มู่หลันกลางเหมันต์

-

เขียนโดย ลิ่วเม่ย

วันที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2563 เวลา 22.40 น.

  6 ตอน
  1 วิจารณ์
  4,840 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2563 22.43 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) 7 ทายาทแห่งต้าหลิง (2)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

หนึ่งปีบรรจบ เหมันตฤดูมาเยือน ถึงครากำเนิดทายาทคนที่เจ็ดแห่งแคว้นหลิง องค์หญิงน้อยออกจากครรภ์มารดากลางราตรีที่เย็นสงัดทว่าอบอุ่น แม้ยามนั้นบ้านเมืองจะถูกปกคุลมไปด้วยเกล็ดหิมะขาวโพลนเปรียบเมืองน้ำแข็ง มู่หรงเจิ้งคอยอยู่ข้างๆ หวางโฮ่วของตนตลอดยามนางต้องต่อสู้กับความยากลำบาก เมื่อองค์หญิงน้อยถือกำเนิด เขาก็เป็นผู้แรกที่ได้รับนางเข้าสู้อ้อมอกก่อนจะส่งนางให้กับผู้เป็นมารดาได้ชื่นชม ครั้นเจินเหมยฮวารับนางมา ดวงหน้าเล็กแสนพริ้มเพรานั้นพลันปรากฏปานแดงคล้ายดอกมู่หลันที่กลางหน้าผาก สองสามีภรรยาเห็นดังนั้นจึงนึกถึงความฝันเมื่อคราตั้งครรภ์ทารกน้อยผู้นี้ ดอกมู่หลันแดงที่ดูแล้ววิเศษยิ่ง และด้วยมารดานามว่าเหมยฮวา พี่สาวเรียกว่าโมลี่ หลิงต้าหวางจึงตั้งนามให้ทารกน้อยผู้นี้ว่ามู่หรงมู่หลัน องค์หญิงเจ็ดแห่งต้าหลิง

มู่หรงมู่หลันมีดวงหน้าเล็กจิ้มลิ้มดูแล้วน่ารักยิ่ง อีกทั้งกลิ่นหอมจรุงที่แผ่ออกมาจากกายเล็กนั้นก็ยิ่งเสริมส่งให้ทารกน้อยยิ่งดูงดงาม ตัวที่เล็กบอบบางจนเกรงว่าหากโอบอุ้มไม่ดีจะแตกหักเอาได้ง่ายๆ ยามนี้อยู่ท่ามกลางหกบุรุษสองสตรี ดวงตาพริ้มหวานราวเข้าใจเนื้อความที่พวกเขาเหล่านั้นกำลังกล่าวถึงนาง เดาได้ไม่ยากว่านางย่อมเป็นที่รักของบิดามารดารวมทั้งเหล่าพี่น้องชายหญิง ปานแดงกลางหน้าผากของนางเมื่อปรากฏให้ต้าหวางและหวางโฮ่วเห็นแล้วก็พลันหายไปแม้เหล่าองค์ชายองค์หญิงยามนี้ก็ยังมิได้เห็น เพียงได้ยินได้ฟังจากผู้เป็นบิดามารดาเท่านั้น

“ลี่เอ๋อร์เจ้าจงดู หลันเอ๋อร์ผู้นี้หน้าตาน่ารักยิ่ง เกรงว่าเติบโตไปคงจะน่ารักและอ่อนหวานกว่าเจ้าเป็นแน่” องค์ชายสี่มู่หรงไป่หลิงกล่าวชมน้องเจ็ดผู้มาใหม่ของตนพลางกระทบกระเทียบไปถึงมู่หรงโม่ลี่

“ข้าเห็นด้วยว่าน้องเจ็ดน่ารักยิ่งนัก แต่กลัวว่านางจะเหี้ยมโหดยิ่งกว่าข้า ถึงเวลานั้นแม้แต่ท่านก็อาจไม่ใช่คู่ประมือกับนาง” มู่หรงโม่ลี่กล่าวโอหังกลับไปยังพี่ชายผู้เป็นไม้เบื่อไม้เมา

“นี่เจ้า! ช่างอาจหาญแท้ ข้าเป็นพี่สี่ของเจ้านะ” มู่หรงไป่หลิงรีบตอกย้ำความยโสของผู้เป็นน้อง

“ข้าก็น้องหกของท่านอย่างไรเล่า” องค์หญิงหกกล่าวหน้าตาย

“เสด็จพ่อ เสด็จแม่ เสด็จพี่ เจ้าห้า ดูลี่เอ๋อร์สิ” เมื่อไม่อาจต่อกรได้ องค์ชายสี่จึงหันไปหาที่พึ่งพิงทั้งหกที่เหลือ

“เลิกทะเลาะกันเสียทีพี่น้องคู่นี้” เป็นองค์ชายรองมู่หรงฉางหลิงที่กล่าวยุติสงครามน้ำลายของผู้เป็นน้องทั้งสอง

มู่หรงมู่หลันเติบโตขึ้นมาท่ามกลางความรักใคร่ปรองดองและความสนิทสนมระหว่างพี่น้อง หากแต่ทุกคนก็กังวลด้วยนางเจริญวัยกว่าสิบปีแล้วแต่ก็ยังไม่มีสิ่งใดชี้ว่านางสังกัดพลังยุทธในเขตระดับใด ปราณธาตุใด ยิ่งไปกว่านั้นไม่มีผู้ใดจับชีพจรได้ว่านางมีพลังปราณกล้าแข็งเฉกเช่นกับผู้ฝึกตนคนอื่นและตัวนางเองก็แสดงออกว่าไม่ใคร่สนใจวิถีของผู้ฝึกตนในยุทธภพ ดังนั้นในแต่ละวันนางจึงใช้เวลาไปกับเจินเหมยฮวาผู้เป็นมารดา ฝึกงานบ้านงานเรือนและศิลปะแขนงต่างๆ ที่เชื่อว่าสตรีพึงมี ใช้เวลาเพียงแค่สี่ปี มู่หรงมู่หลันในวัยสิบสี่ใกล้สิบห้าก็แตกฉานทั้งด้านสำรับคาวหวาน ปักผ้า เขียนภาพ บทกลอน ดนตรี และการเต้นรำ จะมีก็เพียงการฝึกยุทธเท่านั้นที่บิดามารดาและพี่น้องของนางเข้าใจว่านางไม่สันทัด ด้วยเหตุนี้ยามนี้ทั่วทุกแคว้นจึงกล่าวขานและเห็นต้องกันว่าองค์หญิงเจ็ดมู่หรงมู่หลันแห่งต้าหลิงผู้นี้งดงามเพียบพร้อมทั้งกิริยาวาจาหากแต่ก็ไร้ซึ่งปราณธาตุและวิชายุทธ นางจึงไม่เป็นที่หมายปองของผู้ใดแต่ในขณะเดียวกันนางกลับเป็นที่รักท่ามกลางประชาชนในแคว้นหลิง

แม้จะถูกเข้าใจว่าแตกต่างจากผู้อื่นที่ถือกำเนิดขึ้นในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ มู่หรงมู่หลันก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจ ตรงกันข้ามนางยิ่งแสดงออกถึงความคร้านในวิถีแห่งยุทธภพ แม้จะเข้าใจแต่เหล่าพี่ชายพี่สาวผู้หลงใหลในการฝึกตนก็คอยเป็นห่วงและพยายามผลักดันให้น้องเล็กสุดของตนฝึกวิชายุทธแม้นางจะแสดงออกว่าเบื่อหน่ายก็ตาม เมื่อถึงคราวเหล่าพี่น้องพบหน้า ห้าองค์ชายหนึ่งองค์หญิงก็ทำเช่นทุกครั้งคือเรียกร้องให้มู่หรงมู่หลันเหยียบย่างเข้าไปในลานประลองยุทธ

“หลันเอ๋อร์ ยามซื่อวันพรุ่งจะมีการประลองกองทัพ พี่ชายพี่สาวของเจ้าก็จะเข้าร่วมด้วย หากเจ้าว่างไยไม่ลองเข้าไปชมดูเล่า” ไท่จื่อมู่หรงเว่ยหลิงกล่าวชวนองค์หญิงเจ็ดผู้ซึ่งเหนื่อยหน่ายกับวิชายุทธ

“นั่นสิ เจ้าจะได้เห็นว่าพี่สี่ของเจ้าเก่งกาจเพียงใด” องค์ชายสี่มู่หรงไป่หลิงกล่าวสำทับพลางเยินยอตนเอง

“ผิดแล้ว หลันเอ๋อร์จะได้เห็นเสด็จพี่สี่พ่ายแพ้ให้แก่ลี่เอ๋อร์อีกครั้งต่างหากเล่า” องค์ชายห้ามู่หลงต่งหลิงกล่าวแก้คำพี่ชายของตน

“เจ้าห้า! ข้าเป็นพี่สี่ของเจ้านะ” มู่หรงไป่หลิงกล่าวย้ำความเป็นของตนทันที เรียกเสียงหัวเราะจากทุกผู้คนตรงนั้น

“ต้องขออภัยเสด็จพี่ ยามซื่อพรุ่งนี้เกรงว่าไม่อาจไปได้ น้องต้องไปอยู่เป็นเพื่อนเสด็จแม่เพคะ” มู่หรงมู่หลันตอบปฏิเสธคำเชิญของพี่ชายหลังจากกลืนคำหัวเราะกลับลงไปในลำคอพลางคิด พี่สี่ของนางในเวลาปกติดูน่าเกรงขาม ช่างแตกต่างจากยามนี้ยิ่งนัก

“เอาเถิด เจ้าคงไม่ชอบจริงๆ” มู่หรงเว่ยหลิงตอบกลับพลางถอดใจเมื่อไม่อาจโน้มน้าวใจน้องเล็กได้

“เสี่ยวหลัน เสด็จพี่สี่เพิ่งได้หลินจือหมื่นปีมาจากแดนใต้ พรุ่งนี้เจ้าประลองกับเขาหน่อยเป็นอย่างไร หากเจ้าชนะ ลองขอหลินจือหมื่นปีดอกนี้กับเขาสิ เสด็จพี่สี่ท่านจะทำได้หรือไม่” มู่หรงโม่ลี่พบหนทางโน้มน้าว เสี่ยวหลัน ได้เมื่อคิดได้ว่ามู่หรงไป่หลิงเพิ่งได้รับหลินจือหมื่นปีที่มีสรรพคุณดีมากมายมาจากพ่อค้าแนวชายแดนและน้องเจ็ดของนางผู้นี้ยามนี้หลงใหลในพืชสมุนไพรยิ่งนัก

“ย่อมได้ แต่ขอบอกไว้ก่อน แม้จะเป็นน้องเจ็ดผู้น่ารักของข้า ข้าก็ไม่ยอมออมมือให้หรอกนะ” มู่หรงไป่หลิงรับคำ แม้จะตอบออกไปเช่นนั้นแต่จริงๆ แล้วเขาย่อมไม่คิดเสียดาย มอบของล้ำค่าให้ผู้เป็นน้องสาวได้อยู่แล้วขอเพียงนางเอ่ยปาก

“ข้าเลือกการประลองได้หรือไม่” โดยที่ไม่มีผู้ใดคาดคิด มู่หรงมู่หลันตั้งคำถามตอบกลับ เหล่าพี่ชายพี่สาวของนางต่างก็อดตกใจและปลื้มใจต่อท่าทีที่นางแสดงออกว่าสนใจไม่ได้ แม้ความสนใจนั้นจะเน้นไปทางของรางวัลมากกว่าก็ตาม

“ตามที่หลินเอ๋อร์ผู้น่ารักต้องการ” เป็นมู่หรงไป่หลิงที่ตอบรับคำของนาง

เมื่อวันประลองมาถึง แม้จะเป็นการประลองระหว่างทหารผู้มีระดับตั้งแต่เซียนขั้น 3 ขึ้นไป เหล่าทหารทั้งชายหญิงทุกกองทัพที่ยามนี้อยู่ในเมืองหลวงต่างก็มาพร้อมกันที่ลานประลองในยามซื่อ ยามนี้ทั่วทั้งบริเวณจึงมีไอดุดันของความฮึกเหิม ทุกคนตั้งอกตั้งใจรอดูด้วยผู้ชนะจะได้รับหยกทองคำสลักรูปพยัคฆ์อันเป็นเครื่องหมายของผู้แข็งแกร่งแห่งกองทัพต้าหลิงเป็นรางวัล หากแต่ความห้าวหาญที่เหล่าทหารหาญทุกนายมีกลับต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นว่ามีเด็กหญิงวัยสิบกว่าปีเดินรั้งท้ายเหล่าองค์ชายองค์หญิงแห่งต้าหลิง เด็กหญิงผู้นั้นงดงามราวหยกสลัก ยามก้าวย่างพลันแผ่กลิ่นอายของความสูงศักดิ์ ทุกผู้คนจึงเดาได้ไม่ยากว่าเด็กน้อยผู้นี้ก็คือองค์หญิงเจ็ดมู่หรงมู่หลันผู้ซึ่งไม่เคยย่างเท้าเข้าลานประลองแม้แต่หนเดียว ความฮึกเหิมยามนี้จึงคราคร่ำไปด้วยความตื่นเต้น

“ไท่จื่อ องค์ชาย องค์หญิง” เมื่อห้าองค์ชายสององค์หญิงมาพร้อมกันที่หน้าประลอง เหล่าทหารจึงกล่าวคำนับพร้อมกัน

“ตามสบาย... เฉกเช่นทุกครั้ง การประลองวันนี้ผู้ชนะจะได้หยกทองคำสลักรูปพยัคฆ์และเป็นที่ประจักษ์ว่าเจ้าคือผู้แข็งแกร่งแห่งทัพต้าหลิง นอกจากการประลองระหว่างเหล่าทหารแล้ว ก็จะมีการประลองระหว่างองค์ชายผู้เป็นแม่ทัพและองค์หญิงผู้ปกปักบ้านเมืองเช่นกัน หากแต่วันนี้ทวีความพิเศษ ด้วยองค์ชายสี่และองค์หญิงเจ็ดจะประลองกระบี่โดยผู้ชนะจะได้ครอบครองหลินจือหมื่นปี” มู่หรงเว่ยหลิงกล่าวรับคำนับจากทหารแล้วจึงกล่าวถึงการประลองครั้งนี้ซึ่งส่วนหลังของประโยคได้สร้างความฮือฮาให้หมู่ทหารในกองทัพ ทุกผู้คนต่างเห็นใจองค์หญิงเจ็ดที่ต้องมาประมือกับองค์ชายสี่ผู้บ้าระห่ำโดยหารู้ไม่ว่าองค์ชายผู้บ้าระห่ำเมื่อยามอยู่ในกองทัพนั้นให้ความรักและโอ๋ผู้เป็นน้องมากเพียงใด

เมื่อสิ้นคำไท่จื่อแห่งต้าหลิง การประลองจึงเริ่มต้นขึ้น ผู้สถิตระดับเซียนขั้น 3 ขึ้นไปมีหลายพันคนในกองทัพ หากแต่ก่อนจะถึงการประลองใหญ่ในวันนี้ แต่ละกองทัพได้จัดการประลองเพื่อหาผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดสามคนมาแล้ว ดังนั้นในการประลองวันนี้จึงมีผู้เข้าประลองทั้งสิ้น 12 คน แปดชั่วยามผ่านไปต้าหลิงก็ได้ทหารผู้ครอบครองพยัคฆ์สลักนายล่าสุด นายทหารผู้นั้นคือเจียงหาน รองแม่ทัพประจิมผู้ซึ่งสถิตระดับเซียนขั้น 5 และผู้ที่ชนะศึกระหว่างทายาทแห่งต้าหลิงก็คือมู่หรงเว่ยหลิง ไท่จื่อแห่งต้าหลิงเฉกเช่นแทบทุกครั้ง

เมื่อสองการประลองแรกผ่านพ้น ก็ถึงคราวการประลองที่สามซึ่งเป็นการประลองกระบี่ระหว่างหนึ่งองค์ชายหนึ่งองค์หญิง มู่หรงไป่หลิงนั้นมีกระบี่เวทย์ของตน มู่หรงมู่หลันใช้กระบี่เวทย์ของมู่หรงเว่ยหลิง หกพี่น้องล้วนเป็นห่วงผู้เป็นน้องเล็ก ด้วยกระบี่ลู่หัวนั้นสังกัดธาตุไฟ มีพลังปราณแผดเผาขั้นสูง ยากที่ผู้อื่นหากไม่ใช่เจ้าของจะรับมือไหว แต่ความกังวลเหล่านั้นกลับถูกแทนที่ด้วยความแปลกใจเมื่อลู่หัวตกลงในมือของมู่หรงมู่หลันแต่องค์หญิงน้อยกลับไม่ได้แสดงถึงความยากลำบากใดๆ ราวกับว่ากระบี่เพลิงนั้นไม่แสดงอาการขัดขืนต่อการครอบครองของหญิงแปลกหน้าผู้นี้ และเมื่อทุกสิ่งถูกเตรียมพร้อม การประลองกระบี่เวทย์ของสองพี่น้องจึงเริ่มต้นขึ้น

มู่หรงไป่หลิงเป็นผู้ออกตัวก่อน เขาพุ่งตัวพลางแทงกระบี่ไปที่มู่หรงมู่หลัน หากแต่เพราะไม่ต้องการทำร้ายน้องสาวจึงไม่ได้ใส่พลังปราณของตนลงไปในการโจมตีด้วย แต่แม้ว่าการโจมตีนั้นจะไม่รุนแรงเฉกเช่นปกติก็ไม่อาจนับได้ว่าอ่อนโยนนักด้วยยังมีเรี่ยวแรงและความเคยชินของผู้ฝึกยุทธ เมื่อเห็นว่าพี่ชายพุ่งเข้ามา องค์หญิงน้อยก็รีบเอี้ยวตัวหลบตามสัญชาตญาณ แต่กระบี่เวทย์ที่ถืออยู่กลับหนักอึ้งขึ้นมา สมองพลันว่างเปล่า ตกอยู่ในภวังค์ได้ไม่นานก็ได้ยินเสียงของมู่หรงไป่หลิง

“หลันเอ๋อร์ ยกกระบี่ขึ้นแล้วแทงไปที่ศัตรู” องค์ชายสี่กล่าวเตือนผู้เป็นน้องพร้อมทั้งกระโจนเข้าไป

มู่หรงมู่หลันเรียกสติตนเองพลางใช้เรี่ยวแรงที่มียกกระบี่ลู่หัวขึ้นรับกระบี่เปียโหล่วของมู่หรงไป่หลิง เมื่อไฟและน้ำแข็งเข้าปะทะ ชัยชนะขึ้นอยู่กับพลังปราณของผู้เป็นนาย เป็นที่รู้กันว่าองค์หญิงเจ็ดแห่งต้าหลิงนั้นไม่สันทัดทั้งวิชาเวทย์และวิชาวุทธ แค่ยกกระบี่ลู่หัวขึ้นเหนือพื้นดินได้ก็นับได้ว่าเหนือความคาดหมายแล้ว

“หลันเอ๋อร์ หากเจ้าไม่สู้ย่อมไม่อาจปกป้องตนเองและเอาชนะข้าได้” มู่หรงไป่หลิงไม่ได้ต้องการทำร้ายน้องสาว หากแต่ต้องการสอนให้นางปกป้องตนเองและเอาชนะคู่ต่อสู้

เมื่อสิ้นคำองค์ชายสี่แห่งต้าหลิง มู่หรงมู่หลันพยายามเค้นแรงของตนออกมาหากแต่ไม่อาจต้านรับมู่หรงไป่หลิงได้ กระบี่ลู่หัวจึงหลุดจากมือของนางกระเด็นไปไกลยามมู่หรงไป่หลิงโจมตีใส่นางอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าพี่สี่ไม่ออมมือให้นางแม้แต่น้อย นางก็รู้สึกมีโทสะยิ่งนัก นางหลับตาสนิทพลางก้มหน้าลงด้วยความโกรธา ทันใดนั้นในหัวของนางพลันปรากฏภาพกระบี่ยาวหนึ่งเล่มในมือของหญิงสาวผู้มีปานแดงกลางหน้าผาก เมื่อรับรู้ได้ถึงการโจมตีที่กำลังจะเกิดขึ้น นางจึงลืมตาพลางกล่าวเสียงดังชนิดที่ว่าได้ยินไปทั่วทั้งบริเวณลานประลอง

เสวียนปิง!” สิ้นเสียงหวานที่แฝงไปด้วยโทสะ กระบี่เวทย์เล่มยาวที่เต็มไปด้วยพลังกล้าแข็งก็พลันปรากฏขึ้นในมือของมู่หรงมู่หลัน ในขณะเดียวกันที่กลางหน้าผากของเด็กหญิงก็ปรากฏปานแดงลักษณะคล้ายดอกมู่หลัน เหตุการณ์นี้ตกอยู่ในสายตาของทายาทแห่งต้าหลิงและเหล่าทหารพร้อมทั้งสร้างความตระหนกตกใจให้กับทุกผู้คนซึ่งล้วนแต่มีความคิดว่า องค์หญิงเจ็ดไม่มีวิชายุทธไม่ใช่หรือ

ไม่รอให้พี่น้องและทหารคลายซึ่งความตกใจ มู่หรงมู่หลันจับกระบี่มั่นพลางกระโจนเข้าโจมตีไปที่มู่หรงไป่หลิง คล้ายรู้จักกันมาแสนนาน นางและเสวียนปิงราวกับหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว องค์ชายสี่มู่หรงไป่หลิงจึงไม่อาจหลบเลี่ยงพลังโจมตีกล้าแข็งที่เกิดขึ้นอย่างทันควันได้ จนในที่สุดก็พ่ายแพ้เมื่อคมกระบี่ของผู้เป็นน้องสาวหยุดห่างลำคอของเขาเพียงแค่คืบเดียว

“หลินจือหมื่นปีของข้าเล่า เสด็จพี่สี่” เมื่อเห็นว่าตนชนะแน่แล้ว ก็ถามถึงของรางวัลที่พี่ชายสัญญาว่าจะมอบให้ แต่ในขณะที่กล่าวก็ยังไม่ยอมวางกระบี่ในมือลง

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา