ”

          ใบหน้าของแคทเธอรีนที่กำลังมองมาทางมาซามุเนะนั้นกลายเป็นใบหน้าของปีศาจร้ายที่พร้อมจะฆ่าเขาได้ทุกเมื่อ แต่ก่อนที่มาซามุเนะจะตอบ ก็ถูกนากิสะที่เปลี่ยนมาอยู่ในอารมณ์ชุนเชียวแทรกขึ้นมาก่อน

          “นอกใจเหรอ ท่านพี่คะ ไหนบอกว่าไม่ได้เป็นอะไรกับคุออนจังยังไงล่ะคะ แล้วเธอก็ปล่อยฉันด้วย”

          ความวุ่นวายก่อกำเนิดขึ้นภายในเวลาไม่กี่วินาที มาซามุเนะหันหน้าไปหาอิบูกิแต่สีหน้าของเขาก็เหมือนเป็นคำพูดว่า “ดูแลตัวเองก็แล้วกัน” ทำให้มาซามุเนะต้องจัดการเรื่องทุกอย่างด้วยตัวเอง

          “นั่นน้องสาวฉันน้องแหละแคทเธอรีน ชื่อฮันโซ นากิสะ แล้วนากิสะ นี่แคทเธอรีน ฟรีค เธอเคยเป็นคนรับใช้ของแม่ฉันน่ะ ก็เลยจะมาจัดการเรื่องทำความสะอาดบ้านของเราตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป แล้วก็ ฉันกับคุออนไม่ได้เป็อะไรกันซักกะหน่อย!”

          ““อ๋อ””

          นากิสะและแคทเธอรีนพูดออกมาพร้อมกัน ก่อนที่เธอจะปล่อยตัวนากิสะลง

          “ต้องขออภัยด้วยค่ะ ดิฉัน แคทเธอรีน ฟรีค จะมาเป็นคนจัดการงานบ้านให้เองค่ะ”

          แคทเธอรีนพูดพร้อมกับก้มหัวให้นากิสะเล็กน้อย แต่นากิสะก็ไม่ได้ตอบอะไรไปมากกว่าคำว่า “งั้นเหรอ” พร้อมกับกอดอกพูด จากนั้นแคทเธอรีนก็เดินออกไปจากห้องนั่งเล่น

          “แล้วทำไมนากิสะถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ?”

          มาซามุเนะเปิดตู้เย็นเพื่อหยิบนมกล่องที่นากิสะชอบพร้อมกับโยนไปให้เธอ นากิสะรับไว้แล้วก็แกะกล่องดื่ม

          “อันอี้อีเอียนแอ่อึ้งอันอ่ะ (วันนี้มีเรียนแค่ครึ่งวันค่ะ)”

          “ดื่มก่อนค่อยพูดก็ได้ เดี๋ยวก็หกหมดหรอก”

          นากิสะยิ้มตอบกลับให้กับมาซามุเนะ นากิสะเดินเข้าไปใกล้มาซามุเนะแล้วยืนหัวเข้าไปหา ซึ่งเป็นการเรียนแบบท่าขอให้ลูบหัวจากในอนิเมะที่เธอดูอยู่ตอนนี้ ช่วงนี้นากิสะทำค่อนข้างบ่อย มาซามุเนะจึงลูบหัวเธอก่อนที่เธอจะเดินออกไปจากห้อง

          มาซามุเนะหันหน้าไปหาอิบูกิที่กำลังนั่งอ่านหนังสือที่โซฟาซึ่งเป็นงานอดิเรกแก้ว่างของเขา ก่อนที่จะถาม

          “นายอ่านอะไรอยู่น่ะ”

          อิบูกิปิดหนังสือแล้วแสดงหน้าปกให้มาซามุเนะดู ซึ่งมันเป็นหนังสือของมาซามุเนะนั่งเอง

          “ไม่รู้สิ ฉันเจอมันว่างตรงบันไดทางขึ้นห้องน่ะ”

          มาซามุเนะตกใจมากเมื่อเห็นว่าหนังสือการ์ตูนเฉพาะทางที่ตัวเองแอบไว้ใต้เตียงกำลังถูกอิบุกิอ่านมันอยู่ แต่เขาก็ต้องทำใจเพราะเมื่อหนังสือเล่มไหนถูกอิบูกิเปิดอ่านแล้ว จะไม่หลุดไปจากมือของเขาจนกว่าจะอ่านมันหมดเล่มเด็ดขาด ซึ่งตัวการที่ทำให้หนังสือเล่มนั้นไปตกอยู่ในมือของอิบูกินั้นเป็นใคร มาซามุเนะไม่ต้อเดาเลยว่าเป็นเทมเปสต์ที่กำลังกลั่นหัวเราะอยู่ข้างๆอิบูกิ

          “เจ้าเทมเปสต์”

          “ฮาๆๆๆๆๆๆๆ”

          มาซามุเนะวิ่งเข้าหาเทมเปสต์ที่กลั่นหัวเราะไว้ไม่อยู่ทันที

 

 

 

 

          วันเสาร์ที่ 19 กรกฎาคม เวลา 20.30 นาฬิกา

          “ท่านพี่ ขอหนูเล่นด้วยได้ไหมค่ะ”

          เพราะวันนี้เป็นวันเสาร์ ที่โรงเรียนของนากิสะจึงไม่มีการเรียนการสอน ตัวเธอจึงคิดว่าจะได้เล่นเกมกับมาซามุเนะ พี่ชายของตัวเองทั้งวัน แต่ทั้งที่เธอคิดไว้อย่างนั้น ดูเหมือนว่าช่วงนี้มาซามุเนะจะออกไปจากบ้านในช่วงเช้าและกลับมาในช่วงเย็น ความคิดที่ว่ามาซามุเนะอาจจะออกไปที่ทำธุระเหมือนกับนักเรียนคนอื่นๆที่ต้องเข้าชมรมระหว่างปิดเทอมก็เป็นไปได้ แต่เรื่องจริงที่ว่าเขาไม่มีชมรมนั้นยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ดังนั้นที่ๆคิดว่าเขาจะไปก็ไม่มีที่อื่นอีกแล้ว นากิสะลองโทรไปถามทั้งคุออนและอากิโอะแล้ว แต่ทางนั้นก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาไปที่ไหน ดังนั้นเวลาที่เธอจะถามได้ก็มีแต่ตอนที่เขากลับบ้านมาแล้วเท่านั้น

          ทั้งๆที่เวลาช่วง 1-2 ทุ่มนั้นมาซามุเนะจะอาบน้ำและทำการบ้านปิดเทอมเป็นประจำแท้ๆ แต่ในวันนี้เขากลับไม่ทำการบ้านแต่กลับมานั่งเล่นเกมซะงั้น ซึ่งก็รู้ๆกันดีอยู่แล้วว่าเกมนั้นเป็นสิ่วที่ช่วยคลายเครียดได้เป็นอย่างดี ดังนั้นสิ่งที่นากิสะคิดก็คือ มาซามุเนะในตอนนี้กำลังแบกภาระอะไรบางอย่างที่มีแต่ตัวเขาเท่านั้นที่รู้ การที่เธอจะถามเชาไปแบบตรงๆก็คิดว่ามันกระไรอยู่ สรุปแล้ว การตีเนียนขอเล่นเกมด้วยแฃ้วค่อยแอบถามจึงเป็นหนทางที่ดีที่สุดแล้ว

           “เอาสิ”

           มาซามุเนะพูดพร้อมกับขยับพื้นที่หน้าทีวีให้นากิสะสามารถนั่งด้วยได้อีกคน เธอจึงเข้าไปหยิบจอยบังคับพร้อมๆกับเดินเข้าไปนั่งข้างๆมาซามุเนะ

           “ท่านพี่เนี่ย เล่นเก่งจังเลยนะคะ”

           “เธอเป็นคนสอนฉันเล่นเกมเองไม่ใช่หรือไง แต่ก็นะ...”

           ทั้งสองคนเล่นต่อไปโดยที่เพ่งสมาธิส่วนใหญ่ไปกับเกมที่อยู่ตรงหน้า นั่นคือสิ่งที่ปกติแล้วจะเป็นเมื่อทั้งคู่เล่นด้วยกัน แต่ในเวลานี้ นากิสะสามารถรับรู้ได้ว่ามาซามุเนะนั้นเล่นเกมเพราะว่ามีเรื่องที่คิดไปทำการบ้านไปไม่ได้อยู่

           วิธีคิดในระหว่างที่ทำการบ้านนั้นก็คือการคิดให้เป็นระบบ ระบบประมวลผลและประสาทสัมผัสจะทำงานรวมกันอย่างเป็นระเบียบ พูดก็คือ ถ้าเราเน้นสมาธิส่วนใหญ่ไปที่สิ่งที่อยู่ตรงหน้า ก็จะทำให้งานนั้นออกมาได้ประสิทธิภาพมาก แต่ในบางเวลา ชินโด มาซามุเนะก็สามารถแบ่งระบบประมวลผลบางส่วนหรือส่วนใหญ่ออกจากประสาทสัมผัสเพื่อคิดเรื่องอื่นไปพร้อมๆกับทำสิ่งที่อยู่ตรงหน้าได้ แต่สิ่งที่ทำอยู่ตรงหน้าต้องเป็นสิ่งที่ทำเป็นประจำจนสมองสามารถทำไปได้โดยอัตโนมัติ

           สรุปก็คือ ชินโด มาซามุเนะนั้น ความจริงแล้วเขาในตอนนี้สามารถเรียนจบระดับมหาวิทยาลัยแล้วไปหางานทำได้แบบคนที่มีอายุเยอะกว่าได้แบบสบายๆ เพราะเขานั้นได้รับการเรียนแบบพิเศษตั้งแต่เด็กแล้ว และที่ต้องยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูด ก็เพราะจะบอกว่าการทำการบ้านปิดเทอมของเด็กมัธยมนั้น สำหรับเขามันง่ายจนสามารถคิดเรื่องอื่นไปด้วยแล้วทำงานออกมาเสร็จได้ในเวลาเท่าๆกับนักเรียนระดับเดียวกัน

           แต่ถ้าการบ้านนั้นไม่ใช่สิ่งที่เขาเคยเจอมาอย่างสูตรคำนวณฟิสิกส์หรือองค์ความรู้เกี่ยวกับสารเคมี แต่เป็นการเขียนเรื่องความที่ต่อให้เรียนจบไปสักกี่รอบ หัวข้อที่ต้องเขียนก็ไม่เคยเหมือนกันเลย ก็สามารถทำให้คนอย่างชินโด มาซามุเนะต้องใช้ระบบประมวลผลและประสาทสัมผัสทั้งห้าเพื่อทำมันเหมือนคนปกติได้

           ดังนั้น การที่เขามานั่งเล่นเกมอยู่ ก็เป็นเพราะมีเรื่องที่จะต้องคิดนั่นเอง แต่คำพูดเมื่อกี้ของนากิสะก็เป็นคำโกหกโต้งๆของเธอ เพราะตอนนี้ มาซามุเนะนั้นมั่วแต่คิดเรื่องที่ต้องใช้สมองทั้งหมดไปกับมัน จนทำให้ตอนนี้เขากำลังโดนนากิสะอัดอยู่ฝ่ายเดียว

           “ทะ...ทำอะไรน่ะ”

           สาเหตุที่มาซามุเนะต้องร้องแบบนั้นขึ้นมา ก็เพราะนากิสะที่รู้สึกไม่สบอารมณ์กับตัวของมาซามามุเนะในตอนนี้ จนทำให้เธอต้องย้ายที่นั่งของตัวเองจากข้างๆตัวของเขา ไปที่ขาที่นั่งขัดสมาธิอยู่ โดยที่ข้างหน้าของเธอนั้นมีมือของมาซามุเนะและข้างหลังก็มีตัวของเขาอยู่

           “ท่านพี่คิดอะไรอยู่กันแน่คะ ถึงขนาดไม่สนใจน้องสาวที่ไม่ได้เล่นเกมด้วยกันนานได้”

           คำพูดของนากิสะนั้นถูกเปล่งออกมาพร้อมกับหยดน้ำใสที่กำลังร่วงโรยมาจากตาของเธอ มันทำให้มาซามุเนะถึงกับรู้สึกไม่ให้อภัยตัวเองอย่างช่วยไม่ได้ ดังนั้น สิ่งที่เขาจะทำเพื่อขอโทษได้ก็มีแต่การเล่นเกมกับเธอให้สุดฝีมือ

           “เฮ้อ----- ท่านพี่นี่เก่งจริงด้วยนะคะ ทั้งที่หนูสู้แบบสุดงฝีมือแล้วแท้ๆ แต่ก็ทำได้แค่ชนะมาได้อย่างหวุดหวิดเท่านั้นเอง แล้ว สรุปท่านพีมีเรื่องกลุ้มใจอะไรเหรอคะ”

           นากิสะพูดขึ้นมาหลังจากที่เธอพึ่งจะเล่นเกมกับมาซามุเนะเสร็จ แต่ปฏิกิริยาตอบโต้ของเขาก็ต้องทำให้เธอหน้าแดงขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

           “เฮ้อ---- น้องสาวของพี่เนี่ยน่ารักที่สุดแล้ว พี่ขอโทษด้วยนะ แล้วก็ขอบคุณด้วย”

           มาซามุเนะกอดตัวเล็กๆของนากิสะไว้จนแน่น พร้อมกับเอาหน้าของตัวเองไปวางไว้บนไหล่ของเธอ มีน้ำตาหลายหยดหยดลงบนชุดนอนของเธอ

           “พี่น่ะ แน่ใจแล้วเรื่องหนึ่ง แต่ก็ยังไม่รู้จะทำยังไงกับมันดี มันทำให้พี่หนักใจมากเลย”

           “งั้นท่านพี่ก็แค่ทำในสิ่งที่ตัวเองคิดว่าดีที่สุดก็สิ้นเรื่องนี่คะ ทั้งที่ผ่านๆมา และต่อจากนี้ จงทำในสิ่งที่ตัวเองคิดว่าดีที่สุดก็พอแล้ว อาจารย์สอนมาแบบนั้นไม่ใช่เหรอล่ะคะ”

           นากิสะพูดพร้อมกับหันหน้าไปหามาซามุเนะ โดยที่ในใจของเธอนั้นคิดว่านี่เป็นสิ่งที่จะทำให้มาซามุเนะในตอนนี้ได้

           “นั่นสินะ ขอบคุณนะ”

           มาซามุเนะตอบกลับคำตอบของนากิสะด้วยคำพูดนั้นกับร้อยยิ้มของเขา แต่นากิสะก็คิดว่ามันยังไม่พอสำหรับค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายให้เธอ

           “ท่านพี่คะ อย่าคิดว่าแค่ส่งร้อยยิ้มให้แล้วมันจะพอนะ ถึงหนูจะอยากถ่ายมันเก็บไว้เลยก็เถอะ”

           “เอ๊ะ?”

           “ฮึๆๆๆๆ คืนนี้ให้หนูนอนด้วยซะดีๆ”

           “เอ๋!?”

           นากิสะพูดพร้อมกับกระโจนเข้าใส่มาซามุเนะ

 

 

 

 

 

 

           “อาจารย์มายาซาว่า อาจารย์เป็น... สปายใช่ไหมครับ”

           วันอาทิตย์ที่ 27 กรกฎาคม เวลา 12.50 นาฬิกา

           “โอ๊ย ร้อน นี่มันจะร้อนเกินไปแล้ว สองสามอาทิตย์ก่อนยั

มีฝนตกอยู่เลยนี่ แล้วทำไมมันถึงได้ร้อนอย่างนี้เนี่ย”

           อิโนะอุเอะ ซาโยโกะ เด็กสาววัย 17 ปี เรียนอยู่โรงเรียนมัธยมปลายาซาราดะ ปี 2 อยู่ชมรมยิงปืนและชมรมวิจัยและตรวจสอบพลังงานเชิงจิตภาพ เป็นทั้งคุณหนูของตระกูลอิโนะอุเอะ กัปตันชมรมยิงปืนและผู้ที่มาซามุเนะและอากิโอะเคารพในฐานะรุ่นพี่ในชมรมที่อดหลับอดนอนหาข้อมูลต่างๆ(แต่บางทีก็หาข้อมูลแปลกๆมา ซึ่งก็ไม่ค่อยมีประโยชน์สักเท่าไหร่)จนมีสภาพร่างกายที่ทรุดโทรมผิดกับหน้าตาที่ดูดีสมกับเป้นคุณหนู ดังนั้นแล้ว ในโรงเรียนนี้จึงทั้งคนที่มองว่าเธอเป็นคนแปลกๆและคนที่มองว่าเธอนั้นควรค่าแก่การเคารพรัก

           แต่เรื่องนั้นจะเป็นอย่างไรก็ช่าง เพราะปกติแล้ว เธอจะไม่ค่อยได้พูดคุยกับใครสักเท่าไหร่ แล้วเธอก็ไม่สนใจตัวเองด้วย ถึงขนาดคิดว่า ถ้าเลือกที่ตายได้ก็ขอให้เป็นหน้าโต๊ะคอมดีกว่า

           ดังนั้นแล้ว สำหรับคนที่อดหลับอดนอนอย่างเธอแล้ว ช่างปิดเทอมมันเป็นเหมือนกับช่วงเวลาในการพักผ่อน แต่ก็อย่างที่บอก เพราะเธอไม่คิดจะพักอยู่แล้ว สำหรับเธอ ช่วงปิดเทอมมัน เป็นเหมือนสวรรค์แห่งการหาข้อมูลที่ไร้ซึ่งขีดจำกัด

           แต่ข้อมูลบางอย่างก็ไม่ได้อยู่แค่ในคอมพิวเตอร์หรือเน็ตเวิร์ค เพราะพลังจิตนั้นเป็นสิ่งที่ถูกปิดกั้นด้านข้อมูลอย่างสิ้นเชิง

           ในเวลาปิดเทอมนี้ เธอตัดสินใจที่จะทำรายงานสรุปข้อมูลต่างๆที่แน่ชัดเกี่ยวกับพลังจิต ที่ถูกเพิ่มขึ้นมาเยอะมากกว่าเดิมเนื่องจากการมาของชินโด มาซามุเนะและอลิซาเบธ อาเธน่าซึ่งเป็นผู้ใช้พลังจิต ทำให้เธอได้รับข้อมูลเกี่ยวกับพลังจิตมากขึ้น มากเสียจนต้องทำรายงานสรุปข้อมูลอันใหม่ขึ้นมาเลยทีเดียว

           “ลืมไปสนิทเลยว่าข้อมูลส่วนใหญ่อยู่ที่ห้องชมรม โธ่ ร้อนๆแบบนี้ยังต้องออกจากบ้านอีกเหรอเนี่ย”

           ใช่แล้ว เนื่องจากต้องจัดทำรายงานสรุปข้อมูลอันใหม่ แต่ข้อมูลที่เธอบันทึกไว้ในคอมพิวเตอร์ดันเป็นข้อมูลเก่าทั้งหมด ดังนั้น ซาโยโกะจึงต้องถ่อสังขารมาที่โรงเรียนนั่นเอง

           “ดีจริงๆที่ยังมีทางลัดมาห้องชมรมอยู่ เวลาแบบนี้ข้อมูลเรื่องพื้นที่ก็มีประโยชน์ขึ้นมาบ้างสินะ ดีจริงๆเลย”

           ซาโยโกะพูดออกมาพร้อมกับร่างกายที่เหมือนกำลังจะละลาย ปกติแล้วเธอจะหมกตัวอยู่แต่ในห้องของตัวเอง แน่นอนว่าในฤดูร้อนแบบนี้ก็ต้องเปิดแอร์ไว้ตลอด ดังนั้นการออกมาข้างนอกก็เหมือนกับเอาน้ำแข็งที่แช่ไว้ในช่องฟรีซออกมาวางไว้กลางสนามฟุตบอลนั่นเอง

           “เรียกฉันมามีอะไรเหรอ”

           “เอ๊ะ?”

           ทางลัดของซาโยโกะคือการเข้ามาห้อมรมโดยตรงจากทางหน้าต่างนั่นเอง แค่ในระหว่างที่เธอกำลังเดินมาที่หน้าต่างอยู่นั่น ก็ได้ยินเสียงคนอยู่ในห้องชมรม ซึ่งไม่น่าจะไชมีใครอยู่ได้

           ซาโยโกะเอาหูแนบกับกำแพงห้อง พยายามฟังเสียงว่าเป็นเสียงของใครกันแน่

           “จากประโยคเมื่อกี้ ในห้องน่าจะมีอยู่สองคนเป็นอย่างต่ำ ต้องโทรหามาซามุเนะคุงก่อนว่ามีคนเข้ามาในห้องชม...”

           ระหว่างที่เธอจะกดโทรศัพท์โทรหามาซามุเนะ เสียงตอบกลับของคำถามในตอนแรกก็ดังขึ้นมา

           “อาจารย์มายาวาว่าครับ อาจารย์เป็น... สปายใช่ไหมครับ”

           “วะ... ว่าอะไรนะ เดี๋ยวก่อนสิ เสียงนี้มัน ของ...”

           “ฮะ ฮะๆๆ ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะ”

           เมื่อกี้ซาโยโกะไม่ได้ตั้งใจฟังเสียงให้ดีเพราะจู่ๆมันก็ดังออกมาจากห้องชมรม แต่คราวนี้เธอตั้งใจฟังเป็นอย่างดีแล้ว นั่นทำให้เธอได้รู้ว่า คนที่เข้ามาในห้องชมรมนั้นมีอยู่แค่ 2 คนเท่านั้น นั่นก็คือชินโด มาซามุเนะและมายาซาว่า และด้วยประโยคสนทนาของทั้งคู่ก็ต้องทำให้เธอตกใจยิ่งกว่าเดิม

           “อาจารย์ครับ แค่อาจารย์ตอบมาว่าไม่ใช่ แค่นั้นก็พอแล้วครับ ถ้าอาจารย์ตอบมา ผมก็จะไม่สงสัยอะไรต่อแล้ว”

           “ฉันจะไม่พูดแบบนั้น แต่ฉันจะตอบสิ่งที่นายสงสัยทั้งหมด มีอะไรก็พูดออกมาเลย”

           ซาโยโกะนั่งเอาหลังพิงกำแพง ในตอนนี้เธอแทบอยากจะร้องไห้ออกมา เพราะในตอนนี้เธอแทบจะแน่ใจแล้วว่าอาจารย์มายาซาว่านั้นเป็นสปาย ทั้งที่เธอก็ไม่รู้อะไร แต่เธอกลับรู้สึกได้เลยว่าอาจารย์เป็นสปาย

           “ขอฟังนามสกุลของอาจารย์หน่อยได้ไหมครับ”

           “...”

           “ที่ผมหาข้อมูลมา มีคนที่หน้าตาคล้ายกับอาจารย์อีกเกือบ 50 คน โดยทั้งหมดนั้นทำอาชีพหลายๆอย่างแตกต่างกัน แต่มีอยู่จุดหนึ่งที่เหมือนกัน นั่นคือทั้งหมดจะตีสนิทกับเด็กที่มีอายุไม่เกิน 20 ปี ไม่เกิน 1 เดือน แล้วทั้งคนแล้วก็เด็กก็จะหายไปอย่างไร้ร่องรอย เหลือไว้เพียงความทรงจำของผู้พบเห็น”

           “...”

           “อย่าเงียบสิครับ ปฏิเสธมาเซ่ โธ่ พูดอะไรออกมาบ้าง... สิครับ”

           เสียงที่ขาดหายไปเป็นช่วงๆบ่งบอกได้ถึงอะไรบางอย่าง ซาโยโกะรู้วิธีที่จะมองเห็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นข้างในห้อง แต่สาเหตุที่เธอไม่ทำก็อาจจะเป็นเพราะว่าเธอยังไม่อยากที่จะยอมรับความจริงก็เป็นได้ ในสายตาเธอแล้วอาจารย์มายาซาว่านั้นเป็นเหมือนคนที่ช่วยเปิดทางสู่โลกใบใหม่ให้

           “ตามนั้นแหละนะ ฉันเอง ฉันนี่แหละสปาย อยากรู้จุดประสงฆ์ใช่ไหมล่ะ ฉันจะตอบให้เอง นั่นคือการค้นหาผู้มีพลังจิตที่ยังหลงเหลืออยู่ยังไงล่ะ เพราะมีบางครอบครับที่รักลูกมาก รันจนยอมที่จะขัดคำสั่งของรัฐบาล แต่ถึงจะขัดคำสั่งไปแต่ทางนั้นก็มีข้อมูลอย่างคร่าวๆอยู่ ดังนั้นตัวตนของฉันจึงมีอยู่เพื่อยืนยันข้อมูลเหล่านั้น ก็เท่านั้นแหละ”

           “ดะ...เดี๋ยวก่อนสิครับ”

           มีเสียงฝีเท้าทุ้มดังก้องไปทั่วอาคาร ซาโยโกะรู้ทันทีว่าเธอจะไม่ได้เจอกับอาจารย์มายาซาว่าอีกแล้ว เธอตั้งใจจะลุกขึ้นวิ่งตามไป แต่เสียงร้องที่ดังขึ้นมาก็ทำให้เธอได้แต่นั่งคุดคู้อยู่กับที่ ฟังเสียงตะโกนที่ดังลั่นของมาซามุเนะอยู่เงียบๆ

           “อาจารย์มายาซาว่า!!------ แก------ ไปตายซะ!!!--------”

           “อ้า---------------------------------------------”

           เสียงร้องอันหลังไม่ใช่ของมายาซาว่าหรือมาซามุเนะ แต่เป็นตัวซาโยโกะเองที่กรีดร้องออกมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ สติของเธอค่อยๆเลื่อนรางลงจนไม่รู้สึกตัว เมื่อเธอรู้ตัวอีกที ท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ก็ถูกย้อมไปด้วยสีส้มยามเย็นแล้ว ซาโยโกะค่อยๆพยุงร่างที่ไร้ความรู้สึกของเธอเดินกลับไปที่บ้าน โดยเธอเองก็ยังนึกเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ค่อยออก แต่อีกเดี๋ยวก็คงจะนึกขึ้นมาได้อย่างแน่นอน

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา