ใต้รัตติกาล

-

เขียนโดย LaVieRosy

วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2565 เวลา 15.32 น.

  11 ตอน
  1 วิจารณ์
  3,388 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 26 มีนาคม พ.ศ. 2565 15.47 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

10) บทที่ 10

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
งานศพนายดำรงค์จัดขึ้นที่วัดใจกลางเมืองแห่งหนึ่ง นิศากรและลูกสาวทั้งสอง นัยน์ภัคและนวิยา ร้องไห้ตาแดงก่ำตลอดเวลาในสองวันแรก ส่วนนลินนั้นบอกไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไร จะบาปมากไหมหากเธอจะโล่งใจกับการจากไปของคนที่ชังบิดาของเธอและตัวเธอมาตลอดชีวิต 
 
บนโต๊ะกลมในบ้านครึ่งปูนครึ่งไม้โบราณแบบจีนวางอยู่ในครัวที่มีเตาไฟก่อปูนขนาดใหญ่สองเตา ผนังบริเวณนั้นปูกระเบื้องโมเสคสีขาวลายดอกไม้สีแดงที่สมฤดี อาม่าของเธอเป็นคนเลือกเก่าแต่สะอาดเอี่ยม เด็กหญิงนลินกำลังทยอยนั่งแกะเนื้อหอยกะพงจากชามใบใหญ่ที่สมฤดีแบ่งเอาไว้ให้ 
 
'อาบัว วันนี้ม่าไปเจอหอยเปาะขักสดๆที่ตลาดมา จะผัดให้ลื้อกินเยอะๆเลย ลื้อไปเก็บใบโหระพามาเยอะๆนา'
 
เด็กหญิงนลินนั้นชอบการเข้าครัวกับอาม่าเป็นชีวิตจิตใจ อาม่าของเธอเกิดและเติบโตที่เมืองจีนจนเมื่อมีสงครามบิดามารดาเสียชีวิตหมด น้าสาวจึงพาลงเรือสำเภาใหญ่มาเมืองไทยเมื่อตอนอายุสิบปี อาม่าจึงทำอาหารจีนอร่อยๆได้ทุกอย่างเพราะเป็นลูกผู้หญิงที่ต้องคอยช่วยทำอาหารให้สมาชิกครอบครัวผู้ชายกินก่อนเสมอตั้งแต่ยังตัวน้อยๆ หอยตัวเล็กคล้ายหอยแมลงภู่ที่สมฤดีเรียกแบบจีนว่าเปาะขักนั้น เป็นอาหารโปรดอีกจานของเด็กหญิงนลิน
'อีบัว ลื้อกินอะไรเยอะแยะ คงอื่นเค้าไม่มีจะกิง ลื้อนี่มันตะกละ อากู๋ลื้อยังไม่ล่ายกิน อั้วก็ยังไม่ล่ายกิน ใครให้ลื้อกิน!'
 
'อั๊วเอง! ลื้อจะทำไม?! มีแบ่งไว้อีกหม้อในตู้กับข้าว ใครจะกินก็ไปตัก ลื้อไม่พอใจก็ไม่ต้องกิน!'
 
สมฤดีแผดเสียงใส่สามี เธอสงสารหลานสาวจับใจ เพียงเพราะเกิดจากลูกเขยที่มีเลือดไทยแท้ก็ถูกชังอย่างชัดเจนมาตั้งแต่เกิด 
 
โทรศัพท์ในกระเป๋าชุดเชิ้ตเดรสสีขาวทั้งตัวมีริบบิ้นผูกเป็นโบว์ช่วงเอวสั่นปลุกนลินจากภาพความทรงจำในอดีต 
 
"บัวครับ อยู่ศาลาไหนครับ พี่มาถึงแล้ว"
 
"ศาลาสี่ค่ะ เดี๋ยวบัวออกไปรับค่ะ"
 
ชายหนุ่มผิวสีแทนเข้มในเชิ้ตขาวแขนยาวคอจีนสวมทับด้วยกางเกงสแล็คสีครีมอ่อนก้าวตรงมาหาเธอ เขาติดประชุมทางวิชาการที่สิงคโปร์ตลอดสัปดาห์จึงไม่ได้มาร่วมงานสวดศพ สมฤดีที่ตอนนี้กลายเป็นผู้อาวุโสสูงสุดในครอบครัวตัดสินใจให้จัดงานพิธีแบบไทยแต่การแต่งกายของลูกหลานยังคงเป็นแบบจีนคือใช้สีขาวเป็นหลัก  
 
 
นลินยกมือไหว้ชายหนุ่มเช่นที่ทำประจำแม้จะเปลี่ยนสถานะมาเป็นแฟนแต่หญิงสาวก็ชินเสียแล้วกับการแสดงออกซึ่งความเคารพนับถือในตัวเขา ภาณุแตะข้อศอกเธอพากันเดินขึ้นมาบนศาลาอย่างสนิทสนม เธอจุดธูปให้เขากราบศพก่อนทั้งคู่จะหันมาพบกับแววตาที่เต็มไปด้วยคำถามของญาติทุกคน มีเพียงฉัตรสุดาที่อมยิ้ม ทั้งเขาและเธอคาดไว้อยู่แล้วว่าจะเกิดกิริยาแบบนี้ ชายหนุ่มจึงเป็นฝ่ายแตะข้อศอกนลินตรงไปที่พัฒน์พิรุณและนิศานาถก่อน เขายกมือไหว้ทั้งคู่
 
"พ่อณุขอบใจมากที่มา ลูก เกรงใจจริง"
 
"ผมอยากมาเพราะบัวครับ ผมกับบัว ตอนนี้เราเป็นแฟนกันครับ"
 
สิ้นคำพูดของชายหนุ่ม เกิดความเงียบขึ้นมา สีหน้าของบิดาและมารดาหญิงสาวแสดงความคาดไม่ถึงอย่างชัดเจน นิศากรที่ยืนคุยกับคนในงานหันมาทันที
 
"ว้ายย อะไรเนี่ย ยัยบัวมีแฟน"
 
ภาณุรับทราบเรื่องราวของนิศากรอย่างละเอียดจากการพูดคุยกับนลินจนหลับไปทุกวัน เขาก้มศีรษะยกมือไหว้เธออย่างนอบน้อม 
 
"นี่ ยัยบัว มีแฟนแล้วเหรอ ปิดเงียบเชียว ต่อไปนี้ต้องลดน้ำหนักแล้วนะ ตัวใหญ่กว่าแฟนมากเลยดูสิ ยิ่งใส่ชุดสีขาวด้วย ดูยัยบีมสิ ผอมแล้วใส่อะไรก็สวย"
วันนี้ฉัตรสุดาสวมเสื้อเชิ้ตผ้าซาตินสีขาวกับกางเกงผ้าเนื้อหนาสีเดียวกันเอวสูงคาดเข็มขัดสีดำเส้นเล็ก รองเท้าส้นสูงยิ่งทำให้เรือนร่างบอบบางสง่าผ่าเผย คนตัวสูงข้างกายขยับเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างแต่นลินจับแขนเอาไว้ก่อน นลินพาเขาแยกออกมาทักทายน้าชายและญาติๆคนอื่นและคนที่สำคัญที่สุดที่เพิ่งนั่งลงที่โซฟาด้านหน้าสุดที่หันไปทางเมรุที่ตกแต่งด้วยดอกไม้สีขาวสวยงาม
 
"อาม่าคะ พี่ณุค่ะ แฟนบัวเอง"
 
สองหนุ่มสาวคุกเข่าลงนั่งที่พื้น ภาณุค้อมศีรษะพนมมือไหว้สมฤดี หญิงสูงวัยมีรอยยิ้มกว้างขึ้นมาทันที 
 
"อาบัวของม่ามีแฟนเลี้ยว พ่อคุณฝากน้องด้วยนา อาบัวอีป่วยบ่อยๆแต่อีน่ารักมากๆนา ทำกับข้าวก็เก่ง ช่วยม่าตลอดเลย เรียนก็เก่ง อีไปเมืองนอกบ่อยๆ พูดภาษาฝรั่งคล่องเลย ว่างๆลื้อมากินข้าวด้วยกัน เดี๋ยวจะทำอาหารจีนให้ลื้อกิน เคยกินข้าวอบเผือกไหม"
 
นลินเคยเล่าให้เขาฟังว่า ข้าวอบเผือกคืออาหารขึ้นชื่อของสมฤดี ทำทีไรขอดข้าวกันจนหมดหม้อทุกครั้ง สมฤดีชอบทำอาหารจานนี้ยามคิดถึงบิดามารดาที่ด่วนจากไป สมัยที่อยู่เมืองจีนนั้นแห้งแล้งไม่ได้อุดมสมบูรณ์แบบเมืองไทย ข้าวมีไม่พอ เงินก็ไม่มีไปซื้อเพิ่ม ก็ต้องอาศัยไปขุดเผือกตามป่ามาผสมข้าวให้ทุกคนได้กินกันอิ่มทั่วถึงในครอบครัว
ตอนนี้ที่มีฐานะแล้วข้าวอบเผือกของอาม่าเธอเป็นสูตรพิเศษของครอบครัว เน้นใส่เครื่องคล้ายๆบ๊ะจ่างและหอมนวลเนียนด้วยเผือกและข้าวที่คลุกเคล้ากันอย่างลงตัว 
 
"บัวเคยเล่าให้ฟังบ่อยๆครับ ถ้าอาม่าไม่เหนื่อยเกินไป ผมจะไปครับ"
 
ผู้อาวุโสตบไม้ตบมือชอบอกชอบใจ 
 
"ลีๆๆๆ ลื้อมาเลย ม่าไม่เหนื่อยๆ อาบัวช่วยได้มากๆ อาบัวเก่ง"
 
นลินหัวเราะกับคำชมที่สมฤดีมีให้เธอไม่หยุด สงสัยจะกลัวหลานสาวขายไม่ออก
 
"อาม่า กลัวบัวขายไม่ออกเหรอคะ เอาแต่ชมให้พี่เขาฟังเนี่ย"
 
"เออ ลีๆๆ ลื้อพูดขึ้นมา ลื้อก็อายุเยอะแล้วนา อาบัว ม่าอยากมีเหลนเยอะๆ ม่าแอบจิ๊กทองแท่งของกงลื้อเอาไว้เยอะเลย ม่าจะแจกแต่หลานผู้หญิง หมั่นไส้นักตอนอยู่รักแต่ผู้ชาย"
 
ประโยคหลังนางโน้มตัวลงมาหาทั้งสองทำเสียงซุบซิบหัวเราะสนุกจนนลินและภาณุหัวเราะตาม 
 
"ผมรอบัวพร้อมครับ ส่วนผมพร้อมตลอดเวลาครับ อาม่า คนที่ใช่ไม่ต้องใช้เวลาเยอะ ใช่ไหมครับ"
 
"ฮ่าๆ ลีๆๆ ใช่ๆๆ ลื้อพูดถูกๆ ม่าชอบ ยกอาบัวให้ลื้อเลยนะ มีเหลนให้ม่าเยอะๆนะ"
 
"ม่า!"
 
"อาบัว ผู้ชายที่กล้าเดินมาหาผู้ใหญ่แล้วบอกตั้งใจจะแต่งงาน หาไม่ได้ง่ายๆแล้วนา ผู้ชายคนไหนก็บอกชอบเลาได้แต่คนที่คิดอยากแต่งงานกับเรามีแค่คนที่รักเลานา"
 
นลินแก้มร้อนไปหมดขัดเขินทำตัวไม่ถูก จึงรีบพาชายหนุ่มเดินมาที่ส่วนด้านหลังศาลาที่กั้นเป็นสัดส่วนเพื่อเตรียมอาหารและเครื่องดื่ม เธอเปิดส่งขวดน้ำเย็นเจี๊ยบให้เขาดื่ม บริษัทของฉัตรสุดาส่งน้ำดื่มมาช่วยงานเต็มคันรถกระบะทรงสูงเช่นเคยและรับเป็นเจ้าภาพงานสวดเมื่อคืน ฝ่ายนั้นยืนรับแขกที่เริ่มทยอยมาอย่างต่อเนื่องกับบิดามารดา 
 
"เหนื่อยไหมคะ วันนี้ กินอะไรรึยังคะ"
 
"นิดหน่อยครับ มีพี่พยาบาลยัดขนมปังกับนมเข้าปากให้ตอนผ่าตัด"
 
หญิงสาวจึงรีบหยิบกล่องข้าวผัดกุ้งจากร้านอาหารที่สั่งกันมาทานในหมู่ญาติมาแกะให้ชายหนุ่ม บีบมะนาวให้เป็นพิเศษเพราะรู้ว่าเขาชอบ 
 
"รีบทานเลยค่ะ น้องเพชรสั่งมาเผื่อเยอะเลย"
 
"แล้วบัวล่ะ กินกับพี่สิครับ"
 
"บัวกินไปบ้างแล้วค่ะ พี่ณุกินเถอะ บัวนั่งเป็นเพื่อน วันนี้มีคนช่วยรับแขกเยอะแล้ว"
 
ชายหนุ่มที่ตักข้าวเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ หันมามองแฟนสาว 
 
"ไม่อยากอยู่กับโซ่ยอี๊ ไม่อยากเจอคนใช่ไหม"
 
หญิงสาวเพียงยิ้มบางและพยักหน้า ภาณุนิ่งไปพักหนึ่งสีหน้าครุ่นคิด เขากินข้าวอย่างรวดเร็วจนหมดกล่อง
 
"เอาอีกไหมคะ ของบัวก็มีซื้อมาอีก"
 
เขาส่ายหน้าจับมือเธอที่ทำท่าจะลุกขึ้นเอาไว้ให้นั่งลง หันเก้าอี้ที่ตั้งอยู่เข้าหากัน จับมือขาวนวลทั้งสองข้างวางเอาไว้บนตักของเขา 
           
"บัวครับ พี่ขอพูดอะไรได้ไหม"
นลินพยักหน้า เลิกคิ้วโค้งงามเป็นคำถาม สีหน้าเขาดูจริงจังและกังวล
 
"ถ้า...เอ่อ...ถ้าเกิดว่า ความทุกข์มันเกิดจากการที่คนอื่นพูด เราเปลี่ยนใครไม่ได้ ห้ามก็ไม่ได้...เราลองมาเปลี่ยนตัวเรากันไหม"
 
หญิงสาวนิ่งไปเหมือนกำลังประมวลผลคำพูดของเขา เมื่อเข้าใจก็พยักหน้าและเงยหน้ามาสบตาเขาด้วยแววตาแบบที่ภาณุไม่เคยเห็นมาก่อน 
 
"พี่ณุอายที่มีแฟนอ้วนๆ ตัวใหญ่กว่าพี่ณุแบบที่โซ่ยอี๊พูด พี่ณุจะบอกว่าให้บัวลดน้ำหนักใช่ไหมคะ"
 
"บัว พี่ไม่เคยอาย พี่ร..."
 
นลินดึงมือออกจากการกอบกุม ผุดลุกขึ้นยืน 
 
"ค่ะ ที่ผ่านมาบัวไม่พยายามเปลี่ยนตัวเอง คนอื่นก็เลยมีสิทธิ์จะพูดอะไรกับบัวก็ได้"
 
ครานี้ น้ำเสียงนุ่มเบาสั่นเครือ ดวงตาเรียวรีสีน้ำตาลมีแวววาววับของน้ำตา
 
"บัวครับ ฟังพี่ก่อน พี่ไม่ได้ความว่าอย่างนั้น พี่แค่มองที่ต้นเหตุของปัญหาว่าอะไรที่ทำให้บัวต้องไม่มีความสุข เราก็แก้ที่จุดนั้นกัน จะได้ไม่มีใครมาว่าอะไรให้บัวเสียใจได้อีกไงครับ"
 
"ถ้าบัวผอม พี่ณุคิดว่าคนเขาจะไม่มีเรื่องอื่นจะทักเหรอคะ หน้าจืด ไม่สวยเหมือนพี่สาว เตี้ย ไม่เก่งไม่คล่องเหมือนพี่ หาสามีไม่ได้"
 
"ไปกันใหญ่แล้วบัว เราคุยกันแค่เรื่องนี้นะครับ เรื่องอื่นๆเราจะไปห้ามปากคนได้ยังไง"
 
"นี่มันสมัยไหนแล้วคะ เราไม่มีสิทธิ์อะไรทั้งสิ้นที่จะพูดเรื่องรูปร่างหน้าตาหรือชีวิตส่วนตัวของคนอื่น"
 
"แต่สังคมไทยเรา มันไม่เหมือนสังคมที่บัวเคยเรียน เคยทำงาน บัวก็รู้"
 
"บัวก็เลยต้องเปลี่ยนทั้งๆที่บัวอยู่ของบัวเฉยๆมาตลอด บีเฮฟตัวเองมาตลอดแต่บัวต้องเปลี่ยน มันยุติธรรมแล้วเหรอคะ"
 
นลินอยากจะกรีดร้องตะโกนออกมาใส่เขาแต่ที่ทำเพียงแค่ปล่อยให้น้ำตาไหลนองอาบใบหน้า เค้นเสียงพูดกับเขาสั่นเครือด้วยความผิดหวัง ภาณุเจ็บปวดกับภาพนั้นเขาไม่น่าพูดหรือน่าจะเลือกวิธีการที่ดีกว่านี้
 
หนึ่ง เขาลืมไปว่า นลินคือผู้ป่วยจิตเวชที่โดนทำร้ายมาด้วยคำพูดตั้งแต่เล็กจนโต สอง หญิงสาวเป็นคนตรง รักความยุติธรรม และสามนี่ไม่ใช่เวลาที่เธอกับเขาควรจะพูดกันเรื่องนี้เลย 
 
"บัว พี่ขอโทษครับ เราจะไม่พูดกันเรื่องนี้อีก โอเคไหม"
 
ชายหนุ่มเอื้อมมือไปหาแต่หญิงสาวก้าวถอยห่างอย่างรวดเร็ว เธอใช้มือปาดน้ำตาทิ้งเร็วๆ สูดจมูกแดงก่ำ เชิดคอแข็งขึ้นเมื่อพูดเสียงเย็นว่า
 
"จะยกโลงขึ้นเมรุแล้ว เชิญพี่ณุไปนั่งบนศาลาเย็นๆเถอะค่ะ บัวจะไปช่วยพี่บีมกับเพชรเตรียมจัดเบรก วันนี้แขกคงจะมากันมาก" 
 
นลินหมุนตัวกลับออกไปทันที ทิ้งให้ภาณุยืนทอดถอนใจอยู่อย่างนั้น 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา