โรคล้างโลก

-

เขียนโดย ปั้นปึ่งยิ้ม

วันที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2563 เวลา 09.04 น.

  2 ตอน
  1 วิจารณ์
  2,396 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 11 มกราคม พ.ศ. 2564 14.12 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

2) -

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

               ...ครั้นพอรับประทานอาหารบ่ายกับแม่เสร็จเรียบร้อย ปาลิตากับแม่ก็เดินกลับมายังเคาน์เตอร์ติดต่อสอบถาม ระหว่างทางพวกเธอพบผู้ป่วยและญาติผู้ป่วยมากมาย มีผู้ที่เสียชีวิตด้วยโรคโควิด 19 ด้วย พวกเธอแสดงความเสียใจผ่านทางสายตา ไม่กล้าเดินเข้าไปพูดปลอบใจอย่างเป็นสารัตถะทางการ เพราะใจหนึ่งเกรงติดเชื้อจากญาติผู้เสียชีวิต อีกใจหนึ่งก็หวั่นจะต้องถึงคิวบอกลาของตัวเอง สวนขบวนความเศร้าโศกไปสองสามเตียงรถเข็น ทั้งสองก็มาถึงเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ ซึ่งมีพยาบาลนั่งรอตอบคำถามอยู่สองคน แม่เป็นฝ่ายถามขึ้นก่อน

               "ขอโทษนะคะ..."

               "ติดต่อสอบถามอะไรหรอคะ" พยาบาลหนึ่งในสองถามแทรกมาทันทีที่ประยงค์กับปาลิตาหยุดยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์

               "สอบถามเกี่ยวกับผู้ป่วยติดเชื้อโควิดหน่อยค่ะ คือหลังจากตรวจเจอเชื้อครั้งแรกแล้วคุณหมอพาคนไข้ไปทำการรักษา แล้วตอนนี้คนไข้อยู่ที่ไหนหรอคะ คือหายไปเลยตั้งแต่ห้าโมงกว่า ไม่มีใครมาแจ้งให้ทราบเลยว่าสามีพี่เป็นอย่างไรบ้างน่ะค่ะ"

               "กรณีผู้ป่วยโควิดนะคะ หากตรวจเจอเชื้อครั้งแรก แต่อาการไม่สาหัสนักหมอจะให้ยา ซึ่งผู้ป่วยสามารถกลับไปรักษาอาการป่วยที่บ้านได้ โดยสวมใส่หน้ากากอย่างมิดชิด ล้างมือบ่อย ๆ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ รับประทานยาตามที่หมอสั่ง และให้พักผ่อนมาก ๆ ค่ะ แต่ถ้าอาการค่อนข้างรุนแรงหมอจะให้อยู่รักษาอาการป่วยที่โรงพยาบาลค่ะ"

               คำว่า 'อาการรุนแรง' ทำให้สาวใหญ่วัยกลางคนใจเสีย พยาบาลคนที่สองจึงแนะนำให้เช็ครายชื่อผู้ป่วยที่ห้องบัตรที่อยู่ถัดไป หญิงสาวเป็นฝ่ายเดินจูงมือแม่ ส่งผ่านความรู้สึกอบอุ่นจากมือหนึ่งสู่อีกมือหนึ่ง เธอหวังว่าแม่จะเข้มแข็งพอ สอบถามห้องบัตรจนรู้ว่าเตวิทย์...ผู้เป็นพ่อและสามีกำลังนอนให้น้ำเกลืออยู่ที่ห้องพักผู้ป่วยพิเศษ สองสาวต่างวัยสวมชุดปลอดเชื้อแง้มประตูเดินเข้าไปเยี่ยมเขาอย่างช้า ๆ เกรงว่าจะรบกวนสมาธิของหมอและพยาบาล ครั้นเตวิทย์เห็นภรรยากับลูกสาวก็ส่งยิ้มให้ เขาต้องการแสดงให้พวกเธอเห็นว่าเขายังแข็งแรงดี ไม่ต้องเป็นห่วง

               "ไง จะกล้าซ่าอีกมั้ยพ่อ" นี่คือประโยคแรกที่แม่ทักทายพ่อ แม่ในตอนนี้คงหมดกังวลแล้ว

               "สวัสดีจ้ะพ่อ" ปาลิตาทักทายพ่อบ้าง

               "สวัสดีจ้ะลูก คงไม่อีกแล้วแม่ เจ็บนี้อีกนานนนนนนนนน" พ่อหัวเราะ

               "ไม่ต้องห่วงนะครับคุณลุงคุณป้า อาการป่วยของคุณลุงไม่หนักเท่าไร พักรักษาตัวอีกประมาณสองสัปดาห์ก็กลับบ้านได้แล้วครับ" หมอเจ้าของไข้กล่าวคอนเฟิร์มเรียกความมั่นใจให้คนไข้และครอบครัว

               "ขอบคุณนะครับหมอ ผมจะไม่ประมาทในการดูแลสุขภาพอีกแล้วครับ"

               "ปฏิญาณแล้วปฏิบัติด้วย" แม่มองค้อน

               "จ้าคุณแม่"

               วัฏจักรความกังวล ความเศร้าโศกยังคงดำเนินต่อไป หากภัยโคโรนายังคงแพร่ระบาด มนุษย์ยังคงต้องสูญเสียคนที่รัก เพราะการใช้ชีวิตที่ไม่เป็นระเบียบ ยึดความมักง่ายเป็นหลักการดำเนินชีวิต กลัวตายแต่ไม่รักชีวิต ความเห็นแก่ตัวของคนที่คุณรัก ในสภาวะที่โรคกำลังทำความสะอาดโลกให้น่าอยู่ยิ่งขึ้น เราจะทำอย่างไรให้สามารถอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้ เราต้องมีวินัยในตนเอง สวมหน้ากากทุกครั้งเมื่อออกไปข้างนอก ล้างมือให้เป็นนิสัย เมื่อรู้ว่าอยู่ในพื้นที่เสี่ยงต้องรู้จักกักบริเวณตนเอง ตรวจเจอเชื้อก็ต้องเข้ารับการรักษาอย่างถูกต้อง อย่าอาย อย่าหลบซ่อน อย่าทำให้คนอื่นเดือดร้อน ความป่วยเป็นธรรมดาที่ทุกคนต้องเจออยู่แล้ว แค่เราจะป่วยด้วยโรคอะไรแค่นั้น คนที่เกิดมาแล้วไม่รู้จักป่วยนั้นไม่มี ปาลิตาหวังว่าความร่วมมือจะเป็นเกราะป้องกันโคโรนาได้ หวังเหลือเกินว่าบนถนนจะมีคนถอดหน้ากาก แล้วทักทายกัน ยิ้มให้กันเหมือนก่อนที่โคโรนาจะลงมือพิพากษาคนอิตาลี คนสหรัฐฯ คนจีน คนเกาหลี คนพม่า และคนไทยเป็นว่าเล่นเช่นทุกวันนี้

               กระจกรถถูกเลื่อนเปิดออก กระแสลมกลับมาพัดอย่างใจเย็นอีกครั้ง...

               "น้าคะ พวงมาลัยมะลิพวงนึงค่ะ"       

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับเรื่องสั้นเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา