ปาฏิหาริย์โลกวิญญาณ (ได้รับการตีพิมพ์จากAmity Publishing แล้ว)

5.3

เขียนโดย watcharakarn

วันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 เวลา 12.10 น.

  67 ตอน
  3 วิจารณ์
  31.32K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 23.09 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

17) เสียงจากสวรรค์

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

“คิดจะหนีเหรอ!” ตาลุงยักษ์นั่นตะเบ็งเสียงใส่แล้วสาวสายโซ่แรงขึ้นเร็วขึ้นอีก

 

“พวกแกก็แค่ผีชั่วกระจอกๆ กัดคนไม่เลือกที่ มีปัญญาทำได้แค่นี้แหละ…สมควรแล้วที่โดนแบบนี้” ผมเอ่ยปากด่าทอเหล่าวิญญาณสวะอย่างรังเกียจเดียดฉันท์พยายามสะบัดตัวให้หลุดจากพันธนาการ “ปล่อยฉันนะฉันจะไปหาท่านท้าว ให้ท่านจับไปดีกว่าตกเป็นเหยื่อไอ้พวกชั้นต่ำอย่างพวกแก”

 

“ข้าไม่ปล่อย แกจะต้องได้ลิ้มรสความทรมานเช่นเดียวกับพวกเรา” ใบหน้าของชายผู้หนึ่งซึ่งโผล่ออกมาตรงเหนือศีรษะของผมประกาศกร้าวราวกับเจ็บแค้นเคืองโกรธมาแต่ชาติปางไหนก่อนที่ฝ่ามือซีดๆ มากมายจะลงน้ำหนักรัดผมจนแน่นจุกยิ่งไปกว่าเดิม

 

“นายจะทำอะไรน่ะบอกแล้วไงว่าอย่าไปยุ่งกับพวกนั้น” หญิงสาวปรามเสียงเข้ม ทว่าผมยังคงไม่หยุด

 

“พะพะพวกแกมีแรงกันแค่นี้เหรอ” ผมดูแคลนพวกมันน้ำเสียงขาดห้วงด้วยความเหนื่อยอ่อนแม้จะพยายามดิ้นรนขัดขืนสักเพียงไรแต่ก็เหมือนเหนื่อยเปล่า

 

ทันใดนั้นเองก็สัมผัสถึงความร้อนที่แผ่มาถึงฝ่าเท้า ผมคิดจะกระโดดหนีแต่ก็ทำได้แค่ยกเท้าสลับไปมาราวกับกำลังเต้นแท็ปเพราะส่วนขาถูกพวกมันตรึงไว้หมดจนแทบกระดิกกระเดี้ยไปไหนไม่ได้เลย

 

“ไอ้พวกหมาหมู่ ปล่อยนะเว้ย!” ผมตะคอกใส่ด้วยโกรธจัด  “กระจอกๆ อย่างพวกแกทำอะไรฉันไม่ได้หรอก” ผมยังคงยั่วเย้าพวกมันอย่างคะนองปาก แม้จะเป็นแผนการที่ไม่ฉลาดนักแต่ในนาทีวิกฤติเช่นนี้ถ้าไม่ลองเสี่ยงดูก็คงไม่รู้ว่าหมู่หรือจ่า ซึ่งสุดท้ายแล้ว

 

คำปรามาสแค่ไม่กี่คำก็สามารถจุดชนวนอารมณ์ให้อีกฝ่ายเดือดดาลได้เป็นผลสำเร็จ วิญญาณเหล่านั้นต่างบีบรัดผมแน่นขึ้นอีกจนร่างผอมๆ นี้แนบติดไปกับผนังตามที่ได้คาดการณ์ไว้ไม่มีผิด ซึ่งมันคงจะดีกว่านี้มากถ้าพวกมันจะไม่แสดงความโกรธเกลียดออกมาด้วยการใช้ปากและแผงฟันทื่อๆ กัดทึ้งดึงเนื้อผมกันเป็นว่าเล่น แม้จะต้องทนเจ็บตัวอยู่บ้าง

 

…แต่แค่นี้ก็พอใจแล้ว…

 

‘คราวนี้ตาข้าบ้างล่ะ’

 

“ฮื้ดดด!”ผมร้องเสียงดังลั่นพร้อมกับออกแรงพยายามในเฮือกสุดท้าย น้ำใสๆ หยดย้อยลงมาจากปลายหางตาผ่านใบหน้าตะแคงข้างซึ่งปูดเกร็งด้วยแรงบีบรัดอันมหาศาลจากแขนและมือของพวกมันที่พาดพันตัวผมเต็มไปหมด

 

“อ๊าาก!” ความเจ็บปวดประดังประเดเข้ามาจนมิอาจสะกดกลั้น ทนไม่ไหว จะทนไม่ไหวแล้วโว้ยย!

 

‘สาริกา…’ ผมตั้งจิตสื่อสารกับนางฟ้าจากแดนสวรรค์คนนั้นในห้วงความคิด ‘คุณยังอยู่ใช่มั๊ย’

 

“ฉันฟังนายอยู่นายเป็นยังไงบ้างอดทนไว้นะ’ อีกฝ่ายตอบเสียงสั่นเครือเหมือนคนกำลังร้องไห้ ผมไม่รู้ว่า ณ ตอนนี้เธอกำลังอยู่ที่ไหนทว่า…

 

‘ผมดีใจนะที่คุณยังอยู่กับผม’ ผมนึกน้ำตาปรอย

 

“นายอย่าพึ่งยอมแพ้นะ จะยอมแพ้ตอนนี้ไม่ได้เด็ดขาดนะ” อีกฝ่ายรีบกล่าวด้วยความห่วงใย

 

‘ผะผะผมจะทำอย่างที่คะคะคุณบอก’

 

ขณะนั้นเอง วิญญาณอาแปะที่อยู่บนพื้นนั่นก็ร้องโหยหวนเมื่อถูกไฟคลอกก่อนที่พระเพลิงจะลามมายังใต้ฝ่าเท้าผม

 

“ย้งนี่นาย…?”

 

‘ผมจะทำตามหน้าที่ของผม…จะต้องทำมันให้ได้’ ผมย้ำอีกครั้งด้วยความมุ่งมาด  ถึงขนาดนี้แล้วผมไม่มีวันถอดใจอย่างเด็ดขาด

 

“อื้ม…รออยู่แล้วล่ะ” เสียงนั้นตอบกลับมาด้วยความเข้าใจ “ส่วนที่เหลือ…ฉันจะจัดการดับไฟให้เองนะไม่ต้องเป็นห่วง”

 

พอได้ยินดังนั้นก็หมดกังวลศีรษะน้อยๆ ที่ยกเกร็งอยู่เป็นนานค่อยๆ ฟุบลงกับผนังด้วยความเหนื่อยอ่อนจากนั้นผมจึงกระชากข้อมือขวาอย่างแรงเป็นเชิงท้าทายฝ่ายตรงข้ามทำให้ผู้ที่กุมปลายสายโซ่อยู่อีกข้างหนึ่งโกรธเกรี้ยวและกระตุกมันกลับไปในทันใด แต่เมื่อตัวผมถูกตรึงแน่นติดกับผนังเหมือนตะขอเกี่ยวอยู่เช่นนี้ จึงทำให้ทุกอย่างง่ายดายยิ่งขึ้น ที่เหลือก็แค่เกาะคานผลักประตูให้แน่นๆ แล้วส่งตัวไปตามแรงกระชากจากทางด้านหลังนั้น

 

“อ๊าาก!” ผมแผดร้องสุดเสียง เมื่อถูกไฟคลอกเท้าและแขนขวาถูกรั้งไปจนหัวไหล่แทบฉีกมองไปทางใดก็เห็นแต่เพลิงลุกท่วมสูงลามเลียจากพื้นจรดฝ้าเพดาน

 

ในช่วงนาทีสุดท้าย

 

นอกเสียจากเสียงโหยหวนของเหล่าวิญญาณผู้เคราะห์ร้ายแล้ว หูของผมก็ยังได้ยินเสียงครืนใหญ่ดังแว่วมาจากอีกฟากฝั่งหนึ่งของผนัง

 

ผมรู้ดีว่าที่สุดแล้วผมก็ทำมันได้สำเร็จจึงคลี่ยิ้มแห้งๆ ออกมานิดหนึ่งอย่างหมดเรี่ยวแรง ความดีใจทั้งหมดกลั่นกลายเป็นหยาดน้ำใสๆ ย้อยหยดลงมาจากปลายหางตา

 

แวบหนึ่งที่ความตื้นตันเอ่อท้นขึ้นมาในความรู้สึก

 

ถึงตอนนี้ผมได้แปะมือให้เธอแล้ว…

 

เสียงนั้นดังขึ้นและชัดขึ้นในทุกเสี้ยววินาทีราวกับมีอะไรบางอย่างกำลังถาโถมเข้ามาอย่างรวดเร็วและรุนแรง

 

 “ครึกกก” เป็นไปตามคาดแรงกระชากจากพละกำลังอันมหาศาลทำให้บานประตูเหล็กเล็กๆ ได้แง้มออกพาร่างของผมที่ติดแหงกอยู่ตรงนั้นราวกับจิ้งจกตุ๊กแกเอียงตามไปด้วย

 

หนังตาทั้งสองข้างเริ่มหนักอึ่งจากความพยายามดิ้นรนเหน็ดเหนื่อยเสียจนแทบขาดใจ

 

ผมได้แต่หลับตาพักและแนบใบหูกับแผ่นเหล็กเฝ้ารอฟังเสียงของมันซัดสาดเข้าหา

 

แม้บานประตูจะเคลื่อนขยับออกมาไม่มากนัก แต่ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เกิดหายนะครั้งใหญ่

 

“ครืนนน!” เสียงๆ นั้นดังกึกก้องกัมปนาทเต็มไปด้วยพลังแห่งการทำลายล้างที่ยากเกินจะหยั่งถึงฟังแล้วน่าประหวั่นพรั่นพรึงยิ่งนักทว่า…

 

สำหรับผม…มันกลับเป็นเสียงที่ไพเราะเสนาะหูที่สุดเท่าที่ในชีวิตหลังความตายนี้ได้เคยยลยินมา

 

“ซ่าาาาา!”

 

‘ใกล้แล้วสินะ’

 

ผมนึกด้วยความลุ้นระทึก รู้สึกตื่นเต้นตื่นตัวราวกับว่าได้รอคอยการมาถึงของมันมานานแสนนานแล้ว

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

ชอบอ่านนิยายแนวไทยๆ กันมั๊ย

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา