กวางป่าของพระยา(รศิน)

-

เขียนโดย แอสโตร

วันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 เวลา 08.13 น.

  1 chapter
  0 วิจารณ์
  1,997 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 20.47 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

1) กวางป่าของพระยา(รศิน)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
"ท่านพระยาวันนี้ท่านจักออกเรือนไปล่ากวางป่าหรือไม่ขอรับ"ปืนเด็กในเรือนเอ่ยถามขึ้น รศินเงยหน้าขึ้นมาจากตำราก่อนจะจัดการปิดผนึกมันลงไป ปากหนายกยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาอย่างไม่ปกปิดในยามที่นึกถึงร่างขาวนวลราวกับหญิงสาวของกวางหนุ่มที่อยู่ในพนา
 
"เจ้าว่ากวางน้อยของข้าจักออกมาเดินเล่นอีกหรือไม่"ร่างสูงที่นั่งอยู่เอ่ยถามขึ้นสายตาทอดมองออกไปยังทางเบื้องหน้า ภายในใจเขาครุ่นคิดถึงร่างของกวางหนุ่มที่ออกมาแปลงกายในยามค่ำคืนใต้แสงจันทร์ที่ลอยเด่นอยู่บนนภา
 
ผิวขาวนวลน่าสัมผัสกับเครื่องหน้าที่ดูหวานละมุนไหนจะปากบางที่น่าลิ้มลองนั่นอีก แค่คิดก็พลันทำให้ร่างกายสั่นสะท้านไปทั้งตัว อยากสัมผัส อยากเอ็นดู อยากทะนุถนอม
 
ความคิดของท่านพระยานั้นช่างสวนทางกับสีหน้าและแววตาที่แสดงออกมามากโข เพราะในแววตาฉายชัดออกมาว่าอยากจะกลืนกินเจ้ากวางน้อยเต็มทนเหมือนกับสัตว์ร้ายที่กระหายเหยื่อยังไงอย่างงั้น
 
"คืนนี้เป็นคืนจันทร์เต็มดวงกระผมคาดว่ากวางน้องของท่านต้องออกมาเป็นแน่แท้"ปืนตอบคำถามของท่านพระยาออกไปทันทีที่อีกฝ่ายกล่าวจบ
 
"อืม ข้าฝากเจ้าเตรียมม้าให้ข้าที คืนนี้ข้าจักออกไปล่ากวางน้อย"รศินละสายตาจากทางเบื้องหน้าก่อนจะมองไปยังปืนบ่าวคนสนิทที่นั่งอยู่ ปากหนายกยิ้มออกมาน้อยๆ เมื่อคิดว่าคืนนี้จะได้เชยชมกวางน้อยที่เฝ้ารอมาแรมเดือน
 
"ขอรับท่านพระยา"ปืนว่าพลางยกมือไหว้ขึ้นเหนือหัวก่อนจะคลานเข่าออกไปเตรียมสิ่งที่ท่านพระยาเอ่ยขอ
 
“คืนนี้พี่จักไม่ยอมปล่อยเจ้าไปแล้วหนา” รศินพึมพรำกับตนเอง ถึงฟ้าจะถล่ม แผ่นดินจะทลาย ไม่ว่าอันใดจะเกิดขึ้นก็จักไม่ยอมปล่อยเจ้ากวางน้อยไปเป็นอันขาด หากปล่อยไปก็ไม่รู้ว่าคราใดจะได้เจอ
 
 
 
 
 
 
 
☁☁☁☁☁
 
 
 
 
 
 
 
ค่ำคืนที่เงียบสงัดไร้ซึ่งแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ แต่กลับมีแสงจันทร์สีนวลตาลอยเด่นหราอยู่บนฟากฟ้า เสียงร้องของสัตว์ตัวน้อยดังมาแว่วๆ ราวกับบทเพลงขับกล่อมบรรเลงให้เข้าสู่ห้วงนิทรา แต่ไม่ใช่กับชายหนุ่มทั้งสองที่เดินออกมาจากเรือนหลังใหญ่
 
ร่างสูงของรศินที่แต่งกายด้วยอาภรณ์เฉกเช่นเดียวกับชาวเมือง ไม่ได้ใส่เครื่องประดับยศอันใด แต่กลับกลบบรรมีที่แผ่ออกมาไม่ได้ ผมที่ปรกลงมาบนหน้าหล่อคมถูกเสยขึ้นด้วยมือหนา
 
“ข้าร้อนใจยิ่งนัก กลัวว่าข้าจักไม่ได้เจอกวางน้อยของข้า” รศินเอ่ยขึ้นด้วยความร้อนใจจนอยู่ไม่สุขเมื่อถึงคราที่จะต้องออกเดินทาง เขาครุ่นคิดไปต่างๆ นานาถ้าไม่ได้เจอครานี้จะทำเช่นไร
 
“กระผมว่าคืนนี้ท่านพระยาคงไม่ผิดหวังเหมือนที่ผ่านมาหรอกขอรับ” ปืนเอ่ยปลอบใจผู้เป็นนายขึ้น
 
“ข้าก็หวังว่าจักเป็นเช่นนั้น” ร่างสูงกล่าวขึ้นเป็นเวลาเดียวที่มาถึงม้าศึกคู่กายพอดิบพอดี
 
“คืนนี้เจ้าจงพาพ่อไปหากวางน้อยหนา เจ้าจักได้มีแม่เสียที” รศินกล่าวขึ้นพลางลูบแผงคอของม้าศึกคู่กายที่เขารักเสมือนลูก เจ้าม้าก็ช่างแสนรู้ตอบรับอย่างแข็งขันกับคำของผู้เป็นนายที่มอบหมายหน้าที่ให้กับตน
 
“ได้เพลาแล้วขอรับท่านพระยา” ปืนเอ่ยขึ้นกับผู้เป็นนายอย่างนอบน้อม รศินใช้มือหนาจับบังเหียนก่อนจะใช้เท้าซ้ายเหยียบโกลนเอาไว้ ร่างสูงจัดการยันตัวขึ้นบนหลังม้าอย่างสง่าผ่าเผยราวกับจับวาง ปืนที่ยืนอยู่เมื่อเห็นผู้เป็นนายขึ้นบนหลังม้าเสร็จแล้วเจ้าตัวจึงทำแบบเดียวกัน
 
ชายหนุ่มร่างสูงทั้งสองควบม้าออกเดินทางมุ่งตรงไปยังพนาที่โอบล้วมไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ตลอดจนเสียงร้องของสัตว์ป่าที่ออกมาหากินในยามค่ำคืน เช่นเดียวกับเขา
 
“ท่านพระยาจักไปหาที่ใดก่อนหรือขอรับ” ปืนกล่าวขึ้นเมื่อควบม้าเข้ามาในป่าลึกพอสมควรที่อาจจะทำให้หลงหากไม่ชำนาญเส้นทาง
 
“ข้าจักไปทาที่ธารน้ำ” รศินเอ่ยตอบคำถามออกไปตาคมยังคงสอดส่องหาร่างที่ตนเองตามหา
 
“ขอรับ”
 
รศินควบม้ามุ่งตรงไปยังลำธารที่อยู่กลางป่าเป็นบริเวณเดียวกับที่เขานั้นได้พบกับเจ้ากวางน้อยที่แปลงกายเป็นมนุษย์ ภาพในวันนั้นยังคงตราตรึงหัวใจของเขาเอาไว้ เมื่อนึกถึงยามที่ได้สบตากับคนที่อยู่ตรงหน้าเหมือนสติของเขาได้หลุดลอยหายไป กว่าจะได้สติกลับมาเจ้ากวางน้อยก็ได้หนีหายไปพร้อมกับหัวใจเขาเสียแล้ว
 
“ท่านพระยาขอรับ!!” ปืนเอ่ยขึ้นด้วยความตื่นเต้นที่เขานั้นมองเห็นคนที่ผู้เป็นนายเฝ้าตามหาอย่างลืมตัว
 
“เจ้าอย่าได้เสียงดังไป กวางน้อยของข้าจักได้หนีหายไปอีกหนา” รศินเอ่ยปรามเสียงดุ
 
“กระผมขออภัยขอรับ” ปืนว่าอย่างสำนึกผิดพลางทำหน้าเศร้า
 
“ข้ามิได้ว่าเจ้าหรอก ข้าแค่มิอยากให้เจ้าเสียงดังไปก็เท่านั้น” รศินเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นบ่าวคนสนิทของตนนั้นตีหน้าเศร้า ถึงเขาจะเป็นนายแต่ยังไงเขาก็นับคนข้างกายว่าเป็นเพื่อนอยู่ดี
 
“ขอรับ” ปืนตอบกลับด้วยสีหน้าที่ดีขึ้น ท่านพระยาก็คือท่านพระยายังคงใจดีและแคร์ความรู้สึกคนอื่นเสมอ
 
 
 
 
 
☁☁☁☁☁
 
 
 
 
 
 
 
รศินก้าวลงจากบนหลังม้าหลังจากที่เห็นร่างของคนที่ตามหากำลังแหวกว่ายน้ำเล่นอยู่ในลำธารสีเขียวราวกับมรกต ร่างกายขาวผ่องเมื่อต้องกับแสงจันทรายิ่งขลับให้ดูขาวนวลยิ่งขึ้นร่างสูงมองภาพนั้นด้วยความหลงใหลเต็มประดา
 
“เจ้าไปรอข้าอยู่ที่อื่นไป ข้าจักลงไปหากวางน้อยของข้า” รศินหันกับไปกล่าวกับคนที่อยู่ด้านหลัง เขาจะไม่อยากให้ใครได้มองกวางน้อยของเขาเป็นแน่ถึงเป็นเพื่อนเขาก็จักไม่ยอมเป็นอันขาด
 
“ขอรับ” ปืนตกปากรับคำก่อนจะขึ้นม้าแล้วควบออกไป
 
ร่างสูงที่เห็นอีกคนควบม้าออกไปจึงหันไปสนใจคนที่กำลังแหวกว่ายน้ำอยู่ในลำธารอีกครั้ง ปากหนายกยิ้มขึ้นเล็กน้อย
 
“พี่เจอเจ้าแล้วหนากวางน้อย พี่จักไม่ยอมให้เจ้าหนีหายไปไหนอีกแล้ว” ร่างสูงว่าพลางเปื้องอาภรณ์ที่สวมใส่อยู่ออกจากร่างกาย ขาแกร่งก้าวลงในน้ำทีละก้าวก่อนจะดำน้ำหายไปอย่างรวดเร็ว
 
ศิลาที่แหวกว่ายอยู่หันไปมองยังต้นเสียงกับไม่พบสิ่งในเจ้าตัวหวังจะหันกลับไปแต่กลับมีมือหนึ่งดึงเขาให้ลงไปยังใต้น้ำ ก่อนจะรู้สึกถึงความนุ่มหยุ่นที่ทาบทับลงมาบนริมฝีปากของเขาอย่างถือวิสาสะ
 
“อือ” ปากบางส่งเสียงร้องออกมาปากที่อ้าออกทำให้มวลน้ำที่อยู่รอบกายเข้าไปในโพรงปากพร้อมกับลิ้นร้อนที่ถูกสอดแทรกผ่านเข้าไปอย่างง่ายดาย ลิ้นหนาหยอกล้อกับลิ้นเล็กอย่างเมามัน มือหนาถูกยกขึ้นมาประคองท้ายทอยและเอวบางเอาไว้ทั้งสองแลกเปลี่ยนอากาศให้แก่กันก่อนที่จะโผล่พ้นน้ำ
 
ศิลาที่พึ่งโผล่พ้นน้ำรีบโกยอากาศเข้าสู่ปอด ร่างบางได้แต่หอบหายใจแฮ่กๆ อยู่อย่างนั้นโดยมีร่างสูงประคองเอวบางเอาไว้
 
“พี่หาเจ้าเจอแล้วหนากวางน้อย พี่จักไม่ยอมปล่อยเจ้าไปไหนอีกแล้ว” ร่างสูงเอ่ยขึ้นพลางก้มจูบหัวไหล่มนจนขึ้นสีกุหลาบ ก่อนจะเปลี่ยนตำแหน่งไปยังคอระหงจูบซับอยู่อย่างนั้นซ้ำๆ คนตัวเล็กทำได้เพียงแค่หอบหายใจเท่านั้นไม่อาจโต้ตอบสิ่งใดได้
 
“พี่เป็นของเจ้าตั้งนานแล้ว เจ้าเป็นของพี่เถิดหนา” ร่างสูงเงยหน้าขึ้นมาก่อนจะจรดริมฝีปากบนหน้าผากใส เอ่ยถามออกไปด้วยความเว้าวอนอย่างถึงที่สุด
 
หน้าหวานแดงซ่านขึ้นมาทันทีที่อีกฝ่ายเอื้อนเอ่ยออกมา ศิลาพยายามที่จะหลบสายตาของคนตรงหน้าแต่กลับมีมือหนามาจับประคองแก้มใสไว้ไม่ให้หันหน้าหนี
 
“กวางน้อยเป็นของพี่เถิดหนา พี่จักตายเพราะพิษรักจากเจ้าอยู่แล้ว”
 
“ข้ามิได้ทำอันใดพี่ท่าน” ศิลาเอ่ยขึ้นพร้อมกับช้อนตามองอีกฝ่ายอย่างกล้าๆ กลัวๆ
 
“เจ้าขโมยหัวใจของพี่ไป เจ้าจักยังคิดว่ามิได้ทำอันใดอีกหรือ” รศินกล่าว ออกไปตามความจริงทุกประการว่าคนตรงหน้านั้นได้ขโมยหัวใจของเขาไปตั้งแต่ครั้งแรกที่สบตากัน ใจของเขาก็ไม่เป็นของเขาอีกต่อไป
 
“ชาวเมืองช่างมีกลอุบายมากนัก ข้าจักเชื่อพี่ท่านได้เยี่ยงไร” ศิลาเอ่ยขึ้นทันทีที่อีกฝ่ายพูดจบ
 
“เชื่อพี่เถิดกวางน้อย พี่ลงหลักปักใจที่เจ้าตั้งแต่คราแรกที่เจอเจ้าแล้วหนา” ร่างสูงว่าพลางล้มลงไปคลอเคลียที่ริมฝีปากอิ่มที่เขาเฝ้าฝันจะได้ลิ้มลอง
 
“พี่ไม่มีทางที่จักมุสาเจ้าหรอก” รศินเปลี่ยนตำแหน่งไปคลอเคลียที่หูขาวก่อนจะขบเม้มอย่างแผ่วเบา
 
“ชาวเมืองเจ้าเล่ห์เยี่ยงพี่ท่านทุกคนหรือไม่” ศิลาว่าพลางย่นหอหนีทันทีที่ถูกขมเม้มเข้าที่ลำคอขาวจนรู้สึกเจ็บ
 
“หึ” ร่างสูงหัวเราะในลำคอกับสิ่งที่อีกฝ่ายเอ่ยถามออกมา
 
“พี่ท่านเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก”
 
“พี่มิได้เจ้าเล่ห์หรอก พี่มีสิ่งใดพี่มิเคยคิดที่จะปิดเจ้าแม้แต่อย่างเดียว” รศินว่าพลางใช้มือหนาจับข้อมือขาวมาทาบทับลงมายังแก่นกายที่อยู่ภายใต้ธารา
 
“หึ เห็นไหมพี่มิได้มุสาเจ้าหรอก พี่มีสิ่งใดพี่ไม่เคยปิดเจ้าแม้แต่น้อย” ศิลาได้แต่อึ้งกับสิ่งที่ร่างสูงตรงหน้าทำแถมมือของเขายังกอบกุมสิ่งที่ใหญ่โตจนกำไม่มิด
 
“ขึ้นจากน้ำเถิดพี่จักกกกอดเจ้ายันฟ้าสางเพื่อคลายความหนาวให้เจ้าเอง” รศินว่าพลางใช้มือช้อนตัวของตนตัวเล็กที่ยังนิ่งงันพลางยกยิ้มมุมปาก
 
 
 
 
 
☁☁☁☁☁
 
 
 
 
 
รศินที่อุ้มร่างของกวางน้อยขึ้นมาจากน้ำจัดการวางเจ้ากวางน้อยลงบนโขดหินอย่างแผ่วเบา ราวกับกลัวว่าร่างตรงหน้าจะบุบสลาย
 
“พี่จักไม่พูดให้มากความอีกแล้วหนา พี่เป็นของเจ้าแล้วเจ้าก็จักต้องเป็นของพี่เพียงผู้เดียว” รศินว่าพลางก้มลงจู่โจมยอดอกที่ชูชันรับริมฝีปากร้อน ศิลาเเอ่นอกรับกับสัมผัสแปลกใหม่อย่างเผลอไผลมือบางจิกเกร็งลงบนหลังแกร่งอย่างลืมตัว
 
ปากหนาลากลงต่ำเรื่อยๆ ก่อนจะจัดการพรมจูบซอกขาขาวให้ขึ้นสี หน้าหล่อคมเงยหน้าขึ้นเพื่อดูผลงานชิ้นโบแดงที่เขาบรรจงสรรค์สร้างมันขึ้นมา
 
“เจ้าช่างงามเกินใครเสียจริง มิมีผู้ใดงามเท่าเจ้าอีกแล้ว” ปากหนาพร่ำหยอดคำหวานให้คนที่นอนหอบหายใจอยู่ตรงหน้า
 
“พี่จะกกกอดเจ้าเอาไว้ไม่ให้หนีหายไปไหนแล้วหนา” มือใหญ่ถูกส่งไปแหวกสองขาเรียวให้ออกจากกัน ก่อนจะจัดการเบิกทางให้กับคนตรงหน้า
 
“พี่ท่าน….ข้า…..เจ็บ” ศิลาที่หอบหายใจแฮ่กๆ ว่าขึ้นด้วยเสียงที่ขาดห้วงเนื่องจากได้รับสิ่งแปลกใหม่เข้ามาในร่างกาย
 
“ถ้าพี่มิทำเช่นนี้เจ้าจะเจ็บกว่านี้หนา ทนหน่อยนะกวางน้อยของพี่” ร่างสูงว่าพลางพรมจูบที่ขมับอย่างปลอบโยนก่อนจะเพิ่มนิ้วเข้าไป จากหนึ่งเป็นสอง จากสองเป็นสาม คนที่เคยพร่ำบอกว่าเจ็บยิ่งนักแต่บัดนี้กับครางเสียงหวานหูให้ร่างสูงตรงหน้าได้ยกยิ้มนึกเอ็นดู
 
“พี่จักเข้าไปในตัวเจ้าแล้วหนากวางน้อย” รศินว่าพลางจ่อสิ่งใหญ่โตไว้ที่ปากทางเข้า
 
“ศาสตราวุธพี่ท่านช่างใหญ่โตนัก มันจักเข้ามาในตัวข้าได้เยี่ยงไรเล่า” ศิลาว่าพลางมองสิ่งใหญ่โตที่อยู่ตรงหน้าอย่างกล้าๆ กลัวๆ
 
“หึ เจ้ากินเก่งจักตายของพี่แค่นี้เข้าไปในตัวเจ้าได้อยู่แล้ว” ร่างสูงว่าพลางกดส่วนหัวเข้าไป ถึงกับต้องร้องซี๊ดปากออกมาเมื่อภายในโพรงอุ่นนั้นรัดแน่นเสียจนเข้าขยับแก่นกายแทบจะไม่ได้
 
“กวางน้อยไม่ต้องกลัวไปพี่อยู่ตรงนี้” ร่างสูงว่าพลางก้มจูบปากอวบอิ่มก่อนจะแทรงลิ้นร้อนเข้าไปในโพรงปาก ลิ้นเล็กพยายามเกี่ยวตวัดเฉกเช่นกับที่รศินเคยทำ แต่มันกลับไม่เป็นประสา ร่างสูงที่เห็นคนตรงหน้าเริ่มผ่อนคลายจึงดังแก่นกายเข้าไปสนสุดลำ
 
“อึก พี่ท่าน” ศิลาที่พึ่งจะรับสิ่งแปลกใหม่เข้ามาจนสุดลำถึงกับจุก เอ่ยเรียกชื่อของคนที่ดันสิ่งใหญ่โตเข้ามาในกายของเขา
 
“พี่บอกแล้วว่าพี่มิเคยมุสาเจ้า ที่พี่บอกว่าเจ้ากินเก่งพี่พูดความจริงมิได้มุสาเจ้าแม้แต่น้อย” ศิลาก้มดูสิ่งที่เชื่อมต่อกันอย่างเขินอาย ตัวที่เคยแดงด้วยน้ำมือของรศินบัดนี้กลับยิ่งแดงก่ำด้วยความเขินอายกับคำที่อีกฝ่ายเอื้อนเอ่ยออกมา
 
“พี่ท่านหยุดพูดเลยหนา ข้ามิได้หน้าหนาเยี่ยงพี่ท่าน” คนตัวเล็กมองค้อนไปยังร่างสูงที่อยู่ตรงหน้าอย่างคาดโทษ รศินไม่ได้เอ่ยตอบอะไรออกไปเจ้าตัวจัดการชักแก่นกายออกมาจนเกือบจะสุดลำก่อนจะกระแทกเข้าไปใหม่อีกครั้ง
 
“อ่าส์...” การกระทำนั้นเรียกเสียงครางหวานหูได้เป็นอย่างดี ร่างสูงไม่รีรอจัดการกระแทกซ้ำๆ ตรงจุดกระสันของคนตรงหน้าอย่างไม่ปรานี ปากบางอ้าปากร้องครางเสียงหวานไม่ขาดสายก่อนจะปลดปล่อยออกมาในที่สุด
 
“เจ้าไม่รอพี่เลยหนากวางน้อย” ร่างสูงว่าพลางหยอกล้อกระแทกแก่นกายเข้าออกช้าๆ แต่หนักแน่นราวกับตอกเสาเข็มยังไงอย่างนั้นก่อนจะปลดปล่อยออกมาในที่สุด น้ำสีขาวขุ่นไหลย้อนออกมาจากรูรักสีหวาน ร่างสูงยังคงขยับแก่นกายที่อยู่ภายในเรียกให้เกิดเสียงน่าอายดังขึ้น
 
ศิลาได้แต่นอนหอบหายใจอยู่อย่างนั้นด้วยดวงตาปรือเหมือนจะหลับให้ได้อยู่อย่างนั้น
 
“พี่บอกเจ้าแล้วหนากวางน้อย ว่าพี่จักกกกอดเจ้าให้คลายหนาวตลอดทั้งคืน” ร่างสูงว่าพลางกระแทกแก่นกายเข้าไปอีกครั้ง บทเพลงรักกำลังเริ่มขึ้นอีกครั้งและอีกครั้งท่ามกลางแสงจันทร์ที่ลอยเด่นอยู่บนนภากับธาราที่ไหลริน……...
 
 
 
 
 
 
 
 
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราคิดได้ตอนตากผ้านะคะ แง~ต้าว เราเป็นนักหัดเขียนมือใหม่ยังไงก็ขอฝากตัวด้วยนะคะผิดพลาดส่วนไหนชี้แนะเราได้นะสุดท้ายนี้เราขอให้ทุกคนเอ็นดูตัวละครของเราแล้วตัวเราด้วยนะคะ❤️
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับเรื่องสั้นเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา