{Fic Naruto} Behind The Scene Konoha Love Story

-

เขียนโดย LadyTyrell

วันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2560 เวลา 00.59 น.

  26 ตอน
  0 วิจารณ์
  22.08K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2560 02.14 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

25) I never know (third)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
          สายตาอันคมกริบที่กำลังจะปิดลงจำเป็นต้องพยายามโฟกัสอีกครั้งเมื่อเห็นร่างที่ถูกพันธนาการของคนที่เขาเพิ่งจะนึกถึงเมื่อกี้จมดิ่งลงมาอยู่ในระดับเดียวกับเขาแต่ครั้งนี้ร่างกายของเจ้าหล่อนเหลือเพียงแค่ครึ่งท่อนและคงจะสลายหายไปในไม่ช้าแน่ ๆ
          คาถาปลดพันธนาการสำเร็จแต่ก็ทำให้คนที่ใช้จักระอย่างสิ้นเปลืองรู้สึกเหนื่อยไม่น้อยแต่ถึงอย่างนั้นเถอะ เธอจะต้องฆ่ายายป้าหน้าโหดคนนั้นให้ได้ โทษฐานที่บังอาจทำแบบนี้กับพวกพ้องของเธอ! ดวงตากลมโตสีน้ำตาลทอดมองร่างสูงที่เบิกตากว้างด้วยความตกใจอีกครั้ง เธอพยายามสื่อความหมายผ่านทางสายตาให้เขาว่าเธอจะกลับมาช่วยภายในอีกหนึ่งนาที!
 
          มือเรียวของซาโตมิกวักน้ำขึ้นมาล้างหน้า หล่อนรู้ดีว่ามิคิโอะจะจัดการกับเจ้านินจาที่คาบเข็มคนนั้นได้อย่างง่ายดายดังนั้นหล่อนก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเข้าไปร่วมวงต่อสู้ให้เสียเวลา คิดแล้วก็เสียดายที่โรคุนั้นช่างโง่เขลาปล่อยให้ตัวเองถูกจัดการได้ง่าย ๆ แบบนั้นได้อย่างไรกัน
          เสียงปลาตัวเล็กกระโดดขึ้นมาจากน้ำทำให้นินจาสาวอดที่จะเงยหน้าไปมองไม่ได้แต่แล้วมันกลับไม่ได้ลงไปในน้ำอย่างที่คิดไว้เพราะเจ้าปลาน้อยตัวนั้นกำลังลอยมุ่งหน้ามายังหล่อน!
          จากร่างปลาตัวเล็กกลายเป็นฟูจิวาระ อายากะอีกครั้งเมื่อเธอคลายคาถาแปลงร่างออก คุไนที่ซ่อนอยู่ในเสื้อถูกดึงออกมาด้วยความรวดเร็วพร้อม ๆ กับการเคลื่อนไหวเข้าหาคู่ต่อสู้ที่เร็วจนสายตาปกติไม่สามารถจับสังเกตได้
“ตายซะเถอะยายป้าหน้าโหด สำหรับที่แกทำกับเขาและฉัน!”
          สิ้นเสียงของอายากะ คุไนที่เธอถือไว้ก็เสียบทะลุตรงลำคอบางของซาโตมิจนมิดด้าม นินจาสาวแห่งคุโมะงาคุเระเบิกตากว้างพร้อมกับกระอักเลือดออกมา หล่อนไม่แม้แต่จะพูดอะไรออกมาเป็นคำสุดท้ายได้เพราะหลอดเสียงถูกทำลายไปพร้อม ๆ กับที่คุไนแทงทะลุเข้าลำคอ
“เจ้าเก็นมะกำลังเจอศึกหนักอยู่สินะแต่ตอนนี้ถ้าเราไม่รีบลงไปช่วยตาแก่ลามกนั่น…ไม่รอดแน่ ๆ”
          ร่างบางรีบกระโดดลงไปในน้ำอีกครั้งพร้อมกับดำดิ่งลึกลงไปเพื่อหาร่างของคาคาชิที่กำลังจะรอดแหล่มิรอดแหล่ เธอไม่รู้ว่าตัวเองคิดผิดหรือคิดถูกที่ตัดสินใจจัดการกับซาโตมิก่อน
 
          ร่างสูงของฮาตาเกะ คาคาชิถูกลากขึ้นมาจากน้ำด้วยความทุลักทุเลเพราะคนที่ลงไปช่วยเขานั้นเป็นเพียงหญิงสาวตัวเล็ก เธอพยายามออกแรงลากเขามาไว้บนพื้นหญ้าพร้อมกับสังเกตรอบตัวว่าจะมีศัตรูบุกเข้ามาโจมตีหรือไม่
“คาถาอัญเชิญ!”
“เรียกฉันมีอะไรเหรออายากะ” หมาป่าสีขาวตัวน้อยเอ่ยขึ้นเมื่อถูกผู้ที่ทำสัญญาเลือดเรียกออกมา
“ช่วยดูหมอนี่ให้หน่อย…ฉันจะรีบไปช่วยเก็นมะทางโน้นแล้วจะรีบกลับมา ดูแลให้ดีล่ะ!” ว่าจบโจนินสาวก็รีบออกวิ่งเข้าไปร่วมวงต่อสู้กับเพื่อนสนิทอย่างชิรานุอิ เก็นมะด้วยความรวดเร็ว
 
          เก็นมะสบตากับอายากะที่กำลังวิ่งเข้ามาเพียงชั่วครู่เขาก็รับรู้ได้ทันทีว่าหญิงสาวจะใช้วิชาคาถาเปลี่ยนร่างกับมิคิโอะ ชายหนุ่มจึงหลอกล่อโจมตีศัตรูตามแผนที่เคยฝึกซ้อมกับอายากะไว้
“น่าเบื่อจริง ๆ เลย ดู ๆ แล้วแกคงจะไม่มีอะไรให้ฉันปล้นได้”
“เออ…ก็คงงั้นแต่ยังไงซะวันนี้ฉันก็ไม่ยอมปล่อยให้แกไปปล้นคนอื่นอีกหรอก!”
“งั้นเหรอ…แต่เดี๋ยวแกก็ต้องตายแล้วล่ะฮ่า ๆ” หัวเราะยังไม่ทันจบมิคิโอะก็ต้องตกใจอย่างสุดขีดเมื่อได้ยินเสียงใสของอายากะดังอยู่ข้างหลัง
“วิชาคาถาเปลี่ยนร่าง!” ฝ่ามือสวยทาบลงที่หลังของมิคิโอะด้วยความรวดเร็วพร้อมกับที่ร่างของนินจาหนุ่มสลายกลายเป็นเพียงแค่ก้อนหินขนาดเท่ากำปั้น
“ไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรเลยนะอาเจ๊หน้าหนา…ขอบใจที่มาช่วยจัดการเจ้าหมอนี่ว่าแต่คาคาชิเป็นยังไงบ้าง?”
“อยู่ทางโน้นแหนะรีบไปดูอาการตาแก่ลามกกันเถอะ”
          อายากะหยิบมิคิโอะที่ถูกเปลี่ยนร่างให้กลายเป็นก้อนหินขึ้นมาพร้อมกับออกวิ่งไปทางริมแม่น้ำที่สั่งให้เซจิเฝ้าร่างของคาคาชิไว้
“จงจมดิ่งอยู่ใต้น้ำไปตลอดกาลซะ…” พูดจบเธอก็โยนหินก้อนนั้นลงแม่น้ำไปแทบจะทันทีพร้อมกับประสานอินเพื่อใช้คาถาแปลงร่างเป็นยามานากะ ยูกิ
“อะ…อ้าวยูกิมาได้ยังไงกัน?” เก็นมะมองด้วยความตกใจเมื่อเห็นยูกิเดินเข้าไปดูอาการของหัวหน้าทีม
“ฉันเองย่ะ! นายยังไม่ชินอีกรึไง” ใบหน้าหวานของยูกิหันมาแหวด้วยความหงุดหงิด ทำให้เก็นมะตระหนักได้ว่านี่คงจะไม่ใช่ยูกิจริง ๆ หรอก ยามานากะ ยูกิที่เขาแอบชอบนั้นคงจะไม่มีทางทำท่าทางแบบยายเจ๊โหดแน่นอน
“เราควรจะส่งหมอนี่กลับโคโนฮะ…ฉันช่วยได้แค่ให้อาการทุเลาลงแต่คงไม่หายขาด” ยูกิหันมาพูดกับชายหนุ่มที่แอบชอบเธอ
“ก็ควรจะเป็นอย่างนั้น…ถ้างั้นเธอก็พาคาคาชิกลับโคโนฮะส่วนเรื่องสำรวจหมู่บ้านนั่นให้เป็นหน้าที่ของฉันเอง”
“ไม่ได้…ฉันจะไปด้วย…ให้ฉันพักอีกสักหน่อย” เสียงแหบห้าวแทรกขึ้นมาทำให้ลูกทีมทั้งสองหันไปมองคนบาดเจ็บที่นอนอยู่บนพื้นหญ้า
“นี่นายพูดไม่รู้เรื่องรึไงยะ! เจอหอกลมแทงซะขนาดนี้…ฉันไม่ได้มีจักระพอที่จะเป็นยายป้าซึนาเดะหรอกนะ” ใบหน้าหวานของยูกิยับยู่ยี่ด้วยความหงุดหงิดทำให้คนป่วยที่กำลังนอนอยู่หรี่ตาด้วยความสงสัย
“เออ…รับรองได้…ภารกิจต้องดำเนินต่อไป” คาคาชิพยายามฝืนพูดด้วยน้ำเสียงแบบที่เขามักจะใช้แต่ลูกทีมทั้งสองก็รู้ดี
“เฮ้อ…ถ้างั้นก็ให้หมอนี่พักสักหน่อยเถอะยายเจ๊โหด”
 
          อายากะจัดการใช้คาถาเปลี่ยนร่างให้คาคาชิกลายเป็นสร้อยคอเพราะพวกเธอต้องรีบออกเดินทางไปหาที่พักที่ใกล้กับหมู่บ้านที่ถูกถล่มให้มากกว่านี้ อีกเหตุผลหนึ่งก็คงเป็นเพราะสถานที่เมื่อกี้นั้นใกล้กับสถานที่ที่ปะทะกับพวกนินจาถอนตัวมากจนเกินไป ถ้าหากว่ามีพวกนั้นตามมาสมทบอีก เรื่องจะเลยเถิดไปกันใหญ่
          ทั้งเธอและเก็นมะตัดสินใจเลือกห้องที่ใหญ่ที่สุด คราวนี้คงต้องนอนรวมกันทั้งสามคนเพราะคาคาชิต้องนอนพักรักษาตัวดังนั้นจะต้องมีคนผลัดเปลี่ยนกันดูแล
“ตาแก่ลามกนี่พูดไม่รู้เรื่องเลยจริง ๆ” โจนินสาวบ่นขึ้นมาพลางหยิบเสื้อผ้าออกจากกระเป๋าเป้
“ช่วยไม่ได้ คงอยากจะให้ภารกิจสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ว่าแต่ว่านะนับครั้งได้เลยที่จะเห็นหมอนั่นใช้ร่างจริงเข้าไปบัง”
“ตอนนั้นคงคิดอะไรไม่ทันล่ะมั้งแต่ความจริงฉันจัดการยายบ้านั่นได้อยู่แล้ว”
“อย่ามัวแต่พูดเลยอาเจ๊หน้าหนาเธอรีบจัดการคลายคาถาให้หมอนั่นจะดีกว่า”
          หลังจากที่ถูกคลายคาถาเปลี่ยนร่างคาคาชิก็ได้นอนพักผ่อนอย่างเต็มอิ่มทำให้อาการบาดเจ็บของเขาดีขึ้นมาเล็กน้อยแต่ก็คงต้องนอนพักยาว ๆ อย่างที่อายากะในร่างของยูกิได้ว่าไว้
“เอางี้นะ…ฉันกับเจ้าเก็นมะจะออกไปสำรวจความเสียหายเองส่วนนายน่ะนอนพักอยู่ที่นี่แหละ” ดวงตากลมโตจ้องมองคนป่วยอย่างคาดโทษ
“แต่…”
“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้นย่ะ! ฉันจะสั่งให้เซจิคอยจับตาดูนายอยู่ที่นี่ ถ้าหากว่าแอบออกไปเมื่อไหร่ล่ะก็…ฉันจะซัดนายให้น่วมเลยคอยดู” ยกกำปั้นขึ้นมาด้วยท่าทางเอาเรื่องก่อนที่จะเรียกสัตว์อัญเชิญออกมาให้ช่วยดูแลคาคาชิ
 
          บ้านเรือนแต่ละหลังที่เคยสร้างไว้อย่างสมบูรณ์ไม่ต่างจากซากปรักหักพังที่เหมือนกับถูกทิ้งร้างมานานหลายปี สิ่งมีชีวิตต่างพากันหนีไปอยู่ที่อื่นกันหมด สังเกตเห็นได้ว่าการที่หมู่บ้านแห่งนี้ถูกบุกถล่มนั้นสร้างความเสียหายอย่างมากมายให้กับแคว้น อย่างน้อยในอดีตหมู่บ้านทาคุจิก็เป็นอีกหนึ่งหมู่บ้านทางตอนใต้ของมิซึโนะคุนิที่สร้างรายได้ให้กับแคว้นอย่างล้นหลาม
          สายลมพัดโชยกลิ่นอาหารเข้ามาแตะจมูกอันเชิดรั้นของอายากะ เธอพยายามเดินตามกลิ่นนั้นไปแทบจะทันทีจนทำให้หลงกับชิรานุอิ เก็นมะที่สำรวจอยู่อีกด้าน
          ซากบ้านหลังเล็ก ๆ ที่ดูยังไงก็ไม่น่าจะมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ปรากฏต่อหน้าหญิงสาวเมื่อกลิ่นอาหารที่เธอตามมาสิ้นสุดอยู่ที่หน้าบ้านหลังนี้ โจนินสาวพยายามสอดส่ายสายตามองเข้าไปข้างในแต่ก็พบเพียงความว่างเปล่า
“จมูกเราคงเสียการดมกลิ่นแล้วมั้ง” เธอพึมพำอย่างไม่ใส่ใจก่อนที่จะตัดสินใจหันหลังกลับไปตามทางเดิมแต่ก็ต้องตกใจอย่างสุดขีดเมื่อหันไปป๊ะกับเก็นมะ
“นึกว่าเธอจะกลืนหายไปกับซากปรักหักพักแล้วซะอีก…ทางโน้นถูกถล่มเรียบไม่มีอะไรเหลือหรอเลย”
แก๊ง! เสียงหม้อหล่นทำให้โจนินทั้งสองคนต่างพร้อมใจกันหันหน้าไปมองหาต้นตอซึ่งก็คือซากบ้านหลังเดิมที่อายากะมาด้อม ๆ มอง ๆ เมื่อตะกี้นี้
“มีใครอยู่ในนั้นใช่มั้ย?” หญิงสาวตะโกนออกไป
“…..” ไร้เสียงตอบกลับ
“พวกเราเป็นนินจาจากโคโนฮะได้รับภารกิจมาสำรวจความเสียหายที่นี่…ถ้าเกิดว่าในนั้นยังมีคนรอดอยู่จริงล่ะก็…พวกฉันสามารถช่วยได้นะ” เธอพูดออกมาอีกครั้งแต่ทุกอย่างก็กลับเงียบเหมือนเดิม
“ฉันว่าบางทีอาจจะไม่มีใครอยู่จริง ๆ หรอกเรารีบกลับกันเถอะ” เก็นมะออกความเห็น
          สุดท้ายอายากะจึงตัดสินใจเดินหันหลังกลับไปที่พักเพื่อเตรียมตัวกลับโคโนะฮะ ภารกิจของทีมคาคาชิเป็นอันว่าสิ้นสุด
 
          ดาบเล่มยาวถูกดึงออกมาจากฝักด้วยความแผ่วเบา ร่างเล็กค่อย ๆ ย่องออกจากซากปรักหักพังที่เธอซ่อนตัวมาตลอดเกือบหนึ่งเดือนพร้อมกับวิ่งตรงไปยังหญิงสาวผมส้มคนนั้น
เคล้ง! เสียงดาบที่หลุดออกจากมือเล็กหล่นกระทบกับแผ่นซากหลังคาด้วยความดัง ทำให้โจนินทั้งสองคนรีบหันมามองเป็นตาเดียวกัน
“หวังว่าคงมาทันสินะ” เสียงห้าวของหัวหน้าทีมเอ่ยขึ้นมาอย่างเรียบ ๆ เมื่อเขาใช้คุไนปัดป้องดาบของเด็กสาวคนนั้นด้วยความรวดเร็ว
“ใครบอกให้นายออกมากัน! แล้วเด็กผู้หญิงคนนี้เป็นใคร อย่าบอกนะว่าเธอคือคนที่อยู่ในบ้านหลังนั้น!?” โจนินสาวถามขึ้นด้วยความสงสัย
          ดวงตากลมโตสีมรกตจ้องมองโจนินทั้งสามคนอย่างไม่วางตา ถึงแม้จะได้ยินสิ่งที่ผู้หญิงผมส้มคนนั้นพูดเมื่อกี้แล้วก็เถอะแต่ก็ไม่อยากจะไว้ใจใครอยู่ดี
“นี่…ฉันถามน่ะตอบด้วยสิยะ ไม่มีปากรึไง!” อารมณ์ของอายากะเริ่มเดือดพล่านขึ้นมาเมื่อเด็กสาวคนนั้นเอาแต่จ้องมองเธอตาไม่กระพริบ
โป๊ก! เก็นมะแจกมะเหงกให้กับเพื่อนสนิทสาวแทบจะทันทีที่ได้ยินคำพูดอันห้าวหาญของเธอ
“พูดกับเด็กน่ะต้องค่อย ๆ พูด” เขาหันไปดุเธอด้วยท่าทางที่ไม่จริงจังซักเท่าไหร่
“ตกลงเธอคือคนของหมู่บ้านที่รอดตายจากการถูกบุกถล่มใช่มั้ย?” คาคาชิเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ทำให้ดวงตาสีมรกตของเด็กสาวฉายแววอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด
“ค่ะ…” หล่อนตอบพร้อมกับพยักหน้าให้คาคาชิ
“หน็อยอะไรกันยะ ฉันอุตส่าห์เป็นคนมาสำรวจที่นี่แท้ ๆ แต่เธอก็กลับไม่ตอบ ทีถูกตาแก่ลามกนี่ถามแป๊ปเดียวกลับตอบอย่างง่ายดาย!” หญิงสาวตะโกนออกมาด้วยความโมโห รู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมสำหรับเธอเลย
“คุณ…เหมือนพี่ชายของฉันมาก” เสียงหวานพูดออกมาด้วยความเศร้าเมื่อนึกถึงพี่ชายสุดที่รักที่ถูกฆ่าไปต่อหน้าต่อตา
“ถ้าอย่างงั้นเธอจะช่วยเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ฉันฟังจะได้มั้ย?” โจนินผมเงินพยายามย่อตัวลงให้อยู่ในระดับเท่า ๆ เดียวกับเด็กสาว เขาจำต้องฝืนทนความเจ็บปวดจากบาดแผลอย่างถึงที่สุดเพราะกลัวว่าจะเกิดอันตรายขึ้นกับลูกทีมทั้งสองคนโดยเฉพาะคนที่ชอบก่อเรื่องวุ่นวายอย่างฟูจิวาระ อายากะ
“คืนนั้น…ฉันถูกพ่อแม่ปลุกให้ตื่นกลางดึกแล้วให้พี่ชายพาฉันหนีไปแต่สุดท้ายพวกเราก็ไปไม่รอดพี่บอกให้ฉันซ่อนตัวอยู่ในซากบ้านที่ถูกพังไปแล้ว…หลังจากนั้นพี่ก็ออกไปต่อสู้กับพวกมันแล้วพี่ก็…ฮึก!”
หยาดน้ำตาใส ๆ ค่อย ๆ ไหลลงมาอาบแก้มนวลของเด็กสาว เมื่อพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นคืนนั้นทีไรแล้วก็ไม่เคยที่จะทำใจได้เลยสักที
“พี่…ถูกผู้ชายคนนั้นฆ่า” ประโยคนี้ถูกเอ่ยออกมาด้วยความแผ่วเบา
“แล้วเธอจำหน้าตาของเจ้าหมอนั่นได้มั้ย?” คาคาชิถามต่อด้วยความอยากรู้ถึงแม้ว่าเรื่องที่เด็กสาวจะต้องเล่าให้กับเขาฟังนั้นจะดูเป็นเรื่องที่สะเทือนใจหล่อนมากก็ตาม
 
          ใบหน้าหวานอันชวนมองส่ายปฏิเสธด้วยความรวดเร็วทำให้ผมสีอเมทิสต์ที่ยาวประบ่าปลิวไปตามแรงลม ถึงจะเป็นภาพที่ทำให้ใครหลายคนรู้สึกสงสารแต่ด้วยใบหน้าอันสวยหวานและสีผมที่น่ามองของหล่อนก็ทำให้โจนินหนุ่มทั้งสองคนที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้อดที่จะจ้องมองนาน ๆ ไม่ได้
“แต่…ฉันจำได้ว่าผู้ชายคนนั้นมีเนตรวงแหวน”
“เจ้าหมอนั่นแน่เลย!” อายากะตะโกนออกมาด้วยความหงุดหงิด อะไรกันนะจากข่าวที่ได้มาเป็นฝีมือพวกนินจาถอนตัวไม่ใช่รึไงกันแต่จากที่เด็กคนนี้บอกไม่ผิดคนแน่ ๆ
เป็นฝีมือของอุจิวะ อิทาจิอย่างไม่ต้องสงสัยเพราะตระกูลอุจิวะผู้มีเนตรวงแหวนเท่าที่เธอรู้มาก็เหลือเพียงแค่อิทาจิและซาซึเกะ ตัดซาซึเกะออกได้เลยเพราะเด็กหนุ่มคนนั้นไปอยู่กับโอโรจิมารุแล้ว และคงจะยังไม่ถึงเวลาที่จะได้ออกมาทำอะไรเสี่ยง ๆ แบบนี้แน่ ดังนั้นก็คงไม่พ้นอิทาจิ!
“ถ้าอย่างนั้นความจริงแล้วก็คงเป็นฝีมือของพวกแสงอุษา” เก็นมะสรุปสั้น ๆ ก่อนที่ทั้งเขาและเพื่อนสนิทรุ่นน้องจะต้องตกตลึงกับภาพที่เห็นโดยเฉพาะอายากะ
          ร่างบางของเด็กสาวโผเข้ากอดร่างสูงของโจนินผมเงินที่กำลังเตรียมตัวจะลุกขึ้นหลังจากพยายามย่อตัวให้สูงเท่ากับเด็กสาวผู้รอดชีวิต
          คนที่ถูกกอดอย่างกะทันหันนิ่งงันไปชั่วขณะ สาเหตุหลักก็คงเป็นเพราะรู้สึกสะเทือนไปถึงแผลที่เพิ่งจะถูกรักษาโดยอายากะ เขาไม่รู้จะทำยังไงดีกับเหตุการณ์นี้จึงตัดสินใจโอบกอดร่างบางของเด็กสาวไว้เพียงหลวม ๆ เพื่อให้กำลังใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด
 
“นี่ตกลงเธอชื่ออะไร อายุเท่าไหร่ เรายังไม่ได้รู้จักกันเลยนะ” ฟูจิวาระ อายากะเอ่ยขึ้นมาด้วยความรวดเร็วเมื่อทุกคนในทีมคาคาชิตัดสินใจพาเด็กสาวผู้รอดชีวิตกลับที่พักด้วยกัน
ดวงตากลมโตสีมรกตเงยขึ้นมาสบกับโจนินสาวเพียงเล็กน้อยก่อนที่จะเผยรอยยิ้มหวานอันสดใสให้กับเธอ
“ฉันชื่ออายูมุค่ะ คุนิโนบุ อายูมุ ปีนี้ก็จะ18แล้วค่ะ”
“งั้นเหรอ…นี่เธอน่ะแน่ใจนะว่าผู้ชายคนนั้นมีเนตรวงแหวน?” แม่สาวผมส้มยังคงซักไซ้เรื่องนี้ไม่ยอมหยุด
“ค่ะ…ฉันจำได้แม่นและจะไม่มีวันลืมเลย” แววตาที่ฉายแววสดใสเมื่อกี้กลับไปเศร้าหมองอีกครั้ง
          อายากะพยักหน้ารับรู้ก่อนที่จะเผลอมองไปยังคนที่นอนพักอยู่ตรงมุมห้องด้วยความหมั่นไส้ ก็เธอบอกตั้งแต่แรกแล้วว่าไม่ว่าจะยังไงก็ตามอย่าออกจากห้องพักให้นอนพักผ่อนเยอะ ๆ แต่ก็กลับไม่ฟังกันเลยสักนิด เจ้าเซจิอีกไม่รู้ว่าไปพลาดท่าอะไรตาแก่ลามกนั่นถึงได้ยอมปล่อยให้ตามไปง่าย ๆ แบบนั้น แล้วก็ยังรวมไปถึงเรื่องที่เขากอดกับเด็กผู้หญิงคนนี้เมื่อกี้อีก
“น่าหมั่นไส้จริง ๆ เลย!” หล่อนพึมพำออกมาเบา ๆ ก่อนที่จะขอตัวทุกคนในห้องออกไปเดินเล่นข้างนอก
 
          บรรยากาศเงียบสงบแบบนี้ทำให้คนที่ปลีกวิเวกออกมานั่งสูดอากาศบริสุทธิ์รู้สึกสดชื่นขึ้นมาอย่างมากเพราะนอกจากจะได้พักสมองแล้วยังได้พักกายและใจอีกด้วย ฟูจิวาระ อายากะทอดสายตามองออกไปยังป่าไม้เขียวขจีที่อยู่ตรงหน้าพร้อมกับคิดไปถึงเรื่องที่หมู่บ้านทาคุจิถูกถล่มโดยฝีมือของอุจิวะ อิทาจิแต่ก็มีความคิดแวบหนึ่งเข้ามาทำให้เธอเสียสมาธิในการคิดเรื่องอิทาจินั่นก็คือภาพสายตาที่เด็กสาวคนนั้นมองหัวหน้าทีมแล้วก็ภาพที่เขาโอบกอดอายูมุ
“ให้ตายสิ…ฉันจะไปคิดถึงเรื่องแบบนั้นได้ยังไงกัน!” เธอนิ่วหน้าด้วยความไม่ชอบใจกับความคิดของตัวเอง พร้อมกันนั้นเสียงกระเพาะก็ส่งสัญญาณดังโครกครากให้เจ้าของร่างรีบหาอะไรมาเข้าท้อง
          มือหนาของใครบางคนยื่นไม้ดังโงะให้คนที่กำลังกุมท้องด้วยความหิว ประสาทสัมผัสการรับกลิ่นของอายากะรู้ได้ทันทีว่ามันคือดังโงะ จะเป็นใครก็ช่างเถอะตอนนี้เธอขอแค่ได้กินกินกินและก็กินก็พอแล้ว
“ขอบใจนะอร่อยมากเลย” หลังจากรับไม้ดังโงะมาก็รีบจัดการสวาปามด้วยความอารมณ์ดี
“เธอนี่น้า…ถ้าเกิดว่าไม่ใช่ฉันแล้วเป็นศัตรูเธอคงตายไปแล้วล่ะ” เสียงทุ้มดังขึ้นทำให้คนที่กำลังเคี้ยวดังโงะรู้ได้ทันทีว่าเป็นใคร
“นี่นายควรจะนอนพักนะ ใครใช้ให้ออกมาแบบนี้กันฟะ!” เธอหันไปตะโกนใส่หน้าเขาด้วยความโมโห
“ก็จริงอย่างที่เธอว่าแต่พอดีว่าไม่มีใครอยู่เป็นเพื่อนฉันเลยน่ะสิ”
“หมายความว่ายังไง เจ้าเก็นมะกับอายูมุล่ะ?”
“สงสัยเจ้าเก็นมะคงคิดว่าฉันหลับเลยชวนอายูมุออกไปเดินเล่นข้างนอกน่ะ” คาคาชิส่งยิ้มตาหยีให้กับคนที่ถือไม้ดังโงะค้างไว้ ความจริงแล้วใช่ว่าเขาจะอยู่คนเดียวไม่ได้แต่แค่กลัวลูกทีมตัวป่วนจะสร้างเรื่องอะไรอีกเลยต้องขอออกมาเช็คสักหน่อย (เหรอออออ? // ไรท์)
“เออขอบใจนะดังโงะอร่อยมากเลย มีอีกไหม?” เธอส่งยิ้มกว้างให้กับเขาเหมือนกับเด็กที่กำลังยิ้มอ้อนขอขนมจากผู้ใหญ่
“ตะกละจริงนะเธอเนี่ย…” เมื่อพูดประโยคนี้จบคาคาชิก็แทบจะต้องรีบเอามืออุดปากตัวเองไว้เพราะรู้สึกว่าคำพูดที่พูดออกมานั้นกำลังจะไปสะกิดต่อมโมโหของหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงหน้า
“ว่ายังไงนะยะ? หาว่าฉันตะกละงั้นเหรอ มานี่เลยกลับห้องกันเดี๋ยวนี้!”
          มือเล็กเอื้อมไปคว้าใบหูของหัวหน้าทีมด้วยความรวดเร็วพร้อมกับทั้งดึงทั้งลากให้เขากลับห้องพักไปพร้อมกับเธอ อย่าหวังเลยเถอะว่าจะยอมให้ออกมาข้างนอกแบบนี้อีก!
 
          เปิดประตูเข้ามาในห้องพักก็ยังคงพบแต่ความว่างเปล่า แสดงว่าเก็นมะและอายูมุยังไม่ได้กลับมาที่นี่ โจนินสาวรีบตีสีหน้าเคร่งขรึมใส่หัวหน้าทีมอย่างคาคาชิแทบจะทันที นิ้วเรียวชี้ไปยังฟูกสีขาวที่วางอยู่ตรงมุมห้อง
“นอนลงไปเดี๋ยวนี้!” เธอออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเผด็จการ
          ฮาตาะเกะ คาคาชิจำเป็นต้องทำตามคำสั่งของหญิงสาวเพราะไม่กล้าจะขัดอะไรหล่อนมากนัก ตอนนี้แผลเขาก็ยังไม่หายดี ถ้าหากขัดใจเจ้าหล่อนคงจะต้องถูกซ้อมปางตายแน่นอน
“เธอจะทำอะไร?” เขาหรี่ตามองเธออย่างจับพิรุธ อย่าบอกนะว่าจะทำแบบที่นิยายของท่านจิไรยะทำกัน คิดได้แบบนี้ความรู้สึกร้อนผ่าวบนใบหน้าก็ระเหยขึ้นมาด้วยความรวดเร็ว
“นี่นายเป็นไข้ด้วยเหรอ? ทำไมหน้าแดงแบบนี้!” อายากะเอื้อมมือไปแตะแก้มของคนที่นอนอยู่บนฟูกด้วยความสงสัย เป็นอะไรของเขากันนะเมื่อกี้ยังดูท่าทางดี ๆ อยู่เลยนี่นา
“ปะ…เปล่าหรอกว่าแต่เธอจะทำอะไร?” ความคิดแบบนั้นยังคงวนเวียนในหัวของชายหนุ่มไม่ยอมหยุด ทำไมจะต้องคิดอะไรแบบนี้ด้วยล่ะเนี่ย
“ก็ฉันจะดูแผลให้ยังไงล่ะยะ…ถามมาได้”
มือบางเตรียมท่าจะประสานอินแปลงร่างเป็นยามานากะ ยูกิแต่ก็ถูกมือหนาของเขายกขึ้นขัดไว้ก่อน
“ไม่เห็นจะต้องแปลงร่างเป็นคนอื่นเลยนี่” เขาเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“ได้ยังไงกัน ฉันมีความรู้เรื่องการรักษาคนซะที่ไหน” คิ้วสวยขมวดมุ่นด้วยความสงสัยกับสิ่งที่คาคาชิทำ หมอนี่จะบ้ารึไงนะ จะให้คนที่ไม่รู้เรื่องการรักษาตรวจดูอาการมันจะไปรอดกันได้ยังไง
“แต่อย่างน้อยก็เป็นเธอ”
“แหมพูดแบบนี้คิดจะจีบฉันรึไงยะ?” ฟูจิวาระ อายากะยักคิ้วหลิ่วตาใส่หัวหน้าทีมด้วยท่าทางขี้เล่น เธอหารู้ไม่ว่าคำพูดเล่น ๆ ของเธอทำให้คนที่ได้ยินใจเต้นโครมครามไม่เป็นจังหวะ
“จีบยายเจ๊โหดพลังช้างสารอย่างเธอเนี่ยนะ…” พยายามบังคับใจตัวเองให้หยุดสั่นพร้อมกับส่งสายตาทอดมองไปยังคนที่นั่งข้าง ๆ ด้วยแววตาเบื่อโลกเหมือนเช่นทุกครั้ง
“ตา-แก่-ลา-มก!” ริมฝีปากบางเหยียดยิ้มด้วยความชอบใจคาคาชิไม่มีทางจะจัดการกับเธอได้ก่อนที่จะลงมือจัดการแจกมะเหงกให้กับคนปากเสีย
 
          ขณะที่กำลังจะง้างหมัดจัดการกับคนที่นอนอยู่บนฟูก เสียงเปิดประตูห้องพักก็ดังขึ้นพร้อมกับร่างบางของเด็กสาวที่พุ่งเข้ามาทางอายากะและคาคาชิด้วยความรวดเร็ว โจนินสาวถูกมือบางของอายูมุผลักให้พ้นทาง
“อย่าทำอะไรคุณคาคาชินะคะ!” เธอตะโกนลั่น
“ฉันไม่ได้ทำอะไรซักนิดเดียว” คิ้วสวยขมวดมุ่นเพราะไม่เข้าใจสิ่งที่เด็กคนนี้กำลังทำ
“ก็…ถ้าเปิดประตูช้ากว่านี้อีกนิดเดียวคุณอายากะก็คงซัดหมัดใส่คุณคาคาชิไปแล้ว!” เด็กสาวมองหล่อนด้วยสายตาหงุดหงิด
“งั้น…ขอโทษก็แล้วกันไม่ได้ตั้งใจหรอก” ฟูจิวาระ อายากะโบกมืออย่างไม่ใส่ใจก่อนที่จะลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปจากห้อง
“มันเป็นเรื่องปกติของยายนี่อยู่แล้ว พวกเราก็แค่แหย่กันเล่นเฉย ๆ” คาคาชิตอบกลับหลังจากที่มองร่างบางที่เดินออกจากห้องไปด้วยความอาลัยอาวรณ์
“แต่…ฉันว่าแบบนั้นมันไม่ดีเลยนะคะ! เห็นว่าคุณคาคาชิกำลังได้รับบาดเจ็บอยู่ด้วย ถ้าไม่รังเกียจล่ะก็…ให้ฉันช่วยดูให้นะคะ” เด็กสาวโค้งคำนับอ้อนว้อน จึงทำให้โจนินผมเงินจำต้องรับข้อเสนออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
 
          "มานั่งทำอะไรดึก ๆ ดื่น ๆ แถวนี้เนี่ยอาเจ๊หน้าหนา" เสียงชิรานุอิ เก็นมะดังขึ้นอยู่ข้างหลัง ทำให้ร่างบางที่กำลังจิบชาร้อนแก้เซ็งรีบหันควับไปมอง
"ก็คิดอะไรนิดหน่อย...นี่นายว่ามั้ย...มา ๆ นั่งตรงนี้เอาหูมาใกล้ ๆ ฉันไม่อยากจะพูดดัง" มือเล็กกวักมือเรียกเก็นมะให้มานั่งลงข้าง ๆ เธอ
"เอ้าทีนี้ก็ว่ามา...แล้วถ้าไม่ใช่เรื่องน่าตื่นเต้นฉันจะไปนอนแล้วนา"
"ฉันกำลังคิดว่ายายเด็กอายูมุนั่นน่ะกำลังกุ๊กกิ๊กกับตาแก่ลามกน่ะสิ!" เธอกระซิบกระซาบเพื่อนสนิทด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
"บ้าน่า...เจ้าคาคาชิอายุห่างจากอายูมุเยอะขนาดนี้เป็นไปไม่ได้หรอก" เก็นมะโบกมือเป็นสัญลักษณ์บ่งบอกว่าไม่เชื่อ
"นายคอยดูก็แล้วกันน่า สายตาระดับท่านอายากะไม่มีทางพลาด!"
ฟูจิวาระ อายากะส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ให้กับเพื่อนสนิทต่างวัยก่อนที่จะตกเป็นฝ่ายหน้าแดงเพราะถูกคำถามที่ทำให้เธอไม่สามารถตอบได้
"ว่าแต่เธอกับเจ้าหมอนั่นเถอะ...ตกลงอะไรยังไงกันแน่?"
"นายหมายถึงใครล่ะยะ...พอดีว่าฉันมีหนุ่มมาจีบเยอะจนจำหน้าไม่ได้!"
"ก็เจ้าคาคาชินั่นแหละน่า อย่ามาทำเป็นลืมไปหน่อยเลย" โจนินหนุ่มหรี่ตามองด้วยความสงสัย
"ก็...ไม่ได้มีอะไรนี่ เรื่องนั้นน่ะเหลวไหลทั้งเพ" แก้มใสเริ่มขึ้นสีแดงเมื่อนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ในงานวันเกิดของเรียวอิจิ ต้องยอมรับว่าคาคาชิแสดงได้สมบทบาทเกินความคาดหมาย
 
          ภาพหญิงสาวผมส้มและชายหนุ่มผมสีน้ำตาลนั่งพูดคุยหัวเราะอย่างมีความสุขทำให้เจ้าของดวงตาอันคมกริบที่กำลังทอดมองไปยังภาพที่อยู่เบื้องหน้านั้นรู้สึกที่จะหมั่นไส้ไม่ได้ ทีกับเขาไม่เคยจะพูดอะไรดี ๆ แบบนี้บ้างเลย เอาแต่ด่าและซ้อมหรือบางทีหล่อนอาจจะไม่ชอบขี้หน้าเขาก็ได้
          แต่จะเป็นไปได้อย่างไรกัน ตอนที่อยู่ในทีมหน่วยลับที่มีเขาเป็นหัวหน้า หล่อนยังชอบมาแหย่เขาเล่นอยู่ตลอดเวลาหรือเขาคงจะคิดมากไปเอง
"แล้วเราจะมาคิดบ้าอะไรกันวะเนี่ย" เขาสบถออกมาเบา ๆ ก่อนที่จะต้องตกใจกับเสียงหวานที่ดังขึ้นอยู่ข้างหลัง
"ยังไม่ง่วงอีกเหรอคะพี่คาคาชิ?" เด็กสาวเอียงคอมองเขาด้วยความสงสัย
"อ้อ...เริ่มง่วงแล้วล่ะ" เขาส่งยิ้มตาหยีให้กับเธอ
"งั้นเราก็ไปนอนกันเถอะค่ะ คุณอายากะบอกว่าพรุ่งนี้จะกลับโคโนฮะกันแล้วนี่คะ" ว่าจบมือเล็กก็รีบคว้าแขนของโจนินผมเงินไปยังห้องพักแทบจะทันที เด็กสาวยิ้มแป้นอย่างมีความสุขที่เขาอนุญาตให้เธอเรียกว่าพี่ได้
"นั่นไง นายเห็นมั้ยล่า?" อายากะบุ้ยปากไปทางเด็กสาวที่นอนอยู่ใกล้ ๆ กับคาคาชิ
"เออ...ก็อาจจะเป็นไปได้แต่คงไม่ใช่หรอกมั้งเพราะอายูมุก็เคยบอกไว้นี่ว่าเจ้าคาคาชิเหมือนพี่ชายของหล่อน"
 
          การเดินทางกลับโคโนฮะครั้งนี้ชิรานุอิ เก็นมะจำเป็นต้องรับหน้าที่แบกเด็กสาวผู้รอดชีวิตอย่างคุนิโนบุ อายูมุเพราะหล่อนไม่สามารถวิ่งแบบนินจาได้ รูปขบวนจึงเป็นอายากะ เก็นมะและคาคาชิเรียงกันตามลำดับ
          ร่างบางของคนนำขบวนหยุดเคลื่อนที่พร้อมกับยกมือเรียวขึ้นเชิงเป็นสัญลักษณ์ให้เพื่อนร่วมทีมที่กำลังตามมาหยุดเคลื่อนไหว
ไม่ถึงหนึ่งนาทีนินจาจากซึนะทั้งสามคนก็กระโดดลงมาขวางทางของทีมคาคาชิทันที
"อย่าบอกนะคะว่าจะมีการต่อสู้" เด็กสาวกระซิบถามเก็นมะที่จ้องมองผู้มาเยือนอย่างไม่วางตา
 
"ว่าไงแม่สาวน้อย...ไม่คิดว่าจะเจอเธอที่นี่" นินจาจากซึนะที่ยืนอยู่ตรงกลางเอ่ยขึ้นด้วยท่าทางอารมณ์ดี
"อย่าบอกนะว่าเป็นนาย...ไอ้คนหื่น!" อายากะโพล่งออกมาด้วยความตกใจและยิ่งตกใจมากกว่าเดิมเมื่อนินจาจากซึนะคนนั้นดึงผ้าฝ้ายสีขาวที่ใช้อำพรางใบหน้าของตัวเองออก
          ใบหน้าอันอ่อนวัยกว่าอายุจริงปรากฏขึ้นแทบจะทันที พร้อมกันนั้นดวงตาสีเทาอันน่าหลงใหลก็หรี่มองเพื่อนร่วมทีมของอายากะด้วยความสงสัย
"เธอกำลังปฏิบัติภารกิจอยู่สินะ"
"เออ...กำลังจะกลับพอดี"
"อ้อดีเลยถ้าไม่รีบจนเกินไปเรามากินข้าวเที่ยงด้วยกันดีมั้ย ฉันพกเสบียงมาเพียบเลย"
"จะบ้าเหรอยะ ไม่อยากกินข้าวกับคนอย่างนายหรอก!" สิ้นเสียงใสของหญิงสาว ท้องเจ้ากรรมก็ดันทรยศร้องโครกครากขึ้นมาเสียอย่างนั้น
"แหม ๆ สาวโคโนฮะนี่ขี้โกหกจริง ๆ เลย ปากจะแข็งเหมือนเดิมรึเปล่าน้า?"
"หน็อย! กล้าดียังไงมาพูดแบบนี้...ฉันยังไม่ได้คิดบัญชีกับนายเลยนะยะ...บาทากระทืบมาร!"
          อายากะพุ่งตัวออกไปด้วยความรวดเร็วพร้อมกับซัดบาทากระทืบมารให้กับโซซิโร่ ทำให้โจนินหนุ่มจากซึนะกลมกลืนลงไปกับพื้นดินอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว
"เฮ้อ...เอาอีกแล้วสินะยายเจ๊โหดนี่" คาคาชิถอนหายใจอย่างปลงตก
 
          หัวหน้าทีมอย่างฮาตาเกะ คาคาชิตัดสินใจหยุดพักรับประทานอาหารกลางวันตามคำเชิญของนินจาจากซึนะเพราะตอนนี้ทั้งสองหมู่บ้านก็เป็นพันธมิตรกัน คงจะไม่อันตรายอะไรและอีกอย่างก็ดูท่าทางของชายหนุ่มผมสีชมพูเข้มคนนั้นจะสนิทสนมกับลูกทีมจอมป่วนของเขาอยู่ไม่น้อย
"นี่นายจำฉันได้ยังไงกัน?!" หญิงสาวหันไปถามอดีตคู่หูด้วยความสงสัยเพราะวันนี้เธอไม่ได้แต่งหน้าเลยแม้แต่น้อย
"จะยากอะไร แค่ท่าทางกับสีผมของเธอฉันก็ดูออกแล้ว"
"จะหาว่าฉันแปลกคนงั้นเหรอ?!"
"เปล่านี่ ว่าแต่วันนี้พกลิปมันมาไหม?" เขาส่งยิ้มให้เธอด้วยความเจ้าเล่ห์ ทำให้คนที่ได้ยินถึงกับหน้าแดงขึ้นมาเมื่อนึกถึงวิธีทาลิปมันของเขาในวันนั้น
"ถึงจะเอามาก็ไม่ให้คนหื่นอย่างนายยืมหรอกย่ะ!"
"สาวโคโนฮะนี่ขี้เหนียวซะจริง"
"พี่คาคาชิคะ...คุณอายากะกับคุณโซซิโร่ดูสนิทกันจังเลย เหมือนเป็นคู่รักคู่กัดยังไงก็ไม่รู้ น่ารักจัง" อายูมุหันไปกระซิบโจนินผมเงินที่มองทั้งคู่อย่างไม่วางตา
"นั่นสินะ" เขาตอบแต่เพียงสั้น ๆ พร้อมกับลุกออกไปทันที
 
          ยามราตรีเข้ามาเยือนหลังจากที่ทีมคาคาชิแยกกับนินจาจากซึนะพร้อมมุ่งหน้าเดินทางกลับไปยังโคโนฮะ คาคาชิจัดเวรยามโดยให้ผลัดแรกเป็นเขากับอายากะส่วนผลัดสุดท้ายเป็นของเก็นมะแต่เพียงผู้เดียว
"นี่นายชอบคนที่เด็กกว่าหรือแก่กว่า?"
จู่ ๆ คนตัวเล็กที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ก็ถามขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
"ไม่ตอบ" เขาโบกมือปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย
"ชิ! แสดงว่าต้องมีอะไรบางอย่างแน่ ๆ"
"ตั้งใจเฝ้ายามหน่อยสิ จ้อไม่หยุดเลยนะ" เขาหันมาดุเธอเล็กน้อย ทำให้คนตัวเล็กหน้ามุ่ยด้วยความไม่ชอบใจ
“เออไม่ชวนคุยแล้วก็ได้!” โจนินสาวรีบหันหน้าไปอีกทางทันที อะไรของเขากันนะคนอุตส่าห์ชวนคุยทำมาเป็นเก๊กใส่
 
          คาคาชิแอบหรี่ตามองคนที่นั่งข้าง ๆ เล็กน้อยหลังจากที่เธอบอกว่าจะไม่ชวนคุยแล้ว เขารู้สึกว่ามันเงียบแปลก ๆ จากการที่ไม่มีอายากะชวนคุยโน่นนี่นั่น แอบหวังในใจลึก ๆ ว่าเจ้าหล่อนจะเอ่ยปากอะไรออกมาบ้างแต่ก็กลับเงียบจนผิดปกติจนในที่สุดชายหนุ่มก็ตรัสรู้ได้ทันทีว่าที่เงียบไปนั้นเพราะหล่อนแอบงีบหลับไปเรียบร้อยแล้ว
โป๊ก! สันหนังสือนิยาย18+ ที่ฮาตาเกะ คาคาชิชอบอ่านเป็นประจำประทับลงสัมผัสกับศีรษะของเจ้าหล่อน ทำให้คนที่ถูกสันหนังสือฟาดกลางศีรษะลืมตาขึ้นแทบจะทันที
“อะไรของนายเนี่ยหา!” อายากะเงยหน้ามองคนที่แม้จะนั่งแต่ก็ยังตัวสูงกว่าเธอด้วยความหงุดหงิด
“บทลงโทษของคนที่แอบอู้งาน” เขาเอ่ยออกมาอย่างเรียบ ๆ พร้อมกับยื่นอะจึ๋ยให้กับเธอ
โจนินสาวมองหัวหน้าทีมอย่างไม่วางตาก่อนที่จะต้องตาโตด้วยความตกใจเมื่อได้ยินคำสั่งที่เขาพูดออกมา
“อ่านให้ฉันฟัง!” มือหนายังคงยื่นอะจึ๋ยให้กับอายากะอยู่อย่างนั้น
“ไม่!” เธอตอบด้วยน้ำเสียงอันหนักแน่น เรื่องอะไรจะต้องยอมอ่านหนังสือลามกอะไรแบบนี้ด้วย เธอเป็นผู้หญิงนะ ออกจะเป็นผู้หญิงที่แสนจะบอบบาง (ค่ะ! //ไรท์)
“ถ้างั้นล่ะก็…เธอก็ต้องเฝ้ายามแทนเก็นมะ”
“จะบ้ารึไงยะ! ง่วงก็ง่วงซะขนาดนี้คำสั่งอะไรของนายเนี่ยบ้าบอชะมัด” อายากะแบะปากด้วยความขัดใจ
 
          คาคาชินิ่งเงียบไปสักพักพร้อมกับครุ่นคิดว่าควรจะพูดอะไรบางอย่างที่เขาคิดมาตลอดตั้งแต่นั่งเฝ้ายามกับอายากะเมื่อกี้ดีหรือไม่
          เสียงกระแอมไอของหัวหน้าทีมที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ทำให้ลูกทีมสาวที่กำลังหงุดหงิดอยู่รีบหันไปมองด้วยความรวดเร็วเพราะอาการบาดเจ็บของเขายังไม่หายดี
“เป็นอะไรรึเปล่าน่ะ…นายกลับไปนอนก็ได้นะ” เสียงใสเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“ฉันรู้สึกปวดตรงแผลนิดหน่อยน่ะแล้วก็รู้สึกอยากนอนด้วย”
“งั้น…เดี๋ยวฉันพานายไปนอนเอง” เธอเอ่ยออกมาพร้อมที่จะลุกขึ้นยืนเพื่อพยุงคาคาชิให้ลุกไปด้วยกัน
“ไม่มีแรงจะลุกแล้วล่ะ…ขอนอนตรงนี้เลยก็แล้วกัน” ว่าจบศีรษะของหัวหน้าทีมก็เอนลงมายังตักของลูกทีมสาวด้วยความรวดเร็วทำให้เธออ้าปากค้างด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าหมอนี่จะไวขนาดนี้
“เธอดูสนิทกับโซซิโร่แห่งซึนะจังเลย” เขาเอ่ยประโยคที่อยากจะพูดออกมาพร้อมกับเงยหน้าสบตากับดวงตาสวยของเธอ
“ก็เออนิดหน่อยน่ะ ทำภารกิจด้วยกันคราวที่แล้วนี่” ตอบปัด ๆ อย่างไม่ใส่ใจแต่ก็แอบรู้สึกได้ถึงความร้อนผ่าวบนใบหน้า ไม่รู้ว่าเป็นเพราะนึกถึงจูบแรกที่เกิดขึ้นตอนอยู่ซึนะหรือเป็นเพราะว่าคำถามของหัวหน้าทีมกันแน่
 
“แล้วคิดยังไงกับอิทาจิ” // “แล้วทำไมถึงต้องเอาร่างจริงมารับหอกลมแทนฉันด้วย?” สองคำถามเอ่ยออกมาพร้อมกันทำให้เจ้าของคำถามทั้งสองคนต่างสบตากันนานหลายวิก่อนที่อายากะจะกระแอมไอออกมาพร้อมกับโบกมือปฏิเสธ
“ก็เพื่อนกันทุกคนนั่นแหละน่า!” เธอหลุบตาลงต่ำเล็กน้อย ตอนนี้ในใจรู้สึกว้าวุ่นและเต้นโครมคราม ทำไมหมอนี่ต้องยิงคำถามอะไรบ้า ๆ แบบนี้ด้วยนะไม่เข้าใจเลยจริง ๆ
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันก็แค่ไม่อยากจะเห็นเธอเป็นอะไรไปต่อหน้าต่อตาน่ะ” เขายังคงตอบด้วยสีหน้าและแววตาที่เหมือนกับคนง่วงนอนตลอดเวลา
“ขอบใจนะ…ตอนนั้นที่นายถูกโยนลงไปในน้ำมันรู้สึกเหมือนกับ…ไม่รู้สิ” อายากะนิ่วหน้าด้วยความไม่ชอบในใจความคิดของตัวเองสักเท่าไหร่
“งั้นเหรอ…” เขาหรี่ตามองเธอด้วยความสงสัยว่าจะพูดอะไรต่อแต่ก็กลับไม่มีอะไรเล็ดลอดออกจากปากของหญิงสาว
 
          ดวงตากลมโตเหม่อมองออกไปยังท้องฟ้าอันมืดมิดพร้อมกับคิดถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่ผ่านมาในอดีตแต่ก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินคำถามจากคาคาชิ
“กำลังคิดอะไรอยู่เหรอ?” เขาแหงนหน้าสบตากับเธออีกครั้ง
“เรื่องทั่วไปน่ะสิยะ”
“คงคิดว่าพรุ่งนี้จะแต่งหน้าหนากี่นิ้ว” เขาพึมพำออกมาเบา ๆ แต่ก็ไม่พ้นการได้ยินของอายากะ จึงทำให้หญิงสาวเริ่มจะโมโหขึ้นมา เธอยกมือเตรียมพร้อมที่จะฟาดฝ่ามือลงกลางกะบาลเขาแทบจะทันทีแต่ก็ต้องหยุดชะงักอีกครั้งเมื่อมือหนาของเขาเอื้อมมาคว้าข้อมือบางของเธอเอาไว้ได้
“มือของเธออุ่นเหมือนกันนะเนี่ย…ขอจับแบบนี้ไว้ได้มั้ย? พอดีว่าหนาวน่ะ”
“เดี๋ยวนะ…นี่นายพูดอะไรออกมาน่ะหา!” ตั้งแต่เกิดมาก็ไม่เคยมีหนุ่มคนไหนกล้าขออะไรแบบนี้กับเธอเลยสักครั้งถึงแม้เหตุผลของคนที่กำลังนอนหนุนตักนั้นจะอ้างว่าหนาวก็ตามทีแต่รู้สึกว่ามันฟังไม่ขึ้นเลยจริง ๆ
“ก็ตามนั้นนั่นแหละ” พูดประโยคนี้จบเขาก็ดึงมือเธอไปวางไว้บนอกข้างซ้ายพร้อมกับหลับตาเข้าสู่ห้วงนิทราด้วยความเหนื่อยล้า
          ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก! ฟูจิวาระ อายากะรับรู้ได้ถึงเสียงเต้นของหัวใจตัวเองที่มันฟ้องว่ากำลังทำงานอย่างหนักหน่วง สาเหตุเนื่องมาจากโจนินผมเงินที่ทำอะไรบ้า ๆ แบบนี้กับเธอ จะทำยังไงดีนะให้หัวใจบ้านี่เต้นช้าลงกว่านี้!
 
"น่าหมั่นไส้จริง ๆ เลย!"

 
"ปะ...เปล่าหรอกว่าแต่เธอจะทำอะไร?"

 
"ถ้าไม่รังเกียจล่ะก็...ให้ฉันช่วยดูให้นะคะ"
(ตัวละครOC ที่จะเพิ่งมาใหม่ในช่วงนี้ค่ะ ชื่อคุนิโนบุ อายูมุ อายุ17ปี)

 
"เธอกำลังปฏิบัติภารกิจอยู่สินะ"

 
ป.ล. หมู่บ้านทาคุจิไรท์สมมติขึ้นมาเองนะคะ ไม่ได้มีในอนิเมะแต่อย่างใด
 
cr. ภาพหนึ่งและสาม http://www.rinmarugames.com/playgame.php?game_link=mega-anime-avatar-creator
 
ภาพสอง https://www.pinterest.com/pin/369365606917614184/
 
ภาพสี่ http://titansdesatualizados.blogspot.com/2014/03/naruto-ultimate-ninja-storm-revolution_16.html

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา