The Hell I Have Become ร่างทรงปิศาจ

-

เขียนโดย VerbaArcana

วันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2564 เวลา 23.38 น.

  4 chapter
  0 วิจารณ์
  3,420 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 22.42 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) สงครามกลางห้องบอลรูม (Battle in the grand ballroom)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก

บทที่ 1 สงครามกลางห้องบอลรูม (Battle in the grand ballroom)
https://www.readawrite.com/a/cbf97cba8de4da318fdce3925422618d
‘มันคือค่ำคืนแห่งความชั่วช้าสามานย์อย่างหาใดเปรียบมิได้ พวกมันเริ่มจากบุกเข้ามาเรื่อยๆ ตามทางเดิน ทหารยามและบ่าวรับใช้แค่หยิบมือที่ทำงานอยู่แถวโถงทางเดินหลักของปราสาทยังไม่ทันได้กรีดร้องหรือแสดงความหวาดกลัวก็สิ้นชีพไปเสียก่อนด้วยห่าธนูที่ถูกระดมยิงเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง ไม่รู้ว่าคนสั่งการมันบ้าหรือกระไร พวกเราไม่มีอาวุธเลยสักนิด ไม่ได้รบมานานแล้วด้วย มันสั่งการราวกับคนหลอนประสาท เหมือนตนเองยังอยู่ในสงครามก็ไม่ปาน ไอ้สารเลว! ในตอนนั้น ข้าจำได้ จอห์น โอซัลลิแวน เป็นคนเดียวที่วิ่งพาร่างสะบักสะบอมจากห่าธนูมาแจ้งข่าวการบุกโจมตีให้นายท่านได้รับรู้ เขาสั่งการอพยพและรวบรวมกำลังพลขึ้นในทันที แต่ขอโทษนะ เจ้าก็รู้นายท่านเกษียณตัวเองจากการเป็นทหารมาได้สามปีแล้ว ตั้งแต่จบศึกล่าอาณานิคม เขาเอียนเลี่ยนสงครามเต็มทน ข้าเองก็เบื่อ พวกเราถึงได้กลับมาที่นี่มาทำการเกษตรและค้าขาย ไอ้เวรตะไลนั่น ทำให้นายท่านต้องกลับมาจับดาบจับปืนอีกครั้ง เป็นครั้งแรกที่ข้าได้เห็นมือของเขาสั่นเทา
 
เขาเป็นห่วงท่านหญิงทั้งสองมาก แต่ทั้งสองนางก็เข้มแข็งจริงๆ คุณหนูคาเธรีน่า อาสาเป็นผู้นำเลดี้แมคเดอมอทท์ และสาวรับใช้คนอื่นๆ ลงไปหลบภัยยังชั้นใต้ดิน ความจริง นางอยากที่จะอยู่ช่วยพี่ชายของนางต่อสู้ แต่นายท่านไม่สบายใจและรบเร้าให้นางพาผู้หญิงและเด็กลงไปหลบจนเกือบจะทะเลาะกันอีกรอบ ให้ตาย! ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก เราทำได้แค่ถอยร่นออกมายังโถงเต้นรำและรวบรวมอาวุธทั้งหมดเข้าต่อต้านกองกำลังติดอาวุธครบมือของเจ้าโลเทรค อาร์ชิบอลด์
 
ข้าเคยเตือนเขาแล้วว่าให้ระวังการเชิญพวกตระกูลบ้านี่มาเที่ยวบ้าน แต่นายท่านก็ไม่ฟัง พร่ำบอกแต่ว่า ถ้าเราดีกับเขาก่อน พวกเขาก็จะดีกับเรา แต่ไม่...ไม่! พวกมันไม่ได้คิดเช่นนั้น เราต่างรู้ดีว่ามันไม่ได้เป็นไปอย่างที่คิด แม้แต่ตัวนายท่านเองยังกังวลถึงขั้นต้องส่งสาห์นขอความช่วยเหลือไปยังดยุคแห่งแอปเปิลไชร์ ญาติของเลดี้แมคเดอมอทท์ แต่ไอ้ดยุค...แฮ่ม....เขาก็มิได้นำพา กลับขอให้ส่งตัวท่านหญิงน้อยไปเป็นการแลกเปลี่ยน และผลก็เป็นอย่างที่เจ้าเห็น....’
 
บางทีลอร์ดโคเว่น ผู้ลูก อาจยังด้อยประสบการณ์ด้านการใช้ชีวิตแบบคนธรรมดามากจนเกินไป เขาพยายามมองโลกในแง่ดีและเป็นมิตรกับใครก็ตามที่เดินทางผ่านมายังเมืองอันอุดมไปด้วยพืชพันธุ์ของเขา จนแม้กระทั่งยอมให้ภรรยาผู้สูงวัยกว่าอย่างบีอาทริเช่ เดส์ ลูมิเยร์ ได้ออกไปเริงร่า เสวนาพาทีกับเหล่าศัตรู ทั้งที่ในหัวเต็มไปด้วยความหวาดระแวง น่าเศร้าที่วันเวลาแห่งหายนะของตระกูลกลับมาถึงไวเกินคาดคิด
 
ลอร์ดโคเว่นหนุ่ม ใบหน้าคมสัน ผิวขาวกรำแดด รูปร่างสูงใหญ่ ผู้มีดวงตาสีฟ้าสดตัดกับผมสีดำยาวเหยียดตรงดูโดดเด่นเกินใคร สวมชุดสูทเรียบง่ายสีเข้ม ทับกางเกงรัดใต้เข่า และถุงเท้าสีขาว ยืนสั่งการและช่วยลูกน้องใต้บังคับบัญชาของเขาให้รีบนำเอาบรรดาสิ่งของหนักทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นชุดโซฟาหรู โถลายครามขนาดใหญ่ รูปปั้นประดับขนาดเต็มตัว ไปจนถึงตู้โชว์ มาขัดประตูทางเข้าโถงเต้นรำที่สามารถจุคนราวสองถึงสามร้อยคนได้เลยทีเดียว
 
และในตอนนี้โถงเต้นรำที่ไม่ใคร่จะได้รองรับงานสังสรรค์ใดๆ นัก นอกจากงานวันเกิดของเลดี้คาเธรีนา สเตลล่ามาริส ที่เพิ่งฉลองครบรอบสิบแปดปีไปเมื่อหลายเดือนก่อน ก็กลับมาเนืองแน่นขนัดอีกครั้งด้วยกลุ่มทหารและบ่าวรับใช้ชายทุกคนในปราสาทที่เหลือรอด
 
ลอร์ดโคเว่นเอ่ยขอโทษที่เขาชะล่าใจจนเกิดเหตุในครั้งนี้และขอบคุณที่อยู่ด้วยกันในช่วงเวลาอันยากลำบาก ขณะเสียงเดินเท้าของเหล่าอาร์ชิบอลด์ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ พวกมันระดมยิงเข้าใส่ประตูอย่างบ้าคลั่ง
 
แม้ไม่มีเวลาให้คิดนัก แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้หน่วยพลปืนของตระกูลโคเว่นเกรงกลัว พวกเขากลับเรียงหน้ากระดานและนั่งลงจ่อลำกล้องปืนคาบศิลาติดดาบปลายปืนในแถวที่หนึ่ง โดยมีแถวที่สองยืนจ่อปืนรออยู่เช่นกัน
 
ลอร์ดโคเว่น เหลือบมองแฮมมอนด์นายทหารผมสั้นสีน้ำตาลแดง รูปร่างสูงใหญ่ยิ่งกว่าเขา ผู้ซึ่งเป็นทั้งคนสนิทและสหายร่วมรบที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก ด้วยแววตาหวาดหวั่น ทหารหนุ่มพยักหน้าให้กับนายท่านของเขาพลางกระชับมอร์นิ่งสตาร์ (Morning star) อาวุธโบราณรูปร่างเป็นลูกตุ้มเหล็กร้อยโซ่มีหนามแหลม ให้แน่นเข้า ทั้งสองสูดหายใจหนักอึ้งเข้าเต็มปอดก่อนหันไปทางประตูห้องโถงเต้นรำด้านหน้าด้วยหัวใจเต้นสั่นระรัว
 
ประตูห้องโถงนั้นยังเป็นแบบโบราณ จึงมีความแข็งแรงแน่นหนา แต่นั่นก็ยิ่งทำให้เสียงทุบกระแทกทวีความรุนแรง โลเทรค อาร์ชิบอลด์ กรอกดินประสิวลงไปในปากกระบอกปืนยิงลูกระเบิด ก่อนยัดกระสุนปืนใหญ่ขนาดเท่ากำปั้นผู้ชายตัวโตเข้าไปในปากกระบอกตาม ดวงตาไม่บ่งบอกความรู้สึกใดๆ นอกจากมองตรงไปข้างหน้า ทหารจำนวนหนึ่งใต้อาณัติของเขาก็กำลังทำแบบเดียวกัน
 
“โชคดียังไม่ได้เปลี่ยนประตูใหม่” ลอร์ดโคเว่น หันมาบอกกับแฮมมอนด์ มือข้างขวาถือดาบยาวคู่ใจ และข้างซ้ายถือมีดความยาวพอเหมาะ
 
“ข้าสั่งแบบไปแล้ว มาอาทิตย์หน้า ทันสมัยสุด...” แฮมมอนด์ตอบก่อนหันกลับมามองทางประตูที่กำลังถูกกระหน่ำทุบอย่างรุนแรงเสียจนแจกันลายครามใบใหญ่ล้มลงแตกก่อนข้าวของอื่น เพราะแรงสั่นสะเทือน ตามมาด้วยรูปปั้นเทพธิดากรีกที่ล้มลงหน้าคะมำ ศีรษะกระแทกพื้นหินแกรนิตสีชมพูอ่อน ช่วงคอแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
 
พวกเขาสะดุ้งตัวเล็กน้อย ส่วนทหารที่ไม่ได้แต่งเครื่องแบบของตระกูลโคเว่นต่างก็ส่งเสียงอื้ออึงเบาๆ ทันทีที่ได้ยินเสียงคล้ายปืนใหญ่ดังกึกก้องขึ้น ก่อนจะรู้สึกได้ถึงแรงกระแทกหนักหน่วงที่ประตูอย่างรุนแรงอีกครั้งของลูกเหล็กซึ่งพุ่งเข้าไปฝังตัวเข้ากับเนื้อไม้ของประตูหนาด้วยแรงส่งจากเครื่องยิง พลันเกิดเสียงระเบิดตูมใหญ่ดังตามมา ทุกคนในห้องโถงคราวนี้สะดุ้งสุดตัวด้วยความตกใจ
 
“ใช้ปืนใหญ่ในที่แบบนี้เนี่ยนะ!” แฮมมอนด์ร้องพลางยกมือขึ้นบังศีรษะกันเศษไม้ปลิวว่อน ส่วนนายท่านของเขากลับทำสีหน้าครุ่นคิด
 
“มันเคยเป็นหน่วยเกรนาดิเยร์ (grenadier) ” เขารำพึงเบาๆ ก่อนหันไปตะโกนร้องบอกทุกคนที่อยู่ด้านหลัง “มอร์ทาร์!! (mortar) ”
สิ้นเสียง พลันหมุดยึดประตูไม้ขนาดใหญ่จึงเริ่มกะเทาะออกจากผนังหินแล้วล้มลงมาทั้งแผง ทับข้าวของที่นำมาขัดไว้ เศษไม้ปลิวว่อน ฝุ่นควันคละคลุ้ง
 
ลูกระเบิดถูกกระหน่ำยิงเข้ามาอีกครั้งเพื่อเปิดทางให้โล่งยิ่งขึ้น แรงระเบิดอัดข้าวของที่ขวางทางกระเจิดกระเจิงออก ประตูไม้จากที่พาดอยู่กับข้าวของบางส่วนและทำให้ยังยากต่อการเดินฝ่าเข้าไป คราวนี้ล้มลงพังพาบอยู่กับพื้นหินแกรนิตแข็งแรงซึ่งเริ่มกร่อนเป็นหลุมด้วยแรงระเบิด เช่นเดียวกับผนังหินหนาของปราสาทที่ร่วงหล่นเป็นเศษผงจนช่องว่างขนาดเท่าประตูเป็นรูกว้างขึ้น
 
เมื่อเห็นว่าทางค่อนข้างโล่งแล้ว โลเทรค อาร์ชิบอลด์ จึงสั่งให้ทหารเดินทัพเข้าไป ทันใดนั้น ลอร์ดโคเว่น ออกคำสั่งให้พลปืนของเขาที่ตอนนี้แปรขบวนมาหลบอยู่ตรงข้างประตู จากที่เรียงแถวหน้ากระดาน ระดมยิงใส่เหล่าทหารอาร์ชิบอลด์ที่กรูกันเข้ามาทันทีจนพวกมันร่วงหล่นเป็นใบไม้ แต่นั่นก็ไม่อาจหยุดยั้งให้เหล่าทหารที่เหลือบุกตะลุยเข้ามาได้ พวกมันยังคงรุกคืบเข้ามาอย่างต่อเนื่อง พร้อมๆ กับ โลเทรค อาร์ชิบอลด์ ที่ฝ่าเข้ามาในห้องโถงพร้อมพลปืนชุดใหญ่ เขาบัญชาให้ทหารระดมยิงเข้าไปอีกชุด แต่ก็สายเกินไป เพราะแฮมมอนด์พร้อมสมัครพรรคพวกที่ซุ่มอยู่ตามแนวผนังไม่ไกลจากประตูต่างก็วิ่งเข้ามาประชิดพวกมันที่กำลังขึ้นลำกล้องปืน
 
หนุ่มผมน้ำตาลแดงทักทายโลเทรค อาร์ชิบอลด์ ทันทีด้วยตุ้มเหล็กมอร์นิ่งสตาร์ ทว่าขุนนางหนุ่มหน้าตางดงามในชุดขาว กลับไวพอที่จะก้มตัวหลบ ตุ้มเหล็กแหลมเหวี่ยงไปกระแทกใบหน้าทหารผู้เคราะห์ร้ายใกล้ๆ แทน จนกะโหลกยุบ ลูกตาหลุดกระเด็นออกจากเบ้า กลุ่มทหารอาร์ชิบอลด์จำนวนหนึ่งที่กำลังบรรจุกระสุนปืนอยู่นอกทางเข้า เมื่อเห็นดังนั้นจึงพุ่งเข้าใส่แฮมมอนด์ด้วยดาบปลายปืน ชายผมแดงกระชากศพหัวยุบนั้นด้วยมอร์นิ่ง สตาร์ เพื่อใช้ต่างโล่ก่อนดึงออก แล้วรีบหนีออกมาตั้งหลักทันที
 
ลอร์ดโคเว่น เห็นว่ากองกำลังอาร์ชิบอลด์ที่เตรียมพร้อมอยู่ด้านนอก กำลังจะบุกเข้ามาเพิ่ม เขาจึงสั่งให้พลธนูระดมยิงอัดหน้าปากประตูทางเข้าเพื่อเป็นการสนับสนุนและสกัดไม่ให้พวกมันทะลักกันเข้ามามากไปกว่านี้ แต่ยิ่งที ก็ยิ่งสุดต้านทาง การปะทะซึ่งหน้าไม่อาจหลีกเลี่ยงได้อีกต่อไป
 
โลเทรค อาร์ชิบอลด์ เงยหน้ามองลูกธนูที่พุ่งเป็นสายราวห่าฝนผ่านเหนือหัว เขารีบมุดเข้าไปใต้ศพของนายทหารเพื่อหลบ พลันควักเอาดินประสิวกรอกเข้าไปทางตัวจุดระเบิดและปากกระบอกของปืนมอร์ทาร์ แล้วคว้าเอาลูกระเบิดที่กลิ้งหล่นออกมาจากกระเป๋าสะพายของศพทหารฝั่งเขายัดเข้าไปทางปากกระบอกด้วยความชำนาญ
 
เสร็จเรียบร้อยชายหนุ่มในชุดขาวเปรอะเลือดนิดหน่อยจึงโผล่ตัวขึ้นมากลางดงศพทหาร ก่อนนั่งคุกเข่ายิงลูกระเบิดเข้าไปตกกลางห้องโถง กลุ่มทหารโคเว่นกระโจนหลบกันไปคนละทิศ รวมถึงลอร์ดโคเว่นที่กำลังจะเข้าปะทะ แฮมมอนด์รีบวิ่งฝ่าเข้าไปหาเจ้านาย และนี่เองที่ทำให้กลุ่มทหารอาร์ชิบอลด์ได้โอกาสบุกตะลุยเข้าไปจนลึกกว่าเดิมได้
 
“จับเป็นอาชชี่ โคเว่น ส่วนคนอื่นฆ่าให้หมด!” โลเทรค อาร์ชิบอลด์ พลันลุกขึ้นสั่งการด้วยน้ำเสียงดุดัน ทุกอย่างมันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด ทหารอาร์ชิบอลด์ยิ่งรุกคืบเข้าไปอย่างไม่อาจหยุดยั้ง
 
ลอร์ดโคเว่น ค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้นบ้าง เขาเสียคนไปบางส่วนแล้วจากแรงระเบิดเมื่อครู่นี้ ชายหนุ่มคว้าดาบคู่ใจขึ้นมาแทงสวนเข้าไปยังทหารอาร์ชิบอลด์นายหนึ่งที่กำลังพุ่งมายังเขาอย่างทุลักทุเล ก่อนใช้เท้ายันร่างทหารนายนั้นเพื่อดึงดาบออก และกระโจนขึ้นคร่อม ใช้มีดในมืออีกข้างปาดคอหอยทหารนายนั้นจนขาดใจตาย
 
การตะลุมบอนอย่างเต็มรูปแบบได้เริ่มต้นขึ้น เมื่อต่างฝ่าย ต่างเริ่มบุกเข้าหากันจนไม่ทันได้บรรจุกระสุนปืน พวกเขาใช้ดาบติดปลายปืนแทงเข้าไปที่อีกฝ่ายอย่างบ้าคลั่งเมื่อจวนตัว
 
ในขณะเดียวกัน คาเธรีน่า สเตลล่ามาริส กำลังค่อยๆ นำมารดา เลดี้แมคเดอมอทท์ เด็กๆ และผู้หญิงซึ่งเป็นบ่าวรับใช้ทยอยเดินลงไปทางคุกใต้ดินขนาดใหญ่ใต้เนินปราสาท ซึ่งเป็นที่เก็บกางเขนประจำตระกูลขนาดยักษ์ สูงราวเกือบสิบเมตร
 
พวกนางเดินผ่านโถงทำพิธีซึ่งเป็นเพดานสูงโค้ง มีคานแข็งแรงรองรับน้ำหนักพาดไปตามแนว พลางเงยหน้าเหลือบมองกางเขนทะมึนสีดำเหลือบแดงนั้นที่ตั้งตระหง่านอยู่บนแท่นบูชา สองหูเงี่ยฟังเสียงตะลุมบอนที่ดังมาจากข้างบนไกลๆ ก่อนจะล่วงเข้าสู่ส่วนของห้องคุมขังที่เพดานเตี้ยลงมาหน่อย และมีทางแยกมากมายน่าขนลุก คาเธรีน่ายังจำเส้นทางได้ดีพอที่จะพาเหล่าหญิงสาวและเด็กๆ ไปยังประตูทางออกขนาดใหญ่ด้านหลังของปราสาทได้ เพราะพี่ชายของนางเคยพามาเดินเลาะที่นี่เป็นประจำ
 
แม้จะกลัวความมืดมิดเพียงไร แต่แสงสว่างรำไรที่ปลายสุดทางเดินนั้น ก็ยิ่งทำให้นางใจชื้นขึ้นมา คาเธรีน่ารีบรุดเข้าไปไขกุญแจเปิดประตู โดยมีสาวรับใช้สองสามคนมาช่วยกันดึงออกเพราะมันค่อนข้างหนักและฝืด เด็กสาวยกตะเกียงขึ้นจ้องมองฝ่าความมืด สองเท้าหยุดชะงักทันทีเมื่อเห็นเงาตะคุ่มของกลุ่มคนสวมหมวกยืนออกันแน่นขนัดหน้าทางเข้าราวกับกำลังรออะไรบางอย่าง และนางยังได้ยินเสียงฝีเท้าและเสียงพูดคุยดังอื้ออึงมาจากเนินทุ่งหญ้าด้านบนอีกด้วย
 
แสงสว่างที่เห็นลอดแนวช่องประตูเข้ามามิใช่แสงแห่งทางออก หากแต่เป็นแสงตะเกียงซึ่งอยู่ในมือของใครสักคน หนึ่งในกลุ่มเงาทะมึนเหล่านั้นที่กำลังหันหน้ายกตะเกียงชูขึ้นมาทางเหล่าหญิงสาว
 
เลดี้แมคเดอมอทท์บีบมือบุตรสาวแน่น นางถอดสร้อยลูกประคำห้อยจี้กางเขนที่คอออกมาเกาะกุมไว้แล้วเริ่มสวดภาวนา ระหว่างที่แสงตะเกียงจากฝั่งตรงข้ามเคลื่อนมาใกล้เข้า จนเริ่มเห็นใบหน้าและสีเสื้อผ้าได้อย่างชัดเจน
 
บีอาทริเช่ เดส์ ลูมิเยร์ ปรากฏกายโผล่พ้นเงามืด ใบหน้าขาวประทินโฉมด้วยเครื่องสำอางมาอย่างดีเปื้อนรอยยิ้มเย็น นางยื่นสร้อยลูกประคำประดับจี้กางเขนประจำตัวซึ่งห้อยอยู่ที่มือของนางออกไปจ่อหน้ากลุ่มหญิงสาว 
 
“สวดภาวนาซะสิ ให้กับสิ่งนี้ แล้วดูว่ามันจะปกป้องพวกเจ้าจากข้าได้ไหม หึ หึ หึ....”
สิ้นประโยค เหล่าทหารอาร์ชิบอลด์พร้อมอาวุธกลุ่มใหญ่จึงย่างสามขุมตรงเข้าหากลุ่มผู้หญิงและเด็กจากตระกูลโคเว่น ด้วยสีหน้าถมึงทึงราวกับไม่มีความเป็นมนุษย์หลงเหลืออยู่
 
“บีอาทริเช่ นี่เจ้า....” คาเธรีนา สเตลล่ามาริส กัดฟันกรอด นางปล่อยมือจากมารดาก่อนชักดาบออกมาจากสายสะพายหนังคาดเอว เช่นเดียวกันกับหญิงรับใช้บางส่วนที่หยิบเอาปืนพกขึ้นมาพร้อมต่อสู้
 
หากพี่ชายของนางมีเลือดนักสู้เช่นไร สาวน้อยสายเลือดโคเว่นผู้นี้ก็มีไม่ต่างกัน
 
ชั่วพริบตานั้น นางตัดสินใจเขวี้ยงตะเกียงเข้าใส่ทหารอาร์ชิบอลด์นายหนึ่งจนไฟลุกท่วม เขากรีดร้องเสียงหลงวิ่งพล่านไปทั่วบริเวณ คาเธรีน่าสั่งให้คนรับใช้ถอยหนี หญิงสาวทุกคนที่ถือตะเกียงในมือพร้อมใจกันทำแบบเดียวกับท่านหญิงน้อยเพื่อสกัดการโจมตี แต่ครานี้พวกอาร์ชิบอลด์กลับรีบวิ่งไล่ตะครุบพวกนางด้วยความโมโหจนไม่ไยดีกับเปลวไฟที่เริ่มลามเลียไปตามสายน้ำมันที่หกรดจากตะเกียง
 
บีอาทริเช่ เดส์ ลูมิเยร์ นึกไม่ถึงว่าเด็กสาวจะใจกล้าห้าวหาญมากขนาดนี้ นางรีบก้าวถอยหลังฉับๆ ออกมานอกคุกใต้ดินซึ่งเป็นบันไดเล็กๆ เชื่อมขึ้นไปสู่เนินทุ่งหญ้าด้านบนที่ทอดผ่านสู่แนวป่าทึบใกล้ๆ ด้วยความตกใจกลัว ปล่อยให้ทหารอาร์ชิบอลด์วิ่งกรูเข้าไปปะทะกับพวกผู้หญิงของโคเว่นอย่างรุนแรง
 
เสียงปืนและดาบกระทบกระเทียบ ผสมปนเปกับเสียงกรีดร้องแหลมดังระงม ไฟลุกโหมกระหน่ำหนักขึ้นทุกที เหล่าหญิงสาวไม่มีทางเลือกนอกจากวิ่งกลับขึ้นไปข้างบน
 
“ตัวแสบนักนะ...ตายไปซะ นังเด็กเปรต...ข้าเบื่อพี่ชายเจ้าเต็มทนแล้ว!” บีอาทริเช่ตะโกนไล่หลังระหว่างฟังเสียงกรีดร้องของเหล่าหญิงสาวตระกูลโคเว่นด้วยความสะใจ
 
แม้จะมีกำลังพอสู้ไหว แต่พวกอาร์ชิบอลด์กลับดาหน้าเข้ามาราวกับไม่มีวันหมดสิ้น แฮมมอนด์นอกจากจะใช้อาวุธมอร์นิ่ง สตาร์ เหวี่ยงสังหารศัตรูที่อยู่ในรัศมีได้ทีละสองถึงสามคนแล้ว แต่ก็มิอาจต้านทานจำนวนของพวกมันที่รุมกลุ้มกันเข้ามาเรื่อยๆ โชคดีที่ห้องโถงสำหรับใช้จัดงานเต้นรำนี้ยังพอมีส่วนที่ยื่นออกมาเป็นที่กำบังได้บ้าง เขาวิ่งไปหลบพักหายใจยังที่ตรงนั้นเพื่อซ่อนตัวจากห่ากระสุนระลอกใหม่ พลางเหลือบมองไปยังนายท่านของเขาที่หลบอยู่ตรงส่วนเดียวกันแต่เป็นฝั่งตรงกันข้าม
 
ลอร์ดโคเว่น สั่งให้ทหารของเขารีบถอยร่นไปทางซุ้มประตูโค้งที่เชื่อมไปสู่ห้องรับรองแขกต่างเมือง ทว่าโลเทรค อาร์ชิบอลด์ ได้จัดเตรียมระเบิดระลอกใหม่พร้อมแล้ว
 
กลุ่มทหารโคเว่นต่างวิ่งกรูกันเข้าไปหลบตรงทางเชื่อมใต้ซุ้มประตูนั้น และกำลังจะถอยร่นลึกลงไป โดยหวังจะไปตั้งรับอีกทีที่คุกใต้ดิน เสี้ยววินาทีนั้นใครเล่าจะคาดคิดว่าประตูอีกฝั่งของห้องรับรองจะถูกกระแทกเปิดออก เหล่าหญิงสาวในสภาพสะบักสะบอมกระเสือกกระสนดิ้นรนวิ่งกันออกมา ตามด้วยทหารอาร์ชิบอลด์อีกฝูงใหญ่ทะลักทลายเข้ามาดักพวกเขาไว้อีกทางอย่างไม่น่าเชื่อ
 
ลอร์ดโคเว่นและแฮมมอนด์ ยังคงไม่รู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้นที่ในห้องรับรองทางด้านหลัง พวกเขายังนำกำลังคนยิงตอบโต้พวกอาร์ชิบอลด์ไปเรื่อยๆ เพื่อถ่วงเวลา เขาพร้อมลูกน้องบางส่วนโผล่ออกไปยิงสวนทันทีที่อีกฝั่งกระหน่ำยิงเสร็จ พลางพยักหน้าส่งสัญญาณให้แฮมมอนด์ถอยร่นตามเข้าไปในทางเชื่อม ทั้งหมดรีบเร่งฝีเท้าตามพรรคพวกที่เหลือไปโดยที่ตัวลอร์ดโคเว่นเองเป็นผู้รั้งท้าย
 
อนิจจา เพียงทหารโคเว่นบางส่วนโผล่หน้าพ้นทางเชื่อมไปไม่เท่าไหร่ก็ล้มลงกันระนาวด้วยเสียงปืนที่กระหน่ำยิงพวกเขาอย่างไม่หยุดยั้ง ลอร์ดโคเว่น หยุดชะงักด้วยความตกตะลึง เช่นเดียวกับแฮมมอนด์ที่กำลังวิ่งตามมาสมทบ
 
“เฮ้ย! ระวังหน่อยเขาบอกให้จับอาชชี่ โคเว่น เป็นๆ” เสียงห้าวทุ้มคุ้นหูดังขึ้นตามหลังหนุ่มผมแดง โลเทรค อาร์ชิบอลด์นั่นเองที่กำลังเดินตามมาพร้อมกำลังคนส่วนหนึ่งที่ถือปืนยิงระเบิดในมือ         
 
“ส่วนไอ้นี่ไม่ต้อง” มันชี้นิ้วมาทางแฮมมอนด์ที่กำลังยืนจ้องหน้ามันพักใหญ่ ขณะกวาดต้อนเพื่อนทหารให้รีบอพยพไปทางซุ้มประตูเชื่อมห้องโถงรับรอง
 
“ไอ้หน้าสวยตัวแสบ...เลี้ยงไม่เชื่อง” แฮมมอนด์ ถ่มน้ำลายรดพื้นแล้วรีบวิ่งตามไปสมทบกับเจ้านายของเขา ก่อนจะพบว่า บริเวณพื้นที่ห้องรับรองตรงหน้านั้นเต็มไปด้วยเลือดเจิ่งนอง คนของโคเว่นล้มตายกันเกลื่อน ส่วนหญิงสาวที่ยังมีชีวิตถูกลากลู่ถูไถ เหลือเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ยืนหยัดสู้ หนึ่งในนั้นคือลอร์ดโคเว่น ซึ่งกำลังกวัดแกว่งดาบปกป้องลูกน้องที่เหลืออยู่เพียงไม่กี่คนอย่างสุดกำลัง
 
ทหารอาร์ชิบอลด์ร่างยักษ์ กระแทกปืนเข้าที่หลังของลอร์ดโคเว่นจนเซถลา หลังจากที่เขาแย่งตัวหญิงรับใช้ออกมาจากมือของพวกมัน เจ้านั่นกระชากผมชายหนุ่มร่างเล็กกว่าเข้าหาตัว ลอร์ดโคเว่นพลันหันมาสวนคืนด้วยมีดเสียบเข้าที่ท้องแล้วงัดขึ้นจนปลายมีดทะลุออกทางด้านหลัง ก่อนเหวี่ยงดาบยาวบั่นหัวมันขาดสะบั้นต่อหน้าทหารอาร์ชิบอลด์ที่แตกฮือ พวกมันไม่ค่อยได้พบเจอใครนักที่จะตัดคอคนได้ด้วยดาบเรียวบางเช่นนั้นในสมัยนี้
 
ชายหนุ่มยังคงมีเรี่ยวแรงเหลือเฟือเมื่อต้องมีคนให้ปกป้องเพิ่มมากขึ้น เขาใช้สองดาบในมืองัดร่างไร้หัวนั้นต่างโล่แล้วเขวี้ยงเข้าใส่เป้าหมายราวสัตว์ร้ายสะบัดเหยื่อ สองหูยังคงได้ยินเสียงกรีดร้องของหญิงสาวดังออกมาจากประตูฝั่งเดิม
 
เปลวไฟจากชั้นใต้ดินเริ่มลุกโหมกระหน่ำมีกลุ่มควันลอยสูง แต่ดูเหมือนทุกคนในที่นั้นจะไม่ใส่ใจ พวกเขาทั้งสองฝ่ายต่างมุ่งมั่นในจุดมุ่งหมายของตน
 
โลเทรค อาร์ชิบอลด์ กระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อยให้แฮมมอนด์ที่ตกอยู่ในอาการพะว้าพะวัง มันสั่งการให้ทหารยิงระเบิดเข้าใส่ทันที ชายหนุ่มผมแดงเบิกตาโพลงแล้วเร่งสับเท้าเร็วรี่ไปยังนายท่านด้วยความเป็นห่วง
 
ระเบิดชุดที่หนึ่งถูกยิงเข้ามากลางโถงทางเชื่อมแคบๆ ร่างทหารโคเว่นที่หนีไม่พ้น กระเด็นไปกระแทกกับผนังอย่างรุนแรงจนเลือดสาด โลเทรค อาร์ชิบอลด์ ยังคงเดินหน้าต่อไม่หยุดยั้ง มันเว้นระยะสักพักก่อนยกมือให้สัญญาณยิงระลอกที่สองต่อทันทีที่เดินโผล่พ้นปากทางเชื่อมตามกลุ่มของแฮมมอนด์มา กระนั้นหนุ่มผมแดงสายเลือดไวกิ้งก็ไม่ได้ห่วงตัวเองเท่ากับห่วงเจ้านาย
 
ชายร่างใหญ่ผมแดงกระโจนเข้าไปรวบตัวลอร์ดโคเว่นที่กำลังถอยหนี ปกป้องเขาจากแรงระเบิดห่าใหญ่ซึ่งถูกยิงแบบย้อยตกลงมาไล่หลังกลุ่มโคเว่นที่เหลือ แฮมมอนด์ถูกแรงระเบิดอัดกระเด็นเข้าข้างฝา อ้อมแขนร่วงตกลงมา คลายออกจากร่างเจ้านายทันที ทั้งสองร่วงลงกระแทกพื้น ลอร์ดโคเว่น กลิ้งหลุนๆ ไปอีกทิศ ชายหนุ่มสะบัดศีรษะไปมาเล็กน้อยให้หายจากอาการมึน ประจวบเหมาะกับเจ้าโลเทรค เดินตามเข้ามาประชิดร่างเขาพอดีเมื่อการระเบิดสิ้นสุดลง มันเตะเข้าไปที่ชายโครงของเขาแล้วเอาเท้าเหยียบหลังไว้ แต่อาชชี่ โคเว่น ไม่ได้ใส่ใจความเจ็บปวดของตน กลับรีบเงยหน้ามองไปยังเพื่อนผมแดงที่แน่นิ่งไปแล้วด้วยดวงตาเบิกค้าง
 
“แฮมมอนด์....” เขาเรียกเบาๆ 
 
และในช่วงเวลาที่ทุกสิ่งดูราวกับจะหยุดนิ่ง ลอร์ดโคเว่น กวาดสายตามองดูความสูญเสียครั้งใหญ่ด้วยหัวใจอันเจ็บปวด เขาพลันได้ยินเสียงกรีดร้องของหญิงสาวหลายนางดังออกมาจากประตูทางเชื่อมห้องรับรองบานเดิม ใช้เวลาเพียงไม่กี่อึดใจ ทหารอาร์ชิบอลด์อีกกลุ่มใหญ่ ก็เดินออกมาจากประตูบานนั้น พร้อมอุ้มร่างหญิงสาวเสื้อผ้าขาดวิ่นเข้ามาอวดโฉมให้เจ้านายของมันดู
 
“จับน้องสาวกับแม่ของอาชชี่ โคเว่น ได้แล้วขอรับ” หนึ่งในพวกมันกล่าวรายงาน โลเทรค อาร์ชิบอลด์มองดูสาวน้อยและสาวใหญ่สองนางในมือของพวกทหาร เด็กสาวใบหน้างดงาม ผมสีน้ำตาลลอนยาวยุ่งเหยิง ถ่มน้ำลายรดหน้าเจ้าปิศาจซึ่งงดงามไม่แพ้กันแม้จะเป็นเพศชาย
 
ชายหนุ่มผิวขาวสะอาดจนเห็นเส้นเลือดฝาด ผินหน้าหลบเล็กน้อยมิให้น้ำลายกระเด็นเข้าตา ก่อนหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับมันออก ลอร์ดโคเว่น เฝ้ามองดูเหตุการณ์นั้นด้วยหัวใจเต้นสั่นระรัว เขาไม่เคยกลัวอะไรมากเท่านี้มาก่อนเลยในชีวิต
 
พี่ชายและน้องสาวสบตาราวกับรู้ชะตากรรม "อาชช์” นางเรียกชื่อเล่นเขาเบาๆ ก่อนจะโดนเจ้าปิศาจอาร์ชิบอลด์ ใช้หลังมือฟาดใบหน้าอย่างรุนแรง อาชชี่ โคเว่น เบิกตาโพลงด้วยความเคืองแค้น ต่อให้ทะเลาะกันรุนแรงแค่ไหนแต่เขาก็ไม่เคยลงไม้ลงมือกับนาง เขาทะนุถนอมนางราวกับแก้ว
 
"อย่าทำร้ายนางนะ! อย่า!" ชายหนุ่มร้อง เจ้าโลเทรค กระทืบเข้าที่กลางหลังของเขาเสียงดังอั๊ก! 
 
“จะทำอะไรก็ทำ รีบๆ ซะ ให้มันเสร็จตรงนี้ เวลาล่วงเลยมามากแล้ว ใช้เวลานานกว่าที่คาด บิดาข้าจะบ่นเอา ข้าต้องไปจัดเตรียมปะรำพิธีอีก” มันกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉยเจือความหงุดหงิด ก่อนก้มลงมองร่างที่อยู่ใต้ฝ่าเท้า เห็นชายหนุ่มกำลังสะอื้นไห้ และเริ่มดิ้นไปมาเพื่อสะบัดตัวให้หลุดออก โลเทรคจึงกระทืบเข้าไปที่กลางหลังอีกคำรบ เพื่อให้อยู่นิ่งด้วยความรำคาญ ลอร์ดโคเว่น กระตุกขึ้นเล็กน้อยตามแรงกระแทก เขามีอาการจุกอย่างเห็นได้ชัด
 
พวกทหารอาร์ชิบอลด์ได้ยินดังนั้นก็ยิ่งพอใจ พวกมันยกมือขึ้นทำความเคารพเจ้านายก่อนอุ้มร่างน้องสาว มารดา และหญิงสาวเคราะห์ร้ายคนอื่นๆ ที่เหลือรอดขึ้นพาดบ่า แห่ขบวนเดินออกไปจากบริเวณที่เคยทำศึกอย่างคึกคะนอง
 
อาชชี่ โคเว่น ยังไม่ยอมแพ้ เขามองตามภาพอันน่าหดหู่นั้น ด้วยดวงใจแหลกสลาย พลางรวบรวมพละกำลังทั้งหมดที่มีพลิกร่างกลับมานอนหงาย สะบัดขาของโลเทรคออกจากตัว แล้วกระเสือกกระสนดิ้นรนลุกขึ้นวิ่งตาม เจ้าปิศาจอาร์ชิบอลด์ชั่วช้าถึงกับเซถลา ดีที่ลูกน้องรีบเข้ามารับตัวทัน และเมื่อตั้งหลักได้ ชายหนุ่มผมทองจึงรีบคว้าปืนของลูกน้องแล้วเล็งตามเป้าหมายที่กำลังจะหายลับ พลันลั่นไกระเบิดกระสุนเข้าใส่ต้นขาของคู่อริจนเขาทรุดลงคุกเข่า แต่กระนั้นอาชชี่ โคเว่น ก็ยังไม่ยอม เขาคว้าดาบใช้ยันตัวต่างไม้เท้า แล้วลากร่างที่ชุ่มโชกด้วยเลือดเปรอะเต็มขาไปตามทางเดิน
 
โลเทรค เดินตามอย่างใจเย็น และเมื่อมันเห็น อาชชี่ โคเว่น เริ่มออกวิ่ง ชายหนุ่มก็สั่งให้ทหารสองสามนายวิ่งตามไป
 
“เอาแหไปด้วย จับเป็นนะ อย่าลืม ทำไงก็ได้ให้มันหมดฤทธิ์”
 
อาชชี่ โคเว่น วิ่งกะโผลกกะเผลกตามมาทันเห็นน้องสาวของเขากำลังถูกรุมโทรมกลางห้องโถงหน้าบันได ตรงประตูทางเข้าตัวปราสาทชั้นแรก เธอดิ้นรนอย่างสุดชีวิตแม้จะถูกพวกมันกระทำชำเราราวกับตุ๊กตา ไม่ได้สะทกสะท้านอันใดกับไฟที่เริ่มลุกไหม้รุนแรงจากชั้นล่างสุดของปราสาทจนเกิดเป็นมวลหมอกหนาสีแดงฉานพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าด้านนอก
 
สาวรับใช้คนอื่นๆ ถูกลากออกไปนอกตัวปราสาทมายังสนามหญ้าหน้าป้อมปราการ พวกนางกรีดร้องดิ้นรน แต่พวกมันก็ไม่ปรานี
 
อาชชี่ โคเว่น ไม่มีเวลาให้คิดนานนัก เพราะทันทีที่วิ่งตามมาทัน เขาก็พุ่งตรงเข้าไปหาทหารอาร์ชิบอลด์นายหนึ่งที่ยืนสูบยาเส้นเฝ้ามองเหตุการณ์อยู่ตรงชั้นพักบันได ต่อหน้าภาพวาดขนาดใหญ่ซึ่งเป็นรูปของลอร์ดโคเว่น เลดี้แมคเดอมอทท์ และเลดี้คาเธรีนา สเตลล่ามาริส ยืนอยู่ ใบหน้าของทั้งสามสดใสสวยงาม แตกต่างลิบลับกับในตอนนี้
 
น่าเสียดายที่ยังไม่ทันจะได้เอาแม้คมดาบเฉียดเข้าใกล้เป้าหมายแรกนั้น เขาก็ถูกตาข่ายทอด้วยเหล็กเส้นบางๆ หนาหนักคลุมร่างเข้าเสียก่อน ทหารอาร์ชิบอลด์สองสามนายตามมา ใช้ด้ามปืนและเท้าทุบกระทืบลอร์ดโคเว่นหนุ่มทันที จนทรุดลงไปนอนคู้ตัวเอาแขนสองข้างกันอวัยวะภายในไว้ตามสัญชาตญาณ
 
การรุมโทรมหญิงสาวแห่งโคเว่นยังคงดำเนินต่อไปสักระยะ เจ้าโลเทรค อาร์ชิบอลด์ สั่งให้ลูกน้องจัดการเอาโซ่ตรวนมาล็อกที่คอและมือทั้งสองของลอร์ดโคเว่น จนแน่นหนา หลังถูกรุมสกรัมจนสิ้นฤทธิ์ พลางบังคับให้ชายหนุ่มดูแม่และน้องสาวของเขาถูกกระทำย่ำยีโดยกลุ่มทหารอาร์ชิบอลด์ซึ่งพลุ่งพล่านด้วยอารมณ์เปลี่ยวจากชัยชนะที่ได้รับในการศึกของวันนี้
 
บัดนี้ อาชชี่ โคเว่น สิ้นเรี่ยวแรงแล้วทำได้เพียงระเบิดเสียงร่ำไห้อย่างหยุดไม่อยู่ และก่นด่าพวกมันด้วยความเคียดแค้น ทหารอาร์ชิบอลด์ที่โลเทรค ส่งต่อให้ควบคุมตัวเขา กระชากโซ่ที่เชื่อมติดกับเหล็กที่ล็อกคอจนร่างชายหนุ่มถูกดึงให้ลุกขึ้นนั่งคุกเข่า เห็นภาพแห่งการทารุณกรรมได้ชัดเจนยิ่งกว่าเดิม
 
“ข้าจะฆ่าพวกเจ้าทุกตัว!!! ข้าสาบาน!!! ข้าสาบาน!! ไอ้สารเลว!! พวกเจ้าต้องตายเยี่ยงสัตว์!! ขอให้พวกเจ้าไม่ตายดี!!”
 
ทุกครั้งที่อาชชี่ โคเว่น พยายามจะเบือนหน้าหนี เจ้าโลเทรค อาร์ชิบอลด์ ก็จะจับหน้าหันกลับมาและบังคับให้ดูอยู่แบบนั้น แม่และน้องสาวของอาชชี่ โคเว่น กรีดร้องดิ้นรนเช่นกันในทีแรก ก่อนจะเริ่มหมดแรงและแน่นิ่งไปเมื่อผ่านทหารอาร์ชิบอลด์คนแล้วคนเล่าราวกับไม่มีที่สิ้นสุด
 
ทว่าตัวโลเทรค อาร์ชิบอลด์ เองกลับไม่ได้สนใจเหตุการณ์ตรงหน้า มันเฝ้าพินิจพิจารณา อากัปกิริยาและสีหน้าท่าทางของชายหนุ่มผมดำอย่างไม่วางตา ความรู้สึกประหลาดเริ่มก่อตัวขึ้นในจิตใจอันบิดเบี้ยวอย่างรุนแรง
 
ใบหน้าคมด้วยสันกรามขบแน่นเครียดตึงของอดีตนายทหารหนุ่มยศสูงผู้นี้ ดูจะยิ่งงดงามคมเข้มขึ้น เมื่ออาบไปด้วยคราบน้ำตาแห่งความสูญเสีย ดวงตาสีฟ้าสดทอประกายพร่างพราวด้วยหยาดน้ำตาหลั่งริน ริมฝีปากเรียวบางแต่อิ่มเต็มมีสีสันสวยงาม แม้เปรอะไปด้วยคราบเลือด ลำคอและบ่าผึ่งผายแข็งแรงเนียนสะอาด แม้มีร่องรอยไหม้แดดตามประสาคนที่ชอบทำงานกลางแจ้ง
 
โลเทรค อาร์ชิบอลด์ จับใบหน้าของอาชชี่ โคเว่น ให้หันมาเผชิญหน้ากัน แต่ชายหนุ่มผมดำกลับหลบตาทันทีและสะอื้นไห้ไม่หยุดจนตัวหอบโยน “ข้าจะ....ฆ่าเจ้า...ฮึก....ข้าสาบาน...ข้าสาบาน...”
 
ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะได้เห็นภาพนี้จากคนเย่อหยิ่งที่ชื่ออาชชี่ โคเว่น อดีตผู้บัญชาการหน่วยทหารม้าที่สิบสาม คนแรกที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์
 
“ทั้งหมดก็เพราะเจ้าเป็นคนก่อ....จำไว้” โลเทรค อาร์ชิบอลด์ กระซิบด้วยน้ำเสียงแค้นเคืองระหว่างจิกรั้งผมของอีกฝ่ายดึงเข้ามาหาตน ก่อนจะเขวี้ยงร่างชายหนุ่มคู่อริเข้าไปกลางวงโทรมหญิงของพวกลูกน้อง ร่างเหนื่อยล้านั้นรีบตรงเข้าไปกระแทกร่างพวกชั่วช้าออก พลันใช้ศีรษะดุนร่างแม่และน้องสาว สะกิดให้พวกนางรู้สึกตัว
 
“แคธี่...แคธี่...ได้ยินข้าไหม....ได้โปรดมีชีวิตอยู่ ข้าขอร้อง....แคธี่....ท่านแม่...เรายังคุยกันไม่จบเลย” เขาเอาหูแนบหน้าอกนาง ยินเสียงหายใจแผ่วเบา รวยริน
 
ไม่มีสิ่งใดบ่งบอกว่าตุ๊กตารุ่งริ่งสองตัวนั้นยังมีชีวิตอยู่ นอกเสียจากดวงตาที่กลอกไปมาได้ของคาเธรีน่า ซึ่งตอบรับเสียงเรียกของพี่ชาย นางไม่มีแรงแม้จะหันไปมองหน้าเขา
 
“ข้าขอโทษ...ข้าจะไม่ส่งเจ้าไปแต่งงานกับดยุคแห่งแอปเปิลไชร์ เจ้าจะอยู่ที่นี่ เป็นครอบครัวเดียวกับเราตลอดไป ข้าจะไม่ผลักไสเจ้าอีกแล้ว แคธี่...ข้าขอโทษ” อาชชี่ โคเว่น ละล่ำละลัก พร่ำบอกด้วยเสียงแผ่วเบา พลางเหลือบสายตาไปทางเลดี้แมคเดอมอทท์ ซึ่งแน่นิ่งไปแล้วด้วยหัวใจที่ยิ่งบอบช้ำหนัก
 
“ท่านแม่...เราจะไม่ส่งแคธี่ไปใช่ไหม....ท่านแม่....” เขาใช้ศีรษะคลอเคลียแก้มของผู้เป็นมารดาด้วยความเศร้าโศก
 
โลเทรค อาร์ชิบอลด์ ให้เวลาพวกเขาได้อยู่ด้วยกันน้อยเหลือเกิน มันสั่งทหารที่ไม่ได้ร่วมวงโทรมหญิง ลากร่างอาชชี่ โคเว่น ออกไปจากปราสาทเพื่อนำตัวไปคุมขัง แต่ชายหนุ่มกลับขืนตัวต่อต้านแรงดึงที่ปลายโซ่ จนต้องใช้แรงกระตุกโซ่กระชากร่างเขาออกมา
 
“ไม่!!! ม่ายยยยยยย!!!” เขาคำรามร้องอย่างบ้าคลั่งระหว่างถูกลากลู่ถูไถออกไปตามทางเดิน
 
ค่ำคืนนี้ดูสว่างกระจ่างตากว่าทุกคืนด้วยดวงจันทร์กลมโตสีซีดเกือบเต็มดวง อาชชี่ โคเว่น นั่งคู้กายเหงาหงอยหลังพิงขอบรถม้าบรรทุกของซึ่งถูกนำมาขนนักโทษ ทหารอาร์ชิบอลด์สองสามนายที่นั่งเฝ้า ส่งสายตามองชายหนุ่มด้วยความสมเพชและขบขันในชะตากรรมที่ขุนนางผู้เย่อหยิ่งเช่นเขาต้องเผชิญ หากเป็นเหตุการณ์ปกติ อาชชี่ โคเว่น คงจะพุ่งเข้าไปทำร้ายพวกมันเป็นแน่ แต่ด้วยร่างกายที่บอบช้ำรวมถึงจิตใจอันแหลกสลาย ณ เวลานี้ ชายหนุ่มไม่มีเรี่ยวแรงจะคิดทำสิ่งใดนอกจากล้มตัวลงนอนมองดวงจันทร์กระจ่างที่ผลุบโผล่ไปตามแนวไม้บนฟากฟ้าสีน้ำเงินเข้มคล้ำ สภาพท้องถนนดินอันขรุขระและอากาศอันหนาวเหน็บทำให้เขารู้สึกปวดร้าวระบมไปทั่วสรรพางค์กาย
 
“พรุ่งนี้คงบวมปูดเป็นแน่…” เขาคิดก่อนพลิกตัวนอนตะแคงหลบสายตาเหล่าสุนัขของอาร์ชิบอลด์ แล้วข่มตาให้หลับลง 
 
ขบวนรถม้านำนักโทษเคลื่อนลัดเลาะไปตามเส้นทางที่เต็มไปด้วยป่า จากปราสาทคอร์วินัสสู่คฤหาสน์อลิสัน 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา