คดีนักฆ่าซินเดอเลล่า

9.3

เขียนโดย วงวีวง

วันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 เวลา 21.41 น.

  1 ตอน
  1 วิจารณ์
  3,350 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 00.13 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

1) คดีนักฆ่าซินเดอเลล่า(ตอนเดียวจบ)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ร้านขายเหล้าเกรดพอมีระดับตั้งอยู่บริเวณชานเมือง มันไม่ใช่ศุนย์รวมความบันเทิง หรือแหล่งที่มีคนพรุพร่านแต่อย่างใด เพียงแค่ร้านเหล้าตัวเลือกเล็กๆ ร้านมักจะเปิดเพลงเก่าๆคลาสสิคๆ ไม่ว่าจะของไทย หรือต่างชาติ แตกต่างจากร้านในเมือง ที่เปิดเพลงฮิตติดหู หรือเป็นเพลงดังให้ผู้มาใช้บริการได้เพลิดเพลินไปกับบรรยากาศในยามราตรี

     “ขอเบอร์เบิ้นผสมโทนิคอีกที่ด้วยนะค่ะ” เขาได้ยินเสียงหนึ่งดังมาจากโต๊ะในมุมร้านที่เร้นจากแสงของโคมไฟสีส้ม มันเป็นเสียงของหญิงสาวคนนั้นนั่นเอง ใช่แล้ว.. เธอเป็นคนสวย และมาคนเดียว..

     “สวัสดีครับ” ในที่สุดก็ตัดสินใจ ร้านเล็กๆไม่ยากมากที่คนระหว่างโต๊ะจะเดินเข้ามาหากัน แต่มันคงยาก กับหญิงสาวที่สวยเช่นเธอ ที่จะเปิดใจพูดคุยกับผู้ชายธรรมดาๆ สักคนที่เข้ามาหา หากแต่เจตนาทีแท้จริงของตัวเขานั้น ไม่ต้องการจะเชื่อมสัมพันธ์ในทางชู้สาวแต่อย่างใด เพียงแต่ต้องการเพื่อนพูดคุยเท่านั้น สำหรับคนที่ไม่คุ้นเคยกับบรรยากาศเคล้ากลิ่นแอลกอฮอร์อย่างเขา

      “สวัสดีค่ะ” เธอขานรับ ผิดคาด ดวงหน้าใสเต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มหวาน มันทำให้ชายหนุ่มรู้สึกเป็นกันเอง เขาเหลือบมองตรงเก้าอี้ที่ว่าง และข้าวของบนโต๊ะ ก่อนจะพูดต่อ น้ำผลไม้รสองุ่นนั้นเธอคงซื้มาเองเป็นแน่ มันไม่ได้มีอยู่ในเมนูของร้าน และสมุดบันทึกเล่มนั้น ก็คงไม่ใช่นิตยสารประจำสัปดาห์ที่ร้านมีให้ลูกค้าอ่านแต่อย่างใด กระเป๋าถือแบบของสตรีนั่นอีก ของทุกอย่าง..มันคงเป็นของเธอ

      “นัดใครไว้หรือเปล่าคับผม จะรังเกียจไหมคับ ถ้าผมจะขอนั่งดื่มเป็นเพื่อน” เขาพยายามพูดด้วยน้ำเสียงนอบน้อมที่สุด แต่ก็ไม่วายแฝงไปด้วยความเขินอาย และประหม่า

      “เชิญค่ะ ไม่รังเกียจหลอก” อีกแล้ว น้ำเสียงและรอยยิ้มนั่นดูช่างหวาน และอ่อนโยนจริงๆ

      “ขอบคุณนะครับ”ชายหนุ่มส่งยิ้มกลับด้วยความดีใจ เขาวางแก้วเบียร์บนโต๊ะ ขยับเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามร่างบอบบางนั่น ก่อนจะกระชับเสื้อนอกเพื่อความทะมัดทะแมง และนั่งลง

       “เอ่อ.. แต่อย่าเพิ่งเข้าใจผมผิดๆนะคับ ผมเพียงอยากหาเพื่อนคุยด้วยเท่านั้น ความจริงผมไม่ค่อยได้มาที่แบบนี้บ่อยเท่าไหร่ จึงไม่ค่อยรู้อะไร” พูดออกไปอย่างใสซื่อ ท่าทีของชายหนุ่มดูตรงไปตรงมาไร้เล่ห์เหลี่ยม หญิงงามเองก็ก็ไม่ได้ระแวงแต่ประการณ์ใด พยักหน้ารับ และเจรจากลับพร้อมรอยยิ้ม

       “ค่ะ ฉันเองก็กำลังอยากหาเพื่อนคุยด้วยอยู่เหมือนกัน นานๆทีเวลาคิดอะไรไม่ออก ฉันมักจะหาที่บรรยากาศดีนั่งผ่อนคลายสมอง” เธอกล่าวด้วยอาการเป็นมิตร

        “ขอโทษนะครับ มันเกี่ยวข้องกับสมุดบันทึกนั่นหรือเปล่า” เขาถาม พร้อมกับส่งสายตาไปยังวัตถุบนโต๊ะ

   “ฮ่ะๆ ก็แค่นักเขียนอิสระนะค่ะ ไม่ใช่อาชีพหลัก เรื่องของฉันถูกตีพิมพ์บ้าง เป็นคอลัมน์เล็กๆ ในนิตยสารที่ไม่โด่งดังมาก แล้วก็ไม่ใช่นิยายรักๆหลอกนะค่ะ” ระยะห่างดูน้อยลงเรื่อยๆ บทสนทนายังคังดำเนินต่อไป

   “จริงหรือครับ ได้ตีพิมพ์บ้างไหมครับแต่ละเรื่อง บางทีผมอาจอุดหนุน ลองอ่านนิยายรักๆบ้าง เผื่อจะเบาสมองไปอีกแบบ ฮ่ะๆๆ”

“ถ้าอย่างน้น เขียนเรื่องแนวไหนหรือครับ” ชายหนุ่มหลีกเลี่ยงการถามเกี่ยวกับหน้าที่การงานของธอ เพราะกลัวจะเป็นการก้าวก่ายมากไป ชวนคุยเรื่องนิยายดีกว่า เพราะเหมือนเป็นเรื่องที่เธอชอบ

    “สืบสวนสอบสวน ฆาตกรรมค่ะ” คำตอบจากสาวรูปร่างหน้าตาน่ารัก เล่นเอาหนุ่มตรงหน้าอึ้งไปนิดหน่อย

   “โอ้โห!! ฮ่าๆๆๆ” เขาอุทาน และหัวเราะแทนการยิงคำถามใดๆต่อ

   “ฮ่าๆๆ ค่ะ ฉันรู้ว่ามันแปลก และคงไม่เหามะสมกันเท่าไหร่ แต่ฉันก็พยายามจะทำให้ดีที่สุดนะค่ะ พยายามหาข้อมูลใหม่ๆมาเขียนอยู่ตลอด แล้วคุณล่ะค่ะ สนใจอ่านเรื่องแนวนี้ไหม” เธอเป็นฝ่ายชวนสนทนาบ้าง

    “สนใจสิครับ อันที่จริงผมค่อนข้างจะชอบมันเลยล่ะ” เขาตอบ น้ำเสียงแฝงไปด้วยความจริงจังมากขึ้น

    “แสดงว่าคุณต้องเคยอ่านนิยายแนวสืบสวนมาก่อนเยอะแน่เลย ตอนนี้ฉันกำลังหาไอเดียใหม่ๆเขียนอยู่ ต้องคอยปรับเปลี่ยนตลอดเวลา ไม่อย่างนั้นก็จะเขียนซ้ำกับคนอื่นเขา ซ้ำกันไปซ้ำกันมา เรทติ้งก็จะไม่ดี” เธอเริ่มเป็นฝ่ายพูดคุยมากกว่าเดิม ชายหนุ่มเป็นคู่สนทนาที่ดี เขานิ่งฟังอย่างตั้งใจ

     “แล้วเจอข้อมูลอะไรใหม่ๆน่าสนใจบ้างไหมครับ” เขาถามต่อ

    “แน่นอนว่าต้องมีอยู่แล้วค่ะ ฮ่าๆๆ” หัวเราะด้วยน้ำเสียงใส รอยยิ้มยังปรากฏไม่จาง

    “รู้หรือเปล่าค่ะ ว่าคดีจ้างวางฆ่าที่มีให้เห็นทั่วไปตามข่าวโทรทัศน์ ปัจจุบันนี้ก็ถูกปรับเปลี่ยนไปเยอะ ทั้งผู้จ้างวาง และผู้ลงมือ ก็อย่างว่า สังคมสมัยนี้เรื่องผลประโยชน์เยอะไปหมด” คราวนี้กลับเป็นเธอที่น้ำเสียงดูแน่นหนัก และแฝงไปด้วยสาระมากขึ้น

     “การจ้างวานก็มักจะทำกันหลายๆต่อ เพื่อให้ไม่สามารถสาวไปถึงต้นตอ บางครั้งมีการจ้างวานกันโดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครจ้าง ใครทำ เป็นเพราะเทคโนโลยี ในโลกโซเชียลในยุคปัจจุบันถูกน้ำมาใช้เป็นสื่อใจนการทำเรื่องผิดกฎหมาย..” พูดยังไม่ทันจบ ปรากฏบุคคลที่สาม พนักงานเสิฟเพียงคนเดียวในร้าน นำแก้วที่มีออร์เดอร์บรรจุอยู่มาเสิร์ฟ เบอร์เบิ้น...

       “ขอบคุณค่ะ” เธอกล่าวกับบุคคลหน้าใหม่ ก่อนที่เขาจะเก็บแก้วเปล่าใบเก่า แล้วเดินกลับเข้าไปด้านหลังร้าน

     “อื้อหืออ!!” ชายหนุ่มอุทาน มองเหล้าแก้วใหม่ที่มาเสิร์ฟ ผู้หญิงคนนี้คงคอทองแดงไม่เบาเลยทีเดียว เบอร์เบิ้นแก้วที่สอง..

  

“ฮ่ะๆๆ นิดหน่อยนะคะ” เธอตอบแบบเขินๆอายๆ

    “ฮ่ะๆๆ คับผม ปกติผมไม่ใช่คนดื่ม ถ้าไม่ได้มีเรื่องกลุ้มใจให้เหนื่อยจริงๆ” น้ำเสียงดูเบาแผ่วๆลงในตอนท้าย ไม่รู้ว่าเป้นเพราะประหม่าท่เพิ่งอุทานเป็นเชิงว่าเธอดื่มเยอะ หรือเพราะจะสื่อว่าตนมีเรื่องไม่สบายใจจริงๆ

    “ถ้าไม่รังเกียจ อยากเล่าไหมล่ะค่ะ ฉันเองก็ไม่น่าชวนคุยเรื่องเครียดๆเลย ไม่แน่ฉันอาจเป็นผู้รับฟังที่ดี และช่วยให้คำแนะนำได้บ้าง ไม่มากก็น้อย”เธอกลับมาสู่อารมณ์อ่อนหวานอีกครั้ง

      “คุณยังไม่รังเกียจให้ผมนั่งคุยเป็นเพื่อน ผมจะรังเกียจคุณได้อย่างไรกันครับ ฮ่าๆๆ แต่เราเองยังไม่รู้จักชื่อกันเลย ผมชื่อวิพัฒน์ครับ ยินดีที่ได้รู้จัก”

      “รินดาค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันนะคะ..” ทั้งสองแนะนำตัว การสนทนาราบรื่น และดูเหมือนว่าจะเป้นไปด้วยดี

      “ตึ่งตึ้ง!!” เสียงที่สามดังขึ้นอีกแล้ว ทว่าไม่ใช่จากบุคคลใด หญิงสาวใช้มือเรียวน้อยหยิบโทรศัพท์มือถืออกมาจากกระเป๋ากระโปร่งซึ่งยาวประหัวเข่า กดปลดล๊อค และดูหน้าจอด้วยแววตาที่แปรเปลี่ยนไปเพียงนิด ไม่นานก็นำมันเก็บกลับเข้ากระเปาเช่นเดิม ขยับพับแขนเสื้อเชิตสี่สมพู ก่อนจะเริ่มการพูดคุยที่ติดขัดไปต่อ

       “เรื่องงานนิดหน่อยนะค่ะ น่าเบื่อนิดๆ มาฟังเรื่องของคุณดีกว่า”

       “ฮ่ะๆๆ ครับผม จะว่าอย่างไรดีล่ะ” เขาดูเขินอายเล็กน้อย

       “พูดมาเถอะค่ะ ฉันยินดีรับฟัง แต่ถ้าลำบากใจก็ไม่เป็นไรนะคะ”

      “ครับ.. เอ่อ..”วิพัฒน์ยังคงอ้ำอึ้งอยู่ แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจพูดไป

      “คุณรินดา.. เคยมีความรักบ้างไหมครับ ผมหมายถึงความรักแบบคู่รักหนุ่มสาว”

     “แหม่ ถามแบบนี้ ฮ่าๆๆ ล้อเล่นนะค่ะ ชั้นเคยผิดหวังกับมันมาก่อน หลังจากครั้งนั้น ก็ไม่ได้มีสิ่งใหม่เข้ามาอีกเลย แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าขาดหายอะไรไปหลอกนะค่ะ ฉันมีความสุขกับสิ่งที่ทำอยู่ในแต่ละวัน ฉันมีโลกของฉันเอง..” วิพัฒน์ยิ้มตอบด้วยความสดใส เขารู้สึกดีที่ได้พูดคุยกับเธอจริงๆ

     “ผมเองก็เพิ่งจะผิดหวังกับสิ่งๆนั้นมาเหมือนกันครับ น่าเสียดาย ที่เวลา..ไม่ได้เป้นเครื่องพิสูจน์เหมือนกับที่หลายๆคนเคยว่า ไว้ มันเป็นเพียงแค่ความเจือจาง สุดท้ายแล้วเธอก็พบเจอกับสิ่งใหม่ๆ สิ่งที่เธอคิดว่าจะสร้างโลกที่สมบูรณ์แบบให้กับเธอ มากกว่าโลกใบเก่า ที่สึกกร่อนไปตามกาลเวลา..” หญิงสาวตั้งใจฟังที่คู่สนทนาพูด และเมื่อชายหนุ่มพูดจบ เธอก็เริ่มจิบเครื่องดื่นจากแก้วใหม่บางๆ พอให้คลุกเคล้าไปกับอารมณ์ในการเจรจา

       “ผมควรจะทำอย่างไรดี ผมไม่พร้อมที่จะทำลายจุดยืนของตนบนโลกใบเดิม แต่ตอนนี้ผมเองก็กลายเป็นเพียงอุกกาบาตที่กดดันเธอ ผมไม่ได้เป็นดาวที่ส่องแสงเช่นเดิมแล้ว ในมุมมองของเธอ..” เขาตัดพ้อ และเริ่มจิบเบียร์ในแก้วเช่นกัน ก่อนที่จะเอ่ยตอบคำถาม รินดาเหลือบมองที่แก้วนั้น โฮการ์เดน.. เบียร์เหลือประมาณสามในสี่ของแก้ว เขาคงไม่ใช่นักดื่มจริงๆนั่นแหละ

        “อยากลองชิมดูไหมค่ะ” เธอกลับพูดไปเรื่องอื่น พร้อมกับยื่นแก้วของเธอให้

       “ได้ครับ แต่จะดีหรือ”

      “ไม่เป็นไรหลอกค่ะ ฉันไม่ถือ” เธอกล่าวด้วยร้อยยิ้ม มันเหมือนว่าช่วยปลอบประโลมความรู้สึกต่างๆได้ดีเลยทีเดียว วิพัฒน์หยิบแก้วนั้นมาจิบ สีหน้าแสดงความรู้สึกรับรสชาติที่ไม่ถูกลิ้นนิดหน่อย หญิงสาวอมยิ้ม แล้วยื่นน้ำผลไม้ในขวดให้อีก

       “บางครั้งฉันก็เป็นเหมือนกัน แต่ฉันชอบรสชาติขมๆ ที่ตัดกับความหวานนะ” เธอคงหมายถึงเหล้าในแก้ว กับน้ำผลไม้

      “ขอบคุณครับ แต่ไม่ดีกว่า ผมไม่ค่อยชอบของหวานเท่าไหร่” เขากล่าว

      “ตรู้ดด!!” เสียงดังขึ้นอีกแล้ว แม้จะค้ลาย แต่ไม่ใช่แบบเดิม คราวนี้กลับเป็นชายหนุ่มบ้างที่มีมือถืออยู่ในมือ เขาหันหลัน แล้วกดรับสาย พร้อมกับคุยเสียงแผ่วเบา ราวกับเกรงใจคู่สนทนาที่เสียมารยาทรับสายขัดจังหวะการคุย

        “ครับนาย”นั่นคือคำพูดทักทายคนในสาย เขาคงจะคุยกับผู้ทีเป็นหัวหน้างาน หรือไม่ก็คนที่มีตำแหน่งสูงกว่าเขาเป็นแน่ แต่นั่นไม่สำคัญสำหรับรินดา ‘โอกาสมาแล้ว เหยื่อหันหลัง เด็กคุมร้านอยู่ด้านหลังร้าน ในร้านไม่มีลูกค้าคนอื่นอยู่ งานง่ายจริงๆ’ หญิงสาวคิดในใจ พรางเอื้อมมือล้วงเข้าไปในกระเป๋าถือแบบของสตรี ไม่มีร่องรอยยิ้มหวานเดิมเหลืออยู่แล้ว แววตาเธอดูเย็นยะเยือกราวไร้ความรู้สึกของมนุษย์

       “วันนี้ผมไม่ได้เข้าไปที่โรงพักครับ” ชะงัก!!เธอละมือออกจากของในกระเป๋าที่กำลังจะหยิบอกมาทันที ตำรวจเหรอ!! ชายคนนี้เป็นตำรวจ ทำไมข้อมูลถึงไม่บอก โดยปกติเธอจะรับงานผ่านการส่งข้อความระบุเป้าหมายทางโซเชียล โดยรับจากพ่อค้าคนกลางมาอีกหลายๆต่อหลายๆคน หนึ่งงานต่อโทรศัพท์ และซิมการ์ดหนึ่งเครื่อง เธอไม่เคยถูกจับได้ รินดาไม่ใช่นักฆ่าธรรมดา นอกจากความแนบเนียนหาตัวจับยากแล้ว งานที่เธอทำสำเร็จร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ครั้งนี้ดูเหมือนจะยาก

      “ครับผม ครับ สวัสดีครับนาย” เขากดวางสาย แล้วถอนหายใจ รินดาไม่สามารถเดาอารมณ์ของชายตรงหน้าได้ แต่กำลังพยายามข่มอารมณ์ความรู้สึกสับสนของตนเอง โดยปกติเธอจะรู้แค่สถานที่ และจำนวนเงินค่าจ้างในตอนแรก ส่วนเป้าหมายที่จะจัดการนั้น นายจ้างมีหน้าที่หลอกให้มาตามสถานที่ต่างๆที่เตรียมการไว้กับนักฆ่า หรืออาจรู้อยู่แล้วว่าเหยื่อต้องไปตามสถานที่นั้นๆจึงนัดให้นักฆ่าไปรอ รินดาจะไม่รู้ตัวผู้ว่าจ้างเลย และจะรู้ว่าเหยื่อคือใครเมื่อจะลงมือแล้ว จากการส่งข้อความทางโลกเน็ตเวิร์คซึ่งไม่ได้ยินเสียง ไม่พบเจอหน้ารหว่างสองฝ่าย ทั้งนี้ระบบเถื่อนเริ่มเปลี่ยนแปลงมาใช้วิธีเช่นนี้ เพราะต้องการตัดปัญหาการที่เหยื่อนั้นต่อรองกับนักฆ่า โดยให้ค่าจ้างที่มากกว่า เพื่อให้นักฆ่าย้อนกลับไปฆ่าผู้จ้างวานของตนเองเอง และยังตัดปัญหาด้านการสืบสวนสอบสวนสาวไส้ไปถึงตัวการของตำรวจได้อีกด้วย

         แต่หากเหยื่อเป็นตำรวจ หรือผู้มีอิทธิพล ซึ่งจะก่อให้เกิดความยุ่งยากในการจัดการ ค่าจ้างที่รับมาตอนแรกนั้น มันจะต้องมากกว่านี้โดยหลักแล้ว และต้องบอกอาชีพ และปัจจัยเสริมต่างๆมาด้วยก่อนเริ่มงาน เช่น เป้าหมายเป็นตำรวจมีปืนพกติดตัว หรือเป้าหมายอาจมีคนคุ้มกันเป็นบอดีการ์ดเพราะเป็นนักการเมือง เป็นต้น รูปของเหยื่อที่ถูกส่งมาตอนแรกเป็นชายคนนี้ไม่ผิดแน่ แล้วด้วยความบังเอิญมันยังเปิดโอกาสให้เธอฆ่าเสียง่ายๆ  ไม่น่าเกิดปัญหาเช่นนี้ขึ้นเลย

       “ยังไม่ทันไรก็มีข่าวร้ายอีกแล้ว” เขารำพึง

       “มีอะไรหรือค่ะ อ๊ะ!! ขอโทษค่ะ ฉันยุ่งกับเรื่องของคุณมากไปหรือเปล่า” เธอพูด ตอนนี้เริ่มสงบสติอารมณ์ได้ตามเดิมแล้ว

        “ไม่หลอกครับ ดีที่มีคุณอยู่ เพราะผมเองก็ไม่รู้จะไปคุยกับใคร” เขาพูดเป็นการระบาย และยกเบียร์ขึ้นจิบอีก

        “ไม่ใช่กับเธอที่ผมทุ่มเทให้แล้วไร้ความหมาย แต่เด็กกำพร้าบ้านนอกอย่างผมก็พยายามมาโดยตลอด สอบเข้าโรงเรียนนายร้อยตำรวจ เรียนจนจบ ตั้งใจทำงาน เพื่อจะให้ทางบ้านของเธอ ซึ่งเป็นคนที่มีฐานะดีเห็นถึงความมุ่งมั่น และมีหน้าที่การงานที่มั่นคงจนสามารถจะดูแลเธอได้ หากเราแต่งงานกัน..” พูดยังไม่ทันจบ ก้จิบเบียร์อีก

        “จนล่าสุดมีคดีฆาตกรรมใหม่มา เมื่อสองสัปดาห์ก่อน คดีที่หลายๆคนกุมขมับ ไม่สามารถไขได้ แต่ผมก็ใช้เวลาแค่สองสัปดาห์ในการคลี่คลายสืบสวน จนในที่สุดก็รู้ ถึงตัวการของคดี โลกมันเล่นตลกกับเราสิ้นดี คนที่จ้างวานมือปืนให้ยิงนักการเมืองท้องถิ่นผู้ตายคนนั้น ก็คือพ่อแท้ๆของผู้หญิงซึ่งผมรักนั่นเอง สุดท้ายแล้วผมพยายามแยกเรื่องงานออกจากเรื่องส่วนตัว และทำการสืบสวนต่อไปโดยไม่สนใจอะไร พ่อของเธอเริ่มไหวตัว เมื่อครู่ผู้การโทรมาหาผม แล้วบอกว่าจะย้ายคดีนี้ไปให้คนอื่นสืบแทน..” เขาดื่มเบียร์อีกแล้ว คราวนี้ดื่ม ดื่มจนหมด และทำท่าจะสั่งต่อ กับพนักงานที่เพิ่งเดินออกมาจากหลังร้าน

          “ไปหาร้านอื่นนั่งคุยกันต่อดีไหมค่ะ ดูเหมือนว่าร้านนี้ใกล้จะถึงเวลาปิดแล้ว..” เธอเชื้อชวน ความจริงแค่เพียงถ่วงเวลา โดยปกติ หลักจากได้รับข้อความแล้ว เธอควรจะสังหารเหยื่อให้เรียบร้อย ภายในเวลาไม่เกิน 10 นาที แล้วส่งข้อความกลับไปว่า’งานสำเร็จ’จากนั้นผู้จ้างจะโอนเงินอีกครึ่งหนึ่งให้ แต่คราวนี้แตกต่างไป เธอจะรอจนเลย 20 นาที หากไอ้ผู้จ้างวานตัวดียังไม่ส่งข้อมูลของเป้าหมาย หรือยังไม่เพิ่มจำนวนเงินค่าจ้างให้ เธอจะล้มเลิกงานนี้เสีย และตำรวจวิพัฒน์คนนี้ ก็จะกลายเป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง ที่ธอเคยเดินผ่าน เหมือนคนทั่วๆไปตามท้องถนน 21.50 น. เริ่มนับเวลา..

              “แปลกดีนะคับ” ชายร่างสมส่วนในชุดกางเกงยีนขายาวกับเสื้อนอกสวมทับกล่าว เขาเดินอยู่เคียงกับหญิงสาวรูปร่างหน้าตาดีอยู่บนฟุตบาต เธอใส่กระโปร่งสีดำ กบเสื้อเชิตสีชมพู มีกระเป๋าถือแบบสตรีอยู่ในมือขวา

            “แปลก.. ทำไมหรือค่ะ” เธอถามด้วยความสงสัย

           “เราเพิ่งรู้จักกัน แต่ผมกลับรู้สึกไว้ใจคุณจังเลย” เขากล่าว

          “ฮ่ะๆๆ” เธอหัวเราะกลบเกลื่อน ในใจตอนนี้กลับไม่รู้สึกไว้ใจอะไรผู้ขายตรงหน้าเลย เธอทำงานมาเยอะ ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี ไม่ใช่แค่นักฆ่ากระจอกๆ เธอจะหลีกไหวตัวทันทีเมื่อจำเป็น 21.58 น. นาฬิกาบนข้อมือโชว์เวลา

         “ให้ผมช่วยถือกระเป๋าให้ไหมครับ” เขาถามด้วยความเป็นสุภาพบุรุษ        

          “ไม่เป็นไรหลอกค่ะ มันไม่หนักมาก ฉันถือได้” เธอตอบ จะให้เหยื่อที่ตัวเองจะฆ่า ถือกระเป่าที่ข้างในมืออปกรณ์ในการฆ่ามันเองได้อย่างไรกันล่ะ

         “ถึงว่า คุณถึงทนฟังฉันได้ตั้งนาน ที่แท้คุณเป็นตำรวจนี่เอง” เธอเปลี่ยนเรื่องคุย ให้พ้นๆไปจากเรื่องกระเป๋าถือของเธอ

         “อ่อ ครับ ฮ่าๆๆ ไอ้เรื่องพวกนี้ผมก็เห็นบ้างบางคดี แต่เราเองก็มีวิธีจัดการอยู่เหมือนกัน”

        “วิธีการ..” เธอเผลอหลุดปากพูด มันคงเปนเพราะทั้งสองอาชีพของเธอ ทำให้เธอสนใจสิ่งที่ตำรวจวิพัฒน์พูด เธอเป็นนักเขียนจริงๆ เธอมักจะเขียนเรื่องเกี่ยวกับสิ่งที่เธอพบเจอจริงๆ ในการทำงานอีกงานหนึ่ง งานนักฆ่า... ทำให้เรื่องของเธอดุสมจริง และเป็นที่นิยมมาก แต่เธอก็เป็นได้แค่เป้นนักเขียนอิสระ เพราะหากเปิดเผยตัวต่อสาธารณะ เรื่องที่เธอเขียน มันอาจสาวมาถึงคดีที่เธอเคยก่อได้ ใช่แล้ว.. เธอทำงานนักฆ่ามาก่อนงานนักเขียน

          “ครับผม เราเองก็พัฒนา เมื่อก่อนเรามักจะสืบจากตัวการเล็กๆ ไปหาตัวการใหญ่ๆ เช่นจากมือปืน ไปสู่พ่อค้าคนกลาง หรือจากพ่อค้าคนกลาง ไปสู่ผู้จ่ายวานและจ่ายเงิน แต่ปัจจุบันมีมืปืนที่เก่งๆหลายคน สร้างปัญหามากมายจากการรับงานและฆ่าบุคคลสำคัญ เราจึงต้องปราบโดยการสืบจากตัวใหญ่ๆลงไปหาตัวเล็กๆบ้าง เพราะหนึ่งคือพวกตัวเล็กๆมันหนีเร็ว และมันไม่รู้ว่าตัวใหญ่ๆตัวไหนที่เป็นคนจ้าง มันหลายทอดเกินไป แต่ก็อย่างว่า วิธีนี้ใช้เฉพาะกับพวกเล็กพริกขี้หนูเท่านั้นล่ะครับ”ตำรวจหนุ่มร่ายยาว แต่เขาดูใจเย็น อธิบายหลายๆอย่างเป้นขั้นตอน จนผู้ร้ายจำแลงข้างๆกายเข้าใจทุกอย่างแจ่มแจ้ง

          “หืมม นับเป็นข้อมูลในการเขียนนิยายใหม่นะเนี่ย ฮ่ะๆๆ ขอบคุณนะค่ะ” เธอยิ้ม ยิ้มอีกแล้ว รอยยิ้มราวกับจะทำให้ชายทุกคนที่มาเห็นต้องใจอ่อนใจไหวไปตามกัน

          “ยินดีครับผม” วิพัฒน์กล่าวรับอย่างนอบน้อมตามมารยาทก่อน และกล่าวถามกลับต่อ

         “มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ คุณดูแลมามาสามรอบแล้ว” หญิงสาวละสายตาอกจากนาฬิกาทันที 22.05 น. คือเวลาที่เธอเห็น เหลืออีกแค่ห้านาทีเท่านั้น

          “อ๋อ ป่าวหลอกค่ะ แค่กังวลเวลากลับ นี่ก็มืดมากแล้ว” เธอตอบ

         “คุณรินดา เคยโกหกใครบ้างไหมครับ..”ชายหนุ่มเอ่ยถาม

        “เคยสิค่ะ เราต่างต้องเคยโกหก เราต่างต้องเคยทำผิด” เธอตอบ พยายามทำตัวเองให้เป็นธรรมชาติ เริ่มรู้สึกทะแม่งๆกับสิ่งที่นายวิพัฒน์พูด

        “ผมเคยสอบสวนผู้ต้องหามาก่อน ผมมักได้รับคำชมจากผู้ใหญ่บ่อยๆ ว่ามีความสามารถจับโกหกคนเก่ง..” เขาพูด แม้เนื้อหาจะดุจริงจัง แต่ใบหน้ายังมีรอยยิ้มใส

          “และตั้งแต่คุยกันมา ผมคิดว่าอย่างน้อยคุณต้องโกหกผมหนึ่งเรื่อง..” เขาใช้แววตาที่แฝงประสบการณ์นั้นมองผ่าสนมายังดวงหน้าของสุภาพสตรีข้างๆกาย

         “ถ้าอย่างนั้นก็ลองทายดูสิค่ะ ว่าฉันโกหกกี่เรื่อง เรื่องอะไรบ้าง” เธอยิ้ม และใช้น้ำเสียงหวานพูดเชิงทีเล่นทีจริงท้าทาย

         “มีแค่เรื่องเดียวคับ คือคุณกังวลเรื่องเวลาจริง แต่นั่นไม่ใช่เพราะคุณต้องรีบกลับบ้านหรือที่พัก” เขาตอบ และมันเป็นคำตอบที่ถูกต้อง หญิงสาวรู้สึกชื่นชมเขาในใจ อย่างไรก็ตามเธอเหลือบเผลอดูเวลาอีกแล้ว เมื่อชายหนุ่มทัก 22.12 น. เลยเวลาแล้ว ผู้ว่าจ้างครั้งนี้คงไม่มีเรื่องอะไรจะแก้ตัว เธอไม่จำเป้นต้องทำงานให้ผู้ว่าจ้างห่วยๆรายนี้ต่อไป

           “ถูกด้วย เก่งจัง คุณลองทายอีกครั้งสิค่ะ ว่าจริงๆแล้วฉันกังวลเรื่องเวลาเพราะอะไร”    

         “ผมอาจไม่รู้ขนาดนั้น แต่ผมอาจลองเดาได้ หากตานี้ คุณรินดาจะเป็นฝ่ายลองทายดูก่อนบ้าง ว่าผมโกหกคุณกี่เรื่อง และเรื่องอะไรบ้างครับ” วิพัฒน์ยิ้มอย่างอ่อนโยน รินดาจ้องมองรอยยิ้มของเขาอย่างประหลาดใจ

        “งานของฉันคือการแต่งเติมเรื่องราว หรือกล่าวง่ายๆก็คือการโกหก และนั่นคือสิ่งที่ฉันถนัด ส่วนเรื่องการจับโกหก ฉันไม่ถนัดหลอกค่ะ” เธอตอบด้วยเสียงละมุน ทั้งคู่ยังคงเดินไปตามทาง สองข้างทานร้างผู้คน ตามแบบฉบับของย่านชานเมือง  

      “ก็แค่ลองทายเองครับผม ผมเองก็จะลองทายเหมือนกัน ว่าคุณกังวลเรื่องเวลาทำไม”วิพัฒน์ยังคงเซ้าซี้ จนในที่สุดสาวเจ้าก็ตอบ

           “ฉันเดาว่า คุณไม่ได้โกหกอะไรฉันเลยค่ะ” เธอยิ้มอีกแล้ว

            “ผมจะยังไม่เฉลยนะคับ รอผมเดาเรื่องของคุณก่อน แล้วเราค่อยเฉลยพร้อมกัน” เขาก็ยิ้มเช่นกัน

            “แล้วคุณคิดว่าอย่างไรค่ะ ” เธอหยุดเดิน ทำให้ตำรวจหนุ่มต้องหยุดด้วยเช่นกัน

            “เอ.. ผมคดว่า.. “ ทำท่าคิด หญิงงามมอง แล้วเอียงศรีษะเบาๆ เป็นเชิงบอกว่ารอคำตอบอยู่

        “คุณรินดาต้องเป็นซินเดอเรลล่าแน่เลยครับ ฮ่าๆๆ”

              “ฮ่าๆๆ ฉันไม่ได้ใส่รองเท่าแก้วหลอกนะค่ะ” พูดพลางชายตามองรองเท้าแฟชั่นแบบสตรีทั่วๆไปดู

              “คุณอาจทิ้งสิ่งที่มีคุณค่ามากกว่านั้นไว้ให้ผมเที่ยวตามหาคุณในวันรุ่งขึ้น” เขาขยับตัวเข้ามาใกล้หญิงสาว เธอใจเต้นเล็กน้อย เต้นโดยที่มิได้รู้สาเหตุเลย

               “ผมไม่ต้องการจะรู้ว่าคุณรีบร้อนทำไมหลอกครับ.. แต่ผมจะเฉลยให้ฟังถึงสิ่งที่ผมโกหก” นั่นแสดงว่าเธอเดาผิด เขาโกหก ไม่พูดจริงทั้งหมด

               “แล้ว.. อะไรค่ะ”

         “ผมโกหกคุณเรื่องคนรักของผมครับ ความจริงผมยังไม่ได้มีคนรักครับ” เขาตอบ หยับตัวเข้ามาใกล้เธออีก ใกล้มากกว่าเดิม จนห่างกันแค่ช่วงแขน

               “เพื่ออะไรค่ะ” น้ำเสียงของเธอแฝงไปด้วยความไม่พอใจนิดๆ และเป็นครั้งที่สอง ใจเต้นแปลกๆ แต่เธอมิใช่คนที่จะถอยหนี เพียงเบือนสายตานิดๆมาจากเขา มองต่ำลงที่พื้น

                “ลองเดาดูสิครับ” เขาขยับเข้ามาอีกแล้ว คราวนี้ใกล้มาก ใก้ล้จนสัมผัสได้ถึงกลิ่นกาย และลมหายใจ ลมหายใจของเธอที่แทบจะไม่เป็นจังหวะ เพราะหัวมจที่ทำหน้าที่สัมพันธ์กันยิ่งเต้นเร็วขึ้นไปอีก เธอทำอะไรไม่ถูกจริงๆ

                 “พอแล้วค่ะ ฉันไม่อยากเล่นเกมทายใจกับคุณแล้ว” เธอใช้มือผลักไปข้างหน้าบริเวณอกของเขา  แต่ก่อนที่จะดันตัวชายหนุ่มออกไปได้ เขากลับใช้แขนเข้าสวมกอดเธอทันที!!

           “นี่!! คุณจะทำอะไร!!”อุทานออกมาอย่างตกใจ และพยายามดิ้นฝืน

                    “ขอโทษครับ ผมแค่ไม่อยากให้คุณจากไป ผมไม่ใช่เจ้าชาย ผมไม่มีอำนาจจะเสาะหาใครได้โดยง่าย โดยเฉพาะผู้หญิงที่ทั้งสวยงามและแสนจะลึกลับเช่นคุณ”  น้ำเสียงนั้น เมื่อผู้ที่สวมกอดพูด มันดังแผ่วข้างหูอย่างละมุน แม้กอดนั้นจะแน่นหนา แต่เมื่อแรงดิ้นของเธอยิ่งน้อยลง กอดนั้นก็ยิ่งคลาย และเป็นความอบอุ่นใจที่เพิ่มมากขึ้น

                    “ตลอดเวลาที่พูดคุยกันมา ผมเหมือนสัมผัสได้ตลอด ว่าจะมีสิ่งหนึ่งทำให้คุณต้องห่างหายไป ทั้งๆที่เราเพิ่งร็จักกัน ผม.. ผมไม่รู้.. แต่ผมว่าผม..” ก่อนที่เขาจะพูดจบ หญิงสาวใช้มือที่เคยปัดป้องกันตัว และดิ้นจากอ้อมกอดมาสัมผัสที่ริมฝีปากของชายหนุ่ม เป็นเชิงบอกให้หยุดพูด อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เธอหยุดการขัดขืนป้องกันตัวโดยสิ้นเชิง

                      “เราอาจยังติดต่อกันได้ โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องตามหาฉันจากรองเท้าแก้ว” เธอกล่าว

                      “อย่างไรหรือครับ ผมยินดีจะทำทุกทาง”

                      “ทั้งหมดอยู่ที่หัวใจของคุณเอง” เธอพูด ใช้มือสัมผัสไปที่หน้าอกของชายหนุ่ม บรรยากาศช่างดูหวานซึ้ง แสงไฟสี่ส้มจากหลอดไฟสูงบริเวณถนนยามราตรีช่างเป็นใจ มันสะท้อนเงาของคนสองคนที่แนบติดชิดกัน เงาหนึ่งค่อยๆเลื่อนมาใกล้ อีกเงาหนึ่งไม่ถอยหนี จุมพิตกำลังจะปรากฏ ราวกับดอกไม้ราตรีที่แย้มเมื่อต้องแสงจันทร์ แต่ทันใดนั้น!!

                        “เอ๊ะ!!” เธฮสัมผัสได้ถึงวัตถุประหลาด แต่เธอกับรู้สึกคุ้นเคยกับรูปทรงของมัน โลหะเย็นแผ่ผ่านความยะเยือกออกจากเสื้อนอก มันอยู่ที่บริเวณอกของของ ทันใดนั้น ร้างของชายหนุ่มพลันเกร็งกระตุกอย่างประหลาด แต่ด้วยประสบการณ์ที่เคยผ่านมา เธอไหวตัวทัน ดันสุดแรง!!

               “อึก!!” ลำคอของชายหนุ่มคือบริเวณที่เธอใช้ฝ่ามือน้อยนั้นผลักส่งแรง วิพัฒน์เซถลาถอยหลังด้วยความเจ็บปวด เธอเข้าใจจุดตายต่างๆในร่างกายมนุษย์ จุดที่จะสามารถเล่นงานได้ โดยใช้แรงเพียงน้อยของผู้หญิง เธฮเอื้อมือเข้าไปในกระเป๋ษถืออย่างรวดเร็ว ปรากฏปืน beretta bobcat .22 สีเงินเทาแทบทั้งกระบอกในมือของเธอ มีเพียงด้ามจับ และกระบอกเก็บเสียงเท่านั้น ที่เป็นสีดำสนิท

              “ฟึก ฟึก!!” กระสุนถูกลั่น โดนกลางอกของชายหนุ่ม ที่ล้มลงกองกับพื้น แต่ยังไม่แค่นั้น เธอเป็นมืออาชีพ และมืออาชีพ ต้องแน่ใจว่างานเรียบร้อย เล็ง และเตรียมยิงซ้ำที่หัว!!

              “ปั่ง ปั่ง ปั่ง!! โอ๊ยย!!” ชายหนุ่มยันตัวขึ้นทันที ในมือมีปืนพกขนาด 9 มม. เช่นเดียวกันปรากฏอยู่ glock 26 คราวนี้เป็นฝ่ายรินดาที่ล้มลง แต่ชายหนุ่มกลับยืนขึ้นได้สบายๆ  ปืน.22 กระเด็นไปตกปนพื้น เช่นเดียวกับเลือดที่มือ แขน และหัวเข่าของร่างบอบบางที่หยดลงบนพื้นเช่นกัน

                    “ขอโทษนะซินเดอเลล่า” ชายหนุ่มกล่าว

                     “ความจริงผมอยากจะคุยกับคุณให้นานกว่านี้..” หญิงสาวงงกับเหตุการณ์ไปหมด ปืนที่จ่ออยู่นั้น ทำให้เธอไม่กล้าขยับเขยื้อน หรือเล่นลูกไม้ตุกติกใดๆ ทำได้เพียงมองปืนสั้นคู่กาย ถูกเตะให้กระเด็นไปไกลตัวกว่าเดิมเท่านั้น

                      “หากคุณทำแค่อาชีพนักเขียนเพียงอย่างเดียวก็คงจะดีไม่น้อยนะครับ ผมตามอ่านเรื่องของคุณมาโดยตลอด ไม่คิดเลยว่าจะเป็นคุณ..” เขารำพึง

                       “และหากคุณพกรองเทาแก้ว แทนปืนนี่ ผมก็คงจะตามหาคุณไปทุกหนทุกแห่งในฐานะเจ้าหญิง ไม่ใช้ผู้ร้ายรายสำคัญที่พวกผมต้องวางแผนมานาน กว่าจะตามตัวแล้วจับได้ หนึ่งในผู้จ้างวานของคุณ มันถูกจับตั้งแต่เดือนก่อนแล้ว เราขยายผลมาตามจับคุณต่อ ใช้แผนซ้อนแผน ต้องลองคุยเพื่อให้แน่ใจอยู่นาน เพราะเราไม่มั่นใจว่าจะใช่คุณหรือเปล่า ปืนพกขนาด.22 ยิงที่หัวใจสองนัด และซ้ำที่หัวอีกหนึ่ง ไม่ผิดแน่ รับงานสังหารเหยื่อแต่ละรายในเวลากลางคืนเท่านั้น แต่ไม่เกินเที่ยงคืน เพราะตอนเช้าต้องทำอาชีพอื่น ซึ่งควรจะเป็นอาชีพที่ไม่ต้องพบปะผู้คนมากมาย เพื่อไม่ให้เป็นที่สงสัย ในที่นี้ก็คืออาชีพนักเขียนอิสระ ตรงกับคุณทุกอย่าง..”

                   เขาเอื้อมมือไปในเสื้อนอก และหยิบวัตถุหนึ่งออกมา ปืน s&w .38 สีเงิน ปรากฏร่องรอยเป็นรูลึกสองรู โยนปืนนั้นลงพื้นอย่างไร้ค่า ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงขึ้นมากดโทรออก ทั้งนี้ 9มม.ในอีกมอ ยังคงจ่อเล็งไปทางเป้าหมายตลอดเวลา

                        “ออกมาจากไอ้ร้านเหล้าป่าช้านั่นได้แล้ว ให้กูเสี่ยงคนเดียวเลยนะมิง จ่ายค่าปืนใหม่ให้กูด้วย กระบอกนี้ไม่ใช่ถูกๆนะ บอกหน้าตาเฉยให้กูใช้แทนเสื้อเกาะ กูก็บ้าเชื่อตามมิง แจ้งผู้การด้วย จับกุมคนร้ายคดีนักฆ่าซินเดอเลล่าได้แล้ว ทั้งหมดเป็นไปตามแผนสมบูรณ์ แต่กูนี่เกือบตาย คราวหน้ามิงไม่ได้เล่นเป็นแค่บทเด็กเสิร์ฟแน่ ลองมาเสี่ยงแบบกูมั่งเลย และต้องเลี้ยงเหล้ากูจริงๆแล้วนะ ไอ้เพื่อนเวร!!"เขากดวางโทรศัพท์มือถือ ก่อนจะหันมาพูดกับเธออีกครั้ง

                     "อีกสักพักเพื่อนผมจะมา บาดแผลไม่โดนจุดสำคัญ แต่เราจะพาคุณไปโรงพยาบาลก่อน แล้วค่อยสอบสวนคุณ ผมจะไม่ใส่กุญแจมือคุณ เพราะว่าคุณบาดเจ็บอยู่ แต่กรุณาให้ความร่วมมือด้วยนะครับ คุณมีสิทธิที่จะให้การ หรือไม่ให้การก็ได้ คุณมีสิทธิที่จะติดต่อ.."ยังไม่ทันพูดจบ หญิงงามก็พูดแทรกขึ้น แม้จะอยู่ในอาการบาดเจ็บ และมีใบหน้าที่ซีดเซียวลง แต่ก็ยังสวยงาม..

                        "ตกลงมีเรื่องไหนบ้างค่ะ.. ที่คุณไม่ได้โกหกฉัน" รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเธออีกครั้ง ยิ้มหวานที่ปรากฏมาโดยตลอด

                          "มีเรื่องเดียวครับ ที่ผมไม่ได้โกหกคุณ.."

                            "อะไรหรือค่ะ.."

                           "เรื่องที่ผมเป็นตำรวจครับ.."

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา