มู่หลันกลางเหมันต์

-

เขียนโดย ลิ่วเม่ย

วันที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2563 เวลา 22.40 น.

  6 ตอน
  1 วิจารณ์
  4,832 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2563 22.43 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) 7 ทายาทแห่งต้าหลิง (1)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ครั้นแผ่นดินถูกแบ่งฟาก สี่เผ่าพันธุ์แยกจาก สวรรค์ ปีศาจ มาร และมนุษย์ไร้ซึ่งความข้องเกี่ยวกัน ครานั้นเมื่อเป็นเอกเทศ ทุกดินแดนต่างสถาปนาความเป็นหนึ่งของเผ่าพันธุ์ หากแต่ก็แบ่งแยกความสูงต่ำของตัวตน เผ่ามนุษย์เองก็เช่นกัน ภายหลังการลงทัณฑ์จากเทพบรรพกาลแห่งป่าเหมันต์ผู้ครอบครองพลังอันเป็นหนึ่งเหนือฟ้าและปฐพี ชนรุ่นใหม่ของเผ่ามนุษย์ก็ได้แบ่งแยกดินแดนของตนออกเป็นสามส่วนตามระดับและความสามารถสูงไปต่ำของเหล่าผู้ฝึกตนได้แก่ แดนศักดิ์สิทธิ์ แดนเนรมิต และแดนโลกียะ

แดนศักดิ์สิทธิ์คราคร่ำไปด้วยผู้ฝึกตนระดับสูงคือเซียนและสวรรค์ แต่ละระดับยังแบ่งออกเป็นเจ็ดขั้น สวรรค์นั้นจัดว่าเป็นระดับขั้นสูงสุดที่ผู้ฝึกตนเผ่ามนุษย์จะสามารถก้าวย่างไปถึง นับว่าสูงกว่าเซียนยากหาใดเปรียบแม้จะเป็นระดับสูงด้วยกันทั้งสองและการสำเร็จสู่เขตขั้นสวรรค์นับว่าต้องใช้ความบากบั่นกินเวลาแทบทั้งชีวิตแสนปีของผู้ฝึกตน ดังนั้นแม้ว่าแดนศักดิ์สิทธิ์จะเต็มไปด้วยผู้สถิตย์ในเขตขั้นระดับสูงแต่ก็หาผู้สำเร็จระดับสวรรค์ได้ยากยิ่ง

แคว้นหลิงเป็นหนึ่งในแปดแคว้นที่ถูกสถาปนาขึ้นในแดนศักดิ์สิทธิ์โดยบรรพชนตระกูลมู่หรงซึ่งในเวลานั้นเป็นผู้ฝึกตนระดับสวรรค์ขั้นสอง มู่หรงเฝิงสถาปนาตนเป็นราชันย์แห่งแว่นแคว้นและปกครองบ้านเมืองด้วยคุณธรรมนานับประการเพื่อสร้างสุขให้กับปวงประชา สนับสนุนการฝึกตนทั้งเวทย์และยุทธอีกทั้งยังสร้างกฎบ้านกฎเมืองที่จะช่วยสร้างความสงบสุขและหนึ่งในข้อกำหนดของหลิงต้าหวางที่อยู่คู่บ้านคู่เมืองมากว่าแสนปีคือการครองคู่หนึ่งผัวหนึ่งเมีย กฎข้อนี้ไม่เพียงแต่เหล่าประชาเท่านั้นที่จำต้องปฏิบัติตาม หากแต่ราชาผู้อยู่สูงสุดแห่งแคว้นก็จำต้องยึดถือด้วยเช่นกัน มู่หรงเฝิงปกครองต้าหลิงต่อมาอีกสามหมื่นปีก็สละบัลลังก์ให้โอรสเพื่อที่ตนจะได้เข้าสู่การบำเพ็ญเพียรและฝึกตนรอวันก้าวสู่นิรันด์เพื่อครองฐานะวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ ฐานะที่นับว่าสูงส่งที่สุดของผู้ที่สถิตย์ระดับสวรรค์ขั้นเจ็ดเป็นเวลาห้าแสนปี มู่หรงเจิ้งสืบราชบัลลังก์ต่อจากพระบิดาและในเวลานี้ก็ผ่านมากว่าหนึ่งแสนสองหมื่นปีแล้ว ราชาผู้นี้ความสามารถนับว่ามากกว่าผู้เป็นพ่อด้วยสำเร็จเขตขั้นสวรรค์ตั้งแต่อายุเพียงไม่กี่หมื่นปีซึ่งหาได้ยากยิ่ง และภายใต้การปกครองของต้าหวางผู้ครอบครองระดับสวรรค์ขั้นสี่ ต้าหลิงในเวลานี้จึงถูกจัดว่าเป็นแคว้นอันดับหนึ่งของแดนศักดิ์สิทธิ์ที่กล่าวถึงเมื่อใดศัตรูเป็นต้องพ่ายตั้งแต่ได้ยินนาม หลิงต้าหวางและหวางโฮ่ว เจินเหมยฮวา บัดนี้มีโอรสธิดารวมหกคน เป็นองค์ชายห้า องค์หญิงหนึ่ง ทั้งหกร่ำเรียนวิชาจากมู่หรงเจิ้งผู้เป็นพ่อ ผ่านไปหลายปีก็กลายเป็นผู้มีความสามารถอันดับต้นของดินแดนและด้วยสังกัดปราณธาตุที่แตกต่าง ทั้งหกจึงไม่ต่างจากอาวุธสังหารที่คอยช่วยผู้เป็นพ่อปกป้องบ้านเมือง

เหล่าองค์ชายองค์หญิงอายุห่างกันสองร้อยห้าสิบปี องค์ชายใหญ่มู่หรงเว่ยหลิง อายุ 1,500 ปี สถิตระดับเซียนขั้นเจ็ด สังกัดปราณธาตุทองและไฟ ยามนี้เป็นไท่จื่อแห่งต้าหลิง ครอบครองตราประทับห้ากองทัพแห่งดินแดน องค์ชายรองมู่หรงฉางหลิง สถิตระดับเซียนขั้นหกสังกัดปราณธาตุลมและไม้ ครองตำแหน่งแม่ทัพอุดรรักษาดินแดนอยู่ทางเหนือของแคว้น องค์ชายสามมู่หรงจางหลิง สถิตระดับเซียนขั้นห้าสังกัดปราณธาตุน้ำและหิน ครองตำแหน่งแม่ทัพประจิมรักษาดินแดนอยู่ทางตะวันตกของต้าหลิง องค์ชายสี่มู่หรงไป่หลิง สถิตระดับเซียนขั้นสี่ สังกัดปราณธาตุความมืดและน้ำแข็ง ครองตำแหน่งแม่ทัพทักษิณรักษาดินแดนอยู่ทางใต้ของแผ่นดิน องค์ชายห้ามู่หรงต่งหลิง สถิตระดับเซียนขั้นสาม สังกัดปราณธาตุหินและไฟ ครองตำแหน่งแม่ทัพบูรพารักษาดินแดนอยู่ทางตะวันออกของดินแดน องค์หญิงหกมู่หรงโม่ลี่ สถิตระดับเซียนขั้นสอง สังกัดปราณธาตุแสงและทอง องค์หญิงหกผู้นี้แม้ไม่ได้เป็นแม่ทัพเช่นพี่ชายทั้งห้า แต่ด้วยความสามารถด้านเวทย์อักขระที่ไม่เป็นรองใคร นางจึงรับหน้าที่เป็นผู้ที่สร้างอักขระป้องกันแว่นแคว้นและเขตแดนของต้าหลิง

ความสัมพันธ์ระหว่างหกพี่น้องแห่งราชวงศ์มู่หรงเป็นความสัมพันธ์ที่ทั่วทั้งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไม่มีใครกล้าฝันถึง ด้วยเป็นความรักใคร่และผูกพันกันเป็นอย่างยิ่งแตกต่างจากบรรดาพี่น้องราชวงศ์ของแคว้นอื่นหรือแม้แต่พี่น้องจากตระกูลขุนนางทั่วไปที่มักแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นที่หลายครั้งจบลงด้วยโศกนาฏกรรมและความสูญเสีย หลิงต้าหวางและหวางโฮ่วไม่เคยต้องการให้โอรสธิดาของทั้งสองใช้ชีวิตด้วยความหวาดระแวงซึ่งกันและกันหากแต่ต้องการให้ทุกคนเกื้อหนุนและคอยช่วยเหลือกัน ดังนั้นแต่แต่เล็กจนเติบใหญ่ทั้งหกจึงใช้เวลาร่วมกันทั้งยามเรียนรู้และฝึกฝน จะแยกจากกันก็เพียงเมื่อครั้งแต่ละคนแยกย้ายออกปฏิบัติหน้าที่หรือเดินทางท่องโลกกว้างเท่านั้น

ยามหมดสิ้นฤดูเหมันต์ ก็ถึงเวลาที่วสันตฤดูจะมาเยือนต้าหลิง ทั่วทุกมุมของบ้านเมืองเวลานี้เต็มไปด้วยแมกไม้นานาพันธุ์ที่ผลิดอกออกผลเนรมิตให้ต้าหลิงเปรียบเสมือนสรวงสวรรค์ที่งดงามด้วยไม้ดอกหลากสีสันและสร้างกลิ่นหอมจรุงไปทั่วทุกตารางชุ่น เมื่อเสร็จสิ้นจากราชกิจที่กินเวลาไปกว่าครึ่งค่อนวัน มู่หรงเจิ้งรีบเดินทางกลับไปยังตำหนักถางอ้ายที่เป็นที่ประทับของตนและผู้เป็นที่รัก

“ยามนี้ยามเซิน ข้าเพิ่งจะเสร็จธุระ เราไปที่อุทยานหลวง ชมดอกไม้บานแห่งวสันต์นี้ด้วยกัน ฮวาเอ๋อร์เห็นว่าอย่างไร” หลิงต้าหวางกล่าวกับเจินเหมยฮวาด้วยความรักใคร่ แม้เบื้องหน้าผู้คนต่างขนานนามราชาผู้นี้ว่ามังกรผงาดแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ แต่ยามอยู่เบื้องหน้านางผู้เป็นที่รักแล้วนั้น มังกรอหังการผู้นี้กลับกลายร่างเป็นงูจงอางตัวน้อยที่แม้จะดุร้ายแต่กลับรักคู่ของมันยิ่ง

“ดีเพคะ ให้คนตามลูกๆ ทั้งหกมาด้วยกันดีหรือไม่ น้องไม่ได้พูดคุยกับลูกๆ พร้อมหน้ามาหลายวันแล้ว วันนี้เป็นวันดียิ่ง ฟ้าสดใส อากาศดี ดอกไม้ผลิบานงดงามยิ่ง” เจินเหมยฮวากล่าวตอบสวามี

“ย่อมได้” หลิงต้าหวางตามใจยอดดวงใจ แม้จะอยากใช้เวลาร่วมกับหวางโฮ่วของตนมากเพียงไร แต่ก็อยากพบหน้าเจ้าตัวแสบทั้งหกที่แม้ยามนี้จะอายุรวมกันหลายพันปีแล้วก็ยังดูเป็นเด็กน้อยสำหรับผู้เป็นพ่อแม่ไม่แปรเปลี่ยน

เมื่อสั่งให้คนไปรายงานให้เหล่าองค์ชายองค์หญิงเรียบร้อยแล้ว สองสามีภรรยาผู้เป็นใหญ่เหนือต้าหลิงก็ออกเดินทางไปยังอุทยานหลวงเพื่อชมดอกไม้บานท่ามกลางวสันตฤดู และเมื่อไปถึงก็พบหกพี่น้องยืนรออยู่ที่กลางศาลาที่ประทับอยู่ก่อนแล้ว

“ถวายบังคมเสด็จพ่อ เสด็จแม่” หกทายาทแห่งต้าหลิงกล่าวคำนับผู้เป็นบิดามารดาพร้อมกันเมื่อเห็นว่าทั้งสองพระองค์เสด็จมาถึงแล้ว

“ตามสบายเถิด” มู่หรงเจิ้งกล่าวรับและอนุญาตให้ทุกคนทำตัวตามสบาย

“ขอบพระทัยพะย่ะค่ะ / ขอบพระทัยเพคะ” หกพี่น้องกล่าวพร้อมกัน

“สองสามวันมานี้เป็นเช่นไรกันบ้าง แม่ได้ยินว่าพวกเจ้าห้าพี่น้องพ่ายแพ้แก่ลี่เอ๋อร์ในการประลองกองทัพเมื่อวันก่อน เจ้าเองก็ไม่เว้นหรือเว่ยเอ๋อร์” เมื่อจัดที่นั่งท่าทางได้สบายตัวแล้ว เจินเหมยฮวาก็เอ่ยถามความเป็นไปของโอรสและธิดา

“ไม่ผิดพะย่ะค่ะ ลี่เอ๋อร์นับวันยิ่งเก่งกล้าสามารถ อีกทั้งเวทย์อักขระนับวันยิ่งรุนแรง ลูกไม่ทันระวังเพียงชั่วครู่จึงพ่ายแพ้แก่นาง” มู่หรงเว่ยหลิง ไท่จื่อและพี่ใหญ่ของเหล่ามือสังหารแห่งต้าหลิงตอบมารดาเมื่อถูกถามถึงการประลองที่องค์หญิงหกมู่หรงโม่ลี่เป็นดาวเด่น

“เสด็จแม่ ลี่เอ๋อร์เหี้ยมโหดยิ่งนัก ไม่ปราณีพวกข้าผู้เป็นพี่ชายเลยแม่แต่น้อย” องค์ชายสี่มู่หรงไป่หลิงได้ทีกล่าวฟ้อง

“เสด็จพี่สี่ ท่านประมาทเอง ไยจึงโทษว่าเป็นความผิดข้าเล่า” มู่หรงโม่ลี่เมื่อถูกกล่าวหาจึงรีบเอ่ยทัดทานพี่สี่ของตนผู้ซึ่งมีนิสัยสนุกสนานเมื่อยามอยู่กับครอบครัว ช่างแตกต่างยามอยู่ต่อหน้าเหล่าทหารเป็นอย่างยิ่ง

การพบปะกันเพื่อร่วมชมดอกไม้บานกลางวสันตฤดูครั้งนี้ผ่านไปอย่างมีความสุข หนึ่งต้าหวางหนึ่งหวางโฮ่วและเหล่าองค์ชายองค์หญิงต่างใช้โอกาสนี้ในการถามสารทุกข์สุขดิบและร่วมรับประทานอาหารด้วยกัน บรรยากาศเป็นไปอย่างสนุกสนานโดยผู้ที่คอยสร้างบรรยากาศล้วนไม่พ้นองค์ชายสี่และองค์หญิงหกผู้เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมากว่าสองร้อยปี

หลายเดือนผ่านไปทั่วทั้งราชสำนักต้าหลิงต่างได้รับข่าวดีกันถ้วนหน้าเมื่อหวางโฮ่วทรงพระครรภ์ที่เจ็ด ครรภ์นี้เกิดขึ้นพร้อมฝันประหลาด สองเดือนก่อนจะมีอาการบ่งชี้แน่ชัด เจินเหมยฮวาฝันว่าตนปรากฏกายท่ามกลางดินแดนที่ขาวโพลนเนื่องจากถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ สักพักหนึ่งได้กลิ่นหอมจรุงที่ไม่คุ้นเคยจึงเดินตามกลิ้นนั้นไป ปลายทางปรากฏธารน้ำแข็งขนาดใหญ่หากแต่ก็ไม่พบต้นตอของกลิ่นนั้น ฉับพลันกลิ่นหอมนั้นยิ่งรุนแรงขึ้น นางตัดสินใจเหยียบขึ้นไปบนธารน้ำแข็งและก้าวเดินไปจนถึงจุดกึ่งกลางก็พบว่าภายใต้น้ำแข็งแผ่นหนานั้นมีดอกไม้ดอกหนึ่งที่ไม่คุ้นตาถูกแช่แข็งอยู่ ดอกไม้นั้นมีสีแดงและมีขนาดไม่ใหญ่ ลักษณะตูมออกพร้อมที่จะเบ่งบาน มองแล้วช่างงดงามยิ่งนัก เมื่อเพ่งพิศให้ดีก็พบว่านั่นคือที่มาของกลิ่นหอมก่อนหน้า นางยืนนิ่งจมอยู่ในพวังจนเวลาผ่านไปหนึ่งถ้วยชาจึงรู้สึกตัวเมื่อแผ่นน้ำแข็งที่เหยียบย่างอยู่กำลังปริแตกออกเป็นวงกว้าง เหตุการณ์น่าหวาดผวาหากแต่จิตใจของนางกลับสงบนิ่งราวตระหนักรู้ว่านี่หาใช่ลางร้าย เป็นเช่นที่นางคิด แม้ธารน้ำแข็งจะแตกออกจนเหลือเพียงสายธารอุ่นใต้สองฝ่าเท้า นางก็หาได้รับบาดเจ็บแม้เพียงนิด ทันใดนั้นดอกไม้งามที่เมื่อครู่ยังถูกแช่แข็งอยู่ใต้พื้นพิภพก็ลอยขึ้นมาอยู่เบื้องหน้าของนางพลางเบ่งบานออกเต็มที่พร้อมแพร่กลิ่นหอมจรุงไปทั่วทุกสารทิศ ดังมีเสียงกระซิบบอกว่าดอกไม้นั้นเป็นของนาง จึงยื่นฝ่ามือแบออกไปด้านหน้า ยามเมื่อดอกไม้ประหลาดทิ้งตัวลงในมือนางก็พลันเกิดแสงสว่างหลายสายพุ่งออกไปยังทุกทิศสุดปลายทางที่นางมองเห็น เมื่อไอวิญญาณที่พุ่งออกไปจากดอกไม้สีแดงดอกนั้นแตะถึงพื้นปฐพี ทันใดนั้นก็ปรากฏเสียงคำรามยินดีของสัตว์ใหญ่จากทั่วทุกสารทิศที่ปรากฏตัวบนน่านฟ้าหนึ่งลมหายใจให้หลังล้อมรอบจุดที่นางและดอกไม้อยู่ สัตว์ใหญ่เหล่านั้นนับได้เก้าชนิดพอดิบพอดี

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา