Pathenon โรงเรียนมนตราพาเธนอน

-

เขียนโดย OAZIS

วันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2564 เวลา 13.58 น.

  17 ตอน
  2 วิจารณ์
  6,691 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 19 กันยายน พ.ศ. 2564 15.16 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

13) คำถาม

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ทที่ 13

คำถาม

 

          “พวกนายรู้เรื่องที่มีเด็กรุ่นเราเปิดแก่นเวทได้แล้วรึยัง” แอเลน่าถามขึ้นกลางวงสนทนาในห้องอาหาร

 

          หลังการเรียนคลาสเวทมนตร์พื้นฐานไปเมื่อวาน ข่าวนี้เป็นข่าวซุบซิบที่ดังที่สุดในเด็กปี 1 ตอนนี้ ทุกๆ คนต่างพูดถึงข่าวนี้กันเต็มไปหมด ส่วนคนที่เปิดแก่นเวทได้ก็ดูจะกลายเป็นที่รู้จักในรุ่นขึ้นมาทันที

 

          “น่าอิจฉาแหะ แค่วันเดียวก็เปิดแก่นเวทได้ซะแล้ว” นิโคลบ่น แต่ก็ไม่วายจิ้มไส้กรอกรมควันชิ้นโตเข้าปาก พร้อมเสนอความคิด “เอางี้ไหม เราลองไปถามเคล็ดลับกับพวกนั้นดู เผื่อได้เทคนิคอะไรมาใช้บ้าง”

 

          “ฉันลองแล้ว” แอเลน่าตอบด้วยสีหน้าผิดหวัง “แต่พวกนั้นไม่บอกอะไรฉันเลย บอกแค่ว่าจำไม่ได้ว่าทำได้ยังไง”

 

          “ที่ว่าพวกนั้นเปิดแก่นเวทได้แล้วจริงๆ เนี่ย เชื่อถือได้แค่ไหน แอล” เอ็ดเวิร์ดถามขึ้น

 

          “ไม่รู้สิ” เด็กสาวยักไหล่ตอบ “เอาจริงๆ มันก็แค่ข่าวซุบซิบนั่นแหละ ไม่มีอะไรการันตีได้ พวกนั้นก็หาอะไรมาพิสูจน์ไม่ได้เลย บอกแค่ว่าเปิดได้แล้วจริงๆ”

 

          “ฉันว่ากั๊กชัวร์” นิโคลออกความเห็น ขณะเคี้ยวไส้กรอกตุ้ยๆ เต็มปากจนแก้มป่อง

 

          “ไม่หรอก” เดรโกพูดขึ้นมาบ้าง เรียกให้ทุกสายตาบนโต๊ะเหลือบไปยังผู้พูด “ที่ว่าพวกนั้นจำไม่ได้ พวกนั้นพูดจริง”

 

          “นายรู้ได้ไง” แอเลน่าหันไปถาม

 

          “นายเปิดแก่นเวทได้แล้วสินะ เดรโก” เอ็ดเวิร์ดสันนิษฐาน เพราะ เขาก็หาเหตุผลอย่างอื่นไม่ได้ว่าเพื่อนทำไมเพื่อนของเขาถึงเชื่อคำพูดพวกนั้น นอกจากว่าเจ้าตัวจะมีประสบการณ์อย่างเดียวกันเท่านั้น และคำพูดของเอ็ดเวิร์ดถึงกับทำให้เพื่อนอีก 2 คนตาโต

 

          “จริงหรอ” ทั้ง 2 คนถามขึ้นพร้อมกันอย่างตกใจ และได้รับคำตอบกลับมาเป็นการพยักหน้า

 

          “ฉันเปิดแก่นเวทได้แล้วจริงๆ เมื่อคืนนี้ คิดว่านะ แต่อย่าถามนะว่าได้ยังไง เพราะ ฉันก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน” เดรโกอธิบายสีหน้าเรียบเฉย จ้องมองหน้าเพื่อนทีละคน “จำไม่ได้แม้กระทั่งว่าฉันนึกถึงเรื่องอะไรก่อนนอนเมื่อคืน แต่พอตื่นเช้ามา ฉันก็รู้สึกได้เองว่าฉันเปิดแก่นเวทได้แล้ว”

 

          “ไอ้ความรู้สึกของนายเนี่ย มันคือยังไงหรอ” นิโคลถาม เป็นอีกครั้ง (ในไม่กี่ครั้ง) ที่เขาวางมือจากอาหารตรงหน้า

 

          “ไม่รู้สิ มันเหมือนกับ…เลือดในตัวมันสูบฉีด หัวใจเต้นเร็วขึ้น ประมาณนี้ล่ะมั้ง จากที่ครูใหญ่พูดไว้ มันอาจจะเป็นเพราะปริมาณธาตุพื้นฐานในร่างมันมากขึ้นล่ะมั้ง” เดรโกตอบ แต่ดูจะเป็นคำตอบที่เจ้าตัวก็ไม่แน่ใจนักว่าเป็นอย่างที่พูดจริงไหม

 

          “ฉันว่าถ้าจำไม่ผิด หมอนั่นน่าจะหลับอยู่นะตอนครูใหญ่สอน” นิโคลหันไปกระซิบเบาๆ ข้างหูเอ็ดเวิร์ด

 

          “ฉันแค่หลับตา แต่ฟังอยู่เว้ย” เดรโกเหมือนจะได้ยินเสียงนินทาของเพื่อนเขา จึงตอบกลับมาเป็นเชิงหยอกแกมด่า

 

          “รุ่นเรามีใครรู้เรื่องนายบ้างแล้วเนี่ย” เอ็ดเวิร์ดถามอย่าสงสัย เท่าที่เขาได้ยินมาบวกกับฟังจากแอเลน่า เด็กปี 1 ที่เปิดแก่นเวทได้น่าจะมีไม่ถึง 5 คนด้วยซ้ำ น่าแปลกที่ไม่มีใครมาสนใจเดรโกเลยสักคน

 

          “ไม่มีหรอก ฉันบอกแค่พวกนายเท่านั้นแหละ” เดรโกตอบเบาๆ “ฉันไม่ชอบเป็นจุดสนใจ”

 

 

          หลังจากกินอาหารเสร็จ ทุกคนก็พากันแยกย้ายไปทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อย เพื่อจะได้พร้อมสำหรับการเรียนในวิชาภูมิศาสตร์โลกของครูรีแอนน่า มอร์แกน

 

          แต่แม้เด็กทุกคนจะเข้าเรียนอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา แต่เอ็ดเวิร์ดกก็พอสังเกตได้ว่า เด็กจำนวนมากไม่ได้มีสมาธิอยู่กับการเรียนวิชานี้มากนัก (ซึ่งปกติวิชานี้เด็กตั้งใจเรียนก็น้อยพอตัวอยู่แล้ว) ดูทุกคนจะยังใจจดใจจ่อกับเรื่องของเพื่อนที่เปิดแก่นเวทได้สำเร็จ ซึ่งครูมอร์แกนเองก็ดูจะเข้าใจดี เธอจึงเลือกที่จะเปลี่ยนจากเนื้อหาหนักๆ อย่าง “สภาพเศรษฐกิจของลากูน่า” มาเป็นเนื้อหาเบาๆ อย่าง “สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของลากูน่า” แทน

 

          “เรื่องน่าเบื่อแบบนี้เธอยังตั้งใจเรียนได้อีกเนอะ” เอ็ดเวิร์ดหันไปแซวแอเลน่า ที่ตอนนี้กำลังก้มหน้าก้มตาจดคำพูดของครูมอร์แกนอย่างจริงจังอยู่

 

          “ยุ่งน่า” เด็กสาวตอบกลับโดยไม่สบตา และพูดแซวกลับไปบ้าง “แต่แปลกนะ วันนี้นายไม่หลับแหะ”

 

          เอ็ดเวิร์ดไม่ตอบ เขาเหลือบมองไปทางเดรโก เด็กหนุ่มนั่งหลับตาอย่างนิ่งเงียบอยู่ จากคำพูดเมื่อเช้า มันชวนให้เขาสงสัยว่าหมอนั่นมันหลับอยู่หรือมันฟังครูพูดอยู่กันแน่ แต่เขาก็ไม่มีอารมณ์จะมาพิสูจน์อะไรตอนนี้ เขากำลังหงุดหงิดเบาๆ อยู่กับการค้นหาแก่นเวท เขาไม่เข้าใจว่าอะไรคือความแตกต่างระหว่างเด็กที่เปิดได้กับเปิดไม่ได้ เขาไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าทำไมเขาต้องหงุดหงิดที่เขาหาแก่นเวทไม่เจอ อะไรคือเหตุผลที่ทำให้เขาต้องร้อนใจขนาดนี้

 

 

          “เอาล่ะ วันนี้พอแค่นี้” ครูมอร์แกนกล่าวปิดการเรียนหลังจากผ่านมา 2 ชั่วโมง “ขอให้หาแก่นเวทเจอกันเร็วๆ นะ ทุกคน”

 

          ครูมอร์แกนพูดจบก็เดินออกจากห้องเรียนไป เด็กๆ ที่ตั้งใจเรียนก็เริ่มต้นเก็บสมุดจดกระเป๋า บางคนก็เพิ่งตื่นจากการนอนหลับหลายชั่วโมง เช่น นิโคล เป็นต้น

 

          “นี่ๆ” พอตื่นขึ้นมาหมอนี่ก็เหมือนจะเริ่มจ้อเลย “เมื่อกี้ฉันลองใช้ความคิดอย่างหนักหน่วงดูแล้วล่ะ เราก็ให้เดรโกพาเราออกนอกประตูไปสิ เท่านี้เราก็ออกไปข้างนอกได้แล้ว”

 

          เอ็ดเวิร์ดเหมือนจะเห็นด้วยกับเพื่อน แต่แล้วก็โดนดับฝันโดยเด็กสาวข้างตัว

 

          “เป็นไมได้หรอก” แอเลน่าขัดขึ้น “ประตูบานนั้นมีระบบตรวจจับ เราไม่สามารถออกไปทีละหลายๆ คนด้วยพลังเวทของคนคนเดียวได้ นอกจากจะได้รับอนุญาตจากครูใหญ่ก่อน”

 

          “แล้วถ้าฝืนออกไปล่ะ” เอ็ดเวิร์ดถามต่ออย่างสงสัย

 

          “ก็จะเจอกับยามเฝ้าประตูไง” เดรโกเป็นฝ่ายตอบคำถามนี้แทน

 

          “ใครหรอ ยามเฝ้าประตู” นิโคลยื่นหน้าเข้ามาถามอย่างใคร่รู้

 

          “อดีตนักสู้มือเปล่าที่เก่งที่สุดของลากูน่า” แอเลน่าตอบ “เขาเฝ้าประตูนี้มาเกือบ 30 ปีแล้วนะ

 

          “จะแค่ไหนกันเชียว เขาจะเก่งสู้จอมเวทย์ได้เลยหรอ” นิโคลหัวเราะออกมา เขาไม่เชื่อหรอกว่าคนไร้พลังเวทจะเอาชนะจอมเวทย์ได้

 

          “อย่าได้ดูถูกเขาเชียวนะ นิโคล” เดรโกเตือน “ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะอายุมากแล้ว แต่สมญานามอดีตนักสู้มือเปล่าที่เก่งที่สุดไม่ได้มาเพราะโชคช่วยนะ ต่อให้เป็นนักเรียนปี 4 หัวกะทิ ฉันก็ไม่คิดว่าจะเอาชนะเขาได้ง่ายนักหรอก”

 

          “ฉันว่าแผนฉันคงไม่เวิร์คแล้วแหละ” นิโคลถอนหายใจ ถ้าสิ่งที่เดรโกพูดเป็นความจริง ลำพังเด็กปี 1 อย่างพวกเขาก็คงทำอะไรไม่ได้ คงทำได้แค่หาทางออกไปจากที่นี่อย่างถูกกฏเท่านั้น และเอ็ดเวิร์ดก็คิดเช่นเดียวกัน

 

 

          เข้าสู่คืนที่ 4 ในการค้นหาแก่นเวท เอ็ดเวิร์ดเริ่มหมดหวังในการค้นหามันแล้ว ช่วงเวลาไม่กี่วันที่ผ่านมาเพื่อนร่วมรุ่นของเขาอีก 4-5 คนเปิดแก่นเวทได้สำเร็จแล้ว รวมถึงแอเลน่าด้วย

 

          ตลอดเวลาที่ผ่านไม่เขาไม่มีสมาธิในการเรียนเลย ไม่ใช่สิ ต้องบอกไม่มีสมาธิในการทำอะไรเลยสักอย่างเดียว เขาเอาแต่ครุ่นคิดว่าทำไมเขาถึงไม่เจอแก่นเวทเหมือนเพื่อนคนอื่นเขา ช่างแตกต่างกับนิโคล รายนั้นไม่มีความกังวลใจอะไรเลย พอเขาถามว่าทำไมถึงดูสบายใจจัง “จะไปเครียดทำไม เดี๋ยวมันจะเจอก็เจอเองแหละ” คำตอบที่ไม่ได้ช่วยให้ความร้อนใจของเขาลดลงบ้างเลย

 

          แต่พอพูดถึงความร้อนใจ เขาก็ยังคงตอบตัวเองไม่ได้ว่าอะไรทำให้เขาร้อนใจขนาดนี้ ความจริงที่เขาต้องการรู้งั้นหรอ ก็คงใช่แหละ แต่เขายังรู้สึกว่ามันยังมีบางอย่างลึกๆ อีกอย่าง บางอย่างที่เขายังตอบตัวเองไม่ได้ ซึ่งเขามีความรู้สึกว่า ถ้าเขาตอบตัวเองได้ มันอาจจะทำให้เขาหาแก่นเวทเจอก็เป็นได้

 

          เขายกมือขึ้นมาก่ายหน้าผาก นอนคิดทบทวน พยายามหาคำตอบในเรื่องที่มันซ่อนอยู่ในใจและทำให้เขาต้องร้อนใจมากมายขนาดนี้ ท่ามกลางเสียงกรนของเพื่อนๆ ที่หลับอยู่ (ดังสุดก็มาจากเตียงข้างเขา ไอ้เจ้านิโคลนี่แหละ) เขาก็ผล็อยหลับไป

 

 

          เอ็ดเวิร์ดตื่นขึ้นมาท่ามกลางความมืดมิด แม้แต่สีดำที่มืดที่สุดก็ยังไม่อาจเทียบได้กับความมืดที่เขาเผชิญอยู่ตอนนี้ ตาของเขาไม่สามารถสัมผัสได้ถึงสิ่งใดราวกับคนตาบอด มือที่เอื้อมป่ายไปรอบตัวไม่อาจคว้าจับได้แม้อากาศ เขาไม่รู้ว่าที่นี่ที่ไหน ไม่รู้ว่าควรต้องเดินไปต่อหรือหยุดรอความช่วยเหลืออยู่ตรงนี้ เขาร้องตะโกนออกมา แต่ไร้ซึ่งเสียงใดๆ ตอบกลับ เด็กหนุ่มไม่กล้าแม้แต่จะนั่งลงกับพื้น เขาไม่รู้ว่าใต้พื้นที่เท้าของเขาวางอยู่ มีพื้นที่ให้เขาได้ขยับตัวมากแค่ไหน

 

          ผ่านเวลาไปเนิ่นนานราวกับทศวรรษ สายตาของเขาเห็นแสงสว่างรำไรมาจากที่ไกลๆ เขาตัดสินใจก้าวเท้าเดินไปด้วยความระมัดระวังเพื่อไปให้ถึงแสงสว่างนั้น

 

          ปลายทางของแสงสว่าง เขาพบเข้ากับบ้านหลังหนึ่ง รู้สึกคุ้นตาเป็นพิเศษ เมื่อเดินเข้าไปใกล้ขึ้นเรื่อยๆ เขาก็นึกออก นี่มันบ้านเขาเองนี่นา ไฟในบ้านเปิดสว่างไสวราวกับกำลังรอต้อนรับแขกคนสำคัญ มีเสียงผู้หญิงกำลังทำอะไรสักอย่างอยู่ข้างใน เขาจำได้! นั่นมันเสียงแม่ของเขานี่

 

          เอ็ดเวิร์ดเพิ่มความเร็วของฝีเท้าเพื่อไปให้ถึงประตูหน้าบ้าน เขาจะเข้าไปถามความจริงกับแม่ของเขาให้ได้ แต่ทันใดนั้น ก็มีร่างของคนคนหนึ่งเดินเข้ามาคั่นขวางตรงกลางระหว่างเขากับบ้าน

 

          ด้วยแสงของบ้านอันสว่างไสวส่องผ่านแผ่นหลังของคนคนนั้น ส่งผลให้เกิดความมืดบนร่างกายด้านหน้าของคนดังกล่าว เอ็ดเวิร์ดจึงไม่อาจบอกได้ว่าคนข้างหน้านี้คือใคร แต่จากร่างกายและส่วนสูงที่พอๆ กับเขา เดาได้แค่ว่าต้องเป็นเด็กผู้ชายแน่ๆ

 

          “จะไปไหน” ร่างนั้นถามขึ้น เอ็ดเวิร์ดรู้สึกคุ้นเคยกับเสียงนั้นแปลกๆ เป็นความคุ้นเคยที่อธิบายออกมาไม่ถูก รู้แต่เพียงว่า เขาต้องรู้จักหรือเคยพูดคุยกับคนตรงหน้ามาแล้วแน่ๆ

 

          “จะกลับบ้าน” เอ็ดเวิร์ดตอบเสียงแข็ง “หลีกไป”

 

          “เห็นทีคงจะไม่ได้หรอกนะ เอ็ดเวิร์ด ฟอร์บส์” ร่างนั้นตอบกลับมา เอ็ดเวิร์ดเหมือนจะเห็นรอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏขึ้นบนใบหน้าอับแสงนั้น “นายในตอนนี้ไม่คู่ควรที่จะเปิดประตูนั้น”

 

          “นายเป็นใคร” เอ็ดเวิร์ดกระแทกเสียงดังขึ้น

 

          “จำฉันไม่ได้จริงๆ หรอ เอ็ดเวิร์ด” ร่างนั้นค่อยๆ เดินเข้ามาหาเขา “นายนี่มันน่าเบื่อเป็นบ้า”

 

          เอ็ดเวิร์ดผงะเล็กน้อยขณะที่ร่างนั้นค่อยๆ สืบเท้าเข้ามา แต่เขาก็เลือกที่จะตั้งหลัก รอรับอะไรก็ตามที่เกิดขึ้น เขาต้องผ่านคนตรงหน้านี้ไปให้ได้เพื่อเข้าบ้าน ไม่ว่ามันจะเป็นใครก็ตาม

 

          ร่างนั้นเดินเข้ามาใกล้จนเอ็ดเวิร์ดสามารถเห็นหน้าค่าตาได้ชัดเจนมากพอ เด็กหนุ่มตาเบิกโพลง ใจเต้นระรัว ร่างที่ปรากฏตรงหน้าคือเด็กหนุ่มอายุ 18 ปี ผมสั้นสีทองยุ่งเหยิงบนศีรษะ รูปร่างผอมแห้ง หน้าตาเบื่อโลก ร่างปริศนานั้นไม่ใช่ใครที่ไหน นี่มันคือตัวเขาเองต่างหาก!

 

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา