เพียงเธอคนเดียว ( love only you )

-

เขียนโดย ชินาปักษา

วันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2566 เวลา 21.37 น.

  5 chapter
  3 วิจารณ์
  1,265 อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) ตอนที่2.คนที่ไม่อยากเจอ 2

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

"นายเป็นคนพูดกับฉันเองว่านายเก่งกว่าฉัน ฉันมันงี่เง่าปัญญาอ่อน นายมันบอดี้การ์ดคนโปรดของคุณลุง"

"ใช่" เขาแค่นเสียงตอบ สโรชารู้สึกขนลุกซู่ตามร่างกาย

"แต่ผมไม่ใช่สายเลือดมิราอิ นายท่านทาคากิต้องการให้คุณเป็น ตำแหน่งนายใหญ่ของมิราอิคือของคุณ สโรชา ถึงเวลาที่คุณควรยอมรับความจริงข้อนี้เสียที"

"ไม่ต้องมายัดเยียดให้ฉันโชตะ กุริคายะ บ้านของฉันอยู่ที่เมืองไทย"

"ที่เมืองไทยนะคุณไม่เหลือใคร คุณมีแค่ปู่และย่าแก่ๆ" เขาพูดขัดน้ำเสียงเชือดเฉือน

"ที่นั้นมีสวนผลไม้มีบ้านเรือนไทยริมน้ำฉันชอบเมืองไทยมากผู้คนยินดีต้อนรับและเป็นมิตรกับฉัน ฉันคิดว่าฉันจะทำสวนผลไม้"

"คุณไม่เคยชอบทำงานสวน แม้แต่ปลูกต้นไม้ซักต้นคุณยังทำไม่ได้ ผมคิดว่าคุณไม่มีความสามารถ"

"ฉันทำได้ และฉันไม่ต้องการขึ้นเป็นนายใหญ่ของมิราอิฉันทนรับความกดดันแบบนั้นไม่ไหวหรอก ฉันไม่มีความรู้ที่จะปกครองคนมากมาย ฉันกลัวว่าคุณพแม่กับคุณลุงที่ตายไปจะผิดหวังในตัวฉัน"

"ถ้าคุณทำดีที่สุดแล้ว แม้จะเกิดอะไรขึ้นผมเชื่อว่านายท่านทั้งสองไม่มีวันผิดหวังในตัวคุณ" เขาเอ่ยกับเธอ

"มันเป็นความหวังของนายหญิงนายูกิด้วย นายท่านนายูกิสั่งเสียกับคุณไว้ก่อนตาย เพราะนายท่านทั้งสองผมจะไม่ยอมให้คุณโยนทิ้งหน้าที่ของตนเองเด็ดขาด" สโรชากัดฟันกรอด พยายามข่มอารมณ์ตนเองนี่มันเป็นการมัดมือชกเขาก็รู้ เขาเหลือบมามองหญิงสาวอีกครั้งก่อนพูดต่อ

"นายหญิงเอริกะกำลังคิดการใหญ่เรื่องตำแหน่ง ผมไม่สามารถก่าวก่ายหรือขัดขวางได้เพราะผมไม่ใช่คนตระกูลมิราอิ คุณเป็นคนเดียวที่จะจัดการได้สโรชา คุณเหมะสมที่สุด"

"ฉันทำไม่ได้ ฉันกลัว" สโรชาตัดสินใจพูดครั้งนี้เป็นน้ำเสียงที่แสดงความหวาดหวั่น เธอเกรงกลัวเอริกะแต่ก็ไม่ถึงกับขี้ขลาดจนขึ้นสมอง เอริกะมีนิสัยโหดเหี้ยมเลือดเย็น แม้ในอดีตหล่อนเคยหยอกล้อหัวเราะและโอบกอดเธอในวัยเด็กรักเธอเหมือนเป็นลูกคนหนึ่ง อย่างที่โชตะบอกให้เธอรู้หลังสิ้นคุณลุงทาคากิตอนนี้เอริกะทำตัวเป็นใหญ่เอริกะใช้นามสกุลมิราอิเช่นเดียวกับเธอเพราะเป็นลูกบุญธรรมของคุณตาเธอ เอริกะมีลูกสาวและลูกชายสองคนคือซิโอริและเอย์จิที่เกิดจากสามีคนแรกและคนที่สอง

"ผมจะอยู่ข้างๆ คุณ" หญิงสาวได้ยินที่เขาพูด แว้บหนึ่งหัวใจของเธอฟองฟู แต่ก็รีบทำเป็นไม่รู้สึกอะไร

"ผมไม่มีทางปล่อยให้คุณโดดเดี่ยว คุณมีอะไรต้องเรียนรู้อีกเยอะในการเป็นผู้นำของมิราอิ"

นั้นคือสิ่งที่เธอกังวล เธอไม่เคยต้องการมันและยอมที่จะสละมันทิ้งทุกอย่างเพื่อให้เธอได้อยู่อย่างสงบสุขและทำในสิ่งที่ตนเองฝัน

"คุณเคยรับปากกับนายหญิงนายูกิ"

"ตอนนั้นฉันแค่อยากให้แม่สบายใจหมดห่วง ก็แค่นั้น"

โชตะถอนหายใจไม่พูดอะไรอีก สโรชาเอนหลังพิงพนักเบาะและหลับตา เขาพูดว่าไม่มีวันทิ้งให้เธอโดดเดี่ยวแม้ในยามไร้สติเธอก็เชื่อมั่นในตัวเขาและรับรู้ว่ามีเขาอยู่ข้างกายเสมอ เธอจำกลิ่นกายและรอยสัมผัสของเขาได้จำลมหายใจและไอร้อนจากร่างกายของเขาได้ ทุกเส้นประสาทในตัวเธอตื่นตัวเสียวซ่าน ช่างน่าสมเพชเสียจริงเธอไม่มีทางลืมเขาได้เหตุการณ์ในวันนั้นตามเป็นเงามืดครอบคลุมจิตสำนึกส่วนลึกของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขามีอิทธิพลกับเธอเพียงแค่อยู่ใกล้ๆ เท่านั้น ผู้ชายคนนี้ตามหลอกหลอนเธอให้เธอเปิดใจรักใครไม่ได้อีกในชีวิต

เป็นการขับรถกลับคฤหาสน์ที่ยาวนาน สโรชางีบหลับอารามครึ่งหลับครึ่งตื่นในหัวรู้สึกหนักอึ้งครุ่นคิดทบทวนสิ่งต่างๆ สิ่งที่คนเหล่านั้นไม่เคยรู้เกี่ยวกับตัวตนของเธอ พ่อของเธอเป็นคนไทยชื่อศตายุ ฉัตรธำมรงค์เป็นนักเรียนทุนรัฐบาลที่เดินทางมาศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาที่ญี่ปุ่นจนได้พบรักกับนายูกิแม่ของเธอ พ่อของเธอเรียนเกี่ยวกับเกษตรศาสตร์และชีวศาสตร์พ่อมีอายุเท่ากับแม่และดูจะเป็นผู้ใหญ่มากกว่า แม้ในสมัยเด็กสโรชาเคยรู้เรื่องที่ทางตระกูลมิราอิไม่ยอมรับในตัวพ่อ พ่อของเธอมักถูกเรียกขานว่า พวกไกจิน ความหมายอาจไม่ใช่คำดูถูกแต่ความหมายกรายๆ ถึงคนต่างด้าว และพวกพี่น้องคนอื่นต่างพากันหัวเราะซุบซิบเมื่อพูดถึงแม่ แม่เป็นเพียงเด็กสาวคนหนึ่งที่ถูกตีกรอบมาตั้งแต่เด็กค่อนข้างเป็นคนเก็บตัวต่างกับพ่อที่มีชีวิตอิสระและเสียงหัวเราะ พ่อรักแม่มากเขาไม่เคยรู้ว่าแม่เป็นลูกสาวตระกูลมิราอิลูกสาวมาเฟียเเห่งเกาะฮิงะชิเมื่อทั้งคู่ได้คบกันพ่อได้สร้างโลกใบใหม่ขึ้นมาและสามารถดึงให้แม่หลุดพ้นจากความทุกข์และความเอียงอาย บ่อยครั้งที่ทั้งสองแอบหลบเรียนไปปั่นจักรยานเล่นด้วยกันจนถูกบอดี้การ์ดของแม่มารายงานให้คุณตาเธอฟังบ่อยๆ มีใครหลายคนบอกว่าพ่อไม่เหมาะสมกับนายูกิแม่ของเธอแม้แต่นิดเดียวแต่เขาก็ไม่สนใจเช่นเดียวกับนายูกิแม่ของเธอ

โลกของสโรชาเปลี่ยนไปเมื่อเธออายุได้เก้าขวบมันเป็นเวลาที่โชตะเข้ามาในชีวิตของเธอด้วย ในปีเดียวกันนั้นพ่อของเธอเสียชีวิตจากโรคร้าย ทิ้งให้แม่และเธอจมอยู่กับความโศกเศร้า แม่กลายเป็นคนเคร่งขรึมไม่ค่อยพูดคุยกับใคร ตอนนั้นโชตะอายุสิบเจ็ดตอนที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของมิราอิทุกอย่างดำเนินไปตามที่มันจะเป็น

เธอไม่ชอบโชตะตั้งแต่แรกพบสาเหตุเพราะเขาเป็นคนของเอริกะ และเพียงถ้าเขาไม่ตัวใหญ่โตมโหราฬขนาดนั้นแต่นี้เขาสูงตั้งร้อยเก้าสิบเซนติเมตรทั้งที่อยู่ในวัยเพียงสิบเจ็ดปีเนื้อตัวเด็กหนุ่มเต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อเธอไม่รู้หรอกว่าเขามีน้ำหนักเท่าไหร่ถ้าให้เดาคงหนักราวๆ เจ็ดสิบกิโลเห็นจะได้ เขามักทำให้คนอื่นที่ยื่นอยู่ใกล้กล้ายเป็นคนแคระไปหมด

ครั้งกระโน้นตอนเธออายุเก้าขวบเอริกะพาโชตะมาที่คฤหาสน์ด้วยท่าทางสบักสะบอมบอกว่าเป็นลูกชายของเพื่อนทุกคนต่างสงสัยว่าเด็กหนุ่มอายุสิบเจ็ดคนนี้อาจจะเป็นผู้ชายคนใหม่ของเอริกะ แต่เอริกะยืนยันว่าไม่ใช่และไม่ได้บอกอะไรมากไปกว่านี้ซึ่งต่อมาเอริกะก็ปฎิบัติต่อเขาเช่นบอดี้การ์ดคนอื่นๆ เพียงแต่เวลาผ่านไปบอดี้กาดคนนี้เลื่อนเป็นมือขวาของคุณลุงทามากิ

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา