โอรีเวีย 2 ( ล่มสลาย )

6.3

เขียนโดย shilen

วันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 เวลา 20.40 น.

  43 บทที่
  2 วิจารณ์
  22.81K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

9) ผืนน้ำใต้แสงจันทร์

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ฟิโลโซเฟอร์นั่งเฝ้าอยู่อย่างนั้นจนเผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว   เมื่อสะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่าตนเองนอนอยู่บนเตียง   ห่มผ้าเรียบร้อยในห้องใต้หลังคาเพียงลำพัง   หน้าต่างเปิดกว้างแสงจันทร์ยังสาดส่อง   ไร้เงาของผู้อื่นใด

 

เด็กชายตัวน้อยได้แต่สงสัย   ว่าเขาขึ้นมานอนบนเตียงได้อย่างไรแล้วดารีลหายไปไหน   หรือทั้งหมดนี่คือความฝัน   เป็นเพราะเขาคิดมากไปสติเลยฟั่นเฟือนเสียแล้ว

 

แต่กลิ่นหอมจางๆ ยังติดตามเนื้อตัว   กลิ่นที่เขาคุ้นเคยและไม่เคยลืม   นี่คือสิ่งเดียวที่ยืนยันว่าดารีลมาที่นี่เพียงแต่ว่าเวลานี้เจ้าตัวไปอยู่ที่ใด

 

ฟิโลโซเฟอร์เลิกผ้าห่มโยนทิ้งไป   เขาก้าวลงจากเตียงตรงไปที่หน้าต่างที่เปิดกว้างสู่ด้านนอก   เขารู้ว่าดารีลปีนป่ายเก่ง   แต่การที่จากไปเงียบๆ โดยไม่บอกกล่าวแบบนี้ใช้ได้ที่ไหน

 

เด็กชายชาวซีนาร์ยเงยหน้ามองแสงจันทร์   ความทรงจำเก่าก่อนย้อนมา   หรือดารีลจะยังไม่ไปไหน   คิดได้ดังนั้นเขาจึงปีนหน้าต่างลงมาบ้าง   แล้วมุ่งไปที่บึงสีเขียวที่อยู่ไม่ไกลจากตัวบ้านนัก   

 

และก็เป็นดังนั้นจริงๆ ดารีลนั่งอยู่ริมน้ำ   ใบหน้าขาวผ่องสะท้อนกับเงาจันทร์แลดูซีดเผือดราวกับภูตผี   หนุ่มน้อยคนนั้นค่อยๆ เคลื่อนกายลงสู่บึงแล้วหายไปอย่างเงียบเชียบ  

 

เด็กชายตัวน้อยกำลังชั่งใจว่าควรจะเข้าไปรบกวนหรือไม่   แต่ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมา   ตอนนี้น้ำมิได้เป็นน้ำแข็งดังเช่นคราก่อน   แล้วเขาเดินลงไปเพื่ออะไร  

 

เขาจึงวิ่งไปที่ริมบึงอย่างร้อนรน   ทุกอย่างเงียบเชียบไร้วี่แววของสิ่งมีชีวิต   มีเพียงแสงจันทร์กระทบล้อเกลียวคลื่นเล็กๆ เกิดประกายระยิบระยับ  

 

ฟิโลโซเฟอร์กวาดสายตาไปทั่ว   นานเกินไปแล้วใยดารีลไม่ยอมผุดขึ้นมา   เขาคงไม่ คงไม่  

 

เด็กชายใจหายวาบตะกายลงน้ำทั้งที่ว่ายน้ำไม่เป็น   บึงนี้ลึกกว่าที่นึกเอาไว้เขาจึงจมดิ่งลงไปทันที   แม้จะพยายามตะกายขึ้นเหนือน้ำแต่ไม่เป็นผล   จึงพยายามมองไปรอบๆ หวังได้เห็นดารีลอีกสักครั้ง   ครั้งสุดท้ายก็ยังดี  แต่ก็เห็นเพียงแสงจันทร์ที่ทอดผ่านผิวน้ำลงมา  

 

ในความเงียบงันและทรมานจากการจมน้ำ   เขารู้สึกถึงแรงกระเพื่อมของคลื่นที่ผ่านเข้ามาอย่างรวดเร็ว   มือข้างหนึ่งโอบรัดจากทางด้านหลังแล้วดึงร่างของเขาขึ้นสู่ผิวน้ำ 

 

 เด็กชายตัวน้อยยังสำลักอยู่ขณะถูกดึงฉุดลากเข้าสู่ฝั่ง

ชายตลิ่งแห่งนั้นเต็มไปด้วยโขดหิน  

 

เจ้าของมือโอบรัดแน่นเข้า

พลางโน้มใบหน้ามาใกล้จนรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆ ที่เป่ารดต้นคอ  

 

เด็กชายตัวแข็งทื่อในทันที

กลิ่นหอมราวกับมนต์สะกดอบอวลอยู่รอบกาย

 

“ เจ้าว่ายน้ำไม่เป็น ”

 

นั่นคือคำกล่าวทื่อๆ ด้วยเสียงละมุนที่คุ้นเคย

แต่ยากจะฟังว่านี่คือคำถามหรือเพียงกล่าวลอยๆ

 

“ ใยเจ้าจึงดำลงไปใต้น้ำนานนักล่ะ   ทีหลังอย่าทำให้ข้าเป็นกังวลแบบนี้ ”

 

เด็กชายต่อว่า

 

“ คนที่ว่ายน้ำเป็นยากที่จะจมน้ำตาย   ไม่ว่าตั้งใจจมเองหรือไม่ก็ตาม   ข้าพอใจเล่นน้ำที่ไหนเมื่อไหร่ก็ได้   เจ้าจะคิดมากไปเพื่ออะไรอย่างน้อยข้าก็ไม่คิดฆ่าตัวตาย   แม้ใจปรารถนาก็ตามเพราะมันไม่มีประโยชน์อันใดสำหรับข้าเลย ”

 

หนุ่มน้อยคนนั้นบอก

 

เหมือนจงใจแกล้ง

แม้จะลากเด็กน้อยมาถึงริมตลิ่งแล้ว

แต่กลับไม่พาขึ้นไป

 

ซ้ำยังอยู่ในจุดที่น้ำลึกพอประมาณ

ด้วยความที่ดารีลตัวสูงกว่า

ลำคอของเขาจึงพ้นจากน้ำ

 

แต่ฟิโลโซเฟอร์ยังปริ่มๆ จะท่วมจมูกอยู่แล้ว

จึงต้องอาศัยพิงร่างกับแผ่นอกคนข้างหลังเอาไว้

เพื่อไม่ให้จมลึกไปกว่านี้

 

“ เจ้าตามข้ามาถึงที่นี่ทำไมกันนะ ”

 

ดารีลกระซิบถาม

 

“ ลองเดาดูสิ ”

 

เด็กชายแกล้งยั่วคืนไปบ้าง

 

“ ข้าไม่ชอบเดาแต่ชอบทึกทักเอาเองมากกว่า ”

 

คนอายุมากกว่าว่า

พลางปลดเสื้อผ้าของเด็กชายตัวน้อยด้วยมือข้างหนึ่ง

ส่วนอีกข้างยังโอบรัดรอบเอวเอาไว้

 

“ เดี๋ยวสิคิดจะทำอะไรน่ะ ”

 

เด็กชายท้วง

เขารู้สึกสับสนกับอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ของหนุ่มน้อยคนนี้

 

ดารีลเลือกที่จะเงียบแทนคำตอบ

และยังคงปลดเสื้อผ้าของเด็กน้อยอย่างใจเย็น

 

เด็กน้อยเจ็บแปลบจนสะดุ้ง

เมื่อรู้สึกถึงแรงเสียดแทงผ่านเนื้อหนังเข้ามาในร่าง

แต่เขาก็ไม่ได้ขัดขืนอันใด

 

ได้แต่เขากัดริมฝีปากเพื่อสะกดไม่ให้ส่งเสียงครางออกมา

มือข้างหนึ่งกำรอบข้อมือที่โอบรัดเขาไว้

 

“ ใยเจ้าจึงชอบกัดข้านัก   เป็นเพราะข้าทำเจ้ามีโมโหหรือนี่เป็นการทักทายตามแบบพื้นบ้านดั้งเดิมของเจ้า ”

 

ฟิโลโซเฟอร์เอ่ยประท้วง

เขาแน่ใจว่าคงมีเลือดไหลบ้างแล้ว

 

“ น้อยไปสิ   ใจจริงแล้วข้าอยากฉีกเจ้าออกเป็นชิ้นๆ อุตส่าห์ตั้งใจมาหาที่สงบแท้ๆ ดูเจ้าทำเข้าสิ ”

 

ดารีลตอบ

เมื่อเขาถอนริมฝีปากออกจากไหล่ของเด็กชาย

 

“ เจ้าอยากให้ใจสงบบอกข้าก็ได้นี่ข้ารู้ต้องทำอย่างไร ”

 

หนุ่มน้อยเงียบไปอีก

แต่ยังมุ่งมั่นในการปลดเสื้อผ้าของเด็กชาย

 

ฟิโลโซเฟอร์จับมือที่เริ่มซุกซนนั้นไว้

อีกคนจึงตอบโต้โดยการปล่อยมือให้เด็กชายจมน้ำลงไป

 

เด็กน้อยหมุนตัวกลับด้วยความตกใจ

เพื่อคว้าไหล่ของตัวต้นเหตุเอาไว้

 

แล้วก็พบกับความจริงที่ชวนตะลึงเสียยิ่งกว่า

ดารีลตอนนี้ก็ไร้ชุดคลุมเหมือนกัน

ร่างที่เปียกโชกใต้แสงจันทร์นั้นเย้ายวนอย่างน่าประหลาด

 

เด็กชายคล้องแขนโอบรัดคออีกฝ่าย

บีบบังคับให้ใบหน้าโน้มเข้าหากัน

 

ดารีลเชิดหน้าขึ้น

หลีกหนีจากการพยายามแนบชิด

 

เด็กชายก็ไม่ได้ฝืนบังคับต่ออาการแข็งขืนนั้น

เพราะอย่างไรเสียดารีลก็ขืนเขาได้ไม่นาน

 

ฟิโลโซเฟอร์รู้สึกพึงใจเสมอที่เห็นแรงต่อต่าน

มันทำให้หัวใจน้อยๆ เต้นแรง

 

“ เมื่อวานซืนเจ้าทำหิมะตกหรือ ”

 

เด็กน้อยเอ่ยถาม

 

“ คิดว่าอย่างไรล่ะ ”

 

ดารีลถามกลับ

 

“ ใยต้องเศร้าขนาดนั้น ”

 

“ ข้าแค่อยากมีวันที่งดงาม   แต่พลังตอนนั้นกำลังปั่นป่วน   ถึงอย่างนั้นก็ยังเป็นเวลาดีๆ ของเจ้ามิใช่หรือ   อย่างน้อยก็ไม่ได้พลาดจนเกิดพายุใหญ่ ”

 

“ ข้าไม่สามารถมีเวลาดีๆ ได้หากเจ้ายังเป็นทุกข์อยู่ ”

 

เด็กน้อยบอก

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
4 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา