ประวัติศาสตร์จีนโดยสังเขป

-

เขียนโดย Domewriter

วันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 เวลา 20.29 น.

  20 ตอน
  0 วิจารณ์
  6,028 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 21.20 น. โดย เจ้าของเรื่องเล่า

แชร์เรื่องเล่า Share Share Share

 

17) ยุคราชวงศ์โจว 8

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

28)  โจวหยวน

♢ 476 - 469 BC : ราชวงศ์โจวตะวันออก
           สมเด็จเจ้าองค์ที่ 28  โจวหยวน เป็นกษัตริย์พระองค์แรกในยุคจ้านกว๋อ ชื่อเดิม จีเหริน             
           ราชวงศ์โจวชี้ (ตะวันออก) ในตอนปลายยุคชุนชิวหรือจั้นกั๋ว เหลือเพียง แคว้นใหญ่ 7 มหาอำนาจได้แก่ ฉี, ฉู่, เยียน, ฉิน, หาน, เว่ย และเจ้า ยุคสมัยนี้มี สงครามกันต่อเนื่อง    

          โจวหยวนทรง ครองราชย์ได้ 7 ปี ก็เสด็จสวรรคต หลังจากนั้น องค์ชาย โจวเจิ้นติ้ง ขึ้นครองราชบัลลังค์
                                

29)  โจวเจิ้นติ้ง

♢ 468 - 441 BC : ราชวงศ์โจวตะวันออก  
           สมเด็จเจ้าองค์ที่ 29  โจวเจิ้นติ้ง  ชื่อเดิม จีเจี้ย พระองค์มีโอรส 4 คน คือ องค์ชายฉี้ฉี, องค์ชายซื่อฉี, องค์ชายเหวย และองค์ชายเจี๋ย เป็นต้น            

           โจวเจิ้นติ้งทรงครองราชย์ได้ 27 ปี ก็เสด็จสวรรคต องค์ชายใหญ่ โจวอ้าย ขึ้นครองราชบัลลังค์           
           ☆  นักปรัชญาชื่อดังนามว่า ม่อจื๊อ ถือกำเนิดขึ้นในรัชกาลของพระองค์ และมีชีวิตในช่วงสองรัชกาล ระหว่างหวังโจวจิ้งและโจวเจิ้นติ้ง ระหว่าง 531- 410 ปีก่อนคริสตกาล    
          ม่อจื๊อ ชื่อจริงว่า มั่วตี๋ สถานที่เกิดไม่แน่นอน บ้างก็ว่ามาจากแคว้นสุ้ง ปัจจุบันอยู่ระหว่างมณฑลเหอหนานและซานตง บ้างก็ว่ามาจากแคว้นเดียวกับ ขงจื๊อ คือมาจาก แคว้นหลู่
          ม่อจื้อเป็นนักปรัชญาชาวจีนที่มีคำสอนแตกต่างจากขงจื๊อ หลักคำสอน ของม่อจื๊อ อยู่ในหนังสือที่มีชื่อเดียวกับชื่อของเขา  คือ ม่อจื๊อ ประกอบด้วยข้อ      เขียน 53 บท  เป็นทั้งข้อเขียนของเขาเอง และที่สานุศิษย์ช่วยกันเรียบเรียง ต่อ เติม และมีอิทธิพลต่อชาวจีนหลังจากที่เสียชีวิตไปแล้วประมาณ 500 ปี
          แนวความคิดของม่อจื๊อเป็นปฏิปักษ์อย่างรุนแรงต่อแนวความคิดของ ขงจื๊ออย่างเห็นได้ชัด  ถึงแม้ว่าความต้องการที่เหมือนกันคือ เพื่อปรับปรุงให้ สังคมดีขึ้น แต่ม่อจื๊อไม่นิยมวิธีการของขงจื๊อ โดยโจมตีว่า￿เป็นวิธีการที่ไม่ได้ ผลและเสียเวลา￿
          ม่อจื๊อเน้นถึงประโยชน์และความใช้ได้ของขนบธรรมเนียมประเพณีมาก กว่ายึดถือตามขงจื๊อทั้งหมด   ที่เชื่อในความเป็นไปของโลกหน้า  สนับสนุนให้ มนุษย์มีความรักซึ่งกันและกัน โดยเชื่อว่าความรักโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ วรรณะ ชนชั้น หรือความยากดีมีจนนำมาสู่ความสันติที่ได้โดยแท้จริง และประณามการ ทำสงครามแย่งชิงครอบครองเช่นโจร ปล้นชิงทรัพย์
          ความแตกต่างทางแนวความคิดของขงจื๊อกับม่อจื๊อนี้ ทำให้ขงจื๊อได้รับ ขนานนาม ว่า ￿เป็นนักประมวลขนบธรรมเนียมประเพณีที่ดีมาใช้￿
          ส่วนม่อจื๊อเป็นนักวิจารณ์ นักติชม นอกจากนี้ม่อจื๊อยังได้รับการยกย่อง ว่า เป็นผู้นำความรู้ทางด้านตรรกศาสตร์เข้ามาใช้ในจีนเป็นคนแรก
          เกี่ยวกับตำแหน่งผู้ปกครองม่อจื๊อมีความเห็นว่า ￿ผู้ปกครองควรได้รับ ตำแหน่งมา เพราะความดีและความสามารถส่วนตัวมากกว่า ได้มาโดยการสืบ ตำแหน่ง ถ้าผู้ปกครองไม่มีความ สามารถก็ควรจะยกตำแหน่งนี้ให้ที่ปรึกษาจะ ดีกว่า

    
30)  โจวอ้าย

♢ 441 BC : ราชวงศ์โจวตะวันออก  
            สมเด็จเจ้าองค์ที่ 30  โจวอ้าย  ชื่อเดิม จีชวี่จี๋  ทรงครองราชย์ได้เพียง 3 เดือน ก็โจวซืออ๋อง พระอนุชาปลงพระชนม์เพื่อช่วงชิงพระราชบัลลังก์

 

31)  โจวซือ

♢ 441 BC : ราชวงศ์โจวตะวันออก
           สมเด็จเจ้าองค์ที่ 31  โจวซือ หรือ โจวซี ชื่อเดิม จีหูฉี ในสมัยของพระ องค์ เหล่าอ๋องเชื้อพระวงศ์ในหลายดินแดนเริ่มแข็งเมือง ดังนั้น ผู้ครองบัลลังค์ แห่งราชวงศ์โจว ไม่ได้เป็นราชาที่มีอำนาจในควบคุมแผ่นดินจีนทั้งหมด   โดย เด็ดขาดสมบูรณ์อีก  อ๋อง 7 มณฑลทำสงครามแย่งชิงแผ่นดินกันเอง รัฐเจ้า เมืองเล็กๆ ตกอยู่ใต้อำนาจของอ๋องทั้ง 7  โดยที่โจวซือ ปกครองสูงสุดของ แผ่นดิน มิอาจห้ามปรามเหล่าอ๋องได้        

           โจวซือทรงครองราชย์ได้ 1 ปี ก็เสด็จสวรรคต  หลังจากนั้น องค์ชาย โจวฮุ่ย ขึ้นครองราชย์บัลลังค์    

 

32) โจวเข่า

♢ 440 - 426 BC : ราชวงศ์โจวตะวันออก
           สมเด็จเจ้าองค์ที่ 32  โจวเข่า ชื่อเดิม จีเหวย์ เป็นโอรสของโจวเจินติ้ง รัชดาลที่ 29  
           หวังโจวเข่าครองราชย์ได้ 14 ปี ก็ทรงสวรรคต หลังจากนั้น องค์ชาย โจวเวย์เลี่ยขึ้นครองราชบัลลังค์

 

33)  โจวเวย์เลี่ย

♢ 425 - 402 BC : ราชวงศ์โจวตะวันออก
          สมเด็จเจ้าองค์ที่ 33 โจวเวย์เลี่ย ชื่อเดิม จีอู่  พระองค์ทรงตั้ง 3 แคว้น เล็กๆ ที่เป็นเมืองขึ้น ในเขตแคว้นจิ้นเก่า คือ ฮั่น, เหว่ย และจ้าว ทำหน้าที่เป็น กันชนในสงครามระหว่างราชวงศ์โจวกับฉินที่กำลังเกิดขึ้น
           โจวเวย์เลี่ยทรงครองราชย์ 23 ปี ก็เสด็จสวรรคต หลังจากนั้น  องค์ชาย โจวอาน ขึ้นครองราชบัลลังค์
           ☆ แคว้นจิ้น  771 ก่อนคริสตกาล ช่วงกลางของราชวงศ์โจว ในตอน แรกแคว้นจิ้นยังไม่พัฒนา แต่ เมื่อจิ้นเหวินกงขึ้นครองราชย์ได้ทำให้แคว้นจิ้นมี อำนาจทางเหนืออย่างรวดเร็ว  ในขณะนั้น แคว้นฉู่ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ ก็อยากขึ้น เป็นผู้นำแคว้นในฐานะปาอ๋อง สูงสุดของแผ่นดินตอนกลาง
           632 - 500 ก่อนคริสตกาล  แคว้นจิ้นและแคว้นฉู่เริ่มเปิดศึกรบครั้งใหญ่ กองทัพแคว้นฉู่แพ้ถอยหนีไปที่เมืองอื่น จิ้นเหวินแห่งแคว้นจิ้นจึงได้ทรงขึ้นเป็น ปาอ๋องแห่งที่ราบตอนกลาง

            แคว้นฉู่รวบรวมกำลังทหารนำทัพทำสงครามแย่งชิงเมืองกลับคืนมา ซึ่งการแย่งชิงอำนาจเป็นปาอ๋องระหว่างแคว้นจิ้นและแคว้นฉู่ ยังดำเนินต่อไป เป็นเวลาร้อยกว่าปี สุดท้ายฉู่จวงหวังก็ทรงสามารถรบชนะกองทัพจิ้นได้ และขึ้น เป็นฉู่ปาอ๋องแห่งที่ราบตอนกลาง
          475 ปีก่อนคริสตกาล ในช่วงยุควสันตสารท, หรือยุคชุนชิว ขุนนางใน ตระกูลหาน ได้กลายเป็นหนึ่งใน 3 ตระกูลที่ทรงอิทธิพลในแคว้นจิ้น
           บันทึกประวัติศาสตร์สือจี้ บทที่ 45 ระบุว่า เมื่อแคว้นจิ้นที่อยู่ในภาวะตก- ต่ำ  ตระกูลเชื้อพระวงศ์แคว้นหาน เป็นหนึ่งในสายของผู้ปกครองของแคว้นจิ้น โดยผู้ก่อตั้งแคว้นหาน ชื่อ หวู๋จื่อ มีศักดิ์เป็นลุงของจิ้นหวู่กง โดยเชื้อพระวงศ์ แคว้นหาน ได้กลายเป็นคณะขุนนาง ใหญ่ที่มีอำนาจในราชสำนักจิ้น แล้วได้รับ บรรรดาศักดิ์ดูแลพื้นที่หานเฉิงมณฑลส่านซีในปัจจุบัน
           ในตอนแรกแคว้นหานถือเป็นเขตปกครองพิเศษ ในช่วงนี้ผู้ปกครอง แคว้นหาน เรียกว่า โหว  marquess หรือเทียบกับไทยคือ เจ้าพระยา
          แคว้นหานเข้าสู่ยุคทอง ในช่วงของ หานหลีโหว โดยได้แต่งตั้ง เฉินปู๋ ไห้เป็นอัครเสนาบดีและดำเนินนโยบายด้านกฎหมาย การปฏิรูปต่างๆ ทำให้การ บริหารของแคว้นหานดีขึ้น และเพิ่มขีดความสามารถทางทหาร

          403 ปีก่อนคริสตกาล  ในสมัยของ หานจิ่งโหว ร่วมมือกับสองตระกูลที่ มีอำนาจในแคว้นจิ้น ได้แก่ ตระกูลเว่ย นำโดย เว่ยเหวินโหว และตระกูลจ้าว นำ โดย จ้าวเลี่ยโหว ได้ร่วมกันก่อการกบฏแบ่งแคว้นจิ้น เป็น 3 ส่วนให้แก่ ตระกูล ของพวกตน
          แคว้นจิ้นได้ล่มสลายลงอย่างสมบูรณ์  กลายเป็น 3 แคว้น  คือ จ้าว เว่ย หาน บริเวณมณฑลซันสี, มณฑลเหอหนาน, มณฑลเหอเป่ย  และถือเป็นการสิ้น สุดของยคชุนชิว หรือ ยุควสันตสารท และถือ เป็นจุดเริ่มต้นของยุคจั้นกว๋อ หรือ ยุครณรัฐ

          ☆ ราชอาณาจักรหาน นับเป็น 1 ใน 7 รัฐใหญ่ ในยุครณรัฐ มีเมืองหลวง ผิงหยาง, เมืองหลวงอี๋หยาง, เมืองหลวงหยางตี๋, เมืองหลวงซินเจิ้ง ปกครองระ- บบราชาธิปไตย   สกุลเงินเงินพลั่วและเหรียญกระษาปณ์อื่นๆ   ประชาชนนับถือ ศาสนาพื้นเมือง การบูชาบรรพบุรุษการ
          แคว้นหานตั้งอยู่ในมณฑลชานซีและเหอหนานในปัจจุบัน ชายแดนติด กับแคว้นฉินก่อนเข้าถึงแคว้นโจว ทำให้คว้นหานตกเป็นเป้าโจมตีของแคว้นฉิน
เชื้อสายตระกูลหาน
หานว่าน, หานเฉี่ยวโป๋ พระยาจิ่นมู,
หานเจี่ยน, หานหยื่อ, หานเจี๋ย, หานฉี, หานซี, หานปู่ซิ่ง, หานเกิง, หานฉู่,
หานฉี่จาง 424-400 B.C.
หานจิ๋งโหวหรือหานเฉี่ยน 408-400 B.C.
หานเลี่ยโหยวหรือหานฉื่อ หานหวู่โว399-387 B.C.
หานเหวินโหว 386-377 B.C.
หันอายโหว 376-374 B.C.
หานก้งโหว หานรั่วชาน 374-363 B.C. หานจวงโหว หานยี่โหว
หานหลี่โหว หรือ หายหวู่ 362-333 B.C.  หานเจาโหว
หานเซี่ยนหุ่ยอ๋อง 332-312 B.C.
หายเชียงอ๋อง 311-296 B.C.
หานหลี่อ๋องหรือหายจิ๋ว 395-273 B.C.
หานหวนฮุ่ยอ๋อง 372-239 B.C.
หานหวังอัน หรือหานอัน 238-230 B.C.

 

         ☆ ราชอาณาจักรจ้าว  เมืองหลวงเมืองถัง หรือ เมืองจิ้นหยาง และเมือง หลวงหานตาน เมืองขึ้นประกอบด้วย เมืองเอ้อ, เมืองชู่โอ, เมืองเจี้ยง, เมืองสวิน เตียน, เมืองตันหลิว, เมืองต้วนสือ เป็นต้น

           อาณาเขตของรัฐจ้าวรวมถึงพื้นที่ในปัจจุบันของมองโกเลียใน, เหอเป่ย์, ชานซี และฉ่านซี รายล้อมด้วยดินแดนของรัฐฉิน, รัฐเว่ย์, ซวงหนู และหานตาน
          การเมืองใช้ระบบปกครองสมบูรณาสิทธิราชย์  สกุลเงินพลั่วและเหรียญ กระษาปณ์ ประชาชนใช้ภาษาทั่วไปจีนโบราณ และนับถือศาสนาความเชื่อพื้น เมืองแบบจีน ,บูชาบรรพบุรุษ, บูชาฟ้าดิน  และอื่นๆ                 
           แคว้นจ้าวเป็นเมืองของนักปรัชญาการบริหาร เช่น เชิ่นเต้า นักนิติปรัช- ญา, กงซุนหลง นักตรรกวิทยา และสวินข้วง ปรัชญาเมธีลัทธิขงจื๊อ เป็นต้น           

           แคว้นจ้าวได้มีความแข็งแกร่ง อย่างมากจากการปฏิรูปทางทหารที่ริเริ่ม ในช่วงระหว่างรัชสมัยของราชาจ้าวอู่หลิง      

          ☆ ราชอาณาจักรแคว้นเว่ย หรือ แคว้นช่อ   เดิมทีเป็นมณฑลในปกครอง ของอ๋อง ตระกูล เว่ย 1 ใน 6 เสนาบดีใหญ่แห่งแคว้นจิ้น ที่ประกอบด้วย เว่ย, จ้าว, หาน, ฟ่าน, จื่อ และจงสิง

          ต่อมา อำมาตย์ทั้ง 6 สกุลก็แย่งชิงอำนาจกัน กำจัดกันเองจนเหลือแค่ สกุล เว่ย, หาน และจ้าว ภายหลังตระกูลเว่ยและหานก็รวมหัวกันล้มเจ้าแคว้นจิ้น ลง แบ่งดินแดกัน ตั้งตัวเป็นเจ้าแคว้น

          แคว้นเว่ยในยุคต้นได้ผู้นำที่ปรีชาเช่น เหวินโหวและอู่โหว ทำให้มีคนเก่ง มารับใช้มากมาย แคว้นเว่ยจึงเข้มแข็งกว่าใครเขาในช่วงต้นยุคจั้นกั๋ว พอตกถึง รัชสมัยของเว่ยฮุ่ยหวาง ก็เอาอย่างแคว้นฉู่ ประกาศตัวเป็นสมเด็จเจ้า หรือ หวาง  และขยายดินแดนในภาคกลาง
           ☆ กระบี่เฉิงหยิ่ง หรือ กระบี่เงาผา หนังสือรวมนิทานเทพปรัมรา ชื่อ เลี่ยจื่อซางเวิ่น ในสมัยยุคจันกว๋อ เล่าว่า กระบี่เฉิงหยิ่งทำขึ้นในสมัยราชวงศ์ชาง ตกทอดมาถึงยุคชุนชิว ตกอยู่ในมือ ชายชื่อขงโจว ชาวแคว้นเว่ย กระบี่เฉิงหยิ่งมี แต่ด้ามไม่มีตัวกระบี่    

             ตำนานเล่าว่า วันหนึ่ง ข่งโจวเดินทางผ่านป่าถูกโจรปล้น เขาล้วงกระบี่ที่ มีแต่ด้ามออกมาจากสายรัดเอว ตวัดกระบี่เสียงดัง ชะ เบาๆ ต้นสนใหญ่ก็ถูกตัดล้ม ครืนลง กระบี่ที่มีแต่ด้ามมีเงากระบี่ปรากฏขึ้นที่ผนังหน้าผาให้เห็น     ยามนั้นแสง อาทิตย์อัสดงพอดี ไม่มีแสงแดดอีก เงากระบี่ที่หน้าผาก็หายไป เหล่าโจรพากัน ระย่นระย่อไม่กล้าสู้ ข่งโจวเก็บด้ามกระบี่เสียบไว้ที่เอวเดินจากไป

           ☆ กระบี่หยูฉางเจี้ยน หรือ กระบี่ใส้ปลา มีลีกษณะเรียวยาวดังใส้ของปลา ทำขึ้นเมื่อ 2,500 ปีก่อนคริสตกาล     จวนจู นักฆ่าอิสระ นำกระบี่ใส้ปลาซ่อนไว้ใน ปลาดอกเหมยยกใส่จานยกไปให้เหลียวอ๋องเจ้าแคว้นอู๋  จวนจูวางจานปลาลงตรง เบื้องหน้าให้นักชิมอาหารทานแล้วยกจานไปให้อู๋หวังเหลียว ทันใดก็หยิบกระบี่หยู- ฉางเจี้ยนออกมาจากกะเพาะปลาแทงทะลุชุดเกราะสามชั่นของอู๋หว้งเหลียวเสียบหัวใจตายในคราเดียว

 

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องเล่า

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับเรื่องเล่าเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

อ่านเรื่องเล่าเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา