แผนลับ กับ คนอัจฉริยะ ภาค 2

-

เขียนโดย Dint

วันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2554 เวลา 18.36 น.

  2 ตอน
  1 วิจารณ์
  7,403 อ่าน
แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

2) วันที่สองในคุก กับ การค้นหาจุดอ่อน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

นับว่าเรือนจำอยุธยาจะเป็นเรือนจำที่มีชื่อที่สุดสำหรับเรื่องความเถื่อน  ความโหด  ความน่ากลัว  และความเหี๊ยนจากวิญญาณของคนที่ได้เสียชีวิตไปในเมืองเล็กๆที่เรียกกันว่า  เรือนจำกลางพระนครศรีอยุธยา   ที่นี่มีแต่เรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นไม่เว้นวัน   บ้างก็มีผู้คุมมาห้ามปราม  แต่บางครั้งกลับมีแต่ผู้ชมที่คอยลุ้นและคอยเชียร์ว่าใคร หรือ ฝ่ายใดจะชนะ   การสู้กันเกือบทุกครั้งในเรือนจำนี้จะต้องมีเม็ดเงินมหาศาลไหลเวียนในระบบ   ไม่ใช่แค่นักโทษเท่านั้น   แต่ผู้คุมเองก็ไม่เคยพลาด   ดังนั้นแล้วพวกเขาจะเข้ามาห้ามการต่อสู้เกือบทุกครั้งที่ไม่มีการบอกกล่าวกันล่วงหน้า   ผู้คุมจะได้เงินจากนักโทษในฐานะเป็นผู้จัดให้มีการต่อสู้ในนี้   และนักโทษก็ได้เงินจากการพนัน   บางคนได้บางคนเสียบางคนไม่ยอมจ่ายบางคนถูกฆ่าตาย     นับว่าเป็นเมืองเล็กๆที่ไม่มีความน่าอยู่เลยสำหรับคนดีๆหลายๆคน   ที่นี่เปรียบได้กับสถาบันสอนคนดีให้กลายเป็นคนเลว  คนที่พ้นโทษไปจากที่นี่ไม่มีเลยสักคนที่เปลี่ยนตัวเองไปในทางที่ดีได้   มีแต่เลวลงกว่าเดิม  

 

                ดิ๊น  เจมส์  และสมิทยังคงปรับตัวเข้ากับสถานที่สุดจะทนที่นี่ไม่ได้   นี่ก็สองวันแล้วที่พวกเขาได้มาอยู่ร่วมกันในเรือนจำนี่   พวกเขายังคงมองหาจุดอ่อนต่างๆในเรือนจำนี้   พวกเขาเดินไปทุกๆจุด   ไปทุกๆที่ที่สามารถไปได้   ถามทุกๆคนที่พวกเขาสามารถถามได้   พวกเขาต้องรู้จักที่นี่ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะสามารถหาได้   ข้อมูลของพวกเขาจะต้องเอาไปให้ บิ๊น  น้องชายฝาแฝดของดิ๊น   ผู้ซึ่งเป็นความหวังเดียวที่จะทำให้การหนีของพวกเขาสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี

 

               ที่นี่มีนักโทษรวมกันอยู่ เกือบๆ 500 ชีวิต   แบ่งกันเป็นราวๆ 3 แก๊งใหญ่ๆ   หลายคนก็ไม่มีแก๊งสังกัด   คนเหล่านั้นจะต้องจ่ายเงินให้กับหัวหน้าแก๊งต่างๆ เป็นค่าธรรมเนียม   หนึ่งในคนเหล่านั้นคือ พวกดิ๊น   แต่พวกเขาทั้งสามไม่มีเงินติดตัวกันเลยสักนิด   พวกเขาจำเป็นต้องทำงานแทนเงินที่พวกเขาทั้งสามไม่มีจ่าย   งานที่ไม่มีใครอยากจะทำเป็นแน่   ข้อดีของการได้ทำงานคือ  การได้ไปในที่ที่พวกเขามีโอกาสยากที่จะไป   เจมส์คนเดียวเท่านั้นที่ไม่ชอบให้ใครมาสั่งเขา   เขาไม่ยอมทำตาม   ไม่มีสิ่งใดจะเกิดขึ้นกับเจมส์นอกเสียจาก  การได้เข้าไปนอนห้องพยาบาลหนึ่งคืน   เจมส์ถูกแก๊งหนึ่งกระทืบสะยับเลยทีเดียว  จริงๆแล้วการที่เจมส์เลือกที่จะให้ตัวเขาโดนกระทืบนั้น   เป็นเพราะเขาต้องการหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับสารวัตรป๊อป   ป๊อปคงเป็นตำรวจนายเดียวที่ติดคุกในที่นี่  เขาต้องการเข้ามาที่นี่เพื่อฆ่าเจมส์   ความแค้นที่เจมส์ฆ่าเพื่อนรักของเขายังคงอัดอั้นอยู่ในใจป๊อปเสมอ   ไม่มีบทลงโทษใดที่จะดีไปกว่าการส่งเจมส์ไปลงนรกอีกแล้วในความคิดของป๊อป  ป๊อปมีเส้นสายจำนวนมากกับผู้คุมหลายคนที่นี่  ทุกครั้งที่เจมส์  เดินผ่านป๊อป   สายตาของป๊อปบอกเจมส์เสมอว่าเขามีเป้าหมายอะไรในการเข้ามาที่นี่   ป๊อปรอเวลาที่จะฆ่าเจมส์เท่านั้น

 

              สมิท  และดิ๊นเริ่มประชุมกันเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลที่พวกเขาหามาได้ในวันนี้    ดิ๊นเริ่มเล่าข้อมูลที่เขาหามาได้เป็นคนแรก   ดิ๊นเล่าว่า “ที่นี่มีผู้คุมตรวจตราตลอดทั้งวัน   แต่ข้อดีคือ  ตอนกลางคืนพวกเราเป็นอิสระ   ผู้คุมที่นี่กลัวเรื่องเล่าความเหี๊ยนของเรือนจำแห่งนี้   ด้านหลังของเรือนจำเป็นแม่น้ำเจ้าพระยา    มันต้องมีท่อน้ำไหลออกคลองเป็นแน่   แต่ปัญหาติดอยู่ที่ว่า  ท่อขนาดที่พวกเราสามารถคลานออกไปสู่คลองได้นั้น  มันอยู่กลางลานกว้างขนาดใหญ่ที่ห้ามนักโทษคนใดเหยียบย่างเข้าไปเว้นแต่พวกเขาจะไม่มีวิญญาณในร่างแล้ว   ด้านหลังนั่นมีทหารหนึ่งนายยืนอยู่ด้านบนหอสูง   พวกเขาจะยิงทันทีเมื่อเห็นนักโทษคนใดเดินเหยียบพื้นดินด้านหลังนั้น   เราอาจจะหาทางไปที่นั่นในตอนกลางคืน  และคลานออกสู่คลองโดยไม่มีใครเห็น   นั่นเป็นวิธีเดียวที่ฉันคิดได้ในตอนนี้” 

 

                สมิทเริ่มพูดสนับสนุนความคิดดิ๊น “ความคิดนายน่าสนมาก  ถ้าเราจะไปตอนกลางคืน  เราคงต้องเตรียมชุดสีดำ  เรื่องนั้นฉันจะจัดการให้เอง   ส่วนทางไปคงมีทางเดียวคือห้องครัว   ที่นั่นมีประตูบานหนึ่งที่ถูกล๊อกไว้  ฉันมั่นใจว่านั่นเป็นประตูบานเดียวที่สามารถออกไปสู่ลานกว้างนั่นได้   พวกเราจะรอให้เจมส์กลับออกมาจากห้องพยาบาลก่อน   พวกเราต้องพึ่งเขาในการเปิดประตูนั่น”  นับว่าแผนของเขาสำเร็จไปกว่าครึ่งแล้ว   ที่เหลือก็แค่รอบลุ้นว่าเวลาใดจะเป็นเวลาที่ทหารคนนั้นจะเปิดทางสว่างให้พวกเขาในการหลบหนี   ทันใดนั้นเอง มีเสียงบางอย่างดังมาจากด้านหลังของสมิท  และดิ๊น   เขาทั้งสองวิ่งออกไปอย่างรวดเร็วเพื่อไปดูว่ามีใครได้ยินแผนการของเขาหรือไม่   แต่ทันทีที่เขาทั้งสองวิ่งไป   พวกเขาก็ไม่เห็นผู้ใดแอบฟังพวกเขาอยู่   มันอาจเป็นแค่เสียงการทะเลาะวิวาทด้านนอกก็เป็นได้

 

            เวลา  15.00 น. เสียงประกาศดังขึ้น  “เจมส์   สมิท   ดิ๊น  มีคนมาเยี่ยม”  สมิทและดิ๊นเท่านั้นที่เดินไปยังบริเวณเยี่ยมนักโทษ   เจมส์ยังคงนอนอยู่ในห้องพยาบาล   พวกเขาทั้งสองนั่งลงเพื่อรอ บิ๊นนั่นเอง   บิ๊นนั่งลงและพูดขึ้นว่า   “เป็นไงบ้าง   ได้ข้อมูลอะไรมาบ้าง   หรือต้องการอะไรจากข้างนอกก็บอกฉันมาได้เลย”  “ตอนนี้สิ่งที่เรารู้ยังมีไม่มาก  แต่ก็พอจะมีวิธีหนีออกไปจากที่นี่อยู่หนึ่งวิธี   มันน่าจะง่ายและปลอดภัยที่สุดเท่าที่ฉันคิดได้ในตอนนี้ ”  ดิ๊นเล่าแผนการหนีที่เขาคิดไว้กับสมิทให้กับบิ๊นได้ฟัง   บิ๊นตกลงจะจัดการเรื่องการหลบหนีด้านนอกหลังจากที่เจมส์  สมิท  และดิ๊นหนีออกไปได้  ดิ๊นทำหน้าตาตกใจเล็กน้อย   “เดี๋ยวก่อน  ฉันลืมไปเลย   เมื่อคืนฝนทำท่าจะตกแต่กลับไม่ตก  มันคงไปตกที่ไหนสักแห่ง   ฉันอยากรู้ว่ามันไปตกที่ไหน   แล้วนายช่วยดูให้ฉันหน่อยว่าน้ำทะเลขึ้นสูงสุดและต่ำสุดวันไหน”  ดิ๊นเริ่มคิดถึงปัญหาเล็กน้อยที่เขาลืมคิดไปในตอนแรก   บิ๊นเช็คข้อมูลทางมือถือของเขาทันที   “ฝนไปตกที่ไหนไม่รู้  แต่ฉันคิดว่าคงเป็นจังหวัดสุพรรณบุรี  หรือไม่ก็อ่างทอง   ช่วงนี้ลมพัดมาจากฝั่งตกวันตกบ่อย   และน้ำขึ้นสูงสุดในวันพรุ่งนี้ ”  ทันทีที่บิ๊นพูดจบ   ดิ๊นถึงกับถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย   “ เราต้องรอไปอีกเกือบหนึ่งสัปดาห์เพื่อให้ถึงช่วงน้ำลง  ฝนที่ตกมาเมื่อวานนี้จะไหลผ่านมาที่แม่น้ำเจ้าพระยา   และมันคงทำให้ท่อน้ำที่ไหลออกไปยังแม่น้ำเจ้าพระยาคงจะเต็มไปด้วยน้ำแน่ในช่วง 2 – 3 วันนี้ ”  ดิ๊นบอกให้บิ๊นเตรียมการด้านนอกเพื่อรอพวกเขาในอีกราวๆ หนึ่งสัปดาห์ข้างหน้า   บิ๊นเดินหันหลังกลับไป  เขาต้องรีบเตรียมการด้านนอกเพื่อให้การหลบหนีผ่านไปได้ด้วยดี

 

               ดิ๊นและสมิทเดินกลับไปยัง ส่วนของนักโทษ  ระหว่างทางดิ๊นได้พูดกับสมิทว่า “ หมอนั่นมันก็ฉลาดดีนะ  แต่เสียอยู่ตรงที่เขาไม่ค่อยฟังคำพูดของฉันเลย  หมอนั่นมั่นใจในตัวเองสูงมาก  บางทีเราก็ต้องหวังพึ่งตัวเองมากกว่าที่จะพึ่งไอ้บิ๊นมัน ”  ดิ๊นและสมิท หัวเราะกันเล็กน้อยหลังจากที่พูดจบ   ทั้งที่ดิ๊นจะพึ่งบิ๊น แท้ๆ  แต่เขากลับไม่มั่นใจเลยว่าบิ๊นจะพาพวกเขารอดจากการจับกุมในครั้งที่สองหรือไม่     เวลาผ่านไปจนกระทั่งกลางคืน  ดิ๊นยืนหันหน้าไปยังทหารนายหนึ่งที่ยืนอยู่บนหอสูง  ดิ๊นต้องการรู้ว่าจุดอ่อนของทหารนายนั้นคืออะไร   และพวกเขาจะวิ่งไปถึงท่อกลางลานด้านหลังอย่างไรโดยที่ไม่ให้ทหารนายนั้นเห็น   กระทั่งเวลาสามทุ่มกว่าๆ  กลับไม่มีจุดอ่อนของทหารนายนั้นให้เห็น  ไม่หันหน้าไปที่อื่นเลยแม้แต่น้อย   ไม่ง่วง  ไม่หาว   ทั้งดิ๊นและทหารนายนั้นไม่ต่างอะไรกับหุ่นยนต์เลยสักนิด 

 

            ระหว่าที่ดิ๊นยืนมองออกไปทางด้านหลังของเรือนจำอยู่นั่นเอง  มีสมาชิกของแก๊งๆหนึ่งมาลากตัวดิ๊นไปใช้งาน  ดิ๊นไม่สามารถขัดขืนชายกลุ่มนั้นได้   ทางเดียวที่ดิ๊นจะปลอดภัยคือการยอมทำตามที่พวกเขาสั่ง  ดิ๊นยอมตามชายเหล่านั้นไป   ส่วนสมิทเองยังคงมองหาผ้าหรืออะไรก็ได้ที่มีสีดำเพื่อพวกเขาจะได้ ใช้ในการหลบหนีในราวๆหนึ่งสัปดาห์ข้างหน้า  พวกเขาต้องรอให้ถึงช่วงน้ำลงก่อน   และยังต้องรอให้เป็นข้างแรกอีกด้วย  ไม่งั้นแสงจากดวงจันทร์จะทำให้ทหารเห็นการเคลื่นไหวในลานนั่นเป็นแน่   สมิทเองก็พยายามหากลวิธีต่างๆที่พวกเขาจะใช้ในการออกไปจากที่นี่  สมิทแบ่งหน้าที่กับดิ๊นในการทำงานนี้   เจมส์คงสบายที่สุดเพราะเขาไม่ต้องทำอะไร  ได้นอนพักอย่างๆสบายๆในห้องพยาบาล

 

                ตอนนี้ดิ๊นถูกใช้ให้ไปทำความสะอาดห้องน้ำที่แสนจะสกปรก  มันเหม็น  และเต็มไปด้วยของเหลวที่มีสีเหลือง   ดิ๊นแทบไม่อยากจะหายใจ  เขาถึงกับต้องถอนหายใจกับสิ่งที่เขาเห็นและกลิ่นที่เขาได้สูดเข้าไป   ทันทีที่ดิ๊นเริ่มหยิบจับที่ทำความสะอาดนั่นเอง  มีเสียงดังมาจากทางลานด้านหลัง  ปั๊ง  ๆ   ๆ  ราวกับเสียงปืนยิงกัน  เสียงในยามค่ำคืนนั้นดังสนั่นหวั่นไหว   มันทำให้คนที่นอนหลับอยู่ถึงกับตื่น  คนที่ทำธุระหนักเบาในห้องน้ำก็ถึงกับหยุด   ทุกคนที่เมืองเล็กๆแห่งนี้ไม่เว้นแม้กระทั้งผู้คุมต่างวิ่งตามเสียงนั่นไป  เสียงปืนดังอยู่หลายนัดกว่ามันจะหยุดลง   ไฟส่องสว่างขึ้นทั่วทั้งลานด้านหลังของเรือนจำ   มีศพชายคนหนึ่งนอนจมกองเลือดอยู่หน้าท่อระบายน้ำขนาดใหญ่กลางลานกว้างนั่น   แสงไฟสปอร์ตไลท์ถูกเปิดขึ้น   ภาพที่เห็นคือฝาท่อระบายน้ำถูกเปิดออก  ผู้คุมหลายคนลากตัวนักโทษที่ไร้วิญญาณออกจากลานกว้างด้านหลังเรือนจำทันที  ผู้คุมหนึ่งนายยืนก้มมองลงไปยังท่อระบายน้ำ  

 

                ดิ๊นวิ่งไปหาสมิททันที   และถามสมิท   สมิทเองยืนดูเหตุการณ์ก่อนที่ดิ๊นจะวิ่งไปถึง “เกิดอะไรขึ้น สมิท   หมอนั่นออกไปข้างนอกได้ไง   แล้วมันเป็นใคร”   “มันคงได้ยินเราพูดกันเกี่ยวกับแผนการแหกคุก   ฉันเดาว่ามันคงไม่รู้ว่าในนั้นมันจะมีน้ำเต็มไปหมดแบบนี้   พอมันไปถึงที่นั่นเข้าก็คงทำอะไรไม่ถูก  เลยถูกยิงเอา”  สมิทอยู่ไม่ไกลจากที่นั่น  เขาวิ่งมาทันในตอนที่กระสุนถูกยิงในนัดแรกๆ  สมิทพูดต่อว่า  “ฉันถามเด็กคนหนึ่งแล้ว    มันบอกว่าตอนนี้เป็นช่วงเวลาของการเปลี่ยนเวร  ทหารที่คุมอยู่จะปีนลงมา  มันไม่มีบันไดให้เดิน   ทหารที่มาเปลี่ยนเวรต้องรอให้ข้างบนลงมาก่อนจึงจะสามารถปีนขึ้นไปทำหน้าที่ต่อได้  และมันใช้เวลาราวๆ  1 นาที  เคยมีคนใช้จังหวะนั้นพยายามวิ่งไปยังกำแพง   แต่เขาไปไม่ทัน  หมอนี่คงเป็นคนที่สองแล้ว  ที่ตายในลานนั่น”    แผนพังจนได้   แผนเดิมคงทำไม่ได้อีกแล้ว  เราต้องเปลี่ยนแผนไหม”  ดิ๊นกลับมาหน้าเครียดอีกครั้ง  ทุกคนเริ่มเดินแยกย้ายกันกลับห้องขัง  ดิ๊นยืนนิ่งทันทีเมื่อเขากลับถึงห้องขัง  ส่วนสมิทเองก็เหนื่อยกับการถูกใช้งานและการคิดวิธีหนีออกจากที่นี่เต็มทน  เขาล้มตัวลงนอนอย่างกับคนที่ไม่เหลือเรี่ยวแรงอีกแล้ว

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา