กาเบรียล ไนต์ ภาค แหวนแห่งมิติ

-

เขียนโดย GUEST1759244270

วันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2568 เวลา 22.02 น.

  3 ตอน
  0 วิจารณ์
  160 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 30 กันยายน พ.ศ. 2568 22.14 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) แหวนประหลาด

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

กาเบรียลกำลังนั่งตรวจรายละเอียดของโครงการใหม่ที่เลขาส่วนตัวของผู้เป็นบิดาได้ส่งข้อมูลมาให้เข้าตั้งแต่ช่วงสาย  แต่เนื่องจากเขายุ่งกับปัญหาส่วนตัวที่ดูจะเป็นปัญหาใหญ่และคอขาดบาดตายของเขาในปีนี้มาก  ย้อนกลับไปที่เหตุการณ์ในช่วงเช้าที่เขากำลังนั่งกินอาหารเช้าคนเดียวที่โต๊ะอาหาร  พี่เลี้ยงกิตติมศักดิ์ส่วนตัวของเขาก็เดินเข้ามาพร้อมกับยื่นแฟ้มเอกสารมาให้เขาดู

“เอกสารอะไรครับ” กาเบรียลเอ่ยถาม

“รายชื่อบอดี้การ์ดส่วนตัวที่เอามาให้คุณหนูเลือก สำหรับการคุ้มกันที่มหาวิทยาลัยครับ ลุงว่าเลือกไว้สักเจ็ด แปด คนก็ดีครับ จะได้มีหูตาคอยสอดส่องอย่างละเอียดรอบ ๆ บริเวณที่คุณหนูอยู่ ” เจคอบเอ่ยตอบ

“เดี๋ยวนะลุงเจค ลุงหมายถึงอะไรครับ คงไม่ได้จะให้บอดี้การ์ดเดินประกบหน้าหลัง ตอนที่ผมไปเรียนที่มหาวิทยาลัยใช่ไหม” กาเบรียลถามอย่างไม่แน่ใจ

“แน่นอนสิครับคุณหนู ว่าคุณหนูต้องมีบอดี้การ์ดส่วนตัวไปที่มหาวิทยาลัยด้วย”

“หยุด หยุดเลย ผมขอสั่งห้ามเด็ดขาด ลุงคิดว่าคนรอบข้าง อาจารย์ หรือเพื่อนร่วมสาขาของผมจะทำสีหน้าแบบไหนตอนที่เห็นผู้ชายใส่ชุดสูทสีดำ ท่าทางน่ากลัว  มายืนล้อมหน้าล้อมหลังผม เขาคงได้พากันคิดว่ามีการก่อการร้ายอะไรแน่ ๆ” กาเบรียลคิดพร้อมทำสีหน้าสยอง

“คำสั่งคุณท่านครับ” เจคอบเอ่ย ซึ่งทำให้คนที่ได้ยินต้องยกมือขึ้นกุมขมับ ถ้าลองตาแก่นั่นสั่งมาแบบนี้ เจคอบต้องทำตามแบบเคร่งครัดแน่ กาเบรียลเริ่มคิดหาวิธีเอาตัวรอดให้ตัวเอง

“เอาแบบนี้นะฮะลุงเจค ลุงเลือกมาสักห้าคนจากรายชื่อนี้ แล้วสั่งให้คอยตามผมอยู่ห่าง ๆ ในบริเวณที่ผมอยู่ก็พอ แต่ไม่ใช่ให้ไปยืนเฝ้าหน้าห้องเรียนที่ผมอยู่  หรือไปยืนประกบใกล้ ๆ เวลาที่ผมทำกิจกรรมต่าง ๆ ” กาเบรียลต่อรอง

“แบบนี้เสี่ยงเกินไปครับคุณหนู ศัตรูทางธุรกิจที่เสียผลประโยชน์เพราะตระกูลไนท์มีค่อนข้างมาก มหาวิทยาลัยค่อนข้างมีพื้นที่มาก เผื่อพวกมันวางแผนชิงลงมือ เพราะเห็นว่าคุณหนูมีคนคุ้มกันน้อยจะทำยังไง” เจคอบแย้ง

“งั้นเพิ่มเป็นสิบคน” กาเบรียลกัดฟัน

“มันก็ยังเสี่ยงอยู่ดี”

“เดี๋ยวผมโทรไปคุยกับตาแก่นั่นเอง ตกลงนะครับลุง” กาเบรียลสรุปแบบตัดบท

เจคอบฟังคำตอบแล้วไม่ได้เอ่ยอะไร ก่อนที่จะเดินออกไปเพื่อปล่อยให้กาเบรียลรับประทานอาหารอย่างสงบ แต่คนที่นั่งหน้ามุ่ยอยู่ที่โต๊ะอาหารหมดความอยากอาหารไปแล้ว จึงเดินกลับห้องเพื่อหยิบสมาร์ทโฟนมาต่อสายหาคนที่อยู่บนเรือสำราญที่สร้างปัญหาหงุดหงิดให้เขาในตอนนี้

 

กาเบรียลละสายตาจากเอกสารที่อยู่หน้าจอแล็ปท็อปแล้วถอนหายใจ  หลังจากที่เขาวิวาทกับตาแก่จอมเผด็จการทางโทรศัพท์พร้อมกับขู่ว่าจะเลิกศึกษางานต่าง ๆ ที่ทำอยู่ตอนนี้ทั้งหมด ตาแก่นั่นเลยยอมทำตามข้อเสนอสุดท้ายของเขาที่บอกกับลุงเจคอบไป เขาจึงยอมมานั่งดูข้อมูลต่าง ๆ ที่เลขาส่วนตัวของผู้เป็นพ่อส่งมาให้ เหลือเวลาอีกสองสัปดาห์ที่เขาจะเข้าเรียน เขาจึงอยากใช้เวลาที่เหลือในการอ่านเอกสารเหล่านี้ให้หมด กาเบรียลยกแก้วน้ำชาขึ้นจิบแก้กระหาย แล้วสมาร์ทโฟนที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานของเขาก็ดังขึ้น เมื่อเหลือบตามองดูก็เห็นเป็นชื่อของมารดาบังเกิดเกล้าของเขานั่นเอง กาเบรียลยกยิ้มมุมปากก่อนจะกดรับสาย

“ตาแก่นั่นไปฟ้องอะไรล่ะฮะ คุณแม่สุดที่รักถึงโทรหาผม”

“ฟ้องเฟิ้งอะไรล่ะ แม่ก็นั่งอยู่ตรงนี้  ตอนที่พ่อของลูกกำลังตะเบ็งเสียงใส่โทรศัพท์”

“แล้วโทรหาผมเพราะ?  รึรู้สึกผิดที่ทิ้งลูกชายไว้คนเดียว  แล้วหนีไปเที่ยวกันสองคน” กาเบรียลแหย่

“เปล่าจ้ะ  แค่อยู่ ๆ แม่ก็นึกถึงเรื่องบางเรื่องขึ้นมาได้ ว่าตอนลูกเด็ก ๆ แม่เคยแอบเอาของขวัญไปซ่อนไว้ที่ห้องของลูก เพื่อให้กาเบรียลไปเจอแล้วประหลาดใจ  แต่พอเวลาผ่านไปนานแล้วลูกยังหาไม่เจอ แม่ก็ลืมไปเลย อยู่ดี ๆ แม่ก็เผลอนึกออก เลยโทรมาบอกลูกจ้ะ”

“ของขวัญหรอ? แม่เอาไว้ไหนฮะ  แล้วหน้าตาเป็นยังไง ”

“แม่จำไม่ได้แล้วจ้ะ  ว่าคืออะไร  แล้วซ่อนไว้ตรงไหน  เพราะนานหลายปีแล้ว  คราวนี้ลูกลองตั้งใจหาดูหน่อยนะ ก่อนที่กาเบรียลจะไปเข้าเรียนมหาวิทยาลัย  แล้วย้ายไปอยู่หอพักข้างใน  ลูกมีเวลาอีกสองสัปดาห์  เผื่อจะหาเจอจ้ะ” ปลายสายตอบกลับมา ก่อนที่กาเบรียลจะรับคำ แล้วกดวางสายไป

หาของขวัญอะไรล่ะ  เขาไม่ใช่เด็กน้อยแล้วสักหน่อย กาเบรียลย่นคิ้ว แต่เอาเถอะ  เขาเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าของขวัญที่แม่แอบเอาไปซ่อนไว้ให้เขาไปเจอตั้งแต่เด็กคืออะไรกันแน่

 

หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปแล้ว  แต่กาเบรียลก็ยังหาเจ้าของขวัญที่ผู้เป็นมารดาเอ่ยถึงไม่พบ ทั้งที่เขาแทบจะลี้อห้องทั้งห้องอยู่แล้ว หรือแม่ของเขาจะจำผิดไป  ไม่ได้นำมันมาไว้ในห้อง  ของเขาตั้งแต่แรก ถ้ามีของที่ว่าอยู่จริงเขาน่าจะเจอไปตั้งหลายปีแล้วไหม กาเบรียลนั่งลงบนเตียงนอนของเขาแล้วถอนหายใจ  ก่อนจะมองไปรอบ ๆ ห้อง สำรวจดูว่าบริเวณไหนอีกที่น่าจะเป็นที่ซ่อนของบางอย่างได้  ตรงไหนอีกนะ  ใต้เตียงนอนเขาก็ก้มดูแล้ว  ซึ่งก็พบว่าว่างเปล่า กาเบรียลใช้มือเคาะไปที่ขอบไม้ข้างเตียงเป็นจังหวะอย่างใจลอย ก่อนจะขมวดคิ้ว แล้วใช้มือลูบตรงขอบไม้ของเตียงช้า ๆ เตียงนอนที่ดูด้วยตาเหมือนไม่มีอะไร พอมือสัมผัสพื้นผิวกับไม่เรียบเนียนเสมอกัน เพราะมันเป็นลิ้นชักขนาดเล็กที่สามารถดึงออกมาได้ !

ให้ตายเถอะ ! ซ่อนไว้แบบนี้ใครจะไปตั้งใจมองหากันล่ะ แล้วกล่องนี่มันคืออะไร ลวดลายแปลก ๆ เหมือนตราเฉพาะของตระกูลสักตระกูล กาเบรียลได้แต่คิด ก่อนจะเปิดกล่องเพื่อดูของที่อยู่ด้านใน  พบแหวนหน้าตาโบราณที่มีทับทิมสีแดงประดับอยู่  ซึ่งมันคงไม่มีปัญหาอะไร  ถ้ากาเบรียลจะไม่จำได้ว่าแหวนวงนี้คือแหวนที่อยู่ในความฝันประหลาดของเขา ! ความฝันเรื่องราวเดิม ๆ ซ้ำ ๆ กับแหวนที่ชายชราในความฝันยื่นให้กับเขา

กาเบรียลค่อย ๆ หยิบแหวนออกมาจากกล่องด้วยความรู้สึกมึนงง  เขาจ้องไปที่ทับทิมสีแดงที่เปล่งประกายบนหัวแหวน ใช่แน่ ๆ เขาฝันถึงมันไม่รู้ตั้งกี่ครั้งตลอดหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉาะในปีนี้ที่เกิดฝันถี่ขึ้นมากกว่าเดิม หรือว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความฝัน    ชายชราคนนั้นให้แหวนกับเขามาจริง ๆ กาเบรียลได้แต่คิด ก่อนจะใช้มือจับที่ทับทิมแล้ว   ลองหมุนอย่างใจลอย  เขาต้องตกใจที่หัวแหวนสามารถหมุนได้  และเหตุการณ์ไม่คาดฝัน     ก็เกิดขึ้น   กาเบรียลเหมือนถูกแรงมหาศาลบีบรัดจนหลายใจไม่ออก  รอบข้างมืดมิดจนมองไม่เห็นสิ่งใด ร่างเหมือนตกจากที่สูงและลอยเคว้งจนเขาต้องหลับตาลงเพราะรู้สึกเวียนหัว ก่อนที่อาการต่าง ๆ จะค่อย ๆ หายไป ตอนที่ร่างกายของเขากำลังนอนแผ่หลาลงกับพื้น    กาเบรียลนอนหอบหายใจแรง  ก่อนจะแว่วได้ยินเสียงเหมือนกับนกร้อง  นกร้อง? ในห้องนอนของเขานี่นะ  และตรงบริเวณที่เขานอนอยู่ทำไมสัมผัสมันเหมือนหญ้าขนาดนี้  กาเบรียลขมวดคิ้ว แล้วค่อย ๆ ลืมตา  แต่กับพบแสงที่สว่างจ้าจนเขาต้องหรี่ตาลงแล้วค่อย ๆ ลืมตาเพื่อปรับสายตา

นี่เขาอยู่ที่ไหน ! กาเบรียลได้แต่มองไปรอบ ๆ ด้วยอาการตื่นตะลึง ทำไมห้องนอนของเขาถึงกลายสภาพเป็นป่าไปได้ ตอนนี้เขากำลังนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ด้านหน้าของเขาที่อยู่ไม่ไกลคือแม่น้ำขนาดใหญ่ ที่มองเห็นภูเขาอยู่ด้านหลัง มองไปด้านหลังก็เป็นป่าไม้หนาทึบ     นี่เขากำลังฝันอยู่ใช่ไหม  กาเบรียลใช้มือหยิกไปที่แขนของตนเองอย่างแรง  ก่อนจะพบกับความเจ็บปวดที่รู้สึกได้  ตามหลักวิทยาศาสตร์บอกได้ว่านี่คือความจริงไม่ใช่ความฝัน  แล้วมีหลักวิทยาศาสตร์ไหนจะอธิบายให้เขาเข้าใจได้ไหมว่าเขามาโผล่ที่นี่ได้ยังไง !

กาเบรียลลองตั้งสติ แล้วคิดว่าอะไรเป็นสาเหตุให้เขามาอยู่ ณ สถานที่แห่งนี้  ก่อนหน้านี้เขาทำอะไรกันนะ ใช่แล้ว !  เขากำลังมองแหวนประหลาดที่เจออย่างใจลอยแล้วเผลอหมุนตรงหัวแหวน แล้วอยู่ดี ๆ เขาเหมือนโดดดูดแล้วมาโผล่ที่นี่  แปลว่าแหวนวงนี้น่าจะเป็นสิ่งที่พาเขามายังสถานที่แห่งนี้ ถ้าเขาลองหมุนแหวนอีกครั้ง เขาน่าจะสามารถกลับไปยังห้องของเขาได้  รึมันจะพาเขาไปที่อื่นอีกไหม กาเบรียลคิดอย่างหวาด ๆ

“เอาวะ ลองเสี่ยงหมุนดูดีกว่า ดีกว่าติดอยู่กับที่แปลก ๆ แบบนี้” กาเบรียลพึมพำ ก่อนจะหมุนที่หัวแหวนอีกครั้ง

เงียบ...ไม่มีอะไรเกิดขึ้น  รึเขาหมุนรอบเดียวน้อยไป  กาเบรียลลองหมุนแหวนอีกสองรอบ เขายังนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม  คราวนี้เขาเริ่มโมโห  หมุนแหวนไปเรื่อย ๆ และหมุนแรงขึ้น สุดท้ายหัวทับทิมสีแดงก็หลุดติดมือเขาออกมา

“เวรแล้วไง” กาเบรียลสบถ ความหวังหนึ่งเดียวที่คิดว่าจะพาเขากลับบ้านได้อยู่ ๆ ดันหลุดพังคามือของเขาแล้วตอนนี้

กาเบรียลนั่งเหม่ออยู่ครู่นึง  สมองกำลังคิดว่าจะทำอย่างไรต่อไป  ตอนนี้ดูจากแสงของดวงอาทิตย์แล้ว  อีกไม่ถึงสองชั่วโมงน่าจะพลบค่ำ เขาจะนั่งเฉย ๆ อยู่แบบนี้ในป่าตอนกลางคืนไม่ได้แน่  ป่าที่ดูอุดมสมบูรณ์ขนาดนี้จะต้องมีสัตว์ป่าที่ออกหากินตอนกลางคืน     เขาต้องหาสถานที่ปลอดภัยเพื่อจะเอาชีวิตรอดในคืนนี้ให้ได้ก่อน  คงได้เวลาที่จะงัดหลักสูตรจากค่ายฤดูร้อนที่ไปทุกปีมาใช้แล้ว

 

ภายในถ้ำเล็ก ๆ ที่เขาเจอโดยบังเอิญขณะที่กำลังเดินสำรวจภายในป่า  ทางเข้ามีพุ่มไม้บังหนาทึบ ที่มองจากด้านนอกไม่เห็นว่ามีถ้ำอยู่แน่นอน กาเบรียลหักกิ่งต้นไม้ที่อยู่บริเวณรอบ ๆ มาปิดด้านหน้าปากถ้ำอีกชั้น เพื่อป้องกันแสงจากกองไฟที่เขาก่อเล็ดลอดออกไปนอกถ้ำ ตอนนี้เขากำลังย่างปลาที่จับมาจากแม่น้ำ  ความรู้จากค่ายฤดูร้อนที่ติดตัวมาเขางัดออกมาใช้หลายอย่าง  ตั้งแต่การจุดไฟโดยใช้ก้อนหินกับกิ่งไม้แห้ง  หักกิ่งไม้ให้เป็นปลายแหลมเพื่อนำไปจับปลา  การทุบลำต้นของต้นไผ่ให้หัก  เนื่องจากไม่มีมีดตัด  เพื่อนำไปกรอกน้ำในลำธารไว้ดื่ม  ตอนนี้กาเบรียลรู้สึกว่าเขาเหมือนคนป่าในยุคหินไม่มีผิด

“อยากให้ลุงเจคมาเห็นสภาพคุณหนูกาเบรียลที่ลุงเลี้ยงมาตั้งแต่เกิดเหลือเกิน” กาเบรียลพูดอย่างสังเวชชะตาชีวิตของตัวเอง

ตอนนี้ที่บ้านของเขาคงวุ่นวายไม่น้อย  อยู่ ๆ เขาก็หายตัวมาแบบนี้  แถมไม่มีอะไรติดตัวมาสักอย่าง นอกจากเสื้อผ้าหนึ่งชุด สมาร์ทโฟนที่ติดมาในกระเป๋ากางเกง ซึ่งตอนนี้ดูจะไม่มีประโยชน์อะไรเลย เพราะไม่มีสัญญาณใด ๆ และเขาน่าจะทำหล่นหายตอนที่ลงไปจับปลาในแม่น้ำ และยังมีแหวนพัง ๆ หนึ่งวง ที่ยังอยู่ติดกับกระเป๋ากางเกงของเขาอยู่  เจ้านี่      ดูแล้วน่าจะเป็นต้นเหตุที่ทำให้เขามาอยู่ที่นี่  คิดแล้วกาเบรียลก็ได้แต่ถอนหายใจ

 

เขาก้าวเดินไปตามเส้นทางที่มืดมิดในป่า  โดยมีแสงจันทร์เป็นตัวนำทาง บาดแผลที่บริเวณไหล่ขวายังมีเลือดไหลซึมออกมาไม่หยุด แม้จะใช้พลังเวทในการรักษาแล้ว แต่เนื่องด้วยแผลโดนอาคมบางอย่าง ปากแผลจึงไม่ปิดไปอย่างที่ควรจะเป็น  ใบหน้าของชายหนุ่มเริ่มซีดเชียวและเหงื่อเย็น ๆ เริ่มผุดพรายขึ้นเต็มใบหน้าคมสัน เขายังหยุดพักตอนนี้ไม่ได้ นักฆ่าที่ตามเขามายังเหลือรอดอีกสองคน ฝีมือคนเหล่านั้นไม่ธรรมดาเลย ขนาดเขายังรับมือลำบากจนพลาดโดนพวกมันคนหนึ่งซัดอาคมเข้าใส่  แต่เหมือนคนพวกนั้นจะไม่ต้องการเอาชีวิตของเขา  หรือพวกมันต้องการรีดเอาข้อมูลบางอย่างจากตัวเขา   ชายหนุ่มกัดฟันแล้วเร่งรีบเดินให้ไวขึ้น เพียงพ้นป่าแห่งนี้ไปก็จะเข้าสู่ดินแดนของเมืองเอซิเนีย ที่ทั่วทั้งเมืองปกคลุมด้วยปราการเวทมนตร์คุ้มกันอันแข็งแกร่ง ขอเพียงเขาไปถึงที่นั่นก็จะหลุดพ้นจากพวกมัน

 

กาเบรียลจ้องมองชายชราที่ยืนอยู่ตรงหน้าด้วยใบหน้าเรียบเฉย เพียงแต่คิ้ว   ของเขาเริ่มกระตุก และอารมณ์ค่อย ๆ เพิ่มสูงขึ้น เมื่อมองเห็นอีกฝ่ายส่งยิ้มละไมมาให้ทั้งปากและตา

“ฉันบอกแล้ว ว่าเจ้าจะเป็นฝ่ายมาหาฉันเอง”

“มาหากะผีน่ะสิ ! เพราะแหวนวงนั้นของคุณตาน่ะแหละ  ผมถึงได้โผล่มาอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้แบบนี้ สรุปคุณตาเป็นใครกันแน่ ” กาเบรียลโวยวาย

“เราเป็นญาติกัน” ชายชราตอบ

“ประโยคนี้อีกแล้ว ช่วยขยายความมากกว่านี้หน่อยได้ไหม  ไอ้คำว่าญาติกันน่ะ ญาติยังไง ญาติฝั่งไหน แล้วที่สำคัญแหวนวงนี้มันพังแล้ว  มันเป็นตัวพาผมมาที่นี่ใช่ไหม  แล้วที่นี่คือที่ไหน ประเทศหรือทวีปอะไร คุณตารีบส่งผมกับบ้านเลยนะ ตอนนี้ที่บ้านของผมคงวุ่นวายมากแล้ว” กาเบรียลร่ายยาวเป็นชุดด้วยความโมโห

“กลับไม่ได้แล้ว” ชายชรากล่าว

“ว่ายังไงนะ” กาเบรียลถามอย่างไม่แน่ใจ

“ก็เจ้าบอกว่าแหวงวงนั้นพัง แหวนพังก็กลับไปที่โลกนั้นไม่ได้แล้ว”

“เดี๋ยวนะ ผมฟังอะไรผิดไปรึเปล่า ตาพูดว่าโลกนั้น ทำอย่างกับว่าตอนนี้เราไม่ได้อยู่บนโลกแล้วอย่างนั้นล่ะ” กาเบรียลถามอย่างงงงวย

“เจ้าไม่ได้อยู่บนโลกของเจ้าแล้ว สถานที่แห่งนี้คืออีกมิติหนึ่ง แหวนวงนั้นพาเจ้าเดินทางข้ามมิติมา” ชายชราอธิบาย

“พูดเป็นเล่น นี่ไม่ใช่นิยายย้อนเวลา ทะลุมิติเหมือนที่แม่ของผมชอบอ่านนะ จะไปมีเรื่องแปลกประหลาดพิสดารแบบนั้นเกิดขึ้นจริงได้ยังไง ตาอย่ามาอำผม”

ชายชราไม่ตอบแต่ส่งยิ้มกลับมาแทน ซึ่งทำให้กาเบรียลชะงัก

“นี่พูดเรื่องจริงเหรอ” กาเบรียลถามเสียงแผ่ว

“แล้วเจ้าที่ฉลาดขนาดนี้  เจ้าจะคิดว่าในจักรวาลที่มีเป็นล้าน ๆ จักรวาลในเอกภพนี้ จะมีแค่โลกของเจ้าเท่านั้นรึ เปล่าเลย มีมิติต่าง ๆ อยู่มากมายจนนับไม่ถ้วนเลยล่ะ” ชายชราเอ่ยถาม

“ทฤษฎีนี้ผมก็เคยคิด เพียงแต่ไม่คิดว่าจะมาเจอจัง ๆ กับตัวเองแบบนี้” 

“เจ้าเป็นคนฉลาดคงพอจะคิดวิเคราะห์ได้ลาง ๆ ตั้งแต่โผล่มาถึงสถานที่แห่งนี้แล้วกระมัง” ผู้อาวุโสเอ่ยอย่างรู้ทัน

“ผมก็แค่ลองเดาไว้เล่น ๆ แต่ไม่คิดว่าจะเป็นจริงนี่นา” กาเบรียลเอ่ยเสียงอ่อย

“แล้วผมจะกลับไปที่โลกของตัวเองได้ยังไง”

“แหวนพังก็ต้องหาวิธีซ่อม” ชายชราเอ่ยตอบ

“ซ่อม? ให้ใครซ่อม คงไม่ได้หมายถึงให้ผมหาวิธีซ่อมเองใช่ไหม” กาเบรียลถามอย่างไม่แน่ใจ

“บ๊ะ! ใครทำพังคนนั้นก็ต้องหาทางซ่อมเองสิเจ้าหนู ถ้ายังอยากจะกลับบ้านอยู่นะ หรือจะอยู่ที่ดินแดนแห่งนี้ถาวรเลยก็ได้ ที่นี่น่าอยู่นะ”

“พูดเป็นเล่น แล้วผมจะใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ได้ยังไง  ทั้งเนื้อทั้งตัวไม่มีอะไรติดตัวที่ดูเป็นประโยชน์มาเลย แถมตอนนี้ยังใช้ชีวิตเหมือนคนในโลกของผมช่วงยุคดึกดำบรรพ์ไปอีก”   กาเบรียลโวยวาย

“เจ้ามีความสามารถ  เดี๋ยวก็เอาตัวรอดได้  ขยับมาตรงนี้หน่อย” ชายชรากวักมือเรียกให้เขาเดินเข้าไปใกล้ ๆ กาเบรียลเลยเดินหน้ายู่เข้าไปหา  ชายชรายกนิ้วโป้งประทับลงบนกลางหน้าผากของเขา กาเบรียลรู้สึกร้อนวาบบริเวณหน้าผาก จากนั้นความร้อนค่อย ๆ หายไปเกิดเป็นความอุ่นที่แผ่นซ่านจากหน้าผากไปทั่วร่างกายของเขา

“มนตร์สะกดพลังเวทของเจ้าได้คลายออกหมดแล้ว เจ้าจะสามารถใช้ชีวิตในโลกแห่งนี้ได้อย่างแน่นอน แหวนที่อยู่กับเจ้าจงเก็บไว้ให้ดี อย่าให้คนอื่นเห็นหรือรู้ว่าเจ้ามีมัน แหวนวงนี้แม้หัวแหวนจะพัง แต่ยังมีพลังอำนาจวิเศษสามารถสะท้อนมนตรา คาถาอาคมต่าง ๆ ได้ และยังมีเขตแดนอาคมช่วยป้องกันอันตรายได้ จงพกติดกายไว้เสมอ  จงรับนี่ไป  ขวดนี้คือยารักษาบาดแผลที่เกิดจากอาคมและเวทมนตร์ฝ่ายมืด ที่การร่ายเวทย์ทั่วไปไม่สามารถรักษาบาดแผลได้  และถ้าเจ้าอยากหาวิธีซ่อมแหวน  จงไปเข้าเรียนที่วิทยาลัยวิทซาเด  เจ้าจะค้นพบวิธีได้ที่นั่น  ขอให้สนุกกับชีวิตวัยรุ่นที่โลดโผนและตื่นเต้นอย่างที่เจ้าอยากจะเจอ  แล้วพบกับใหม่  ยินดีต้อนรับสู่อาณาจักรซอเซอรี่ ” จบประโยคสุดท้ายชายชราขยิบตาและส่งยิ้มให้เขา ก่อนจะหายวับไป

“เดี๋ยวสิ ! คุณตา คุณตาพูดอะไร  มนตร์สะกดพลังเวทอะไร ผมมีเวทมนตร์บ้าอะไรที่ไหนล่ะ และอะไรคือให้ไปเข้าเรียนวิทยาลัยอีก ที่นี่ใช้เงินแบบไหนผมยังไม่รู้เลย ไหนจะหาเงินไปเข้าเรียนอีก ผมจะทำได้ยังไงล่ะ คุณตา คุณตา ! ”

กาเบรียลสะดุ้งตื่น เขารีบกวดตาหันไปมองรอบ ๆ เขายังอยู่ในถ้ำ ในดินแดนที่ไม่รู้จัก คุณตาคนนั้นมาหาเขาจริง  รึเขาฝันไปเองอีกล่ะคราวนี้  กาเบรียลคิดก่อนจะก้มลงมองที่มือของตนเองก็เห็นว่ากำลังกำขวดยาขวดหนึ่งที่มีลวดลายแปลก ๆ อยู่ เป็นขวดยาที่ชายชรามอบให้นั่นเอง สรุปมาหาจริงสินะ กาเบรียลถอนหายใจ ก่อนจะสะดุ้งตกใจ เมื่อมองไปเห็นร่าง ๆ หนึ่งในชุดคลุมสีดำ สลบอยู่ตรงปากถ้ำด้านใน คนนี้ ๆ รู้ได้ยังไงว่าตรงนี้เป็นถ้ำนะ เขาว่าเขาพรางตาเพิ่มจนหนาทึบแล้วแท้ ๆ กาเบรียลได้แต่คิด ก่อนจะชั่งใจว่าจะเข้าไปดูดีหรือไม่ สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจ อย่างน้อยชายคนนี้ก็เป็นคนที่สองที่เขาได้เจอในมิตินี้ เผื่อจะให้ข้อมูลอะไรเขาได้บ้าง

เขาเดินเข้าไปหาชายที่นอนสลบอยู่ช้า ๆ เมื่อสังเกตว่าอีกฝ่ายยังมีลมหายใจก็รู้สึก  โล่งอก อย่างน้อยเขาก็ไม่ต้องมาช่วยฝังศพในใครละนะ กาเบรียลสำรวจไปที่ร่างกายของชายตรงหน้าก่อนจะพบกับเลือดที่ไหลออกมาจากบริเวณไหล่ขวา ชายคนนี้น่าจะบาดเจ็บหนักเพราะมีเลือดไหลทะลักออกมาไม่หยุด กาเบรียลดึงเสื้อคลุมของชายปริศนาออก ก่อนจะแหวกเสื้อของเขาเพื่อดูแผลตรงบริเวณไหล่  กาเบรียลทำหน้าเหวอ ปากแผลกว้างเป็นรูโหว่เข้าไปด้านใน มองแล้วค่อนข้างสยอง เขาคงไม่ได้ต้องหาเข็มกับด้ายมาช่วยเย็บแผลให้หรอกนะ ถึงเขาจะเคยศึกษาหลักสูตรภาคฤดูร้อนเกี่ยวกับวิชาแพทย์มาบ้างก็เถอะ แต่เขาเคยเย็บผิวหนังคนจริง ๆ ซะที่ไหนกันล่ะ ส่วนมากที่ฝึกก็หัดเย็บหนังวัว หนังควายมา กาเบรียลเริ่มกังวล ก่อนจะระลึกได้ถึงขวดยาที่อยู่ในมือ  คุณตาคนนั้นพูดว่ายังไงนะ  ขวดยานี่ใช้สำหรับรักษาแผลที่เกิดจากอาคมและพลังเวท  แล้วแผลนี่มันเกิดจากอะไรกันล่ะ

เอาเถอะ ๆ ลองเสี่ยงดูละกัน ปล่อยไว้แบบนี้คงรอดไม่พ้นคืนนี้หรอก ไม่น่าจะมีอะไรแย่ไปกว่านี้แล้วมั้ง  ถ้ารักษาไม่ได้ก็แค่หาวิธีใหม่  กาเบรียลหมุนฝาขวดยาที่อยู่ในมือออกส่องดูด้านในเห็นเป็นของเหลว

“แล้วจะให้กินรึทาล่ะเนี่ยคุณตา ดันไม่บอกวิธีใช้มาอีก” กาเบรียลบ่นพึมพำ ก่อนจะเลือกเทยาที่อยู่ในขวดลงไปบนแผลของชายตรงหน้า แล้วรอดูการเปลี่ยนแปลงอย่างลุ้นระทึก  กาเบรียลต้องเบิกตากว้างอย่างตื่นตกใจเมื่อเห็นว่า  เลือดของชายคนนี้หยุดไหลในทันที  จากนั้นปากแผลก็ค่อย ๆ แคบลง จนสมานกันในที่สุด

“แม่เจ้า ! มันจะอัศจรรย์เกินไปแล้ว  ถ้ารู้วิธีสร้างยาแบบนี้ได้  กลับไปที่โลกคงได้เป็นผู้วิเศษแหง ๆ หรือถ้าต่อยอดทางธุรกิจคงรวยเพิ่มขึ้นเป็นหลักแสนล้าน” กาเบรียลคิดอย่างขำ ๆ เพราะไม่รู้เมื่อไหร่จะได้กลับไปที่โลกของตัวเอง

ชายลึกลับที่โผล่เข้ามาในถ้ำเริ่มรู้สึกตัว กาเบรียลขยับร่างกายออกห่างจากชายคนนี้ออกไปอีกราวสองเมตร เพราะเขาไม่แน่ใจว่าชายตรงหน้าจะมีสติมากน้อยเพียงใด เกิดเห็นเขาเป็นศัตรูขึ้นมา แล้วเข้ามาทำร้ายเขาจะทำยังไง ร่างที่นอนอยู่ค่อย ๆ ลุกนั่งด้วยใบหน้า   ซีดเซียวและมึนงง เขาเอามือจับไปที่ไหล่ข้างที่บาดเจ็บของตัวเองแล้วลูบไปมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ ก่อนจะหันไปมองรอบ ๆ จนสบสายตาเข้ากับกาเบรียลที่ยืนอยู่

“นายเป็นคนช่วยฉันไว้รึเจ้าหนู” ชายแปลกหน้าเอ่ยถาม

“เอ่อ จะว่าอย่างนั้นก็ได้ฮะ แต่ก็ไม่ใช่ฝีมือผมซะทีเดียว มีคนช่วยเหลือผมมาก่อนอีกที ” กาเบรียลตอบ

“นายหมายถึง ?”

“มีคนให้ยาวิเศษรักษาบาดแผลกับผม ผมเห็นคุณอยู่ ๆ ก็มาสลบอยู่ตรงปากถ้ำ เลยลองใช้ยาที่มีทาไปที่แผลของคุณ  แล้วบังเอิญรักษาแผลหายก็เท่านั้นเอง” กาเบรียลอธิบาย

“นี่ไม่ใช่แผลธรรมดา แต่เกิดจากอาคมฝ่ายมืด ยารักษาแผลหรือเวทมนตร์รักษาทั่วไปไม่สามารถรักษาแผลนี้ได้” ชายหนุ่มในเสื้อคลุมสีดำเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง

“ผมถึงบอกว่ามันคือยาวิเศษไง” กาเบรียลตอบแบบเลี่ยง ๆ

“นายเป็นใครมาจากไหนกันแน่เจ้าหนู ? ”

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา