The rebound paradin in crow paht

8.7

เขียนโดย พาวจาพัจส์

วันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 เวลา 22.43 น.

  9 chapter
  2 วิจารณ์
  9,229 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2563 11.58 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

9) Deep within forests

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
 
 
               เดินออกมาจากป่าในอากาศเริ่มจะมีหมอกหนาขึ้น สำหรับชายหนุ่ม แค่สำหรับเขาเท่านั้น และนั้นคือปัญหา
  ความคิดที่ก่อตัวเป็นหมอกมันเกี่ยวกับการที่คิดวนกลับไปมาเป็นสายน้ำว่า ทำไมระยะหลังนี้เขาจึงถูกตบตีโดยผู้คน
  จำนวนมาก และความเจ็บปวดทางกายล้อมรอบจิตใจของเขาทำไมมันไม่หายไปเสียที
      
               ความเจ็บปวดอะไรกัน
                เขา ชายหนุ่มเหนื่อย
                ในขณะที่แบกใครสักคน
                ไม่มีข้อแก้ตัวสำหรับตัวฉันเพียงแค่ก้าวต่อไป
                หวังว่าใช่ทางนี้นะ
 
       ภายในป่าที่พวกเขากำลังเดินผ่านกันอยู่นั้น มืดเกินความสามารถของดวงตา แสงจากฟ้าของดวงจันทร์ไม่สามารถ
  ผ่านป่าไม้ลงมาหาพวกเขาได้ พื้นดินที่เท้าย้ำอยู่มองไม่เห็นเลย ต้นไม้ที่ส่งเสียขยับไปมาในความมืดก็มองไม่เห็น เมื่อมองไม่
  เห็น เสียงเหล่านั้นเริ่มจะขยับไปมาในความคิด ความคิดที่ฟุ้งซ่าน ในความเป็นไปได้ของเสียง ในสิ่งที่กล่าวมานั้นจะเพิ่มความ
  วิตกกังวลแล้วกลายเป็นปัญหาให้คนหลงเดินไปหาความมืดมิด ไม่มีหนทางกลับออกมาจากความวิตก ในป่า secron
  corvus  เธอ สาวสมุนไพรถือคบเพลิงจากโบสถ เปลวเพลิงส่งแสงสว่างคอยนำทาง ชายหนุ่มรู้ทันทีที่มาถูกทางเมื่อเขามอง
  ไปที่สาวสมุนไพร แต่นั้นเป็นเพียงแค่ความรู้สึกของเขา ชายหนุ่มหลบตาเธอ เมื่อหญิงสาวมองมา เขาหันไปมองรอบๆ แทน
 
                ชายชราวัยกลางคนหน้าดูซีดเล็กน้อย
                หวังว่าเลือดคงไม่ไปท่วมปอดก่อนนะ แต่เขาก็ยังหายใจได้อยู่น่าจะ… น่าจะไหว
                ถว่าผู้หญิงคนนี้เมื่อมองไปหาเธอ สภาพของเธอแย่มากที่สุดแล้วในหมู่พวกเรา
                ฉัน โดนเตะ ใช่ต้องพูดถึงตัวเองอีกแล้วเหรอเนี่ย?
                โอ้ย...
                สภาพฉันก็ดูไม่ดีเท่าไหร่
                เลือดที่ไหลออกมาจากจมูกลงมาที่ปากโครตน่ารำคาญเลย
                ตามที่เธอบอกฉันว่าสาวสวยคนนั้น สามารถรักษาฉันได้ หวังว่านั่นคือความจริง
                เวทมนตร์สามารถใช้ได้ที่นี่ ก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไร แต่ถึงอย่างงั้น ที่นี่ยังมีคนไม่ชอบเวทมนตร์
                หนึ่งในนี้ หรือผู้หญิงคนนี้ถูกเรียกว่าแม่มด
                เรื่องมันมาลงเอยแบบนี้ได้ไงเนี่ย?
 
                ผู้คนถูกทำร้าย อัศวินกับนักบวชหนีเข้าไปในป่า คุณคิดว่าพวกเขาหนีไปได้ หนีความผิดที่พวกเขาก่อ ความผิดที่
  คุณคิดว่าพวกเขามีนั้น ไม่ใช่ว่าความผิดนั้นเป็นของคุณหรอกเหรอ? มันสมควรให้พวกเขาเจ็บปวดหรือรับโทษไหม? เหตุของ
  ผลที่เกิดขึ้นในความเป็นจริงนี้ คือสิ่งที่ฉันจะบอกกล่าวให้รู้ไม่ว่าคุณจะรับฟังมันหรือไม่ หรือนำไปให้ขบคิดให้น่าขบขันเมื่อครั้ง
  ที่คนอยู่ลำพัง
 
                พวกเธอและเขามาจากหมู่บ้าน Crow frost ก่อนที่เรื่องของพวกเขาจะมาจบลงโบสถ เขาชายวัยกลางคน
  เป็นพ่อค้าเร่ ช่างไม้ก็เป็นหนึ่งในความคุ้นเคยของชีวิต แต่ไม่เคยลงตัวดีนัก กับชีวิตที่ต้องทำร้ายป่าไม้ใน secron ทุกวัน
  เกวียนขับผ่านหมู่บ้านต่างๆ แลกเปลี่ยนโดยคอยคิดว่าชีวิตที่ดำเนินมาตลอด วันหนึ่งอาจลงเอยบนพื้นแบบไร้ลมหายใจ
  มองข้าวของถูกปล้นสะดม ช่างเจ็บใจเหลือจะเกินทน หากต้องตายไปกับความไม่แน่นอนในชีวิตที่ตนไม่ได้เลือก
               
                เธอ… หญิงสาว ตราประทับบนแก้มทำให้เธอเป็นทุกข์ คนที่เลือกอาศัยอยู่กับเธอก่อนหน้านี้ ก็ต้องหันหน้าหนีให้เธอ
  เป็นแน่ หันหนีให้กับใบหน้า หันหนีให้กับตราประทับ ถึงความหมายของตรานี้อาจมีผู้ไม่ทราบความหมายของมัน แต่ไม่ได้
  รับรองว่าถูกจะถูกมองว่าอย่างไร ในใจของหญิงสาวตรงนี้คือเด็กที่ถูกทิ้งให้อยู่ในบ้านที่พังทลายเพียงลำพัง แล้วครอบครัวที่
  พึ่งพาของเธอ เธอไม่เห็นตัวตนเหล่านั้นเลย เธอต้องซ่อนตัวให้ห่างจากสิ่งที่พรากครอบครัวของเธอไป ถว่ามีผู้ที่เห็นตัวเด็กน้อย
  ที่กำลังแอบซ่อน เขาผู้นั้นเห็นอะไรบางสิ่ง? คุณค่าของมนุษย์? คุณค่าที่เธอจะทำประโยชน์ให้กับตน? ตอนนี้เมื่อเธอโตขึ้น
  หญิงสาวคนนี้พร้อมที่จะมองหาคุณค่าของตัวเองแล้วหรือยัง?
 
                สุดท้ายของแล้ว หญิงงามผู้ลุกขึ้นมาจากโลงศพ ข้างๆ แขนของคุณนั้น ผู้เยียวยา รักษา ผู้ใฝ่หากลวิธีเยียวยารักษา
  แต่เธอผู้นี้ยังขาดสิ่งที่ใฝ่หามาอยู่ในครอบครอง ความรู้ความรู้บางอย่าง ที่เธออาจมอบให้คุณได้ หรือ อาจเป็นการมอบให้
 
               ชายหนุ่มใช้มือมากุมหน้าผากของตนเอง
               หัวของฉันเริ่มตอบเรื่องพวกนี้ได้ตั้งแต่เมื่อไร แล้วทำไมฉันต้องมาคิดเรื่องพวกนี้
                ชายหนุ่มมองตรงไปข้างหน้า เขาเห็นเจ้า
               ดวงตาส่งแสงสองดวงนั้นไม่ใช่อะไรที่ควรกลัว เพราะว่านกฮูในป่านี้พวกเขาพบเห็นมาแล้วรอบป่า หัวใจเต้นสูบฉีดฉับ
               พลัน ร่างของดวงตานั้นขยับเคลื่อนไหวบิดตัวไปมาแสงจากคบเพลิงไม่สามารถปัดเป่าความมืดจากร่างนั้นได้ ชายหนุ่ม
  กับเหล่าคนทั้งหมดรู้ว่าข้างหน้ามีบางสิ่งรออยู่
                กรัก
                กรัก เสียงดังมาจากข้างหน้า
                แน่นนอนพวกเขาเห็นทางที่สามารถเดินไปได้ ถว่าใจของพวกเขาแค่รู้สึกไม่อยากตรงไปทางนั้น
                สัตว์ร้าย?
                ไม่น่าจะใช่
                กรัก กรัก
                “ เดียวก่อนทุกคน... ”
                ดวงตาคู่นั้นเดินเข้ามาใกล้ เหมือนในฝันร้ายในยามหลับตา เมื่อลืมตาตื่นจากฝันภาพนั้นก็ยังติดตา ชายหนุ่มยืนกางขาออก
  เตรียมพร้อม คลักมีดออกมาอย่างว่องไหว
                “ ?! “
                มีดพกของชายหนุ่มมีปัญหาทางกายภาพก่อนที่จะได้ใช้งานอยู่ ทันทีที่กดกลไกลมีดออกมา ความเร็วมันต่าง
  จากเมื่อก่อน เขาสัมผัสได้ถึงความหนืดของใบมืด และมือมีความรู้สึกของของเหลวหนืดบนกำมือ ชายหนุ่มหันไปมองมือ
  ตนเอง  เขาเห็นของเหลวสีดำไหลลงใบมีดช้าๆ ของเหลวนั้นเกาะบนมือที่กำมีดพกเล่มนี้เช่นกัน ถึงแสงของคบเพลิงจะบอกได้
  ไม่ชัดเจนแต่ชายหนุ่มรู้ว่าต้องเป็นเลือดของขุนนางที่โบสถที่กำลังเกาะบนใบมีดของเขาอยู่
                “ อือ… ”
                ตอนนี้อยากจะล้างมือตัวเองจริงๆ เลย
                “ เธอเองเหรอ? ”  การพูดแบบโล่งใจของสาวสมุนไพร ทำให้ชายหนุ่มรีบมองไปที่ดวงตาสีขาวสะท้อนแสงคู่นั้น
  เมื่อแสงทอถึงดวงตาคู่นั้น ชายหนุ่มก็อุทานออกมา ว้าว… ดวงตาสีฟ้ากระทบแสงเพลิงช่างเป็นประกายตาที่ชวนตลึงสำหรับ
  ชายหนุ่ม ไม่ใช่แค่เขาทุกคนที่นี่ก็มีความคิดใกล้เคียงกัน สวยเกินไปแล้ว! ชายหนุ่มตะโกนออกมาในใจพลางยิ้มออกมาด้วย
  ความโล่งใจ
 
                แต่ว่า… ทำไมทำหน้าแบบนั้นกันล่ะ หรือเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว
                คอที่เงยขึ้นมามองพวกชายหนุ่มเล็กน้อย กับใบหน้าที่ดูเย็นชา
                ถ้าเป็นตามปกติการมองแบบนี้ใส่กันมันต้องมีอะไรข้องใจกัน จนต้องออกไปต่อยตีกันแล้วได้ไปนอนกินข้าวต้ม
                ถึงจะแปลกแต่ว่ามัน… ก็ยังสวยเฮะ
                กรัก กรัก
                หือ?
                เสียงเมื่อกี้คืออะไรกัน ขณะที่คิดสาวสมุนได้เดินเข้าไปสาวงาม
                “ เสียง เฮอ สินะ? ”  เธอค่อนข้างดีใจ ในใจเมื่อครู่ตอนเริ่มได้ยินเสียงเธอเกิดจำเสียงคล้ายๆ กันนี่ได้ เสียงม้า
  ของเธอ เฮอ บ้างครั้งก็เกิดกระทีบเท้าลงบนพื้นดินบ้างเป็นบางครั้ง ม้าตัวนี้เธอได้ร่วมออกเดินทางกับมันมาพอสมควร
  แต่เรื่องเสียงฝีเท้าของม้าบางครั้งไม่ใช่เรื่องที่เธอจะจำไม่ได้ แต่เธอไม่แน่ใจเท่านั้นเอง
                ชายหนุ่มเห็นคบเพลิงที่ได้แสดงตัวตนภายใต้เงาดำ ม้า กับสาวงาม
               
                “ โหะ… นึกว่าจะหลงทางจริงๆแล้วนะเนี่ย ” ชายหนุ่มพูดกับสาวสมุนไพร
                “ ถ้าหลงทางจริง ๆ ฉันคงไม่พาพวกคุณมาถูกทิศถูกทางหรอก ” เธอหันมามองเขา เธอไม่พอใจนิดหน่อย
                ส่วนตัวชายหนุ่มประทับใจนิดหน่อย ไม่ล่ะประใจมากมากเลย เขาไม่มีทางรู้แน่ว่าต้องมาทางไหนถึงกลับมาที่แคมป์
                “ พวกคุณรอดแล้วล่ะ เธอคนนี้สามารถรักษาบาดแผลให้พวกคุณได้ ”
                “ อ่ะ… งั้นเหรอ? ”  ดูเหมือนชายวัยกลางคนผู้นี้จะไม่เชื่ออย่างสุดใจมากนัก
 
                คนที่ชายหนุ่มกับชายวัยกลางคนช่วยกันแบกมาถึงนี่ กำลังอยู่ในการหลับใหล ช่างแปลกที่ดวงตาของเธอเปิดอยู่
  ตลอด นี่หญิงสาวผู้นี้ตื่นอยู่รึเปล่า? ส่วนหญิงสาวที่มีตราบนแก้มยังคงจ้องสาวงามตาไม่ขยับ ชายทั้งสองค่อยๆ แบกนางเข้า
  ไปหาสาวงาม ที่ยืนรอพวกเขาในจุดที่เป็นสถานที่ตั้งแคมป์ชั่วคราว ก่อนชายหนุ่มกับสาวสมุนไพรจะเดินตามเสียงเข้าไปในป่า
  จนได้พบกับโบสถ เดิมทีแผนคือการรอให้โฉมงามกลับมาจากการออกไปสังเกตการณ์หมู่บ้านข้างๆ
 
                เดี๋ยวสิ ที่ทำหน้าไม่เป็นมิตรแบบนี้เป็นเพราะเธอโกรธพวกเราที่หายไปจากแคมป์งั้นเหรอ?
                “ ฉันต้องขอให้ท่านหยุดอยู่ตรงนั้น ”  ชายหนุ่มหยุดเดินเช่นเดียวกับชายวัยกลางคนที่ต้องหยุดตามเพราะกำลังแบก
  หญิงสาวผู้หลับใหล  โฉมงามสังเกตมองพวกเขาอย่างระเอียดทีละคน ก่อนได้บทสรุป “ พวกเขาเป็นใครกัน? ”
                “ พวกเราเป็นคนในห- ”  ชายวัยกลางคนกำลังบอกที่มาให้โฉมงามฟัง
                ” เงียบไม่ได้ถาม ” เขาไม่รู้ว่าการตอบคำถามนั้น จะได้รับการตอบกลับมาแบบนี้ เย็นชา แต่เกรี้ยวกราด
  คือสิ่งที่ชายหนุ่มรู้สึกได้ ชายวัยการคนไม่มีการพูดต่อจากที่กล่าวไปครึ่งความ เขาหันไปมองชายหนุ่ม เขาช่างงงังน
  กับการพูดขึ้นเสียงของโฉมงาม ชายหนุ่มประหลาดใจแต่
                เห็นชัดว่าชายหนุ่มเป็นที่ถูกขาดหวังให้เป็นผู้ตอบคำถาม จากสายตาที่มองมา
                เย็น
                อ่ะ! เธอถามฉันเหรอ?
                พวกเขามาจากหมู่บ้าน Crow frost ใช่ไหมนะ?
               “ พวกเขามาจากหมู่บ้าน Crow frost พวกเขาถูกคนที่โบสถทำร้าย ”  ชายหนุ่มหันไปมองสาวสมุนไพรที่ยืนข้างๆ โฉมงาม
              “ พอดีพวกเราได้ยินเสียงร้องออกมาจากป่า พวกเราคิดว่าอาจเป็นเธอกำลังอยู่ในอันตราย แต่พวกเราไปเจอกับโบสถเก่า
  ในป่าที่ที่กับเจอพวกเขสามคน และช่วยพวกเขาจากพวกของนักบวชคลั่งลัทธิบ้าฆ่าแม่มด ”
                ฉันจะลนทำไมกัน เหมือนฉันไปทำอะไรผิดมายังงั้นเหละ
                เป็นความจริงที่ชายหนุ่มลุกลี้ลุกลนในการกล่าวให้โฉมงามรับฟัง
                แต่ช่างน่าสมเพชนัก ตอนนี้เหมือนเขากำลังแก้ตัวให้ตัวเอง รวมถึงการพลางเหลือบไปมองหาสาวสมุนไพร
                เธอกำลังกล่อมให้ เฮอ ม้าของเธอใจเย็นลง ไม่ทันได้ลูบหัวให้สงบ
                สาวสมุนไพรก็หยุดเข้าหา เฮอ เพราะการสนทนาของชายหนุ่มเริ่มจะติดขัดในขณะนี้
                ก็จริงผลที่ออกมาคือการผิดแผนที่ตกลงกันไว้ โดยการที่ฉันปล่อยให้เธอคนนี้รอที่แคมป์คนเดียว
                “ ท่านพามาที่นี่ทำไม ”  ชายหนุ่มพึงถูกยิงกลับมาดั่งลูกธนู
                ชายหนุ่มรู้ตัวว่าเขาไม่ชอบท่าทีการพูดของโฉมงาม
                ใช่… แต่ยังไงฉันก็ต้องตอบเธอ
                “ ฉันอยากให้เธอช่วยรักษาพวกเขาหน่อย เหมือนที่เธอเคยรักษาบาดแผลให้ฉัน ” เดี๋ยวก่อนนะทำไมถึง... เธอดู
  ประหลาดใจ?  “ เธอรักษาได้ใช่- “
                “ ไม่! ”
                “ ไม่? ”  ชายหนุ่มสงสัย “ เธอรักษาพวกเขาไม่ได้เหรอ? ” ชายหนุ่มรีบมองไปหาสาวสมุนไพร เธอค่อนข้างสับสน
  กับคำตอบของโฉมงามเหมือนกัน นั้นทำให้เธอเริ่มถามโฉมงามเธอเริ่มเปล่งน้ำเสียงที่หนักแน่น
                “ ฉันเคยเห็นเธอรักษาบาดแผลให้เขามาแล้ว บาดแผลบนร่างของเขาไม่มีทางหายเองได้ภายในหนึ่งช่วงยาม
  แน่นอน ฉันไม่เคยพบเจอยาตัวไหนที่ทำได้ ไม่ว่าจะเป็นปาฏิหาริย์หรือเวทย์มนต์ที่เธอใช้... ฉันเชื่อว่าเธอรักษาพวกเขาได้
  ช่วยรักษาให้พวกเขาได้ไหม? ”  เสียงพูดของสาวสมุนไพรเมื่อครู่มีความโกรธ และลึกลงไปยังมีเจ็บปวดที่แสดงออกมา
                ?
                ชายหนุ่มเหลือบไปหาสาวสมุนไพรกับเสื้อเนื้อหนาของเธอ เขาเพ่งมองที่ไหล่ของเธอเธอเองก็บาดเจ็บนิ ตอนนั้นมีด-
                “ จิ๊… ”
                หือ?
                เสียงเดาะลิ้น? มาจากไหนกัน… ไม่สิ เสียงใครกัน?
                โฉมงามชี้ไปที่พื้นข้าง ๆ ตัวของเธอ ด้วยนิ้วเรียวๆ ของตน
                “ พาพวกเขามาวางไว้ตรงนี้ ”  น้ำเสียงไม่พอใจของเธอแสดงออกชัดเจน
                หัวของชายหนุ่มต้องการการจัดเรียงลำดับข้อความ จึงยืนจ้องมองโฉมงามสองสามวิก่อนจะกล่าวออกไปว่าเข้าใจ
                “ ได้เลย! ”
 
                พวกเขาช่วยกันพยุงหญิงสาวที่ใช้แขนพาดคอชายทั้งสองไว้ พาเธอนั่งลงตรงตำแหน่งที่โฉมงามชี้บอก ตามที่เห็น
  เมื่อเห็นว่าหญิงสาวนั่งลงโดยทีท่าไม่เกิดการล้มหน้าคะมำหรือศีรษะเอนลงกระแทกพื้น พวกเขาเลยค่อยๆ เอาแขนออกจาก
  การพยุงตัว เมื่อเห็นว่าไม่จำเป็นถว่าการนั่งเงียบสงบช่างน่าเป็นห่วงนัก จิตใจของเธอตอนนี้อยู่ที่ไหนกัน ก่อนหน้านี้เกิดอะไร
  ขึ้นกับหญิงสาวผู้เยียวยา เพราะอะไรถึงทำให้เธอกลายเป็นดั่งก้อนหินใต้น้ำ การรักษาเริ่มขึ้นเมื่อโฉมงามสะบัดผ้าคลุมควัก
  กระเป๋าหนังขนาดเล็กออกมาจากเอว กระเป๋าเปิดออกใบเล็กเปิดออก ถุงผ้าที่ถูกซุกไว้ข้างในกระเป๋าโฉมงามถือถุงผ้าเล็กๆ
  ไว้พลางเก็บกระเป๋าหนังเหน็บไว้ที่เอวเช่นเคย เสียงกรุกริก มาจากการขยับทับกันของสิ่งที่อยู่ภายใต้ห่อผ้า มีเส้นดายเส้นเล็ก
  ใช้เป็นเชือกมัดเก็บวัตถุภายในถุงตกหล่น เชือกถูกเกะออกโฉมงามเริ่มหยิบวัตถุสีน้ำตาลขนาดเล็กรูปทรงสี่เหลี่ยม นางหยิบ
  ออกมาเพียงหนึ่งชิ้น จากหลายจำนวนที่ทับซ้อนกันในถุงใบเล็ก ความอยากรู้อยากเห็นพวกเขาจึงมอง เด็กสาวประทับตรานอก
  รีตสร้างความสงสัยกับสิ่งที่โฉมงามถือ แต่กระนั้นมิอาจเทียบกับสาวสมุนไพรได้เธอที่มีความสงสัยคล้ายกับหลุมดำ ไม่ได้หยุด
  สร้างคำถามที่วัตถุชิ้นสีน้ำตาลเล็ก ๆ อย่างเดียว ในตอนนี้เธอไม่ทราบความหมายของการกระทำของหญิงโฉมงามปัจจุบันนี้
  เหตุผลเป็นเพราะเธอเห็นมาก่อน สาวสมุนไพรเธอเห็นการรักษาของบุคคลปริศนาผู้นี้มาก่อน เพียงโบกมือ ผลิปากเปล่งเสียง
  กล่าวคำกลอนที่เสนาะหู ถึงจะจำคำกล่าวตอนนั้นไม่ได้ แต่… แค่ทำแค่นั้น แสงสว่างเปล่งประกายวูบไหวบนฝ่ามือ แผลรอบๆ
  ตัวเขาทยอยจางหายไปเหมือนสายลม ถึงจะเล่าเรื่องนี้ให้ใครก็ตามฟัง ยังไงไม่ใช่เรื่องที่น่าจะเป็นจริงหรือเชื่อถือได้เลย…
 
                 แค่โบกมือ กับร้องคำกลอน ทำแค่นั้นเอง?
                 …
                 ทำไม
                 ทำไมมันถึงง่ายแค่นั้นเองล่ะ?
                 ศาสตร์เวทมนต์..?
                 ไม่ได้...
 
                 สาวสมุนปล่อยให้คลางแคลงอยู่ในหัว ก่อนจะตั้งมั่นหวังจะขุดหาคำตอบจากสาวชุดดำมืดกลมกลืนไปกลับราตี
  ไม่ควรแค่ยืนมอง สาวสมุนไพรหยิบยาบางส่วนที่มีผลในการบรรเทาอาการเจ็บปวดของผู้ดื่ม ขวดแก้วสองขวด สามขวด
  คนเจ็บไม่ได้มีคนเดียว! เธอถือขวดยาที่ปรุงเองสำเร็จไว้ในมือชั่วระหว่างเวลาเดียวกันนั้นมองวัตถุชิ้นเล็กๆ สีน้ำตาล บน
  มือของโฉมงาม
               
                นี้คงเป็นอีกหนึ่งในวิธีรักษาของเธอ
                ถ้าเป็นชิ้นเล็กแบบนี้
                คงเป็นยากิน สำหรับรักษาแผล
                 ?
                เด็กสาวผู้มีแผลไหม้บนหน้านั่งลง พยายามจะทำอะไรบางอย่าง ช่วยจับพยุงหญิงสาวที่นั่งสลดแต่จบลงด้วยการทำ
  ตัวพลุ่มพล่ามมอบความสับสนให้แก่ตนเอง
                “ เธอมาช่วยทางนี้หน่อย ”  เรียกตัวหญิงสาวที่ทำตัวดุจเด็กสาวที่สับสน ทำให้เด็กสาวหันหัวไปหาสาวสมุนไพร
  ดวงความรู้สึกมุ่งมั่น มุ่งมั่นที่ทำอะไรสักอย่าง เธอรู้ว่าไม่จำเป็นต้องพยุ่งหญิงที่นั่งตรงนี้ ชายทั้งสองคอยเฝ้าดูอยู่ ทำให้เธอ
  ไม่จำเป็นต้องนั่งระวังหลังเพื่อเธอนอนล้ม ว่าแล้วเธอเร่งรีบลุกไปหาสาวสมุนไพร ด้วยเหตุใดเหตุหนึ่งตาของเด็กสาวกลับมา
  มีประกายสดใส หรือมีประกายสดใส
                “ ให้ช่วยอะไรค่ะ ”
                เธอทำให้สาวสมุนไพรประหลาดใจ ประหลาดใจในแง่ดี เพราะเด็กคนนี้ดูไม่ได้เจ็บสาหัสอย่างที่คิดไว้
                เกร็บ
                “ -รักษานาง ”  เมื่อรู้ตัวว่าโฉมงามพูดอะไรออกมา แต่นั้นก็เป็นประโยคจบที่เขาและเธอได้ยิน
 
                เสียงวัตถุชิ้นเล็กถูกบดขยี้ในกำมือของโฉมงาม วัตถุชิ้นเล็กสี่เหลี่ยมแตกแยกเหมือนเป็นเศษขนม เศษฝุ่นผงละเอียด
  ลอยออกจากมือหญิงงาม กระจายไปทั่วอากาศ แสงสีเขียวอ่อนเปล่งประกายจากเศษผงก่อนจะมลายหายไปในอากาศ แสง
  พวกเหล่านั้นตรงไปยังหญิงสาวนิทราในชั่วพริบตา ของพวกเขา สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้หากจับตามความเข้าใจของชาย
  หนุ่มนี่คือการรักษาด้วยวัตถุเวทมนต์ ‘ เฮลลิ่งไอเทม ’ ความเข้าใจของเข้าสามารถอธิบายด้วยคำคำนี้ ถึงเห็นว่าเป็นการรักษา
  แต่เขาก็ไม่รู้มากหนักเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บหรือแผลตามตัว ใจจริงและเจตจำนงของบุรุษที่เขาถือคติเขาต้องการแค่จะรู้ว่า
  หญิงนิทราบาดเจ็บตรงส่วนไหนของร่างกายบ้าง ตอนอยู่ที่โบสถเขาช่วยหญิงสาวผู้นั้นออกจากโลงศพ กำลังมองหาบาด
  แผลกับเรียกสติของนาง ระหว่างที่โล่งใจที่เธอคนนี้ยังหายใจ ผ้าเปือกชื้นได้ที่พันตัวของเอได้กองลงบนพื้น แบบหมดปัญหา
  สาวสมุนไพรก็พูดกับชายหนุ่ม ‘ เธอบาดเจ็บหนักตรงไหนบ้างรึเปล่า? ’ เพราะแบบนั้นบังเอิญไปเห็นอะไรบางอย่างน่ะสิ แต่
  แน่นอนฉันก็ยังเห็นแผลผกซำผ่านเสื้อบางคอกลม กับรอยเลือดที่น่าจะซึมออกมาจากหลัง ดูเลือดแล้วตอนนั้นยังคงไหลอยู่
  ระหว่างพงักไปพักหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องเรือนร่างของฝ่ายตรงข้ามฉันก็เริ่มออกมองหาแผลบนต่อ ก็นะฉันได้ถูกสาวสมุนไพรดึงหัว
  ออกมาอย่างไม่ใยดีเหมือนคนที่ฉันรู้จัก ด้วยเหตุนี้ฉันเลยไม่รู้ว่าทั้งตัวเธอจริงๆ มีแผล หรือเจ็บหนักแค่ไหน แต่เห็นจากการที่ยัง
  คงนั่งสงบเงียบตลอดเวลา คงเกี่ยวกับผลกระทบทางจิตใจรึเปล่า?
 
                เมื่อแสงพวกนั้นหายไป ชายหนุ่มก็รีบมองหญิงนิทรา
                จุดผกซำกับแผลถลอกบนใบหน้าได้หายไปแล้ว
                “ ? ”
                นางขยับศีรษะซ้ายขวาเหมือนพึงตื่นนอน ก่อนเปลือกตานางค่อยๆ เลือนปิดลงจากความเหนื่อยล้า
                “ โหย! ”  ชายหนุ่มยืนแขนไปรับตัวหญิงสาว เธอเอนตัวไปข้างหลังอย่างไร้สติของตน
                เมื่อเห็นว่าเธอปิดตาหลับลงได้ แล้วดูเหมือนว่าเธอจะนอนหลับไปจริงๆ ชายวัยกลางคนเริ่มเสนอให้หาเธอที่วางเธอ
  นอนอย่างสงบ เขาประหลาดใจเมื่อเห็นสิ่งมหัศจรรย์
                ก็นะจะบอกเห็นเวทมนต์ครั้งแรก ฉันก็กระโดดยิกยัก ตื่นตาตื่นใจก่อนจะรู้ว่าฉันใช้เวทมนต์ไม่ได้
                “ ท่าน พวกคนที่เหลือท่านก็ช่วยเองล่ะกัน”  โฉมงามเรียกชายหนุ่มด้วยคำใหญ่โต พร้อมมอบถุงผ้าขนาดเล็กในมือ
  ให้  “ วิธีใช้ถ้าใช้กับตัวเองแค่กินเข้าไป ส่วนการใช้รักษาคนอื่นแค่ตั้งใจนึกว่าอยากรักษาให้ใครหลังจากนั้นก็บดขนมให้เป็น
  เศษ “ นางกำลังพูดให้ชายหนุ่มฟัง แต่สิ่งที่นางกำลังทำคือการเทข้อความออกมาทิ้ง และไม่รอรับฟังคำถาม ไม่บอกสิ่งใด
  มากกว่าที่ได้รับสั่ง ” ตามที่ได้รับสั่ง ข้าจะต้องมอบสิ่งนี้ให้เป็นยารักษาส่วนตัวของท่าน จะใช้กับใครตอนไหนข้าไม่ข้องใจกับ
  การตัดสินใจ... ” โฉมงามเว้นวรรคประโยคของนางไว้ชัดเจน ชายหนุ่มหันหน้าตั้งใจฟัง นางเริ่มกล่าวต่อ “ จำนวนชิ้นขนมมี
  สิบแปดชิ้น ขอบอกไว้ก่อนอย่างหวังให้ข้าต้องมารักษาท่านรึ คนพวกนี้อีก ที่กล้าวไปเข้าหูท่านรึไม่? ”
 
                ที่บอกว่าเข้าหูรึไม่ เพราะนางไม่ต้องการความเข้าใจรึคำถามจากปากชายหนุ่ม แค่ประกาศเอาไว้ก่อนว่านาง
                จะไม่พูดอะไรเกี่ยวกับสิ่งที่กล่าวออกไปแล้ว
                ก็เธอคือเธอโมโหนั้นเอง งั้นสินะ?
 
                “ ใช่เข้าเต็มสองหู ”  ชายหนุ่มไม่พอใจโฉมงามกับทิศทางที่เธอแสดงออกมา แม้หน้าตานางจะสวยงามประทับใจ
  เขาก็ตาม เขาหยิบถุงขนมตามชื่อที่ถูกเรียก จากกลิ่นหอมที่คุ้นเคยเขาสามารถบอกได้เลยว่าคือกลิ่นขนมปัง รึในรูปลักษณ์เช่น
  นี้คงเป็นกลิ่นคุกกี้อบ? กลิ่นหอมชวนรับประทาน ไม่สามารถเทียบกับกลิ่มขนมปังแห้งกรอบชื้น บิดทีเดียวกลายเป็นเม็ดทราย
  เขาเปิดดูข้างในถุง ขนมชิ้นเล็กพวกนี้เรียงช้อนไปมาและตามที่โฉมงามบอกดูเหมือนจำนวนชิ้นคงไม่เกินกว่ายี่สิบหรือถึง
  สามสิบ  ชิ้นขนมสี่เหลี่ยมชิ้นเล็กเมื่อมาอยู่ในมือ เขารู้สึกเสียดายที่ต้องบดทิ้งเพื่อรักษาคนอื่น
 
                เดี๋ยวนะ
                “ ถ้าฉันต้องรักษาคนอื่นคือต้องบดทิ้งแล้วนึกถึงคนที่รักษา แล้วทำไมไม่ให้คนที่เจ็บกินเองเพื่อรักษาตัวเอง ก็เธอบอก
  ว่าถ้ารักษาตัวเองก็แค่กินเข้าไปไม่ใช่เหรอ? ”
               “ จะรังเกียจไหมหากข้าจะพูดว่า ‘ หุบปาก ’ แทนคำหยาบคายทุกชนิด ”
                หา…
               “ ไม่ ทำไมครับ... ”  ทำไมหัวใจเหมือนหยุดเต้นไปชั่วขณะ
               “ ข้าเข้าใจแล้วตามประสงค์ ”   แล้วเธอหยุดพูดไปวิหนึ่ง  “ หุบปาก ”
               …
              โอย...
              ทำไมเจ็บจังว่ะ
              อ็ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
              ทำไมรู้สึกว่ามันแรงยิ่งกว่าโดน เพื่อนร่วมงานด่า หรือบุพการีตะโคกใส่ซะอีก
              WHYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYYY
              Y
 
              “ คุณไม่สามารถให้คนพวกนี้ใครคนไหนกิน ซอซิฟิค นอกจากคุณนั้นคือกฎที่ห้ามละเมิดจากผู้คนจากเจ้าของ
  คฤหาสน์ ไม่งั้นฉันจะไล่สาปมนุษย์ทุกทนที่กลืน ซอซิฟิค ลงคอ ”  เธอยืนมองเขาอยู่กับที่พลางขยับเข้ามาใกล้เขารู้ได้
  จากความรู้สึกของชายหนุ่ม เธอมองยืนมองชายหนุ่มที่นั่งเงยหน้ามองกลับมา เธอเริ่มทำให้เขาเสียขวัญ ชายหนุ่มมิ้มมุกปาก
  ให้มีขนาดเล็กลง  “ ถ้า... ถ้าท่านคุณคนนำทางใช้ ซอซิฟิค อย่างเปล่าประโยชน์หรือไม่ตาโพล่งๆ ของท่านมองไม่เห็นคุณค่า
  ข้าจะร่ายตราคำสาปที่แรงยิ่งกว่าตราแรกที่คุณโดนอยู่ เมื่อฉันเห็นพฤติกรรมเหล่านั้นเมื่อใด คำร่ายสั้นๆ คือของที่ฉันยินดีจะ
  มอบให้ ”
 
                ชายหนุ่มหยุดมุบมิ้มมุกปากให้มีขนาดเล็กลง
                “ ผมเข้าใจที่คุณหญิงพูดครับผมจะไม่ให้ใครกินนอกจากผมครับ ”
                เขาไปมองชายวัยกลางคนด้วยคอแข็งๆ
                เกร็บ
                ชายหนุ่มบดขนม ซอซิฟิค หนึ่งชิ้นในมือ
 
 
 
 
[มุมนักเขียน]
สวัสดีท่านนักอ่านทุกท่าน (สังเกตยอดวิวว่ามีคนติดตามรึเปล่า)
เป็นเวลานานมากกว่า นักเขียนจะลงบทใหม่หรือตอนใหม่
นักเขียนไม่ค่อยมากความสามารถเท่าไร จึงไม่สามารถเขียนแยกเยะคำถูกผิดได้หากผิดเพี้ยน
หรืองงงวนก็ขออภัยที่ทำให้เป็นเช่นนั้น ท่านสามารถตามฉบับดัดแปลงคำถูกผิดกับเนื้อหาก่อนได้ที่ ธัญวลัย
ส่วนเว็บขีดเขียนจะเปลื่ยนแปลงเนื้อหาทีหลัง ขอขอบคุณทุกท่านหรือทุกคนที่อ่านมาถึงตรงนี้
จะช่วยให้กับกำลังใจผู้เขียนมากหากมีการพิมพ์คอมเมนต์หากว่ามีคนติดตามเรื่อวนี้อยู่
นักเขียนเห็นตัวเลขคนอ่านเพิ่มขึ้นแต่ก็ไม่แน่ใจว่ามีคนติดตามหรืออ่านยุรึเปล่า
ขอให้ทุกคนสุขภาพดีนะครับ นักเขียนวางแผนไว้ว่าจะกลับไปเขียนผลงานเก่าต่อ
ขอบคุณที่อ่านกันนะ

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

อยากให้เขียนเรื่องไหนต่อก่อน

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา