ลับแลสยอง หนีนรก มาเจอตาย

-

เขียนโดย MyStory

วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2562 เวลา 19.45 น.

  1 ตอน
  0 วิจารณ์
  2,625 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 29 เมษายน พ.ศ. 2562 21.04 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

1) เข้าสู่แดนลี้ลับ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
          ทริปสยองครั้งนี้ มันจะเป็นอย่างไร หากคุณเข้าไปในสถานที่ ที่ห้ามเข้า ซึ่งส่วนหนึ่งของเรื่องเพียงแค่ส่วนเล็กๆ จะมีเรื่องจริงแฝงอยู่ ก่อนอื่นขอขอบคุณข้อมูลสถานที่ และยูทูปที่สร้างเเรงบัลดาลใจในการเเต่งเรื่องนี้ครับ
          ช่วงปิดเทอมฤดูร้อนอันแสนยาวนานของ แอน และเพื่อนๆของเธออีกสามคนคือ บอส นิว และแก้ม พวกเขาใช้เวลาแห่งความสุขเหล่านี้ไปเที่ยวกันที่อุทยานแห่งชาติแหร่งหนึ่ง จังหวัดนครสวรรค์ และได้หารีสอร์ทบริเวณนั้นเป็นที่เรียบร้อย
          หลังจากเก็บข้าวของจนลงตัวแล้ว พวกเขาจึงได้เริ่มทริปอัสแสนสุดน่าสนุกของพวกเขา 
          และในที่สุด พวกเขาก็ได้มาถึงทริปสุดท้าย ซึ่งก็คือ อุทยานแห่งชาติดังกล่าว พวกเขาเริ่มเดินชมพรรณไม้นาๆชนิด และถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนาน ดื่มด่ำไปกับบรรยากาศอันแสนสนชื่นของป่าไม้นาๆพันธุ์ เสียงเหล่านกพากันขับร้องรับความสดชื่นนี้กันอย่างไม่ขาดสาย
          กระทั่งเวลาอาทิตอัสดงมาเยือน พระอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้า  ความมึดใกล้มาเยือน  เสียงจิ้งหรีดเรไร เริ่มพากันส่งเสียง  เจ้าหน้าที่ได้เริ่มประกาศเตือนให้นักท่องเที่ยวเริ่มทยอยออกจากตัวอุทยาน อันเนื่องด้วยเป็นช่วงเย็น อาจมีสัตว์ดุร้ายออกมาหากิน
          แต่ทว่ามันคงไม่ใช่สำหรับทั้งสี่คนนี้นะสิ เมื่อแอนเธอดันนึกอะไรแผลงๆออกมาได้
          แอน:นี่!พวกเรามาตั้งแค้มกันคืนนี้ไหมพวกเรา ไหนๆฉันก็พกเต๊นท์มาด้วย
          เพื่อนๆอีกสามคนจึงพร้อมใจส่งเสียงออกมาโดยมิได้นัดหมายว่า “เห้ยยย”
          นิว ซึ่งบัดนี้ได้ยินสิ่งที่เพื่อนพูด เธอจึงพูดด้วยเสียงสั่นๆว่า
          นิว:แกจะบ้าเหรอ อาหารก็ไม่มี แล้วเราจะกินอะไรกัน
          แอน:เซเว่นไง!อยู่ไม่ห่างจากอุทยานมาก ลงไปซื้อก็ได้
          บอส :นี่แกโง่หรือปล่าว ถ้าเราลงไปก็ถูกเจ้าหน้าที่จับกันพอดีสิ
          จบประโยคเท่านั้นละครับ เสียงฝีเท้าของเจ้าหน้าที่ได้ย่างเข้ามาใกล้พวกเขาเรื่อยๆพร้อมไฟฉาย ซึ่งเวลานั้นแสงสว่างเริ่มน้อยมากแล้ว ราวๆเกือบหกโมงกว่า ทุกคนหันไปมองเจ้าหน้าที่ที่อยู่ห่างจากพวกเขาไปราวๆ50เมตร ด้วยท่าทีสองจิตสองใจ  แต่พอหันกลับมาเท่านั้นละ  แอน เธอได้เดินหนีเพื่อนๆเข้าไปอย่างไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใ่ด ไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ 
          สุดท้ายทั้งหมดจึงได้ตามแอนเข้าไป และจะไม่ทิ้งกัน และในที่สุด ทั้งหมดก็ได้มาถึงลำธารที่อยู่ลึกเข้าไปในตัวอุทยาน และซ่อนตัวพ้นจากเจ้าหน้าที่ ด้วยสกิลการเล่นซ่อนหาที่พวกเขามักเล่นกันบ่อยๆสมัยเด็ก
          แน่นอนว่า แอนโดนเพื่อนๆบ่นยับเยิน แต่เธอกลับไม่สนใจแถมยังพูดอีกว่า
          แอน :ไหนบอกว่าชอบอะไรท้าทายกันไง นี่ไงฉันทำแล้ว ทำเข้าจริงๆ สุดท้ายพวกแกก็ปอด กลัวกันเป็นตุเป็นตะ
          และแอนก็ได้เปิดกระเป๋าของเธอที่แบกมา ซึ่งใบแรกเป็นเต๊นท์นอนได้สี่คน ใบที่สองเป็นหม้อใบเล็กๆกับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอีก6ซอง เพื่อนๆผงะเล็กน้อยที่เห็นเธอเตรียมพร้อมขนาดนี้ คาดว่าเธอน่าจะวางแผนมาแล้ว
          พวกเขาทั้งสี่คนได้กางเต้นบริเวณมุมอับใกล้ลำธารโดยมีการสร้างกับดักกันสัตว์ร้ายไว้ด้วย หลังจากซดมาม่ากันซูดซ้าดเสร็จแล้ว พวกเขาก็เริ่มหรี่ไฟให้เบาลงเพื่อกันเจ้าหน้าที่มาพบ และจู่ๆ แก้ม ก็ได้เล่าเรื่องสยองขวัญเรื่องหนึ่งขึ้นมา เธอเล่าว่า 
          แก้ม :พวกแกเคยได้ยินเรื่องเมืองลับแลของอุทยานแห่งนี้กันไหม
          ทุกพากันส่ายหน้าและบอกว่าไม่รู้ แก้มจึงเล่าต่อ วินาทีนั้น ทุกอย่างเงียบกริบ ไม่มีเสียงของสิ่งมีชิวตใดๆแทรกเข้ามา ทุกคนนั่งล้อมวงเข้าใก้ลกองไฟที่ใกล้ดับ และแก้มจึงดำเนินเรื่องต่อ
          แก้ม:เมื่อปี2558 มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งหายตัวไปราวๆ4วัน หลังจากที่ตามตัวเขากลับมาได้ เด็กผู้ชายเล่าว่า เขาพาสุนัขไปเดินเล่นอยู่ แล้วอยู่ๆ มันก็เหมือนจะตกใจกลัวอะไรสักอย่าง และวิ่งหนีหายไป เขาจึงวิ่งตามไปดู  เขาพบกับเด็กผู้หญิงคนหนึ่งรุ่นราวคราวเดียวกัน เธอชวนเขาไปเล่นด้วยกัน
                เด็กน้อยกล่าวว่าสถานที่ที่เข้าไป มีเพื่อนเยอะแยะมากมาย มีของกินอร่อยๆเพียบ อยู่ได้สักพัก เด็กน้อยเริ่มรู้สึกตัวว่าต้องรีบกลับบ้าน จึงหาทางออกมาจากเด็กๆเหล่านั้น จนมาถึงลำธารแห่งนี้
          พอสิ้นประโยคลำธาร ทุกคนขนลุกตั้งชันขึ้นมา ราวกับมีไฟฟ้าสถิต ความกลัว เสียวสันหลังเริ่มทวีมากขึ้น 
          แก้ม:ยังไม่จบเพียงเท่านั้นนะ เด็กน้อยมาถึงลำธารแห่งนี้ เขาเห็นเจ้าหน้าที่มากมายส่องไฟไปมา เขาพยามส่งเสียงร้องเรียก แต่กลับไม่มีใครได้ยินของเขาเลย ในขณะเดียวกันก็พบเด็กผู้หญิงคนนั้นอีกครั้ง เขาใช้ชีวิตร่วมกับเธอ บางครั้งเขาก็รู้สึกกลัวและหิว บางครั้งก็สนุก  จนวันที่4เริ่มมีแสงสว่างมาที่เขาพร้อมกับเจ้าหน้าที่ที่เขามาช่วยเหลือ แต่เด็กผู้หญิงคนนั้นกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย 
                  เขาสันนิษฐานกันว่า เด็กผู้หญิงคนนั้นอาจมาจากเมืองลับแลของอุทยานแห่งนี้ ซึ่งเมืองลับแลเหมือนกันทุกประการ เพียงแต่เป็นโลกคู่ขนานที่มองไม่เห็น และอาจมีพวกรุขเทวดาที่บุญน้อยไม่ก็เหล่าผีสางที่ไม่มีที่อยู่ก็เป็นได้ หรืออาจเป็นคนปกติ บางทีเด็กผู้ชายคนนี้อาจเข้าไปเยือนอยู่ในเมืองลับแลมาก็ไม่แน่ ถึงได้มองไม่เห็นเจ้าหน้าที่
          สิ้นสุดเรื่องนี้ ทุกคนกอดกันตัวกลม มีแค่บอสคนเดียวที่บอกว่า เรื่องนี้มันก็แค่คำพูดของเด็ก แกอาจจะเพ้อไปเองก็ได้ และอีกอย่างหนึ่งเด็กมันชอบจินตนาการอยู่แล้ว ไร้สาระนา 
          สักพักก็มีเสียง พุ่มไม้ สวบอย่างดัง  สวบบบบ
          ทั้ง4คนพากันสะดุ้งโหยง ผู้ชายอกสามศอกอย่างบอสเองก็ถึงกับผงะรสบดคำหยาบออกมา สาวๆอีก3คนจ้องหน้าบอสด้วยอาการยิ้มสะใจเล็กน้อย กระต่ายตัวน้อยๆพุ่งพรวดออกมาทำอะไรป่านนี้เนี่ย ตอนนี้เองก็ราวๆเกือบสี่ทุ่ม ทุกคนจัดการทำธุระของตัวเองจนเรียบร้อย แล้วพากันเข้าเต๊นท์นอน 
          เวลาราวๆตีหนึ่ง ทุกอย่างเงียบสงัด ไร้แม้กระทั่งเสียงของสิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆ แก้มสะดุ้งตื่น เหมือนมีเสียงบางอย่างกวนใจเธอให้ตื่นขึ้น เธอลืมตา และเพ่งสมาธิไปที่เสียงนั้น เธอฟังไม่ค่อยได้ความ แต่เสียงนั้นเป็นเหมือนเสียงของเด็กผู้หญิงกำลังพูดคุยอยู่กับใครบางคน เมื่อฟังดีๆแล้ว ทำให้แก้มรู้สึกขนลุก ขยับตัวไมไ่ด้คลุมโปง พยามปลุกเพื่อนข้างๆอีก3คน แต่มือไม่มีแรงแม้ที่จะขยับ และหากฟังดูดีๆ เสียงนั้น ไม่ได้มีคนเดียว แต่กลับมีเป็น10พร้อมเสียงฝีเท้าที่เหยียบลงใบไม้ เธอเริ่มตัวสั่น ทำอะไรไม่ถูก น้ำตาไหล เด็กที่ไหนจะมาวิ่งเล่นกันดึกๆดื่นๆในป่าแบบนี้ เธอเพ่งสายตาไปยังมุมโปร่งขอองเต๊นท์ด้านบน เธอเหมือนเห็นแสงสว่างบางอย่าง ค่อยๆสาดส่องเข้ามาจากระยะใกล  เธอคิดว่าต้องเป็นเจ้าหน้าที่แน่ๆ แถมเสียงเด็กๆเหล่านั้นก็เริ่มเเผวเบาจนหายไปในทีสุด เธอหลุดพ้นจากความกลัว แล้วรวบรวมสติปลุกเพื่อนๆอีก3คนของเธอ 
          แอน เธอตื่นขึ้นมาเป็นคนที่2ในขณะที่นิว กับบอสยังหลับสนิท แก้มเล่าทุกอย่างให้แอนฟัง แอนเองก็ตกใจเล็กน้อย แต่เนื่องจากมีกัน2คน จึงพอมีความกล้าที่จะลองออกไปนอกเต๊นท์ดู ทั้ง2คนค่อยๆรูดซิบออกช้าๆชะโงกซ้ายแลขวาอย่างระมัดระวังเพราะกลัวเจ้าหน้าที่มากกว่าเรื่องผีสาง 
          ทั้ง2คนต้องผงะเมื่อแสงสว่างที่สาดมานั้น อยู่บริเวณขวามือถัดจากลำธารไปเล็กน้อย แน่นอนว่ามันไม่ใช่แสงจากไฟฉายแต่อย่างได้ มันมีลักษณะแสง ที่เปิดมาจากประตู ลองคิดดูครับ ในที่มึดๆประตูบานหนึ่งแง้มออกมา มีแสงสว่างเล็ดลอดออกมา อารมณ์ประมานนั้นละครับ แอนและแก้ม ค่อยๆย่องไปใกล้แสงนั้นขึ้นเรื่อยๆแอนเหลือบไปเห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง เดินหายเข้าไปในแสงสว่างลึกลับนั้น ตอนนี้ ทั้งสองคนรู้อย่างสนิทใจว่า นี่มันไม่ปกติแล้วละ แต่ก็ยังทำใจดีสู้เสือ ลุยเข้าไป 
          เมื่อไปถึงตัวแสงสว่างนั้นแสงนั้นกลับสว่างวาปขึ้นจนรอบๆเป็นสีขาวด้วยแสง และแสงนั้นก็ค่อยๆดับลง ทั้งสองคนตกใจ มองรอบสิ่งรอบข้าง ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม แก้มซึ่งขนาดนี้กลัวมาก เธอบอกให้แอนรีบกลับเต๊นท์ แอนเองก็เริ่มเขาอ่อนแล้วเช่นกัน เธอจึงรีบจับมือแก้ม และวิ่งกลับไปที่เต๊นท์  แต่สิ่งที่ต้องสร้างความตกใจให้พวกเธอทั้งสองคนคือ  เต๊นท์ ได้หายไปแล้วว!!!
      

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับเรื่องสั้นเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา