ปาฏิหาริย์โลกวิญญาณ (ได้รับการตีพิมพ์จากAmity Publishing แล้ว)

5.3

เขียนโดย watcharakarn

วันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 เวลา 12.10 น.

  67 ตอน
  3 วิจารณ์
  31.31K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 23.09 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

31) พลังอธิษฐาน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
“เออเดี๋ยวข้าไป” พี่เทิดศักดิ์ตอบแบบขอไปที แล้วจึงก้มหน้าทำงานต่อ สายลมพัดโบยมาหอบใหญ่ เมื่อลองยื่นมือไปก็ไม่อาจรับรู้ได้ถึงสัมผัสนั้น แม้แต่สายลมที่เคยต้องเนื้อตัวให้สดชื่นเย็นสบาย พอตายไปตัวเราก็เหมือนจะกลายเป็นอากาศธาตุนั้นไปเสียแล้ว
 
“ถ้านายอยากสัมผัส ก็จงตั้งจิตอธิษฐาน” หญิงสาวแนะ “ก็เหมือนตอนที่นายพุ่งตัวผ่านประตู หรือเปิดประตูเทวานิรมิตยังไงล่ะ แค่นายมีสมาธิ ตั้งจิตให้มั่น นายก็สามารถทำได้แล้ว ลองดูสิ”
 
“เอางั้นเหรอ” ผมถามย้ำด้วยความกังขา
 
“อืม…” เธอทำเสียงสำทับในลำคอ
 
“แล้วผมควรจะอธิษฐานว่าอะไรล่ะคุณ”
 
“ก็แล้วแต่นายเลย แต่อย่าว่อกแว่กคิดเรื่องอื่น” เธอกล่าวพลางเสกกระจกอนันตยกรรมและแผ่นพลาสติกใสมาไว้อยู่ในมือ “ฉันขอตัวทำงานก่อนล่ะ”
 
จากนั้นนางฟ้าสาวในชุดเดรสสั้นสีโอลด์โรสจึงเดินตรงไปยังพี่เทิดศักดิ์ที่กำลังนั่งอยู่บริเวณมุมห้องเพื่อทำหน้าที่บันทึกค่าผลบุญของมนุษย์เช่นเคย
 
“เอาล่ะลองดูก็ได้” ผมปรารภออกมาเบาๆ ก่อนจะตั้งสมาธิ รวมจิตอธิษฐานแล้วภาวนา
 
“ผมอยากสัมผัสมัน ให้ผมสัมผัสมันได้ด้วยเถอะ” ผมพูดท่องคำเหล่านี้ซ้ำไปซ้ำมา ประหนึ่งว่ามันคือบทสวดมนต์ทว่าพอผ่านไปสักพักเมื่อแรงปรารถนาดูเหมือนจะไม่ได้รับการตอบสนอง ความรู้สึกทดท้อก็เข้ามาแทนที่
 
“ได้โปรดเถอะ” ผมเอ่ยวิงวอน
 
ทันใดนั้นเองความมหัศจรรย์ก็บังเกิดขึ้น
 
“วูบบบ”
 
มือที่กางอยู่ทั้งสองข้างก็ต้องกับสายลมเย็นๆ ที่พัดพรูมา ปอยผมตรงหน้าผากก็พลันสะบัดพลิ้ว ชายเสื้อยืดขาวขยับไหวไปตามแรงลมพัดได้อย่างน่าอัศจรรย์ ในชั่ววินาทีนั้นผมรู้สึกเหมือนว่าตนเองได้กลับฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง แม้จะไม่ได้รู้สึกถึงแรงเต้นของหัวใจ ร่างกายยังคงเบาหวิว และไม่ได้สูดลมหายใจเข้าปอด แต่อย่างน้อยผมก็ได้สัมผัสกับมัน นี่หมายความว่า ผมยังมีโอกาสที่จะกลับไปใช่ไหม
 
 ‘สำเร็จ’ ผมดีใจจนหลุดยิ้ม ตาวาว
 
“คะคะคุณ ผมทำได้แล้ว” ผมร้องบอกเธอด้วยความลิงโลด แต่แค่ประเดี๋ยวเดียวทุกอย่างก็กลับคืนสู่สภาพเดิม สายลมทะลุผ่านร่างกลวงๆ ของผมไป นอกจากพื้นที่ย่างเหยียบผมก็ไม่อาจสัมผัสกับสิ่งใดใดในโลกนี้ได้อีกแล้ว
 
พอใคร่ครวญได้ดังนั้นก็พาลให้รันทดใจเสียจนจะร้องไห้ นึกเสียดายลมหายใจที่เคยมี
 
นี่ผมถวิลหาการมีชีวิตมากมายขนาดนี้เชียวหรือ…
 
ผมได้แต่ข่มใจและหวังว่า ถ้อยคำที่สาริกาเคยบอกไว้ว่าผมยังมีโอกาสกลับไปจะเป็นเรื่องจริง
 
 แต่พอหันขวั่บไปเห็นสาวร่างเพรียวที่กำลังตั้งอกตั้งใจทำงานแล้วก็นึกเกรงใจ เลยเปลี่ยนมาเดินสำรวจบ้านหลังนี้แทน  เท่าที่สังเกตที่พักอาศัยของพี่เทิดศักด์และภรรยาเป็นเพียงบ้านไม้สองชั้นด้านล่างเป็นใต้ถุนเตี้ยๆ ที่เต็มไปด้วยน้ำครำเน่าเสียส่งกลิ่นโชยคลุ้งถึงขนาดสาวสวยยังออกปากบ่น
 
ส่วนของตัวบ้านเป็นห้องโล่งกว้างมีมุมห้องน้ำเล็กแคบต่อฝักบัวและโถชักโครกใช้ขับถ่ายอยู่ทางมุมหนึ่ง เมื่อมองลงไปที่ด้านล่างบานประตูสังกะสีก็เห็นรอยสนิมกัดกินจนผุกร่อน พอเลี่ยงไปอีกทางก็เป็นห้องขนาดเล็กซึ่งเปิดแง้มไว้ แม้ความมืดทำให้ผมมองอะไรไม่ค่อยชัดเจนนักแต่เมื่อลองเพ่งสายตาไปก็เห็นพระพุทธรูปหลายองค์ประดิษฐานอยู่บนหิ้งพระเล็กๆ ที่ตั้งเรียงลดหลั่นกันมาสองสามชั้นอยู่ภายในนั้น
 
“เอี๊ยยยด อาาาาด เอี๊ยยยด อาาาาด”
 
ฉับพลันก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศแปลกๆ ชวนวิเวกวังเวงอย่างบอกไม่ถูกก่อนที่ความหนาวยะเยือกจะรุกเร้าเข้าโจมตีจนตนเองต้องกอดอกไว้ ความไม่ชอบมาพากลบางอย่างที่เจือมาในบรรยากาศก่อให้เกิดความหวาดระแวงราวกับมีใครบางคนกำลังจ้องมองผมอยู่กระนั้นแหละ
 
หรือเป็นเพราะความมืด!
 
ผมนึกสงสัยพลางกวาดสายตาหันซ้ายแลขวา
 
“เอี๊ยยยด อาาาด เอี๊ยยยด อาาาาด”
 
หรือจะเป็นเสียงแหลมๆ ของคานไม้ที่เสียดสีกันยามต้องสายลม หากแต่ลางสังหรณ์กลับฉุดดึงให้ผมรีบเงยมองไปยังทิศทางเบื้องหน้าในทันที
 
……!
 
และถ้าตาไม่ฝาดไปผมว่าผมเห็น
 
เงาดำตะคุ่มกำลังแกว่งเท้าไหวๆ อยู่ตรงมุมขื่อยาวด้านซ้ายของบ้าน
 
“เอียยยด อาาาด เอียยยด อาาาด” น้ำหนักของท่อนขาเล็กๆ ที่ไกวสลับไปมาทำให้ตัวขื่อยาวคลอนจนเกิดเสียงค่อยดังเอื่อยๆ ชวนให้ขนลุกขนชันเสียยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด
 
‘เฮือก….ใครวะ?!”
 
แค่คำถามสั้นๆ ที่ผุดขึ้นในหัวก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ร่างผมสั่นสะท้านและปรากฏแสงแล่นวูบวาบแล่นพล่านด้วยความสะพรึงกลัว
 
“คะคะคะคุณ คุณ คุณ” ผมพยายามส่งเสียงเรียกอีกฝ่ายที่กำลังสาละวนอยู่กับการจิ้มปุ่มนี้ปุ่มนั้นบนหน้าจอ
 
“หือ…มีอะไรเหรอว่ามาสิ” เธอกล่าวอย่างคนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร
 
“ผะผะโผ๋มมว่าผมหะหะเห็นคะคะคะครายยหย่ะหยู่บะบะบน” อาการของริมฝีปากที่สั่นระริกและลิ้นที่อ่อนกะปลกกะเปลี้ยขึ้นมาเสียดื้อๆ ทำให้กว่าถ้อยคำจะหลุดออกมาได้แต่ละทีช่างลำบากยากเย็น ในตอนนี้ผมอยากจะโจนทะยานไปหาอีกฝ่ายเสียเหลือเกินทว่าก็ต้องสะดุ้งโหยงแผดเสียงลั่นออกมาทันควันเมื่อมีบางสิ่งที่มีลักษณะเป็นก้อนกลมร่วงตกมาจากร่างสีดำในเงื้อมเงานั่น ก่อนที่มันจะกลิ้งหลุนๆ มาหยุดนิ่งอยู่ตรงปลายเท้าผม
 
 
 
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

ชอบอ่านนิยายแนวไทยๆ กันมั๊ย

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา