โอรีเวีย 2 ( ล่มสลาย )

6.3

เขียนโดย shilen

วันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 เวลา 20.40 น.

  43 บทที่
  2 วิจารณ์
  23.07K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) หนึ่งปีผ่านพ้น

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
หนึ่งปีในโอรีเวียได้ผ่านพ้น   หลายสิ่งดำเนินไปแต่บางสิ่งยังย่ำอยู่กับที่   โอรีเวียที่เคยเกรียงไกรบัดนี้กลับมีรอยร้าว   ข่าวลือที่สร้างความหวาดระแวงถูกส่งต่อไปทุกวัน   แต่ผู้คนก็ยังใช้ชีวิตไปตามปรกติด้วยไม่มีทางเลือกและไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรแน่   จึงได้แต่ก้มหน้าทำตามวิถีเดิมๆ ดังเช่นที่เคยเป็นมา
 
หลังจากผ่านคืนวันอันโหดร้าย   ด้วยอำนาจของผู้ใช้เวทมนตร์ทุกอย่างก็กลับคืนเป็นปรกติ   เว้นแต่ผู้ที่จากไปแล้วก็จากไปตลอดการ   ไม่อาจหวนคืนมาได้
 
สำหรับเหตุการณ์โจมตีที่เกิดขึ้นในปราสาทขาว   ทางสภาผู้ใช้เวทมนตร์ออกแถลงการณ์ว่าเป็นเพราะครูใหญ่วีแกนทดลองยาโดยพลการจึงทำให้เกิดเรื่องหน้าเศร้าขึ้น   และเมื่อผู้ก่อเหตุได้ถึงแก่ความตายแล้วคดีนี้จึงถือว่าจบไป   ไม่จำเป็นต้องสอบสวนอีก   แม้มีหลายฝ่ายแสดงความกังขากับบทสรุปนี้   แต่ก็ไม่อาจคัดค้านประการใดได้   เพราะนี่คือคำตัดสินของจอมเวทวาลาน 
 
กษัตริย์แห่งอันดอรีสมารับร่างของเจ้าหญิงลูเซียน่ากลับไปด้วยพระองค์เอง   เป็นอันปิดฉากข่าวลือที่ว่าพระองค์หายตัวไปหรือแม้กระทั่งที่ว่าพระองค์สวรรคตแล้ว
 
เด็กนักเรียนหลายคนทยอยกลับบ้านแม้จะยังไม่สิ้นเทอมดี   แต่พวกเขาก็ไม่พร้อมที่จะอยู่ในโรงเรียนต่อ   หลังจากเกิดเรื่องสยองทางปราสาทขาวจึงสั่งพักการเรียนชั่วคราว   แต่ยังมีเด็กอีกหลายคนที่ยังอยากอยู่ในโอรีเวียต่อบางทีบ้านเมืองของพวกเขาคงจะน่ากลัวกว่านี้มาก   ผู้ปกครองบางคนต้องมารับร่างบุตรตัวเองกลับบ้านเกิด   บางศพได้รับการฝังไว้ที่สุสานหลังเมือง
 
           
            ครอบครัวพลัดถิ่นแห่งซีนาร์ยยังคงปักหลักอยู่ที่โอรีเวีย   ใช้ชีวิตไปตามปรกติราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น   ทั้งที่ในใจกลับร้อนรนแต่ไม่รู้จะทำเช่นไร   พวกเขาช่วยกันทำฟาร์มในที่ดินแปลงหนึ่งนอกกำแพงเมือง   เมื่อฤดูเก็บเกี่ยวกำลังผ่านพ้นนั่นก็เท่ากับหนึ่งปีเต็มในโอรีเวีย   หนึ่งปีที่มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายและหนึ่งปีที่แทบจะไม่มีข่าวคราวใดๆ จากซีนาร์ย
 
สี่ชีวิตในบ้านหลังน้อยท่ามกลางทุ่งโล่งต่างยินดีท่วมท้น   ผลผลิตปีแรกกลับอุดมสมบูรณ์เกินคาด   นั่นเป็นเพราะความอนุเคราะห์ของพ่อมดใจดีนามว่าดีมีน   ที่กรุณามาเยี่ยมเยือนพร้อมกับมนต์วิเศษ   ในวันที่อาเธอร์ไปรับเด็กๆ กลับมายังฟาร์มนอกเมืองพวกเขาต่างตะลึงตาค้าง   ผลผลิตในฟาร์มของเมืองซีนาร์ยสามปียังไม่มากเท่านี้   ข้าวโพดเหลืองอร่ามเต็มทุ่ง   มะเขือเทศสีแดงสดใหญ่กว่ากำปั้นของอาเธอร์เสียอีก   แม้แต่แอปเปิลที่พวกเขาปลูกเอาใจคาโอเรียหนึ่งปีกลับให้ผลมากมายจนต้องหาไม้ค้ำยันกิ่งเอาไว้
 
ในตอนแรกพวกเขาต่างกังวลใจว่าจะเก็บผลผลิตทั้งหมดได้อย่างไร   แล้วความกังวลก็หมดลงเมื่อคนจากหมู่บ้านนอกกำแพงแห่กันออกมาช่วยเหลือ   โดยไม่ยอมรับค่าตอบแทนหรือสินน้ำใจอื่นใด   อาเธอร์ทนไม่ไหวขนผลผลิตที่ได้ขึ้นเกวียนเอาไปเทตรงลานกลางหมู่บ้านถึงห้าเที่ยว   และไปข่มขู่หัวหน้าหมู่บ้านผู้ชราว่าหากนำไปคืนคงต้องมีเรื่องโกรธกันแล้ว   ที่เขาทำเช่นนี้เพราะรู้ว่าคนจากหมู่บ้านล้วนอดอยากและยากจน
 
หลังจากจัดสรรปันส่วนผลผลิตแล้วพวกเขาจึงนำส่วนที่เหลือไปขายในเมือง   ได้เงินมาพอใช้จ่ายอย่างสบายตลอดทั้งปี   และถุงทองมรดกสุดท้ายของคุณปู่ก็ยังเหลืออยู่
 
ในคืนอันแสนสบาย   ท้องฟ้าเปิดโล่งอากาศสดชื่นกลิ่นลาเวนเดอร์อบอวล   พวกเขาทั้งสี่ต่างออกมาก่อกองไฟนอกบ้านนอนเล่นดูดวงดาวพลางกินขนมปังปิ้งทาเนยสดไปพลาง  
 
ลาเวนเดอร์นั้นคาโลไรน์ผู้เป็นแม่ของเด็กทั้งสองเป็นคนนำมาปลูกไว้รอบบ้าน   ตามความเชื่อเดิมพวกเขาจะใช้ดอกลาเวนเดอร์ในพิธีฝังศพ   เพื่อปกป้องมิให้ปีศาจร้ายมาชิงเอาดวงวิญญาณไป   และด้วยความที่มีเรื่องร้ายๆ เกิดขึ้นมากมายนางผู้ไม่รู้จะทำประการใด   จึงนำลาเวนเดอร์มาปลูกรอบบ้าน   ด้วยหวังว่ามันจะปกป้องนางและครอบครัวจากสิ่งชั่วร้าย
 
 
เด็กหญิงผมสีทองคนนั้นนอนหนุนตักอาเธอร์ในมือถือแอปเปิลหวานฉ่ำ  
นางทำตาปรือฟังนิทานที่บิดากำลังเล่า
 
“ ท่านพ่อไม่เล่าเรื่องของแอลเธอลาสบ้างล่ะ ” 
 
คำถามของบุตรชายคนโต
ทำเอาอาเธอร์ถึงกับหยุดชะงักไปนาน
 
“ เจ้าอยากฟังเรื่องใดล่ะ ”     
 
ในที่สุดเขาก็เอ่ยถาม  
 
“ เรื่องอะไรก็ท่านพ่อไม่เคยเล่าอะไรเกี่ยวกับคุณอาเลยเป็นเพราะเหตุใดกัน ”
 
อาเธอร์หลับตา
คิดย้อนไปในวัยเด็ก
 
เขากับน้องชายคนเดียวต่างรักใคร่สนิทสนมกันดี
จนกระทั่งก้าวเท้าเข้าสู่ปราสาทขาว
ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป
 
เมื่ออาเธอร์เข้าโรงเรียน
น้องชายตัวแสบก็ขอตามไปทั้งที่อายุไม่ถึงเกณฑ์
และดันสอบผ่านทุกขั้นตอนแบบหน้าตาเฉย
 
เป็นเพราะน้องชายนั้นเก่งกว่ามาก
สอบข้ามขั้นได้อย่างหน้าประหลาด
 
เขาเองที่ทุกคนให้ความหวัง
กลับกลายเป็นน้องชายตัวเล็กๆ ทำได้ดีกว่า
 
เสียงสรรเสริญได้เปลี่ยนทิศ
ทุกคนหันไปเอาอกเอาใจแอสเธอลาส
เขาเสียทุกอย่างรวมทั้งความรักจากบิดา
 
อาเธอร์แบกรับความกดดันมากมาย
แต่ไม่ว่าจะพยายามเพียงใดก็ไม่เคยเป็นผล
 
จากความน้อยเนื้อต่ำใจจึงกลายเป็นความเกลียดชัง
ใช่เขาเกลียดแอสเธอลาส
ผู้ที่แย่งชิงทุกอย่างไปจากเขา
 
ภาพสุดท้ายที่เห็นคือแอสเธอลาสร่วงหล่นลงสู่บึงไฟ
ปล่อยเขามีชีวิตต่อไปด้วยความรู้สึกผิดที่ไม่มีวันจางหาย
น้องชายคนนี้ชั่วร้ายเสมอต้นเสมอปลายเสียจริง
 
หนุ่มใหญ่ถอนหายใจเฮือก
 
“ คืนนี้ช่างงดงามเหลือเกิน   พวกเราอย่าได้รำลึกถึงสิ่งใดที่มันเศร้าโศกเลยนะ ”
 
เขาว่า
 
“ นั่นน่ะสิ ” 
 
คาโลไรน์รีบเสริม
นางกำลังสาละวนกับขนมปังบนเตาที่กำลังส่งกลิ่นหอมกรุ่น
 
นางรู้ว่าคนเป็นสามีกำลังเสียใจ
จึงช่วยเปลี่ยนเรื่อง
 
“ ท่านพี่ฤดูหนาวปีนี้จะทำเช่นไร   อยู่กลางทุ่งก็สบายดี   เข้าในเมืองก็อบอุ่น   บ้านหลังน้อยแข็งแรงเสบียงก็มีพร้อม   ต่อให้มีหิมะมากพวกเราก็ผ่านได้สบาย   แต่ถ้าอยู่ในเมืองเด็กๆ คงได้สนุกกัน ”
 
คาโลไรน์ถามความเห็น
 
“ แล้วเจ้าคิดว่าอย่างไร ”
 
อาเธอร์ถามกลับ
 
“ ข้าก็แล้วแต่ท่าน   เด็กๆ ล่ะ ”
 
นางหันมาหาบุตรทั้งสอง
 
“ อยู่กลางทุ่งก็สบายแต่ขนมหวานงานเทศการประจำปีก็อร่อย ”
 
อาโอเรียกล่าวพลางยื่นแอปเปิลให้กระต่ายลูแทะ
 
“ แล้วเจ้าล่ะฟิโลโซเฟอร์ ”
 
เด็กชายทำหน้ามุ่ย
 
“ ข้าอย่างไรก็ได้ ”
 
เขาว่าด้วยความรู้สึกเบื่อหน่าย
เด็กชายไม่เหลือใครในโอรีเวียแล้ว
 
เพื่อนๆ ของสองเขาสหายอ้วนผอม
ฟีไลร่าเด็กหญิงแสนสวยแห่งไอโอเนียกับลูกพี่ลูกน้อง
พวกเขาไม่อยู่ที่นั่นแล้ว
 
รวมทั้งดารีลด้วย
 
เมื่อเป็นเช่นนั้น
เมื่อไม่มีพวกเขาอยู่ที่ไหนก็เหมือนๆ กัน
 
“ เอาล่ะถ้าเช่นนั้นเราจะอยู่ที่นี่กลางทุ่งหญ้าในฟาร์มของเรา   จนกว่าหิมะแรกจะมาเราค่อยเข้าเมือง   หรืออย่างน้อยต้องทันงานเทศกาลประจำปี   จริงไหมคาโอเรีย ”
 
อาเธอร์ว่า

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
4 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา