เมื่อภูตผีมีความรัก

8.3

เขียนโดย api3api

วันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2557 เวลา 21.30 น.

  3 บท
  0 วิจารณ์
  6,008 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 15.30 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

1) จางจื่อ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
เมื่อภูติมีความรัก________บทที่1 จางจื่อ_____________________
 
         ........................................................................................
 
           หิมะสีขาวตกลงมาอย่างต่อเนื่องในสมรภูมิที่เสร็จสิ้น ศพของนักรบต่างถูกกลบด้วยสีขาวของฤดูเหมันต์ นักรบไกล้ตายต่างหนาวตายและด้วยพิษใข้กับบาดแผล
         กลางอากาศที่หนาวเหน็บ มีหญิงงามในชุดสีขาวเดินเหนือพ้นพื้นหิมะเหมือนลอยตัว นางเหินไปมาพร้อมกับคนสนิท
         ลูกไฟวิญญาณคนตายสีต่างๆล่องลอยออกจากศพนักรบจากศพนับหมื่นมันช่างเหมือนงานดอกไม้ไฟ
 
            "เจ้าเว่ย เจ้ามองดูสิมันช่างสวยงามเหลือเกิน"   นางเหินไปมาเหมือนเด็กเล่นสนุกมันเป็นภาพเหมือนนางฟ้าในชุดสีขาวหยอกล้อกัน
 
            "องค์หญิง เรารีบกลับกันเถอะเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวท่านบิดาจะโกรธเอาได้"
            "เจ้าจะกลัวไปใย ศึกสงครามคนตายมากมาย ท่านพ่อไม่ว่างหรอก"
        นางเปลี่ยนสีหน้าจากสนุกสนานเป็นเศร้าสร้อยอยู่แว่บนึงจนเจ้าเว่ยคนสนิทไม่สบายใจ
            "ใช่ พ่อข้าไม่ใยดีข้าด้วยซ้ำ ใหนๆเราก็ออกมาโลกมนุษย์แล้วเราไปเที่ยวเล่นเมืองมนุษย์ดีกว่า เจ้าเว่ยตามข้ามา"
         นางเหาะด้วยความเร็ว จนคนสนิทตามแทบไม่ทัน นางกลัวอาญาจากเจ้าเหนือหัวอย่างมากจึงรีบตามไปตามหญิงสาวอย่างเร็ว
 
         องค์หญิงน้อยเหาะยังไม่ถึงเมืองก็พบกับกระต่ายที่ไกล้ต่ายนางจึงใช้อิทธิฤทธิ์ต่อลมหายใจของมันไว้
        ในใจนางบอกตัวเองว่าดีแล้ว  แต่มันก็ถูกลูกศรยิงสิ้นใจไปอีกครั้ง นางมองจากจุดที่ลูกศรยิงมาก็พบนายพรานนางจึงต่อว่าด้วยความโกรธ
 
          "เจ้าเป็นใครกล้าทำร้ายกระต่ายของข้า"
       นายพรานรีบวิ่งมาแล้วปัดเอาหิมะออกจากหัวและหน้าปรากฎเป็นชายหนุ่มที่งดงาม
 
          "ข้าขออภัย ข้าไม่ทราบว่ากระต่ายป่าจะมีเจ้าของ"
      เขาได้เจอกับหญิงสาวแล้วก็ต้องตกตะลึงในความงามจนพูดอะไรไม่ออกเป็นธรรมชาติ
 
          "ข้าไม่ให้อภัย เพื่อเป็นการไถ่โทษเจ้าต้องพาข้าไปเที่ยวรอบเมืองเดี๋ยวนี้"
          "ข้าเต็มใจแต่ขออภัยเมืองข้าโดนไฟสงครามทำลายจนสิ้นคงเหลือแต่ซากบ้านเรือนมันจะเพลินใจเจ้าได้อย่างไร"
       นางรีบวิ่งไปมองเมืองที่นางเคยเห็นตอนเหาะกลางอากาศและพิจดูดีๆก็พบว่ามีไฟคลุกกรุ่นไปทั่ว แล้วทำท่าเสียอารมณ์
           "เชอะ งั้นข้ากลับล่ะไม่สนุกแล้ว"
           
           "แม่นางชื่อว่าอะไร ข้าแซ่หม่า เรียกข้าว่าอาหม่าแล้วกัน"
 
          "บอกทำใมไม่อยากรู้ เอาเถอะเจ้าติดหนี้ข้าข้าต้องเอาคืนจากเจ้าแน่  ข้าชื่อจางจื่อ"
              นางวิ่งดุ๊กเพื่อไม่ให้เขารู้ว่าไม่ใช่มนุษย์ แต่ก็ยังมีเสียงไล่หลัง
 
          "ข้าจะเจอเจ้าอีกเมื่อไหร่"
 
           "วันที่แสงสุดท้ายหายไปจากตาเจ้าน่ะแหละ"
 
           ชายหนุ่มยืนเสียดายที่ไม่ทำความรู้จักนางมากกว่านี้แต่เขาจดจำชื่อของนางไว้ติดใจ
 
เมื่อลับตาคนแล้วจางจื่อได้เหาะขึ้นไปอยู่บนยอดไม้นั่งมองหิมะที่ขาวโพลน เจ้าเว่ยเหาะตามมาทันพอดี
 
         "องค์หญิง ทำใมมานั่งหน้ามุ่ยอยู่นี่ล่ะเจ้าคะ"
 
         "เจ้าเว่ย ข้าพบกระต่ายน้อยกำลังจะตายข้าต่อชีวิตให้มัน แต่สุดท้ายมันก็ตาย.....ทำใมข้าถึงเปลี่ยนแปลงโชคชะตาไม่ได้"
      
          เจ้าเว่ยอมยิ้มถอนหายใจแล้วจูงมือจางจื่อเหาะขึ้นฟ้า
 
         "ชีวิตถูกลิขิตไว้แล้วต่อให้หญิงงามจางจื่อจะมีอำนาจมากเพียงใหนก็ยากจะฝืนลิขิตฟ้า"
 
            ทั้งสองหัวเราะต่อกระซิกันหายไปกลางท้องฟ้าอันหมองหม่น
 
         ..............................................................................
 
       บนสวงสวรรค์ เง็กเซียนฮ่องเต้กำลังวุ่นวายกับการสั่งการเหล่าเทพรับมือเหล่าวิญญาณนับหมื่นนับแสนที่ได้ล้มตายในสงคราม
       จางจื่อย่องย่องเข้ามาปิดตาด้วยอารมณ์ขัน
 
       "ทายซิใครเอ่ย"
 
       "จางจื่อพ่อไม่ว่างเลย เจ้าจงไปเล่นกับเจ้าเว่ยเถิด"
 
       จางจื่อหน้ามุ่ยงอนตุ๊บป่องเดินออกมาจากตำหนักแล้วนึกอะไรสนุกๆได้จึงวิ่งไปลากเจ้าเว่ยไปหากามเทพ
 
         กามเทพเห็นองค์หญิงจึงรีบทำตัวให้หายง่วงเขียนชะตาชีวิตต่อไป
 
         "กามเทพจอมขี้เกียจข้ารู้นะไม่ต้องปิดบังข้าเลย"
  
         "องค์หญิงมีอะไรให้ข้าน้อยรับใช้"
 
         "ทำใมข้าถึงทำให้กระต่ายน้อยมีชีวิตต่อไปไม่ได้  เป็นเพราะเจ้า เอากระต่ายน้อยข้าคืนมานะตาเฒ่า"
           กามเทพทำท่าตกใจแล้วทำท่าคารวะ
 
           "หามิได้ กระต่ายตัวนั้นดวงสมพงษ์กับชายผู้เป็นมือสังหาร ถึงท่านจะช่วยกระต่ายได้แต่ฟ้าก็ลิขิตให้ชายคนนั้นฆ่ากระต่ายอยู่ดีพะยะค่ะ"
 
           นางทำท่าคิดอย่างเจ้าเลห์ทำให้กามเทพกับเจ้าเว่ยกังวลใจ
 
          "งี้นี่เองเจ้ามองเห็นทุกอย่าง   เอามาให้ข้า"
 
          "อะไรหรือขอรับ"
 
          "เอาคันฉ่องส่องโลกมนุษย์มาให้ข้ายืมเดี๋ยวนี้ไม่งั้นข้าจะฟ้องท่านพ่อว่าท่านแอบดื่มน้ำจันเวลางานจนเมามาย"
 
         ด้วยความเจ้าเล่ห์์เพทุบายทำให้กามเทพต้องจำยอมส่งคันฉ่องให้นาง
 
             เมื่อนางได้มานางก็เอามาดูโลกมนุษย์อย่างสนุกสนาน
 
        "องค์หญิง เอาไปคืนกามเทพเถิดเจ้าค่ะ เดี๋ยวจะเกิดเรื่งวุ่นวายได้นะเจ้าคะ"
       
         "ข้าแค่ยืมเดี๋ยวเดียว ประเดี๋ยวก็นำไปคืนแล้ว ถ้าเจ้าไม่เห็นด้วยข้าไปดูคนเดียวก็ได้"
 
 
       จางจื่อสนุกสนานกับการแอบดูพฤติกรรมของชาวโลกและได้เห็นพิธีแต่งงาน นางสนใจเป็นอย่างมาก  ทุกคนดูสนุกสนานและมีความสุข  นางมองดูคู่บ่าวสาวแล้วนึกอิจฉา
          "ข้าอยากใส่ชุดแบบนั้นบ้างจังเลย"
 
         "จริงสิเจ้านั่นติดหนี้ข้า ดูซิว่ากำลังทำอะไรอยู่"
 
    เมื่อจางจื่อมองชีวิตของอาหม่าก็พบว่าเขาเป็นช่างเย็บผ้า และจิตใจดีงาม จนนางนึกชอบและอดยิ้มไม่ได้
         "ถ้าเจ้าดีแบบนี้ คงได้มาที่นี่สักวัน"
    แต่สิ่งที่นางเห็นบางอย่างที่มากกว่านั้นในคันฉ่อง นางก็ตกใจแล้วลุกพรวดพราดขึ้น
 
          .....................................................................................
 
     เช้าวันหนึ่งที่เมืองของอาหม่า เขากลับมาจากขายผ้า ก็มานั่งเหม่อตรงระเบียง เหล่าชาวบ้านกำลังเร่งฟื้นฟูบ้านเมือง  เขาคิดถึงจางจื่อ
 
        "นางเป็นคนที่สวยที่สุดเท่าที่เคยพบเจอ เมื่อใหร่ข้าจะได้เจอเจ้ากันนะ"
 
       "เจ้าของร้านอยู่รึไม่ข้าอยากสั่งเย็บผ้า"
     เขารีบวิ่งออกไปต้อนรับก็พบกับจางจื่อที่จำแลงตนมาเป็นมนุษย์
 
      "จางจื่อ"
      "ข้าเป็นลูกค้ากล้าเรียกห้วนๆรึ ข้ามาเก็บหนี้จากเจ้า  ข้าอยากได้ชุดแต่งงานสักชุด"
 
       "เจ้ากำลังจะแต่งงานหรือ"
      จางจื่อนึกขำที่เห็นสีหน้าเขาทรมาน
 
       "เปล่าข้าแค่อยากได้ ข้าอยากแน่ใจว่าเจ้าทำด้วยความสนใจข้าจะนั่งดูเจ้าทำ"
 
    อาหม่าทำงานด้วยความสุขเพราะมีจางจื่อนั่งมองดู เขาทำงานอย่างสนุกสนานส่วนจางจื่อม่อยหลับไปแล้ว จนนางตื่นมากลางดึกก็ยังเห็นเขาทำงาน
 
        "เจ้าควรจะพักผ่อน"
        "ข้าไม่เป็นไร พอข้าได้ลงมือเย็บผ้าทีไรข้าก็หยุดไม่ได้เสียทุกครั้งมันเป็นอาชีพที่ข้ารัก เจ้าจะได้ชุดที่สวยที่สุดจากข้า"
       จนไม่นานอาหม่าก็เผลอหลับคาที่ทำงาน จางจื่อเดินมาห่มผ้าให้เขา
      
       "เจ้ามีวิญญาณสีสวย แต่ข้ายังไม่อยากเห็นมัน"
 
  ผ่านไปสองวัน ชุดไกล้เสร็จเร็วกว่าที่กำหนด อาหม่ารู้ดีว่าหากชุดเสร็จแล้วจางจื่อต้องจากไปเขาจึงเผยความในใจ
 
       "จางจื่อข้าหลงรักท่านตั้งแต่เจอกันครั้งแรก"
 
       "รักงั้นเหรอ"
 
   นางรีบปลีกตัวออกมาจากร้านแล้วกลับขึ้นสวรรค์โดยเร็ว นางรีบมาหากามเทพ
 
       "ตาเฒ่า  รัก คืออะไร"
 
       "อะแฮ่ม งานถนัดข้าเลย  ความรักก็คืออาการที่อยากจะมีคู่ครอง  นั่นเอง แฮะ แต่ว่าถามไป...."
       พูดยังไม่ทันจบนางก็หายตัวจากตำหนักกามเทพปล่อยให้เทพแก่งงงวย
 
 
      นางกลับมาที่ร้านเขาพบว่าอาหม่าไม่ทำงานต่อ
 
       "ทำใมไม่ทำงานต่อล่ะ"
 
       "ท่านรังเกียจข้าแล้วหรือที่ข้าพูดอย่างนั้นท่านจึงรีบไป"
    นางนึกขึ้นได้ก็ยิ้มแล้วส่ายหน้าแล้วให้เขาทำงานต่อไป เขาก้มหน้าทำงานให้เสร็จ แม้ว่านางจะจากไปแต่เขาก็ได้เผยความในใจแก่จางจื่อแล้ว เขาทำงานด้วยความสบายใจ
 
        "ความจริงข้ายังไม่มีคู่รักหรอก ข้าเห็นพิธีแต่งงานแล้วอยากได้ชุดนั่น ข้าอยากใส่มัน"
 
        "ข้าคิดว่าคู่ครองของเจ้าจะเปี่ยมด้วยยศศักดิ์สมกับความสวยงามของเจ้า วางใจเถอะด้วยชุดนี้เจ้าจะสวยราวกับเทพธิดา"
 
         เขาส่งชุดที่ทำเสร็จแล้วให้จางจื่อ นางรับมาด้วยรอยยิ้ม
 
         "เจ้าจะไม่ลองชุดหน่อยหรือ"
 
      จางจื่อสวมชุด นางสวยดุจเทพธิดาจริงๆ อาหม่าโดนเรียกมานั่งไกล้ๆนาง
 
         "ข้าอยากซ้อมพิธีด้วย  เจ้าจะซ้อมกับข้าใหม"
 
  อาหม่ายิ้มด้วยความดีใจเขาและจางจื่อซ้อมพิธีแต่งงานกันสนุกสนาน  จนจางจื่อเผลอลื่นอาหม่ารับตัวได้พอดี เขามองหน้าของจางจื่อและไม่อยากปล่อยมือเลย
 
        "ข้าอยากอยู่กับเจ้า  ข้าชอบเจ้าเหลือเกินจางจื่อ"
 
   เขาก้มลงหอมแก้มจางจื่อซึ่งนางก็เต็มใจ แล้วก็ผลักเขาออก
 
       "ข้าแต่งกับเจ้าไม่ได้หรอก ขออภัย"
 
   นางวิ่งหนีออกมาทั้งชุดเจ้าสาว หิมะตกอีกครั้งนางยืนมองทางที่หนีจากมาแล้วกุมหัวใจตัวเอง
 
      "เต้นรัวยังกับกลองแน่ะ  อาหม่าเจ้าได้ชดใช้หนี้แก่ข้าจนหมดแล้ว เราคงต้องจากกันและคงไม่เจอกันอีกจนเจ้าหมดลมหายใจ"
 
.......................................................................................................
 
  เวลาผ่านไปจางจื่อทำตัวเงียบๆและชอบเหม่ออยู่คนเดียว นางนั่งมองชุดเจ้าสาวที่ข้างผนัง เจ้าเว่ยเดินมาปลอบ
         "ถึงวัยมีความรักแล้ว ต่อไปเทพผู้สง่างามองค์ใหนหนอจะมัดใจเทพธิดาองค์นี้ได้"
 
           จางจื่อหันมายิ้มแล้วลุกขึ้นจูงมือคนสนิทออกมานอกตำหนัก
 
           "เจ้าเว่ย ต่อให้เป็นเทพก็ฝืนลิขิตไม่ได้  ต่อไปนี้ข้าจะเป็นเทพที่ดี เราไปชมดอกไม้ไฟวิญญาณชุดสุดท้ายสั่งลาวัยกะโปโลของข้ากันเถอะ"
 
        เหมันต์ฤดูเวียนมาอีกแล้ว นางพาเจ้าเว่ยมายังสมรภูมิที่เต็มไปก้วยปรักหักพัง หิมะสีขาวที่กลบมันไห้ดูสวยงาม  นางเดินไปยังจุดที่นางเคยมา
 
           "คันฉ่องของกามเทพ มันทำให้ข้าเห็นหลายอย่าง รวมทั้งตัวข้าด้วย"
 
       นางเดินมาถึงนักรบที่นั่งหายใจรวยรินอยู่ข้างร้านเย็บผ้า  เขากำลังจะตาย แต่เขาก็ยิ้มออกมาอย่างดีใจ
 
          "เจ้ามาในวันที่แสงสุดท้ายในตาข้าจะหมดไปจริงๆด้วย จางจื่อ"
 
     เขาสิ้นลมหายใจต่อหน้าจางจื่อ และลูกไฟวิญญาณของชาวเมืองและของทหารก็พุ่งขึ้นฟ้าสวยงาม   ยกเว้นวิญญาณของเขา
 
        วิญญาณของเขา ออกมาจากร่างในรูปร่างของเทพ และจางจื่อกระโดดกอดเขาไว้
 
 
                
                   เขากอดจางจื่อไว้อย่างแน่นเช่นกัน
 
 
 _________________________จบบทที่1 จางจื่อ______________________
 
        
 
     
 
        

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา