ซะขนาดนี้หรือจะลืมลง

9.9

เขียนโดย มังกุมภ์

วันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 เวลา 15.05 น.

  48 ตอน
  40 วิจารณ์
  44.52K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 10 เมษายน พ.ศ. 2558 16.39 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

22) วิ่งมาราธอน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

                                         ช่วงเหตุการณ์ ป.6

          

          ทุกเย็นวันศุกร์ ปกติ จะเป็นวันที่ผมมีความสุขอย่างเหลือล้น แบบว่าแฮปปี้ฝุดๆ เพราะว่าเสาร์อาทิตย์สองวันรออยู่ตรงหน้า แต่ศุกร์นี้ผมไม่ค่อยลั้นลาเท่าไหร่
        เหตุที่ผมไม่ค่อยลั้นลาก็เพราะวันเสาร์ผมต้องไปร่วมกิจกรรมที่ทางโรงเรียนมีส่วนร่วมจัด นั่นก็คือ วิ่งมาราธอน  ซึ่งเริ่มกันแต่เช้าตรู่
        ตอนแรกกะไว้ว่าไม่ไปดีกว่า แต่ครูท่านบอกว่า ใครไม่ไป "โดน" บอกมาสั้นๆว่าโดน แต่พวกเราก็คิดกันยาววว ถึงขนาดมีการถอดรหัสกันว่า ไอ้ 'โดน' ที่ว่าเนี่ย จะโดนอะไร
        "กูว่าตัดคะแนนว่ะ"
        หนึ่งในนักพยากรณ์เอ่ยออกมา
        "กูว่าโดนตี"
        เพื่อนผู้เคยประสบเหตุที่ว่าเอ่ยมาอีกคน
        เดากันไปเดากันมา สุดท้ายก็สรุปกันว่าจะโดนอะไรก็แล้วแต่ มันต้องไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่นอน เพราะฉะนั้น พวกเราสมควรไปวิ่งนั่นแหละ
       

          พอเช้าวันเสาร์ ผมก็ตื่นมาด้วยความเซ็ง เพราะอยากจะนอนตื่นสาย แต่กลับต้องมาตื่นเช้ากว่าวันธรรมดา อาบน้ำแต่งตัวในชุดกีฬาเสร็จ ผมก็โต๋เต๋เดินทางไปสนามกีฬาอันเป็นจุดนัดหมาย
          เมื่อถึงสนามผมก็สอดส่ายสายตาหาเพื่อนทันที แล้วก็เจอไอ้ยุ่น ซึ่งเป็นเพื่อนที่ขี่bmxเล่นกับผมที่สนิทกัน     
         ไอ้ยุ่นเป็นเพื่อนใหม่ ที่ย้ายมาจากโรงเรียนในเครือเดียวกัน ผมได้ข่าวแว่วๆว่ามันเป็นนักกีฬาประจำโรงเรียน ถึงแม้ว่าตัวมันจะเล็กกว่าผมแต่มันค่อนข้างล่ำ คือมีกล้ามอ้ะแหละ
        ด้วยความที่บ้านมันใกล้ๆกับบ้านผม และชอบขี่ bmxเหมือนกัน เจอกันแทบทุกวันตั้งแต่จันทร์ยันอาทิตย์ ผมกับมันก็เลยสนิทกันรวดเร็วดุจคบกันมาตั้งแต่เกิด
       

          ระหว่างที่รอพิธีเปิดพวกผมก็เริ่มเกาะกลุ่มกันได้กลุ่มย่อมๆ นั่งโม้กันฆ่ากันเวลา บางคนก็คุยว่าจะเอาที่หนึ่งของรายการนี้ให้ได้ บางคนขอแค่เป็นกลุ่มแรกๆที่เข้าเส้นชัยก็พอ
          เมื่อถึงเวลาหลังจากทำพิธีเปิดเรียบร้อย พวกเราก็เข้าสู่เส้นสตาร์ทกัน เนื่องจากตรงบริเวณที่ผมนั่งรอเปิดพิธี อยู่แนวเดียวกับเส้นสตาร์ทพอดี เลยทำให้พวกผมอยู่แถวหน้าของเส้นสตาร์ทพอดี พอหันกลับไปข้างหลังก็เห็นเหล่านักวิ่งต่างๆ ทั้งเด็กและแก่นับพันกำลังตั้งท่าเตรียมออกวิ่งก็ต้องเผลออุทานออกมา..
         "ชิบหายแล่ว"
          ผมหลุดออกมา
         "ทำไมวะ?"
         หนึ่งในกลุ่มถามมา
         "จริงๆเราน่าจะอยู่ท้ายแถวมากกว่านะอยู่หน้าแบบนี้เดี๋ยวเหนื่อย"
         ผมตอบแบบเริ่มจะหอบเพราะเห็นความเหนื่อยรอตรงหน้า
        "ทำไม...ปั้งงง!"
        ยังไม่ทันที่เพื่อนจะถามต่อว่าทำไมต้องเหนื่อย เสียงปืนปล่อยตัวก็ดังขึ้น เพียงเท่านี้คำตอบว่าทำไมต้องเหนื่อยก็เฉลยออกมา
       มันเป็นช่วงของความฮึกเหิมของคนที่เพิ่งเริ่มต้นวิ่งแข่งขัน เนื่องจากเส้นทางปล่อยตัวนั้นเป็นถนนแคบๆแต่จำนวนผู้แข่งขันมีนับพัน
       "เหวอออออ"
       เสียงหนึ่งในกลุ่มถูกดันวิ่งออกไปแบบไม่รู้ตัวพวกผมต้องวิ่งอย่างรวดเร็วไม่ต่างจากโดนแม่ไล่ตีหรือโดนจิ๊กโก๋ไล่ตื้บ กว่าจะออกถนนใหญ่และลดความเร็วลงให้คนอื่นแซงได้ พวกเราส่วนหนึ่งก็หอบแฮ่ก เพราะไม่ค่อยวิ่งออกกำลังกันเท่าไหร่
       ส่วนผมหอบพอเป็นพิธี เพราะปกติปั่นจักรยานวันนึงเป็นสิบกิโลอยู่แล้ว แต่ว่าการวิ่งกับปั่นจักรยานมันต่างกัน จึงเหนื่อยพอสมควร
       จากตอนแรกที่อยู่แถวหน้าสุด ไปๆมาๆ เริ่มโดนแซง แม้กระทั่งคนแก่ยังแซง จนสุดท้าย พวกผมก็ได้อยู่เป็นกลุ่มโหล่สุด
       "กูว่าเดินแบบนี้ไปถึงเส้นชัยเลยก็ได้นะ จะเป็นลม"
       หนึ่งในกลุ่มที่รูปร่างค่อนข้างท้วมพูดบ่นๆมา
       "เฮ่ย หายเหนื่อยก็วิ่งเหยาะๆไปดีกว่ามั้ง เดินแบบนี้น่าเกลียด"
       อีกคนพูดขึ้นมาบ้าง
       ในกลุ่มที่วิ่งนี้ มี่อดีตสมาชิกหมู่หมีในวิชาลูกเสืออยู่ด้วยสามสี่คน และเริ่มมีบางคนแว่บหายไประหว่างที่พวกเราเดินๆวิ่งๆกันอยู่ สักพักก็โผล่มาพร้อมกับถุง น้ำแดง เป๊ปซี่ น้ำเขียว ตามอัธยาศัย เมื่อหันมาเห็นผมก็เริ่มคอแห้ง ในใจก็คิดประชดพวกมันว่ามึงไม่ซื้อก๋วยเตี๋ยวหรือลูกชิ้นมาด้วยเลยวะ
       ระหว่างที่เดินชมนกชมไม้กันอยู่นั้น ก็มีเสียงตะโกนไล่หลังมา พอหันมาก็พบกับครูพละขี่แมงกะไซด์ตามหลังมา
        "เฮ้ย เค้าวิ่งกันไปถึงไหนแล้ว มาเดินโอ้เอ้อะไรอยู่ตรงนี้ ไป๊ วิ่งๆๆๆ"
        พวกเราจำต้องเพิ่มความเร็วขึ้นอีกเล็กน้อยจนครูผ่านไป ก็เดินเตาะแตะกันเหมือนเดิม
        พอมาถึงครึ่งทาง ซึ่งมีน้ำแจก หลังจากรับน้ำมาดื่มกันเรียบร้อย ไอ้ยุ่นที่เดินโต๋เต๋ร่วมกับพวกเรา ก็บอกว่า
        "เฮ้ย กูไปก่อนนะ เดี๋ยวเจอกันที่เส้นชัย"
        พูดจบก็เร่งออกไปอย่างรวดเร็ว ระหว่างนี้เริ่มมีนักวิ่งบางรายนอนแผ่ข้างทางโดยมีเจ้าหน้าที่ช่วยปฐมพยาบาลกันอย่างแข็งขัน
        ตอนนี้ผมเริ่มรู้สึกว่าตัวเองล้าหลังมากแล้ว จึงเริ่มวิ่งเร็วขึ้นทิ้งสมาชิกหมู่หมีไว้ด้านหลังให้พวกเค้าเดินกินถิ่นเราเองกันต่อไป หลังจากวิ่งมาได้ซักระยะ ผมเองก็เริ่มลดความเร็วลงเพราะเหนื่อยมาก เป็นสลับวิ่งสลับเดินเป็นระยะๆ  เพราะตอนนี้ผมเริ่มเกาะกลุ่มอยู่ในกลุ่มกลางๆแล้ว เลยไม่รีบร้อนอย่างตอนแรก
        วิ่งอยู่ได้ซักพัก ก็ได้ยินเสียงเพื่อนตะโกนเรียก พอมองไปตามเสียง ก็พบสมาชิกหมู่หมีนั่งหน้าสลอนบนรถกะบะที่เจ้าหน้าที่ขับมา วิ่งช้าๆค่อยๆแซงไป ผมเลยถามว่าทำไมถึงนั่งรถกันมาแบบนี้
        "กูเป็นลม"
        "กูขาแพลง"
        "กูปวดตูด"
        ส่วนอีกคนที่เหลือ นั่งยิ้มแหยๆ เป็นอันรู้กันว่าวิ่งไม่ไหวนั่นเอง ผมเลยวิ่งตามรถไปเรื่อยๆระหว่างทางก็มีคนกระโดดขึ้นรถเรื่อยๆ จนรถเริ่มเร็วขึ้นเพราะใกล้เส้นชัยแล้วนั่นเอง
        มันเป็นหนึ่งกิโลสุดท้ายที่เหนื่อยมากสำหรับผม ผมวิ่งตุปัดตุเป๋ไปเรื่อยๆเห็นเส้นชัยอยู่ไม่ไกลแล้ว ข้างหน้าผมเป็นเพื่อนหมู่หมีที่บอกว่าปวดตูดนั่นเอง ผมเลยเรียกด้วยเสียงหอบๆ เพื่อนหันมาพร้อมกับบอกว่ามันโดดลงก่อนเพราะอยากวิ่งเข้าเส้นชัยมากกว่า เราวิ่งไปด้วยกันซักพักก็เกิดเรื่องขึ้น
        "ป้าบบบ"
         เสียงเพื่อนผมคะมำลง ผมเลยต้องหยุดหอบดูว่ามันเป็นอะไร
        "โอ๊ย ตะคริวกินตูด"
        เสียงเพื่อนร้องมาด้วยความเจ็บปวด เพื่อนที่วิ่งตามหลังมาอีกกลุ่มเลยหยุดช่วยกันนวดตูดเพื่อนเป็นการปฐมพยาบาลเบื้องต้น หลังจากนวดเสร็จก็แย่งกันวิ่งเข้าเส้นชัยตามสไตล์เด็กชอบเอาชนะกัน ถึงแม้ว่าจะเป็นกลุ่มกลางๆแล้วก็ตาม แต่ก็ขอเป็นที่อันดับต้นๆในกลุ่มละกัน
         ผมจึงชวนเพื่อนผู้มีแก้มก้นเกร็งแบบไม่เจตนาเดินเข้าเส้นชัย ซึ่งอยู่ไม่ถึงสองร้อยเมตร หลังจากเข้าเส้นชัยแล้ว ก็มีเพื่อนมาช่วยกันอุ้มมนุษย์ตูดตะคริวไปปฐมพยาบาลกันต่อไป ส่วนผมเดินเป๋ไปหาน้ำดื่มเพราะเหนื่อยและคอแห้ง ระหว่างที่นั่งจิบน้ำกลั้วคออยู่ ไอ้ยุ่นก็เดินมานั่งข้างๆผมพร้อมกับนั่งนวดขา
         "ไงมึงได้ที่หนึ่งป่าว? วิ่งมาซะอย่างเร็ว"
          ผมแซวมันพร้อมกับซดน้ำไปด้วย
         "ไม่ได้ว่ะ ได้แค่ที่สาม"
         ผมแทบตกเก้าอี้น้ำพุ่งออกจากปากเพราะตกใจคำตอบของมัน
         "มึงได้ที่สาม?"
         ผมถามย้ำไปอีกรอบ เพราะไม่อยากเชื่อ
         "เออ กูตามที่หนึ่งที่สองไม่ทัน ทิ้งห่างกูเยอะเลย สับเต็มที่แล้ว"
          พอมันพูดมาแบบนี้ผมเลยเริ่มรู้สึกผิดนิดๆ เพราะถ้าไม่ชวนมันเอ้อระเหยในตอนแรก ไอ้ยุ่นอาจจะได้ที่หนึ่งของงานนี้ก็ได้ พอบอกไป มันก็หัวเราะตอบมาว่า
         "คิดมาก ตอนแรกกูไม่หวังตำแหน่งอยู่แล้ว แต่อยู่ๆเกิดอยากลองดูว่าถ้าไล่จะทันไหมก็เลยเร่งตามมานี่แหละ ได้แค่นี้ก็พอแล้ว"
         พูดเสร็จมันก็นัดผมไปปั่นbmxในตอนเย็นก่อนจะเดินไปรอรับรางวัล ส่วนผมกลับบ้านไปสลบเหมือดด้วยความเหนื่อย.


                                               --จบ--
                              

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา