CHESS:พลิกกระดานเทพ

10.0

เขียนโดย TKFD

วันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2567 เวลา 01.14 น.

  51 ตอน
  4 วิจารณ์
  13.63K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2567 01.16 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

50) ตอนที่ 15.3 นายหญิงและผลกระทบ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

        หลังจากสิ้นสุดถ้อยคำประพันธ์ เวอร์เดนท์ก็ค่อยๆ ลอยตัวลงมาอย่างสง่างาม ร่างของเขาเลื่อนลงช้าๆ จนกระทั่งปลายกีบแตะพื้นโถงทางเดิน และในวินาทีนั้นเอง ทุกสายตาก็เบิกกว้างด้วยความตื่นตะลึง

 

 

 

    เพราะทันทีที่กีบของเวอร์เดนท์สัมผัสพื้น พืชพรรณนานาชนิดก็พลันผุดขึ้นมาจากรอยแตกเล็กๆ บนพื้นและผนังรอบข้าง กิ่งก้าน ใบไม้ และดอกไม้เริ่มผลิบานอย่างงดงาม ราวกับมีมือที่มองไม่เห็นกำลังแต่งเติมสีสันแห่งธรรมชาติให้กลับคืนสู่โถงแห่งนี้

 

 

 

    คลื่นชีวิตค่อยๆ แผ่ซ่านไปทั่ว เมื่อหญ้าเขียวชอุ่มปกคลุมทางเดินยาวไกล จนกระทั่งมันเติบโตมาถึงจุดที่อากิและพวกพ้องยืนอยู่  พื้นใต้ฝ่าเท้าที่เคยเย็นเฉียบตอนเริ่มนุ่มขึ้นด้วยพรมหญ้าอ่อน ละอองกลิ่นสดชื่นแผ่วเบาแตะจมูก

 

 

 

    พวกเขาต่างก้มลง สัมผัสใบหญ้าที่กำลังผลิชีวิตด้วยดวงตาเปล่งประกาย

 

 

 

    "ลีน่า:นี้มัน… หญ้า"

 

 

 

    "โจเซฟ:ฉันรู้สึกได้เลย มันกำลังเติบโต"

 

 

 

    "คริส:ไม่ได้สัมผัสหญ้ามานานแค่ไหนแล้วนะ… อยากนอนลงไปจริงๆ"

 

 

 

    "เมิ่งซิน:เฮ้อ~ สบายจัง…"

 

 

 

    เสียงของเมิ่งซินดังขึ้นพลางทิ้งตัวลงไปนอนกับพื้นหญ้า เธอหลับตาอย่างผ่อนคลายราวกับกำลังถูกโอบกอดโดยธรรมชาติ คริสที่เห็นภาพนั้นก็พลันหัวเราะเบาๆ ก่อนหันมองพื้นหญ้าที่ตนยืนอยู่แล้วจึงค่อยๆ ล้มตัวนอนตาม

 

 

 

    "คริส:ฟู่… สบายจัง…"

 

 

 

    สัมผัสที่ได้จากหญ้าเย็นนุ่มทำให้เขาคลายความตึงเครียดทันที และในไม่ช้าเปลือกตาก็ปิดลงโดยไม่รู้ตัว ลมหายใจของเขาสงบลงสู่ห้วงนิทรา

 

 

 

    โจเซฟและลีน่าเมื่อเห็นทั้ง 2 ต่างผ่อนคลาย ก็อดไม่ได้ที่จะทำตาม ทั้งคู่ทิ้งตัวลงกับหญ้าอ่อนที่พึ่งโตและเผลอหลับไปอย่างสงบในเวลาไม่นาน

 

 

 

    เหลือเพียงอากิที่ยังยืนอยู่ เขามองภาพคนอื่นๆทั้งหมดที่หลับใหลด้วยความรู้สึกผ่อนคลาย ปนลังเลใจเพราะใจหนึ่งอยากล้มตัวลงนอนกับหญ้า แต่ในอีกใจก็กังวลว่าถ้านอนไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้น จนกระทั่งเขาทนไม่ไหวและจะโน้มตัวลงนอน แต่ในจังหวะที่กำลังโน้มตัวลง เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นในความเงียบสงัด

 

 

 

    ;???:อย่าเพิ่งหลับใหลไปเลย… ผู้ให้กำเนิดข้า;

 

 

 

     เสียงนั้นทุ้มนุ่ม แฝงด้วยความอ่อนโยนและเป็นมิตรอย่างบอกไม่ถูก คล้ายสายลมแห่งฤดูใบไม้ผลิที่พัดผ่าน อากิสะดุ้งเล็กน้อย รีบยืดตัวตรง รีบหันซ้ายหันขวาหาต้นตอของเสียงนั้น พร้อมหัวใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ

 

 

 

    ;???:ข้าเป็นผู้พูดเอง…ท่านผู้ให้กำเนิด;

 

 

 

    อากิหันขวับไปตามเสียง และก็ต้องเบิกตากว้าง เมื่อพบว่าต้นเสียงนั้นมาจากทางเวอร์เดนท์

 

 

 

    "อากิ:...นายเป็นคนพูดเหรอ...เวอร์เดนท์?"

 

 

 

    ;เวอร์เดนท์:ใช่แล้ว ท่านผู้ให้กำเนิด;

 

 

 

    คำตอบนั้นทำให้อากิถึงกับชะงัก สมองเหมือนหยุดทำงานไปชั่วขณะ เขายืนนิ่ง ไม่รู้ว่าควรตอบอะไรออกไปดี

 

 

 

    เวอร์เดนท์ที่เห็นท่าทีแปลกๆ ของอากิก็เดินเข้ามาใกล้ ดวงตาสีเขียวอ่อนจับจ้องเขาอย่างเป็นห่วง

 

 

 

    ;เวอร์เดนท์:ท่านเป็นอะไรรึ? เหตุใดจึงนิ่งไปเช่นนั้น;

 

 

 

    "อากิ:มะ-ไม่...ฉันไม่ได้เป็นอะไร แค่งงนิดหน่อย...ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นกันแน่"

 

 

 

    ;เวอร์เดนท์:...ข้าเข้าใจท่าน เพราะความจริงแล้ว เวลานี้มิใช่เวลาที่ข้าควรจุติเลย;

 

 

 

    "อากิ:หมายความว่าไง...?"

 

 

 

    ;เวอร์เดนท์:เรื่องนั้น ข้าได้รับรู้ผ่านความทรงจำตั้งแต่ตอนเปลี่ยนแปรมาเป็นผู้พิทักษ์แห่งชีวิต ข้ามิอาจกำเนิดในยามนี้ได้;

 

 

 

    "อากิ:ถ้า...ถ้าเป็นแบบนั้น เราควรทำยังไงดี?"

 

 

 

    ;เวอร์เดนท์:ไม่ใช่ ‘เรา’ ที่ต้องทำสิ่งใด ท่านผู้ให้กำเนิด...แต่เป็น ‘นายหญิง’ ของพวกเราต่างหาก;

 

 

 

    อากิฟังแล้วกลับยิ่งงุนงง หนักขึ้นกว่าเดิมเสียอีก เพราะไม่เข้าใจว่าเวอร์เดนท์หมายถึงสิ่งใดกันแน่ ทว่าในจังหวะที่เขายังสับสน เสียงหนึ่งก็ดังแทรกขึ้นมาจากด้านหลัง

 

 

 

    \???:ได้โปรดตามข้ามาด้วย...ขอรับ/

 

 

 

    น้ำเสียงนั้นแผ่วทุ้ม หนักแน่น แต่เต็มไปด้วยความนอบน้อม ราวกับชายชราผู้มากด้วยอายุและประสบการณ์

 

 

 

    อากิหันกลับหลังเกือบจะทันที แล้วสิ่งที่เห็นก็คือ ชายชราผู้หนึ่งในชุดพ่อบ้านเรียบหรู กิริยาสุภาพสง่างามราวกับผู้ดีชั้นสูง แต่ในเวลาเดียวกัน กลิ่นอายอันตรายอันหนาวเย็นกลับแผ่ซ่านออกจากตัวเขาอย่างเข้มข้น ราวกับจะกดทับหัวใจของอากิให้หยุดเต้นเสียเดี๋ยวนั้น ทำให้อากิไม่กล้าขยับแม้แต่นิ้วเดียว

 

 

 

    *"อากิ:อลิส...ฉันควรทำยังไงดี ตอนนี้ฉันไม่รู้แล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น"*

 

 

 

    เขากระซิบถามด้วยเสียงแผ่ว แต่ดูเหมือนพ่อบ้านตรงหน้าจะได้ยินทุกถ้อยคำ เพราะร่างนั้นเพียงปรายตามาและเอ่ยตอบด้วยเสียงสุขุม

 

 

 

    \???:สำหรับคำถามนั้น...ข้าจะเป็นผู้ตอบแทนเอง ท่านเพียงตามข้ามา แล้วท่านจะได้รู้ทุกอย่างด้วยตัวท่านเอง/

 

 

 

    อากิที่ตระหนักว่า อีกฝ่ายได้ยินเสียงกระซิบของเขาก็ถึงกับชะงักไปทันที ขณะที่อลิสรีบแนะนำขึ้นมาอย่างเร่งด่วน

 

 

 

    [อลิส:เปิดใช้งานสกิลใจเย็น]

 

 

 

    [อลิส:ท่านควรทำตามที่เขาพูดค่ะ ท่านอากิ... และที่สำคัญ อย่าได้ทำสิ่งใดที่อาจเป็นการเสียมารยาทเชียวนะคะ]

 

 

 

    *"อากิ:อะ-อืม..."*

 

 

 

    อากิตอบรับด้วยน้ำเสียงเบาแผ่ว พ่อบ้านผู้ชราที่ดูเหมือนจะได้ยินก็เพียงพยักหน้าช้าๆ แสดงท่าทีรับรู้ ก่อนที่เบื้องหลังเขาจะเปิดออกเป็นประตูวาร์ปขนาดใหญ่แสงสีน้ำเงินเรืองรอง เขาก้าวหลบไปด้านข้าง พร้อมกวาดแขนเชิญด้วยท่วงท่าละเมียดละไม

 

 

 

    อากิยังคงยืนนิ่งด้วยความกดดันหนักอึ้ง หัวใจเต้นแรงราวจะทะลุอก แต่แล้ว เวอร์เดนท์ก็ก้าวเข้ามา ใช้หน้าผากดันแผ่นหลังของอากิอย่างเบาๆ

 

 

 

    ;เวอร์เดนท์:ข้าจะไปกับท่านเช่นกัน;

 

 

 

    อากิกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ก่อนจะขยับฝีเท้าด้วยความระแวง ก้าวผ่านประตูวาร์ปนั้นไป

 

 

 

    ทันทีที่ออกมา ร่างของเขาก็โงนเงน เซถลาเล็กน้อยเพราะเวียนศีรษะหลังจากผ่านประตู

 

 

 

    'อากิ:โอ้ย~ รู้สึกเสียนหัวจัง เหมือนโดนลงน้ำวนเลย'

 

 

 

    แต่อากิยังคงฝืนยืนอยู่ได้ ไม่นานนักสายตาก็ปรับชัด และสิ่งแรกที่เห็นก็คือเวอร์เดนท์กับพ่อบ้านลึกลับที่เดินตามออกมาด้วยความเงียบเชียบ ดุจเงามืดที่ไม่อาจสลัดทิ้งไปได้

 

 

 

    พ่อบ้านที่เห็นอาการของอากิ รีบก้าวเข้ามาประคองทันที

 

 

 

    \พ่อบ้าน:ขออภัยเป็นอย่างยิ่ง ไม่คิดว่าท่านจะได้รับผลกระทบเช่นนี้/

 

 

 

    "อากิ:ผมไม่เป็นไรครับ แค่ขอเวลาสักพัก"

 

 

 

    พ่อบ้านยังคงช่วยพยุงไว้ จนอากิหายใจได้คล่องขึ้นและเริ่มทรงตัวได้ดีขึ้น

 

 

 

    "อากิ:ขอบคุณมากครับ ตอนนี้ผมน่าจะยืนได้แล้ว"

 

 

 

    \พ่อบ้าน:ถ้าท่านว่าเช่นนั้น/

 

 

 

    ว่าพร้อมแล้ว พ่อบ้านจึงค่อยๆ ปล่อยมือจากแขนอากิ อากิหันมองรอบตัว และทันใดนั้นภาพตรงหน้าก็ทำให้เขาต้องกลั้นหายใจชั่วขณะ คฤหาสน์ขนาดใหญ่โอ่อ่าแผ่กว้างสุดสายตา สวนที่ได้รับการดูแลอย่างพิถีพิถัน และเหนือสิ่งอื่นใดคือท้องฟ้าที่งดงามสดใส พร้อมแสงอาทิตย์ที่เขาไม่ได้เห็นมานานเกินกว่าจะนับได้

 

 

 

    'อากิ:นี่มัน...ที่ไหนกัน? ท้องฟ้า วิวแบบนี้...ของจริงใช่ไหม'

 

 

 

    อากิยืนนิ่ง มองทุกสิ่งรอบตัวด้วยดวงตาที่แทบไม่อยากกะพริบ ราวกับกลัวว่าสิ่งที่เห็นจะหายไปในพริบตา เวอร์เดนท์และพ่อบ้านเพียงยืนมองเงียบๆ ปล่อยให้เขาซึมซับภาพที่โหยหามาเนิ่นนาน

 

 

 

    'อากิ:มันไม่ใช่ความฝัน...มันคือความจริง ยังมีโลกภายนอกอยู่...ถ้าฉันออกมาได้ ก็แปลว่าคนอื่นๆ ต้องออกมาได้เหมือนกัน'

 

 

 

    ความหวังที่เคยดับลงในความมืด ถูกจุดประกายขึ้นใหม่ในใจของอากิ เขาเงยหน้ามองท้องฟ้าสีครามอย่างเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังใจ แต่ช่วงเวลาแห่งความสงบนั้นก็ถูกตัดขาดลงด้วยเสียงทุ้มจากด้านหลัง

 

 

 

    \พ่อบ้าน:ถึงเวลาที่ท่านต้องพบนายหญิงแล้ว ขอเชิญตามมาขอรับ/

 

 

 

    "อากิ:ครับ"

 

 

 

    คำตอบสั้นๆ ของเขาในครั้งนี้กลับหนักแน่นกว่าตอนแรกนัก จนพ่อบ้านยกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้มบางๆ ก่อนจะหันหลังเดินนำเข้าไปยังคฤหาสน์

 

 

 

    เมื่อใกล้ถึงทางเข้า อากิก็ได้เห็นประตูบานใหญ่เบื้องหน้า ไม้เนื้อดีสีขาวสลับด้วยลายสีแดงราวหินอ่อน แกะสลักลวดลายอย่างวิจิตรตระการตา เป็นรูปสตรีในอาภรณ์ยาวคล้ายครุย กำลังลอยอยู่เหนือกลุ่มเมฆ มือทั้งสองประสานกัน ก้มหน้าเล็กน้อยราวกับภาวนาให้บางสิ่งด้วยสีหน้าอ่อนโยน เหนือศีรษะของนางคือวงแหวนเปล่งประกายที่ชวนให้รู้สึกถึงความศักดิ์สิทธิ์

 

 

 

    แต่มีสิ่งหนึ่งที่ดึงดูดสายตาที่สุดกลับไม่ใช่รูปรางของเธอ แต่หากคือปีกที่แผ่กว้างอยู่เบื้องหลัง ทั้งหมดสี่คู่เรียงซ้อนกันอย่างสมมาตร รายละเอียดของขนแต่ละเส้นถูกสลักไว้อย่างประณีตดุจมีชีวิต

 

 

 

    คู่แรก คือปีกที่ใหญ่ที่สุด แผ่กว้างจากแผ่นหลังด้านบนสุด มุ่งชี้ขึ้นราวกับทะยานสู่สวรรค์

 

    คู่ที่สอง ปีกขนาดกลางที่กางออกอย่างอ่อนช้อยจากกลางหลัง ดุจพร้อมโอบรับผืนเมฆ

 

    คู่ที่สาม เล็กลงมาอยู่ระดับเอว กว้างขวางราวกับจะโอบอุ้มโลกทั้งใบ

 

    และคู่สุดท้าย เล็กที่สุดเรียงอยู่ต่ำเหนือสะโพก กางแผ่วเบาลงด้านล่างประหนึ่งม่านที่ห่อหุ้มสรรพสิ่ง

 

 

 

    เมื่อทั้งสี่คู่ซ้อนทับกัน ร่างสลักนั้นกลับดูยิ่งใหญ่ราวกับเทพผู้สูงสุดปีกทั้งแปดชั้นสอดประสานกันอย่างสมบูรณ์แบบ ประหนึ่งความงามที่ไม่มีสิ่งใดแตะต้องได้

 

 

 

    พ่อบ้านเหลือบมองอากิที่กำลังจ้องประตูตาค้าง ก่อนจะเอ่ยขึ้นเบาๆ

 

 

 

    \พ่อบ้าน:งานแกะสลักนี้งดงามเกินกว่าจะบรรยาย ใช่หรือไม่ขอรับ/

 

 

 

    "อากิ:เออ...ถึงผมจะไม่ค่อยรู้เรื่องศิลปะเท่าไหร่ แต่พอได้เห็นนี่แล้ว...มันงดงามจริงๆครับ เหมือนเทพธิดาที่คอยโอบอุ้มและปลอบประโลมโลกใบนี้เลย"

 

 

 

    \พ่อบ้าน:.../

 

 

 

    พ่อบ้านเพียงเงียบไปเมื่อได้ยินคำตอบของอากิ สีหน้าไม่ได้แสดงถึงความไม่พอใจแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม กลับมีแววพึงพอใจบางอย่างปรากฏขึ้น จนความกดดันที่อากิรู้สึกจากเขาตั้งแต่แรกกลับลดลงไปอย่างเห็นได้ชัด

 

 

 

     หลังจากชื่นชมงานแกะสลักที่หน้าประตูเสร็จ พ่อบ้านก็เป็นผู้เปิดประตูบานใหญ่และผายมือเชื้อเชิญให้ทั้งสองก้าวเข้าไปในคฤหาสน์ทันที

 

 

 

     ทันทีที่บานประตูเปิดออก อากิก็ถึงกับชะงักไป เพราะสิ่งที่เห็นไม่อาจอธิบายได้ด้วยสายตาธรรมดา เพราะด้านในนั้นกว้างใหญ่ไพศาลกว่าที่คาดไว้มาก จากภายนอกดูเหมือนตัวอาคารจะไม่สูงนัก จนเวอร์เดนท์ที่มีร่างมหึมาอาจต้องก้มหัวเพื่อฝืนเข้ามา แต่เมื่อเข้ามาจริงกลับพบว่าภายในใหญ่โตราวกับอีกโลกหนึ่ง ถึงขั้นที่เวอร์เดนท์สามารถหมุนตัวได้โดยไม่ชนสิ่งใดเลย

 

 

 

    อากิยังคงยืนตะลึง แต่ไม่นานสายตาก็เริ่มกวาดไปรอบๆเพื่อตรวจสอบรายละเอียดโดยสัญชาตญาณ พื้นห้องโถงปูด้วยพรมแดงผืนยักษ์ ลวดลายสลับซับซ้อนปักด้วยด้ายทองตรงขอบหรูหราจนแทบละสายตาไม่ได้ ทั้งสองฝั่งเรียงรายด้วยเสาหินอ่อนขนาดใหญ่ สูงเสียดจนถึงเพดานครึ่งวงกลมอย่างโอ่อ่า ระหว่างเสาเว้นระยะด้วยหน้าต่างกระจกสูงโปร่ง แสงอาทิตย์ลอดเข้ามาทาบเงาลายบนพื้นอย่างงดงาม และยังมีช่องว่างสำหรับตั้งกระถางดอกไม้ประดับเพิ่มความสดชื่นให้สถานที่

 

 

 

    อากิรู้สึกตัวเองเล็กลงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ด้วยความเกรงใจและความไม่คุ้นชิน เขาจึงพยายามเดินตรงกลางทางอย่างระมัดระวังราวกับกลัวว่าจะทำอะไรผิดพลาด

 

 

 

     ขณะนั้นเอง เขาก็ได้พบกับเหล่าเมจหญิงที่กำลังเดินผ่าน ดูเหมือนจะเป็นผู้ที่ทำงานประจำอยู่ในที่แห่งนี้ ตอนแรกอากิก็ไม่ได้คิดอะไร แต่พอพวกเธอเข้ามาใกล้ เขากลับสะดุดตาทันที หนึ่งเป็นสาวกิ่งก่าผิวสีเขียวมันเงา ดูสะท้อนแสงราวกับเคลือบคริสตัล อีกคนเป็นสาวหูเสือร่างเพรียวสง่างาม หางใหญ่ฟูดูนุ่มนิ่มจนอดไม่ได้ที่จะจินตนาการว่าถ้าได้สัมผัสจะเป็นอย่างไร

 

 

 

    ‘อากิ:เห้ย!! นั่นมัน...! สาวหูสัตว์ของแท้เลยเว้ย! แถมยังมีสาวกิ่งก่าอีก ถึงจะมีผิวสีเขียว แต่โคตรอยากรู้เลยว่าผิวแบบนั้นสัมผัสแล้วจะเป็นยังไง... ดูหางนั่นดิ! อยากลองจับจริงๆว่ามันนุ่มแค่ไหน!’

 

 

 

    "อากิ:..."

 

 

 

    อากิยืนจ้องด้วยแววตาเป็นประกายราวกับเด็กน้อยที่เห็นของเล่นถูกใจ พ่อบ้านที่เฝ้ามองท่าทางนั้นมาตลอด ก็ย่างก้าวเข้ามาใกล้เงียบๆ ก่อนจะเอ่ยถามเสียงเรียบ

 

 

 

    \พ่อบ้าน:ชอบหรือสนใจคนไหนครับ?/

 

 

 

    "อากิ:ชอบคนหูเสือครับ... แต่ถ้าว่าตามตรง ผมสนใจคนที่เป็นกิ้งก่ามากกว่า อยากรู้ว่าผิวเธอเป็นยังไง"

 

 

 

    [อลิส:ท่านอากิพูดออกมาหมดแล้วนะคะ]

 

 

 

    "อากิ:ห่ะ!? ห่ะ!!"

 

 

 

    อากิสะดุ้งหันขวับไปมอง ก่อนจะเห็นพ่อบ้านที่ยังคงยิ้มอ่อนโยน เวอร์เดนท์เองก็ดูเหมือนกำลังกลั้นหัวเราะอยู่ อากิจึงได้แต่ยิ้มแห้งๆ ยกมือเกาหัวอย่างเขินอาย

 

 

 

    "อากิ:แหะๆ ความคิดชั่ววูบครับ แค่ชั่ววูบจริงๆ"

 

 

 

    พ่อบ้านกลับยิ้มกว้างกว่าเดิม แถมยังยื่นมือมาวางเบาๆที่ไหล่ของอากิ

 

 

 

    \พ่อบ้าน:ไม่ต้องเขินหรอกครับ ความชอบเป็นสิ่งธรรมชาติของแต่ละคน... เพียงแต่ว่า ดูเหมือนคุณสกาเล็ตจะได้ยินทุกคำพูดเมื่อครู่นี้นะครับ/

 

 

 

    พ่อบ้านเอ่ยพลางหันสายตาไปทางด้านหลัง อากิรีบหันไปตามทันที ก็พบว่าทั้งสองสาวกำลังเหลือบมองมาที่เขา ก่อนจะขยิบตาให้เป็นเชิงหยอกล้อ แล้วจึงเดินจากไปอย่างอ้อยอิ่ง

 

 

 

    อากิได้แต่นิ่งค้าง ไม่รู้ว่าควรทำสีหน้าแบบไหน

 

 

 

    \พ่อบ้าน:เอาล่ะๆ... ไปพบนายหญิงกันเถอะขอรับ/

 

 

 

    พ่อบ้านก้าวนำหน้า อากิและเวอร์เดนท์เดินตามเข้าไปในคฤหาสน์ ผ่านโถงทางเดินอันซับซ้อนและประตูห้องมากมาย ระหว่างทาง อากิเห็นทั้งมนุษย์และอมนุษย์กำลังทำงานกันอย่างขยันขันแข็ง บ้างก็เงียบสงบ บ้างก็คล่องแคล่ว แต่ครั้งนี้เขาไม่ได้รู้สึกประหลาดใจเท่าตอนแรกที่ได้เห็น เพียงแต่ยังอดเหลือบตามองรอบตัวเป็นระยะ

 

 

 

    ไม่นานก็ถึงหน้าประตูบานใหญ่ที่สุดในคฤหาสน์ ประตูนั้นแกะสลักด้วยลวดลายเดียวกับประตูทางเข้า แต่คราวนี้เป็นภาพเงาร่างที่กำลังกอดดวงดาวทั้งใบไว้ราวกับโอบอุ้มสรรพสิ่ง

 

 

 

    \พ่อบ้าน:นายหญิง ข้าทำตามที่สั่งแล้ว ขออนุญาตเข้าไปขอรับ/

 

 

 

    \นายหญิง:เข้ามา\

 

 

 

    ทันทีที่เสียงดังขึ้น อากิถึงกับสะดุ้งเล็กน้อย ความคิดหนึ่งแล่นเข้ามาในหัวทันที

 

 

 

    'อากิ:เสียงนี่... คุ้นชะมัด เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน...'

 

 

 

    ความสงสัยวนเวียนในหัว แต่เขาก็ยังตามพ่อบ้านเข้าไปในห้องใหญ่

 

 

 

    ประตูค่อยๆ เปิดออก สิ่งที่เห็นคือโดมแก้วขนาดมหึมาที่เปิดให้เห็นท้องฟ้าและทะเลเมฆด้านนอก ภายในกลางห้องมีบัลลังก์สูงตระหง่านหันหลังให้ พ่อบ้านก้าวนำไปหยุดตรงหน้าและโค้งคำนับลงต่ำ เวอร์เดนท์เองก็โค้งตามด้วยความนอบน้อม อากิที่เห็นรีบทำตาม แม้ใจจะเต็มไปด้วยคำถาม

 

 

 

    ทั้งสามคงอยู่ในท่าก้มอยู่นาน จนอากิเริ่มสงสัย เขาเหลือบสายตาไปทางพ่อบ้านและเวอร์เดนท์ก็ยังเห็นว่าทั้งคู่ก้มอยู่เหมือนเดิม จึงค่อยๆ เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ใช้มุมหางตามองขึ้นไป สิ่งที่สะดุดตาคือ หน้าต่างระบบสีฟ้าใสหลายบานลอยอยู่รอบบัลลังก์ คล้ายประกาศสถานะบางอย่าง แต่ถึงเพ่งมองแค่ไหน เขาก็ไม่อาจอ่านออกได้

 

 

 

    ในจังหวะนั้นเอง บัลลังก์ค่อยๆ หมุนหันหน้ามาทางพวกเขา เสียงฐานหินเสียดสีกับพื้นดังก้อง

 

 

 

    “เคลื่อน~~ ตึง!”

 

 

 

    \นายหญิง:เงยหน้าขึ้น\

 

 

 

    หัวใจอากิแทบหยุดเต้น

 

 

 

    'อากิ:เดี๋ยว...เสียงนี่ มันเสียงประกาศของระบบที่ได้ยินบ่อยๆ นี่นา!'

 

 

 

    เขาเงยหน้าขึ้นช้าๆ และได้เห็นหญิงสาวร่างเล็กบนบัลลังก์ เธอมีความสูงราว 140–150 เซนติเมตรตามสายตาประเมิน รูปร่างอวบเล็กน้อย หน้าอกออกจะใหญ่กว่าที่ควรเมื่อเทียบกับร่างกายเล็กๆ ของเธอ เส้นผมยาวสลวยสีดาร์คบลูอมน้ำเงินเข้มสะท้อนแสง ดวงตาก็เป็นสีเดียวกัน แต่เปล่งประกายลึกล้ำเหมือนห้วงสมุทรไม่สิ้นสุด

 

 

 

    ผิวของเธอขาวราวหิมะ บนแขนทั้งสองเต็มไปด้วยรอยสักลวดลายประหลาดที่อากิไม่อาจเข้าใจได้ว่ามันหมายถึงอะไร เหมือนจะเป็นอักษรโบราณปนกับสัญลักษณ์แปลกตา แต่สิ่งที่ทำให้อากิอึ้งจนแทบหายใจไม่ทั่วท้องกลับไม่ใช่รูปร่างหรือลวดลายเหล่านั้น

 

 

 

    หากเป็น “การแต่งตัว” ของเธอต่างหาก

 

 

 

    หญิงสาวบนบัลลังก์สวมเพียงเสื้อกล้ามรัดรูปเปิดไหล่และหน้าอก จนเห็นสายชุดชั้นในสีดำตัดกับผิวขาวอย่างชัดเจน ส่วนท่อนล่างเป็นกางเกงยีนส์ขาสั้นที่เปิดให้เห็นเรียวขาเกือบทั้งช่วงขา บรรยากาศรอบห้องที่หรูหราอลังการในสไตล์โบราณ กลับตัดกับเครื่องแต่งกายสมัยใหม่สุดๆ

 

 

 

    'อากิ:เดี๋ยวนะ...นี่มันอะไรเนี่ย!? ทำไมการแต่งตัวแบบนั้นถึงมาโผล่ในที่แบบนี้ได้ มันขัดกับทุกอย่างเลยนะ!'

 

 

 

    ความรู้สึกสับสนผสมความเกร็งแน่นอัดเต็มในอก อากิไม่รู้เลยว่าควรเบนสายตาไปทางไหนถึงจะถูก

 

 

 

    นายหญิงปรายตามองอากิ ก่อนจะเหลือบไปที่เวอร์เดนท์แล้วถอนหายใจแผ่วเบา

 

 

 

    \นายหญิง:เฮ้อ~ นายรู้ตัวไหมว่าทำอะไรลงไป\

 

 

 

    "อากิ:เอ่อ~ กระผมไม่รู้จริงๆครับ"

 

 

 

    \นายหญิง:ไม่รู้สินะ…อืม~ ก็ไม่ต่างจากที่คิดไว้เลย…\

 

 

 

    สีหน้าเธอดูเหมือนว่าส้่งที่อากตอบนั้นไม่ต่างจากที่คาดไว้สักนิด ก่อนจะเปลี่ยนมามองอากิอีกครั้ง

 

 

 

    \นายหญิง:อ้อ แล้วก็ไม่ต้องใช้คำพูดโบราณๆหรอก พูดตามปกติได้เลย\

 

 

 

    \พ่อบ้าน:แต่นายหญิง แบบนั้นมันจะไม่เป็นการเสียมารยาทเกินไปหรือขอรับ?/

 

 

 

    \นายหญิง:เซบาสเตียน การพูดโบราณกับชาวโลกน่ะเสียเวลาเปล่าๆ เพราะพวกเขาเลิกใช้กันไปนานแล้ว พูดแบบปกติสบายกว่าเยอะ แถมตัวฉันเองก็ชอบด้วย\

 

 

 

    \เซบาสเตียน:ถ้านายหญิงว่าเช่นนั้น กระผมก็จะทำตามครับ/

 

 

 

    \นายหญิง:…เข้าใจง่ายๆแบบนี้บ่อยๆก็ดีสิน่า~\

 

 

 

    อากิที่ได้ยินการสนทนาก็ยิ่งสับสนในใจ เพราะสิ่งที่พวกเขากระทำนั้นเหมือนรู้จักโลกเป็นอย่างดี

 

 

 

    'อากิ:เดี๋ยวนะ… ทำไมเธอถึงพูดเหมือนรู้จักโลกเป็นอย่างดี? หรือว่า… เธอเคยอยู่ที่โลกจริงๆเหรอ?'

 

 

 

    \นายหญิง:เอาล่ะ ช่างเรื่องนั้นไปก่อน เรามาพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนดีกว่า\

 

 

 

    คำพูดนั้นมาพร้อมสายตาที่หันตรงมาจ้องเขาเต็มๆ ความรู้สึกเหมือนมีอะไรแทรกทะลุเข้าไปในตัว จากการถูกจับจ้องจากภายในจนเขาแทบหายใจไม่ทั่วท้อง

 

 

 

    \นายหญิง:อืม… ช่างน่าแปลกประหลาดนัก สิ่งมีชีวิตจากโลก ที่ไม่เคยสัมผัสมานามาก่อน…กลับมีพลังมานามหาศาลได้ถึงขนาดนี้\

 

 

 

    ทันใดนั้น หญิงสาวในชุดเมจสีน้ำเงินก็ปรากฏขึ้นจากหน้าต่างระบบด้านหลัง ราวกับเป็นเพียงภาพฉาย ก่อนที่จะพูดด้วยเสียงที่ถูกสังเคราะห์ขึ้นมา

 

 

 

    [ระบบ:เขาอาจเป็นกรณีพิเศษ ที่เกิดขึ้นได้ยากหรือเปล่าคะ]

 

 

 

    เสียงนั้นใกล้เคียงกับของนายหญิงมาก แต่เหมือนเสียงที่ผ่านโปรแกรมแปลงเสียง

 

 

 

    \นายหญิง:ก็มีความเป็นไปได้… เพราะโดยปกติ มนุษย์แบบเขาไม่มีทางถือครองมานามากขนาดนี้ได้...แต่มนุษย์แบบพวกเขาก็มีความสามารถในการปรับตัวเป็นอย่างดี ซึ่งก็มีความเป็นไปได้\

 

 

 

    อากิได้ยินแล้วถึงกับเหงื่อตก หัวใจเต้นแรงอย่างไม่เป็นจังหวะ เขาไม่รู้เลยว่านี่คือเรื่องดี…หรือหายนะที่กำลังรออยู่กันแน่

 

 

 

    \นายหญิง:เอาละ ช่างเรื่องนั้นก่อนเถอะ นายน่ะรู้ไหมว่าตัวเองทำเรื่องใหญ่ขนาดไหนลงไป\

 

 

 

    อากิสะดุ้งเฮือกก่อนตอบเสียงสั่นแผ่วเบา

 

 

 

    "อากิ:ไม่...รู้ครับ"

 

 

 

    \นายหญิง:งั้นฉันจะบอกให้ สิ่งที่นายไปให้กำเนิด มันควรเกิดขึ้นในอีกหลายอัปเดตข้างหน้า ซึ่งไม่ใช่ตอนนี้ แต่กลับถูกเร่งให้ปรากฏก่อนเวลา นั่นคือ...ผู้พิทักษ์ ซึ่งยังไม่ถึงเวลาของมันเลยด้วยซ้ำ นายก็น่าจะเห็นแล้ว ขนาดเพียงแค่ยืนอยู่ในโถงทางเดินยังลำบาก เพราะมันเล็กเกินไป แถมยังไม่มีสถานที่รองรับผู้พิทักษ์ ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่เหมาะสม และที่สำคัญที่สุด—อัปเดตที่ควรรองรับการมาของมัน…ยังไม่มาถึงเลยสักอย่าง\

 

 

 

    น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยแรงกดดัน อากิรู้สึกเหมือนถูกมือที่มองไม่เห็นบีบ เขาหายใจติดขัด ก่อนที่นายหญิงจะถอนหายใจยาว

 

 

 

    \นายหญิง:เฮ้อ~~ เพราะแบบนี้ นายก็เตรียมตัวรับผลลัพธ์ไว้ได้เลย สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ฉันจำเป็นต้องเร่งการอัปเดตอีกสี่ถึงห้าครั้ง มารวมเป็นครั้งเดียว\

 

 

 

    อากิเบิกตากว้าง หันไปมองนายหญิงด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

 

 

 

    "อากิ:ถ-ถ้าเป็นแบบนั้น…มันจะเกิดอะไรขึ้นครับ"

 

 

 

    \นายหญิง:จะเกิด? แน่นอนสิ ทั้งความยากที่เพิ่มขึ้น มอนสเตอร์อันตรายกว่าเดิม อีเวนต์แปลกประหลาด รวมถึงสถานที่ที่ยังไม่ควรจะเปิดเผย ทุกอย่างที่ควรให้พวกนายได้ค่อยๆ ปรับตัว จะถาโถมมาในรอบเดียว... ใครที่ตามไม่ทัน ก็มีหนทางเดียวรออยู่คือความ ต-า-ย\

 

 

 

    คำพูดนั้นทำให้อากิถึงกับชะงักงัน ลมหายใจติดขัด นายหญิงมองสีหน้าที่สั่นคลอนของเขาแล้วส่ายหน้าเบาๆ

 

 

 

    \นายหญิง:พูดอย่างเดียวคงไม่พอ…งั้นดูนี่\

 

 

 

    "แปะ!"

 

 

 

    เพียงดีดนิ้วเบาๆ ภาพมากมายก็ทะลักเข้ามาในหัวอากิทันที ทั้งมอนสเตอร์รูปร่างประหลาด สถานที่ลี้ลับ และอีเวนต์มากมายที่เขาไม่เคยพบเห็นมาก่อน ความโหดร้ายและความอลหม่านถาโถมใส่เขาจนร่างแทบรับไม่ไหว อากิทรุดฮวบลงกับพื้น มือยันกับพื้นอย่างยากลำบาก เลือดซึมออกจากจมูกเพราะข้อมูลที่มากมายที่เข้ามาในรวดเดียว อากิหายใจหอบกระเส่า

 

 

 

    !!!"อากิ:แฮก!! แฮก!!!"!!!

 

 

 

    ;เวอร์เดนท์:ท่านผู้ให้กำเนิด;

 

 

 

    เวอร์เดนท์พูดด้วยน้ำที่เสียงที่เป็นห่วงแต่เขาก็ไม่สามารถ ทำอะไรได้ เพราะต่อหน้าท่านหญิงมันอาจเป็นการเสียมารยาท

 

 

 

    สวนอากินั้นดวงตาของเขาสั่นไหว ริมฝีปากกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ ความหวาดกลัวเข้าครอบงำอย่างไม่อาจปฏิเสธได้

 

 

 

    'อากิ:นี่ฉัน…ทำอะไรลงไปกันแน่… คนจะต้องตายเพราะฉันอย่างนั้นเหรอ…?'

 

 

 

    สีหน้าเต็มไปด้วยความสิ้นหวังและสับสน นายหญิงมองอยู่อย่างเงียบๆ ก่อนเอ่ยเสียงราบเรียบ

 

 

 

    \นายหญิง:พอแล้ว…กลับไปได้\

 

 

 

    [ระบบ:จะไม่ทำอะไรเลยเหรอคะ]

 

 

 

    \นายหญิง:ไม่จำเป็น ฉันรู้แล้วว่าทุกอย่างเกิดจากความบังเอิญ ไม่ได้มีเหตุซ่อนเร้นใดๆ …อ้อ ผู้พิทักษ์ ให้เขาอยู่ที่นี่ไปก่อน ชั้นที่ 0 ยังไม่เหมาะจะให้มันอาศัย\

 

 

 

    \เซบาสเตียน:รับทราบครับ นายหญิง/

 

 

 

    หลังจากสิ้นเสียงตอบ เซบาสเตียนก็ก้าวเข้ามาหาอากิ ก่อนจะช้อนร่างเขาขึ้นพาดบ่าอย่างง่ายดายแล้วแบกออกไปจากห้อง อากิไม่แม้แต่จะขัดขืน เพราะตอนนี้เขายังจมอยู่กับความตื่นตระหนกและภาพน่ากลัวที่ได้รับรู้ไปเมื่อครู่

 

 

 

    [ระบบ:น่าแปลกจังนะคะ ที่ท่านมีความเมตตาขนาดนี้ ปกติอะไรที่ทำสิ่งผิดปกติท่านจะกำจัดทิ้งตลอดเลย]

 

 

 

    \นายหญิง:ที่ปล่อยไปเพราะฉันสนใจตั้งหาก ไม่คิดว่ามนุษย์ที่แสนอ่อนแอจะสามารถเข้าได้ดีกับมานาขนาดนั้น\

 

 

 

     [ระบบ:น่าสนใจจริงๆนั้นแหละคะ]

 

 

 

     ระหว่างทาง อลิสก็พยายามปลอบเขาสุดความสามารถ

 

 

 

    [อลิส:ท่านอากิ… ได้โปรดใจเย็นๆนะคะ การอัปเดตมันยังไงก็ต้องมาถึงอยู่แล้ว ท่านไม่จำเป็นต้องโทษตัวเองจนถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ]

 

 

 

    "อากิ:..."

 

 

 

    เขาไม่ตอบกลับ มีเพียงความเงียบ และสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเครียดเป็นคำตอบแทน อลิสที่เห็นดังนั้นก็ยังไม่ยอมแพ้ รีบพูดต่อทันที

 

 

 

    [อลิส:นายหญิงไม่มีทางทำแบบนั้นจริงๆหรอกค่ะ ท่านอากิ สิ่งที่ท่านหญิงพูดออกมาก็เพื่อกดดันท่านเท่านั้นเอง เพราะการเร่งอัปเดตพร้อมกันขนาดนั้น มันเสี่ยงเกินไป ทั้งข้อผิดพลาดในระบบเอง หรือเหตุการที่อาจเกินการควบคุม แถมเหล่าเทพกับปีศาจก็ต้องออกมาขัดขานแน่นอน]

 

 

 

    *"อากิ:จะ…จะเป็นแบบนั้นจริงเหรอ....."*

 

 

 

    เขาเอ่ยถามเสียงเบาจนแทบแผ่วหายไป

 

 

 

    [อลิส:แน่นอนสิคะ ไม่อย่างนั้นนายหญิงจะให้เวอร์เดนท์อยู่ที่นี่ทำไมกันล่ะคะ? ถ้าคิดจะเร่งอัปเดตจริงๆ ก็ไม่จำเป็นต้องให้เขาอยู่ที่นี่เลย]

 

 

 

    *"อากิ:...แต่อัปเดตมันก็ยังจะมาเร็วขึ้นอยู่ดีไม่ใช่เหรอ"*

 

 

 

    [อลิส:....]

 

 

 

    "อากิ:...."

 

 

 

    ความเงียบเข้าปกคลุมระหว่างทั้งสองอยู่พักหนึ่ง จนในที่สุด อลิสก็เป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นอีกครั้ง

 

 

 

    [อลิส:ถ้าอย่างนั้น… ท่านก็ต้องแข็งแกร่งขึ้นค่ะ และรับผิดชอบกับสิ่งที่ท่านก่อขึ้น ช่วยเหลือคนอื่นๆ ด้วยความแข็งแกร่งนั้น]

 

 

 

    *"อากิ:ฉัน…ฉันจะสู้กับมอนสเตอร์พวกนั้นได้จริงๆเหรอ… พวกมัน…มันเกินกว่าที่มนุษย์จะรับมือได้นะ"*

 

 

 

    [อลิส:ท่านอากิ นี่คือโลกที่มีเวทมนตร์และมานานะคะ ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้หรอกคะ สิ่งที่ท่านต้องทำคือพยายามให้มากขึ้น และแข็งแกร่งขึ้น ถ้ามันยังไม่พอ ก็แค่พยายามต่อไปเรื่อยๆ ความแข็งแกร่ง…ไม่เคยทอดทิ้งคนที่พยายามจริงๆ หรอกค่ะ]

 

 

 

    "อากิ:..."

 

 

 

    อากิเลือกที่จะเงียบอีกครั้ง หลังจากได้ฟังคำพูดนั้น แววตาของเขายังเต็มไปด้วยความสับสน แต่ในขณะเดียวกัน ก็เริ่มมีประกายบางอย่างที่เหมือนกำลังไต่ตรองกับตัวเองอย่างหนัก

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

                  จากผู้แต่ง

 

    ต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นน่า สิ่งที่อากิได้เห็นมันมีอะไรบ้างน่าสนใจเนอะ ว่าไหม ถ้าอยากรู้ว่าอากิ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา