เจ้าสาวจ้าวยุทธภพ

9.0

เขียนโดย api3api

วันที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2557 เวลา 19.51 น.

  18 บท
  3 วิจารณ์
  20.20K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2557 00.44 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

7) เส้นทางชีวิต

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

                   จอมยุทธน้อยยาโถวที่ตอนนี้กำลังประคองเว่ยเส้าเทียนที่พึ่งฟื้นคืนสติ ทั้งสองยืนมองอ๋องซานที่กำลังคุกเข่าต่อหน้าเฉินโจวจอมยุทธแพทย์

 

                  "ท่านเทพกระบี่ เว่ยเส้าเทียนฆ่าเมียข้าตายอย่างเลือดเย็นในงานประลองวูซูที่หนานโจว พี่น้องข้าล้มตายมากมาย ขอความเป็นธรรมให้ข้าด้วย หากข้าไม่ได้ความเป็นธรรมข้าจะคุกเข่าอยู่ตรงนี้จนข้าตาย" อ๋องซานรายงานด้วยน้ำตาแต่เฉินโจวยังเยือกเย็น

 

                   "งานประลองมีกฎ พลาดถึงตายห้ามล้างแค้นเหตุใดถึงมีคนตายมากมาย เจ้าน่าจะรู้อยู่แก่ใจ อ๋องซานเจ้าพาจอมยุทธมาตายมากมายเพียงเพื่อความยุติธรรมที่เจ้าตั้งขึ้น อย่างนี้ถูกต้องแล้วหรือ"

                  เฉินโจวกล่าวด้วยความเยือกเย็นทำให้อ๋องซานไม่พอใจเป็นอย่างมากเขาตะโกนด้วยเสียงอันดัง

                  "ท่านเป็นถึงเทพกระบี่ผู้คนเลื่อมใส เหตุใดถึงช่วยจอมมาร อย่างนี้ยุทธภพจะอยู่อย่างไร ใครจะเป็นจะตายข้าไม่สนวันนี้เว่ยเส้าเทียนต้องตายด้วยมือข้า ท่านอย่ามายุ่งกับเรื่องของข้าแล้วกัน"

               อ๋องซานผู้ผิดหวังหยิบดาบที่ตกอยู่วิ่งเข้าหนายาโถวและเว่ยเส้าเทียนที่เพิ่งฟื้นสติ มันกำลังจะใช้วิชาดาบ แต่ต้องหยุดอยู่แค่นั้นเพราะเฉินโจวมาอยู่ข้างหลังเมื่อไรไม่รู้

 

                ดาบในมือเขาหยุดที่ปลายคอหอยอ๋องซานพอดี เฉินโจวยังทำหน้าเยือกเย็นเช่นเคย อ๋องซานตัวแข็งขยับไม่ได้

                เขาถอนดาบออกมันก็เข่าอ่อนลงกับพื้น

 

                 "ใครตั้งฉายาให้ข้าซะหรูหราว่าเทพกระบี่ ใครกันที่มันเข้าใจว่าข้าจิตใจเมตตาช่วยเหลือสังคม ทั้งหมดนั่นคือสิ่งที่เจ้าเชื่อ อ๋องซานข้าเวทนาเจ้านัก"

 

                 ..................................................................

 

                เว่ยเส้าเทียนมองเฉินโจวด้วยความรู้สึกแปลกประหลาด เขาเหมือนกันกับเรานั่นคือสิ่งที่เว่ยเส้าเทียนกำลังคิด 

               จอมยุทธหนุ่มผละออกจากการประคองของยาโถว แล้วขยับแขนขา

              "(ดีล่ะ ความเจ็บปวดหายไปแล้ว แต่ข้ายังคงใชวิทยายุทธไม่ได้ทันที)"

 

                เฉินโจวเห็นเว่ยเส้าเทียนยืนได้แล้วก็เก็บดาบเข้าฝักแล้วเอามือแตะบ่าชายร่างใหญ่โต

 

                 "ได้ข้าจะให้ความเป็นธรรมกับเจ้า เว่ยเส้าเทียนจะประลองกับเจ้าแบบตัวต่อตัว นี่เป็นโอกาสหนึ่งเดียวของเจ้าแล้ว"

 

                ยาโถวได้ยินก็วิ่งเข้ามาหาหมอเฉินโจว นางกังวลใจอย่างมาก

 

                  "ไม่ได้นะ เขายังไม่ดีขึ้นเลย แบบนี้ข้าว่า..."

 

                ยาโถวพูดไม่ทันจบเว่ยเส้าเทียนก็เดินผ่านหน้านางไป เขายกมือสัญญาณว่าไม่เป็นอะไร

 

 

               อ๋องซาน และเว่ยเส้าเทียนต่างยืนประจันหน้ากลางทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ 

              มันมองเขาด้วยความเคียดแค้น

 

               "เว่ยเส้าเทียนข้ารอเวลานี้มานานแล้ว แม้ข้าต้องตายที่นี่แต่เจ้าต้องตายก่อนข้าแน่นอน"

 

              มันใช้วิชาอันดุดัน แม้เชื่องช้าเพราะตัวใหญ่แต่มันรุนแรงมาเสิมข้อด้อย

              "ย่าห์ หมัดหินผาศิลาพยัคฆ์"

               หมัดอันทรงพลังแหวกอากาศมาด้วยความเร็วและหนักหน่วง  เว่ยเส้าเทียนไม่หลบแม้แต่น้อย และเสียงกระดูกแตกละเอียดก็ดังขึ้น 

 

              "กรุบ กร้อบ อั่ก"

 

            ร่างของทั้งสองล้มลงหายไปในหญ้าสูงยาโถววิ่งเข้ามาด้วยความเป็นห่วง

               "เขาโดนหมัด"

 

             ร่างของทั้งสองแน่นิ่งอยู่บนพื้นหญ้า ยาโถวร้องกรี๊ดลั่น

 

               "ไม่นะ แย่แล้ว"

 

              แล้วอ๋องซานก็ขยับก่อนแต่เป็นเพราะจอมยุทธหนุ่มผลักมันออกจากการทับตัว 

 

 

              อ๋องซานคอหักตาย

 

 

                ยาโถวรู้สึกแปลกใจ เพราะนอกจากอ๋องซานแล้วก็ไม่มีสัญาณของพลังอันหนักหน่วงพอที่จะป่นกระดูกเลย

 

                เฉินโจวยิ้มที่มุมปาก

 

 

                "สิบตำลึงแลกพันชั่ง"

 

        

       เคล็ดวิชา สิบตำลังแลกพันชั่ง

        เป็นการคลื่อนไหวของสรีระให้สัมพันธ์กับการโจมตีของคนร่างใหญ่กว่าให้เสียหลักลงด้วยความเร็วแรงของคู่ต่อสู้ พลังทำลายย้อนกลับจะเป็นสี่เท่า ยิ่งตัวใหญ่ผู้โจมตีเข้ามายิ่งบาดเจ็บสาหัส

 

 

                ยาโถวร้องดีใจกระโดดกอดเขาจนล้มเข้ากอหญ้าไปอีกรอบ

                "ยาโถวข้าหนัก ลุกออกไป"

 

              แปะ แปะ แปะ น้ำตาของสาวน้องหยดลงหน้าจอมยุทธหนุ่ม นางร้องให้ 

 

                "นี่ ข้าไม่ได้รับบาดเจ็บซะหน่อย ร้องทำใม"

 

                 "ข้าเจ็บปวดใจ  ข้าทำให้ท่านต้องตกอยู่ในสภาพนี้  ตอบแทนสิ่งใดท่านก็ไม่เอา ตัวข้าท่านก็ไม่ต้องการ เพราะข้าเป็นหญิงที่โตมาในหอนางโลมอย่างนั้นเหรอ พลังของท่านข้าไม่ต้องการมันแล้ว ตอนนี้ท่านหายดีแล้ว  โปรดจงเอามันกลับไปแล้วโลดแล่นในยุทธภพอีกครั้งเถอะ  ข้าไม่ต้องการเป็นแค่หีบทองที่ท่านใช้เก็บสิ่งของเอาไว้  แล้วหลังจากนั้นท่านช่วยปล่อยให้ข้าไปตามทางของข้าเสีย"

 

                 นางนอนกอดรัดเว่ยเส้าเทียนแล้วร้องให้ทั้งสะอื้นไม่หยุด 

 

                 แต่นางรู้สึกอุ่นเหมือนถูกกอดรัด  เขากอดยาโถว 

 

                  "เมื่อเดือนก่อนเป็นครบรอบวันเกิดของเจ้า เจ้าอายุสิบหกแล้ว  ข้าไม่อาจเล่นหัวเจ้าได้เช่นเคยเพราะเจ้าไม่ใช่เด็กอีกต่อไปข้าอาจรังแกเจ้าได้ เจ้าน่ะรูปโฉมงดงามรู้ตัวใหม

                   ที่ข้าต้องให้เจ้าช่วยดูแล ข้าไม่อาจดูดาย พลังที่ถ่ายทอดไปไม่อาจรับคืนกลับ วิชาข้าและกระบี่จูหลงให้เจ้านำมันติดตัวไว้เพื่อเอาตัวรอดในยุทธภพ เจ้าเป็นอิสระจากข้าแล้ว

                   นับแต่นี้ต่อไปเจ้าจงใช้ชื่อไป่หลิน จงเป็นคนใหม่ที่ไร้มลทิน จงใช้ชีวิตให้ดี ไป่หลิน หลังจากข้าได้บัวหิมะแล้วข้าจะออกตามหาเจ้าเอง"

 

                    ฮือ ฮือ ไป่หลินกอดเขาร้องให้  ร้องจนหมดแรง

 

                  จนเวลาเช้าของวันใหม่นางตื่นแต่เช้าเห็นเว่ยเส้าเทียนกำลังทบทวนวิชาหมัด นางรู้สึกโล่งใจที่เห็นเขาหายเจ็บป่วย ส่วนเฉินโจวจูงม้ามาสามตัว  ม้าของพวกของอ๋องซานที่ไร้เจ้าของเพราะพวกเขาสิ้นชีพแล้ว

 

                 เวลาแปดนาฬิกาได้เวลาแยกกันเดินทางพวกเขาได้ม้าคนละตัวทั้งสามควบม้ามาด้วยกัน

 

                 "ท่านพี่ ข้าจะออกเดินทางไปทางเหนือ ข้าอยากเห็นเขาเทียนซันสักครั้งคงต้องแยกกันตรงนี้"

 

                เว่ยเส้าเทียนมองหน้าทำให้ไป่หลินหลบสายตา

 

                 "ท่านพี่มองหน้าข้าทำใม"

 

                 "เมื่อก่อนเจ้าเอาแต่เรียกข้าว่าสามีเหมือนเด็ก  พอเจ้าเรียกข้าแบบใหม่รู้สึกเหมือนเจ้าจะน่ากอดขึ้นเยอะ"

 

                 ไป่หลินชักม้าแยกออกมานางหันมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม

 

 

                  "วันที่ท่านหาข้าจนพบข้าจะยิ้มให้ท่านสวยๆ และข้าจะน่ารักน่ากอดยิ่งขึ้นกว่านี้ จนท่านทรมานเพราะคิดถึงข้า  รักษาตัวด้วย"

 

                  ย่าห์ ไป่หลินควบม้าจากเว่ยเส้าเทียนไปจนลับตา   เขายังองอยู่เนิ่นนานจนเฉินโจวร้องทัก

 

                 "อีกแค่ปีนางจะเป็นที่ลือเลื่องในความงามแล้วเจ้าจะต้องเสียใจ"

 

                 จอมยุทธหนุ่มได้ยินดังนั้นก็ก้มหน้านิ่ง เฉินโจวแยกตัวออกไปตามทางของเขาจนลับ        

                  เขาเห็นเหยินหลงใต้ซือก็ควบม้ามุ่งมาทางนี้แต่ไกล

 

                 "อ้าว ยุทธกว้างใหญ่แต่ไหงโลกช่างกลมจริงเชียว แล้วยาโถวไปใหนซะแล้ว"

 

                 "ไม่มียาโถวอีกต่อไปแล้ว ต่อจากนี้ข้าจะไปเขาคุนลุ้นเพื่อเก็บบัวหิมะ ท่านจะไปกับข้าใหม"

 

               ฮ่า ฮ่า ฮ่า หลวงจีนแก่หัวเราะร่าจนเขาอดหัวเราะไม่ได้

 

               "ข้านึกว่าอ๋องซานสับเจ้าเป็นหมื่นชิ้นแล้ว ที่แท้ยังเล่นตลกเก่งเหมือนเดิม"

 

              เหยินหลงใต้ซือแบมือกระดิกดุ๊กดิ๊กจอมยุทธหนุ่มแกล้งโง่

 

                "ไม่ต้องมาตีลูกเซ่อค่าจ้างที่ข้าช่วยเจ้ายังไม่จ่ายข้าเลย เอามันออกมา ข้ามาก็เพื่อสิ่งนี้ เดี๋ยวเจ้าตายซะก่อน"

 

                ย่าห์ เว่ยเส้าเทียนควบม้าหนีด้วยความเร็ว

 

                "ฮ่า ฮ่า เจ้าพระทุศีล ตามมาเอาเซ่"

 

                 "หนอยคิดว่าข้ากลัวงั้นรึ"

 

          ทั้งสองควบม้าแข่งกัน  เว่ยเส้าเทียนควบม้าด้วยความโล่งใจไม่มีอาการบาดเจ็บหลงเหลือแล้วทีนี้เป้าหมายใหญ่ของเขาตั้งไว้ในใจอย่างแน่วแน่ สายตามุ่งมั่น

 

                   "รอข้าก่อนนะจื่อเสีย"

 

จอมยุทธหนุ่มคิดสิ่งคนที่อยู่ในใจของเขามาโดยตลอด บนหลังม้า เขานึกถึงวันที่เขาสูญเสียวรยุทธวันนั้น

 :::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::

 

                 

 

 

 

 

 

 

 

            

 

               

 

          

                  

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา