RED STONE WAR

9.0

เขียนโดย nemon

วันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เวลา 21.50 น.

  86 ตอน
  9 วิจารณ์
  64.85K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 23.26 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) ชะตาชีวิตลิขิตการกระทำ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
ภาคที่หนึ่ง
จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ
                     เสียงนกกระจอกหยอกล้อกันดังมาแต่ไกล คล้ายจะก่อกวนหรือจะเตือนอะไรซักอย่าง เสียงของสายลมพัดผ่านระเบียงรวมกับเสียงผ้าม่านสีฟ้าสบัดไปมาดัง พรึ่บพับ พรึ่บพับ นกกระจอกตัวน้อยขนสีน้ำตาลอ่อน ดวงตาสีขมิ้น บินลงมาเกาะตรงขอบระเบียงมองผ่านทะลุเข้ามาภายในห้องชั้นที่สามของตึก นกน้อยจ้องมองผ่านทะลุผ้าม่านเข้าไป เห็นร่างของมนุษย์คนหนึ่งนอนนิ่งอยู่บนที่นอนอย่างสงบ สายลมพัดโชยมาพัดผ่านใบหน้าของเขา ผมดำยาวมันเงาเคลื่อนที่ผ่านแก้มของเขาไปมาอย่างนุ่มนวล ทันใดนั้นเด็กหนุ่มก็ลืมตาเบิกกว้างขึ้น นอนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งไม่ขยับตัว ลูกตาทั้งสองข้างกลอกกลิ้งไปมาเพื่อสำรวจบริเวณรอบรอบห้อง ในหูของเขาได้ยินเสียงนกกระจอก ร้องทักทายกัน ได้ยินเสียงรถวิ่งแล่นอยู่บนถนนภายนอกระเบียงห้อง เสียงเพลงหมอลำดังมาแต่ไกลจากชั้นล่าง เขาจ้องมองกลับมาที่เพดานด้านหน้าของตน แล้วนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง
                   แล้วทันใดนั้นเขาใช้มือทั้งสองข้างยันตัวเองกับที่นอนลุกขึ้นมานั่งนิ่งบนเตียง แล้วหันหน้าไปทางซ้ายมีกระเงาทำจากไม้สักทาด้วยสีขาวบานใหญ่ เขามองเห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งผิวขาว ผมดำมันยาวสลวย คิ้วหนา จมูกเรียวยาว ริมฝีปากบางสีชมพู มีดวงตาสีน้ำตาลเข้ม อายุน่าจะราวราวยี่สิบต้นต้น ไม่น่าจะเกินยี่สิบห้าปี นั่งจ้องมองมาทางทิศทางเดียวกับที่เขานั่งอยู่บนเตียง สภาพการแต่งกายด้วยเสื้อแขนยาวสีน้ำเงินมีฮูดอยู่ด้านหลัง สวมใส่กางเกงสามส่วนลายทหาร
              นั่นตัวเรารึเด็กหนุ่มนึกขึ้นในใจพร้อมกับจ้องมองกระจกเงาที่อยู่เบื้องหน้าของตนอย่างสงสัย แล้วเราเป็นใครแล้วมาทำอะไรที่นี่ เขายืนขึ้นบนเตียงนอนจ้องมองกระจกเงาที่อยู่เบื้องหน้าตนเพื่อสำรวจตัวเองให้ชัดเจนยิ่งขึ้น เขาคิดวิเคราะห์ดูเขาน่าจะสูงประมานร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตร เห็นจะได้ น่าจะหนักไม่เกินหกสิบกิโล แต่เขากลับนึกชื่อของตัวเองไม่ออก เขาเริ่มสับสนกับตัวเองเป็นอย่างมาก
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก” เด็กหนุ่มหันมองไปดูที่หน้าประตูห้องของตนเองอย่างนิ่งเงียบ ด้วยความสงสัยใครกันนะมาเคาะหน้าประตูห้องแล้วเสียงที่อยู่ภายหลังประตูบานนั้นก็ดังขึ้นอีก คราวนี้เสียงดังหนักกว่าเดิม
“ตึง ตึง ตึง” เสียงเคาะประตูนั้นดูหนักขึ้นมาอีกครั้ง
“ เออ นั่นใครเหรอครับ” เสียงเด็กหนุ่มตะโกนออกจากภายในห้องเพื่อสอบถามคนที่อยู่หลังประตูบานนั้น แต่ ไม่มีเสียงใดใดตอบกลับมาเลย เด็กหนุ่มนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่งนิ่งคิดอยู่ภายในใจว่าเสียงใครนะมาเคาะประตูห้องหรือจะเป็นคนรู้จักเราก็เป็นไปได้ เด็กหนุ่มได้โดดลงจากที่นอนเดินไปที่หน้าประตูห้องเพื่อจะเปิดออก ทันทีที่เด็กหนุ่มเปิดประตู เขากลับมองเห็นคนคนหนึ่งที่เขาไม่คุ้นเคยเอาเสียเลย เบื้องหน้าชายหนุ่มคือ หญิงสาว รูปร่างหน้าตาน่ารักเลยทีเดียว เธอตัวสูงไม่มากนักน่าจะประมาณร้อยหกสิบห้าไม่เกินร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตร รูปร่างผอม ผมดำยาวเป็นลอนแบบดัดมา ผิวสีน้ำผึ้ง สวมแว่นตาสีดำสนิทหญิงสาวสวมชุดหนังสีดำมันเงาทั้งตัวร้องเท้าสวมรองเท้าบูทสีดำเงามันวับพื้นรองเท้าหนาประมาณสองเซนติเมตรเห็นจะได้ คงช่วยให้เธอดูสูงขึ้น ยืนจ้องมองเขาเขม็ง หญิงสาวคนนั้นถือโอกาสตอนที่เขายืนงงอยู่เดินเข้ามามองภายในห้อง เธอมองสังเกตุดูจนทั่วทั่วห้องแล้วจึงหันมองชายหนุ่มที่อยู่เบื้องหน้ามองตั้งแต่หัวจรดเท้าเหมือนกับว่าเธอกำลังค้นหาอะไรบางอย่าง เธอจ้องมองมองใบหน้าของชายหนุ่มแล้วนิ่งไปครู่หนึ่งเธอจึงเอ่ยถามเขาด้วยน้ำเสียงที่เรียบเรียบ
“เจ้านายแกอยู่ไหน” เสียงหญิงสาวพูดกับชายหนุ่ม
                    ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปอยู่ครู่หนึ่งกับคำถามของหญิงสาว ใครกันเจ้านายเรา เรามีเจ้านายด้วยเหรอเธอคงรู้จักเราสินะชายหนุ่มยืนคิดภายในใจ
“นี่ ฉันถามนายไม่ได้ยินเหรอ นายแกอยู่ที่ไหนหูหนวกเหรอแกนะ “เสียงของหญิงสาวเริ่มเสียงดังขึ้น
“เออ คือ คุณครับ เรารู้จักกันด้วยหรือครับ” ชายหนุ่มถาม
“เราไม่จำเป็นต้องรู้จักกันหรอก ฉันต้องการคุยกับเจ้านายแก เจ้านายแกไปไหนแล้วล่ะ” หญิงสาวตอบ
“คือ ผมไม่มีเจ้านายหรอกครับ ผมไม่แน่ใจ ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมชื่ออะไร แล้วคุณเป็นใครมาที่นี้ได้ยังไงแล้วรู้จักผมได้ยังไง”
                     หญิงสาวเดินเข้ามาใกล้ชายหนุ่มอีกนิด ยืนจ้องมองเขาด้วยความสงสัยเอามือซ้ายกอดอกไว้แล้วมือขวาจับที่ริมฝีปากของเธอ เหมือนกำลังใช้ความคิดอะไรบางอย่าง
“นายชื่ออะไรนะ” หญิงสาวถามอีกครั้ง
                     ชายหนุ่มนิ่งคิดภายในใจ“เอ๊ะ ผู้หญิงคนนี้ยังไงกันนะก็เราบอกไปแล้วว่าไม่รู้จำอะไรไม่ได้สงสัยที่พูดไปหล่อนไม่ได้สนใจอะไรเลย”แต่ชายหนุ่มก็เพียงแค่คิดภายในใจเท่านั้นและเขาก็ตอบหญิงสาวคนนั้นด้วยน้ำเสียงเรียบเรียบ
“ผมไม่รู้ว่าผมชื่ออะไรและผมเป็นใครมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงผมตื่นขึ้นมาก็มาเจอคุณนี้แหล่ะเป็นคนแรก” ชายหนุ่มตอบ
“อืมม ยังงั้นเองหรอกรึ” หญิงสาวก้าวเท้าเข้ามาจนจ้องหน้าชายหนุ่มอย่างใกล้ชิดจนใบหน้าแทบจะชนกัน ชายหนุ่มเองตกใจถอยหลังไปจนติดฝาผนังห้อง สายตาของหญิงสาวที่มองผ่านทะลุแว่นตาสีดำสนิท มองชายหนุ่มแทบจะทะลุปรุโปร่ง
“โดนลบความทรงจำล่ะสิ” หญิงสาวเอ่ยขึ้น เอาล่ะงั้นก็เปล่าประโยชน์ สอบถามอะไรนายไปก็คงจะไม่ได้อะไร นายอยู่ที่นี้คนเดียวรึ หญิงสาวพูดกับชายหนุ่ม แต่ทว่าชายหนุ่มกับไม่ตอบแต่ทำท่าทางเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ ในตอนนั้นเองชายหนุ่มกำลังคิดถึงสิ่งที่หญิงสาวพูดเรื่องการโดนลบความทรงจำของเขา ว่ามันคืออะไรเรื่องจริงรึเปล่า หรือหญิงสาวคนนี้สติไม่ดีมาหลอกลวงรึเปล่า แต่ตัวเขาเองก็จำอะไรไม่ได้จริงจริงอย่างที่หญิงสาวว่า ในความคิดของเขานั้น เริ่มสับสน งง งวย กับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ในตอนนี้อย่างมาก
“นาย นาย ไม่ได้ยินที่เราถามรึไง” เสียงตะหวาดที่ดังขึ้นของหญิงสาว ทำให้ชายหนุ่มได้สติกลับมาจากความคิดของตน
“อะไรนะครับ เมื่อกี้คุณถามผมว่าอะไรนะครับ” ชายหนุ่มตอบ
“โอ้ย นายหูตึงรึไงนะเวลาคนอื่นพูดด้วยหัดสนใจฟังบ้างสิ เราถามว่า นายอยู่ที่นี่คนเดียวรึไง” หญิงสาวถามชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความฉุนเฉียว
“อ่อ ครับ อยู่คนเดียวมั้งครับ” ชายหนุ่มตอบ
“ทำไมมีมั้งด้วยล่ะ สรุปว่าอยู่คนเดียวหรือไม่รู้ว่าอยู่คนเดียวรึเปล่าเอาไงแน่” หญิงสาวพูดกับชายหนุ่ม
“ครับ คงงั้นมั้งครับ คือผมก็ไม่รู้เหมือนกัน คือผมเองก็จำอะไรไม่ได้ครับผมสับสนไปหมด คือ ผมไม่รู้ โอ้ยนี้ผมเป็นอะไรเนี๊ยะ” ชายหนุ่มตะโกนออกมาด้วยความสับสน พลางเอามือทั้งสองข้างรวบผมอันยาวสลวยสีดำของเขารวบผมไปกระจุกรวมกันบนหัวเดินถอยหลังไปพิงกับฝาผนังห้องอย่างตะหนก
“ใจเย็นนะนาย” หญิงสาวพูด ไม่เป็นไรนะถ้านายจำอะไรไม่ได้ไม่เป็นไรมันไม่ใช่ความผิดของนาย คนระดับเค้าแล้วถ้าทำแบบนี้กับนายได้ก็คงไม่แปลกหรอก
“ใครกันหรือครับแล้วเค้าที่ว่านี้เป็นใครกันแล้วทำอะไรกับผม” ชายหนุ่มเรียกสติกลับมาได้จึงถามหญิงสาวต่อ
“แล้วคุณเป็นใครแล้วมาหาใครที่นี่หรือครับ” คุณไม่รู้จักผมเหรอ
“ใจเย็นเย็นนาย เราจะตอบทีละคำถามละกัน” หญิงสาวตอบ
                    คือ เรามาตามหาคนคนนึงซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าเค้าเป็นใครหน้าตายังไง เรารู้แค่ว่าเราต้องการจะตามหาตัวเค้า เพื่อพิสูจน์ว่าเค้ามีตัวตนจริงจริง คนคนนั้นมีความสามารถเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ได้เลยเชียวล่ะคนแบบเดียวกับเราต่างก็ตามหาเค้า
“คนแบบเดียวกับคุณ คือ อะไรคนแบบไหนเหรอ” ชายหนุ่มถาม
“เรื่องนั้นช่างมันเถอะ นายไม่ต้องรู้หรอกรู้แค่ว่าเรามาตามหาคนก็พอ แต่ที่แน่แน่ คนคนนั้นไม่ใช่นายแน่นอนเพราะนายเป็นแค่มนุษย์ธรรมดา ไม่ใช่แบบเดียวกับเรา สรุปก็คือนายคงโดนลบความทรงจำก่อนที่เราจะมาถึงที่นี่ ร้ายกาจ จริงจริง สมเป็นคิงจริงจริง หาตัวยากเหลือเกิน แต่คงไม่เกินความสามารถเราไปได้หรอกนะคิดจะดูถูกกันเกินไป เชอะ” หญิงสาวแสดงใบหน้าหงุดหงิดเล็กน้อยเมื่อพูดถึงชายคนดังกล่าว
“คนที่คุณตามหาชื่อ คิงเหรอครับ” ชายหนุ่มถาม
“เปล่าหรอก เป็นฉายาของเขานะ ชื่อจริงจริงของเขาไม่มีใครรู้หรอก รู้เพียงแต่ว่าเค้าอาจเป็นราชาในหมู่พวกเราไงล่ะ” หญิงสาวตอบ
“ถ้าเป็นอย่างนั้นคุณก็ไม่รู้จักผมซินะ แล้วผมเป็นใคร” ชายหนุ่มพูด
“นายอาจเป็นคนรับใช้ของเค้าก็เป็นได้นะ แต่ดูจากข้าวของภายในห้องแล้วไม่น่าจะใช่ นายอาจจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเค้าเลยก็เป็นได้ ของใช้ส่วนใหญ่ในห้องนี้ดูธรรมดาเกินไปสำหรับคนอย่างเค้า เพราะคนระดับที่เปลี่ยนแปลงโลกได้ไม่น่าจะมีชีวิตที่แสนจะธรรมดาแบบนี้ได้ และอีกอย่างถ้านายรู้จักกับคิงจริงจริงแล้วนายก็น่าจะมีความสามารถหรือรอยอักขระบ้างแต่นายก็ไม่มีอะไรเลยนายเป็นแค่คนธรรมดาเอง เอาเป็นว่านายไม่เกี่ยวข้องอะไรกับคิง ถ้างั้นเราไปล่ะขอโทษที่ทำให้เสียเวลานะ” พอหญิงสาวพูดจบก็หันหลังให้ชายหนุ่มและกำลังจะเดินออกนอกห้องไป
“เดี๋ยวก่อนครับแล้วคุณชื่ออะไรครับ” ชายหนุ่มถาม
“เราชื่อ เรนโบว์ ไปล่ะถ้าโชคดีเราอาจได้พบกันอีกเราไปล่ะ” หญิงสาวตอบ พลางเอื้อมมือจับลูกบิดประตูปล่อยให้ชายหนุ่มยืนสับสนอยู่ ทันใดนั้นเองมีเสียงระเบิดดังขึ้นจากชั้นล่างของตึกที่ทั้งสองยืนคุยกันอยู่
-ตูมมม- เสียงดังคล้ายเสียงระเบิดดังมาจากด้านล่างของตึก
“นั้นเสียงอะไรนะ” เด็กหนุ่มเอ่ยขึ้นถามหญิสาว
“ไม่รู้สิ แต่อย่าให้เป็นอย่างที่เราคิดเลย” เรนโบว์ตอบ เธอจึงรีบเปิดประตูออกไปดูอย่างรวดเร็ว เธอมองเห็นกลุ่มควันลอยฟุ้งมาจากด้านล่างของตึก เธอจึงรีบปิดประตูแล้ววิ่งผ่านตัวชายหนุ่มไปที่ระเบียง มองลงไปด้านล่าง แล้วหันมามองชายหนุ่ม
“ใช้อย่างที่เราคิดจริงจริงพวกมันตามมากันแล้ว” หญิงสาวกล่าว
“ใครกันหรือครับพวกไหน ใครตามคุณมา” ชายหนุ่มพูด
“อย่าเพิ่งถามอะไรตอนนี้รีบหนีก่อนเถอะ ไปเร็วมีทางออกทางอื่นอีกมั้ยในตึกนี้” เรนโบว์ถามชายหนุ่ม
“ไม่รู้สิครับผมจำอะไรไม่ได้” ชายหนุ่มตอบ
“งั้นตามเรามา” หญิงสาวกล่าว พลางเอื้อมมือจับขอบระเบียงปีนออกไปด้านนอกแล้วหันมาทางชายหนุ่ม
“เร็วสิ มัวยืนงงอะไรอยู่อีกล่ะ อยากโดนจับรึไง” หญิงสาวกล่าว
“ทำไมผมต้องหนีด้วยผมไม่ได้ทำอะไรผิดนิ” ชายหนุ่มพูด
“งั้นก็ตามใจนายนะแต่เราไปละ แต่บอกไว้ก่อนนะถ้าพวกมันจับนายได้พวกนั้นคงจะคุมตัวนายไว้เพื่อสอบถามหาตัวคิงหรือไม่ก็สอบปากคำนายถามถึงตัวฉันแน่แน่ และยิ่งนายโดนลบความทรงจำแบบนี้พวกนั้นคงจะต้องทดลองอะไรกับตัวนายแน่นอน ไม่อยากจะคิดว่าจะโดนอะไรบ้าง อาจจะถูกทรมานก่อนก็ได้นะ อยากอยู่ก็เชิญตามสบาย เราไปก่อนละ โชคดีนะ” หญิงสาวกล่าว
“พวกนั้นเป็นตำรวจเหรอครับ” ชายหนุ่มถามกลับ
“ไม่ใช่หรอก คนของรัฐบาลนะ โอ้ย อย่าถามอะไรมากได้มั้ยเนี๊ยะเดี๋ยวค่อยถามตอนนี้ต้องหนีก่อน จะมาหรือไม่มาก็ตามใจนายละกันแต่ถ้ามาก็อยู่เงียบเงียบ อย่าถามอะไรอีก เดี๋ยวเราค่อยเล่าให้ฟังทีหลังตอนนี้หนีก่อนเถอะ” พอเธอพูดจบก็ปีนออกไปทางระเบียงของห้องทันที ชายหนุ่มเห็นดังนั้นก็รีบปีนตามเธอออกไป พอออกมาอยู่ด้านนอกตรงขอบระเบียงมองลงไปด้านล่าง มองเห็นชายใส่สูทสีดำยืนอยู่ข้างรถตู้สีดำสนิท ทั้งสามคนมองขึ้นมาด้านบน ตรงที่ทั้งสองคนยืนอยู่ เรนโบว์ ปีนขอบระเบียงนำหน้าชายหนุ่มไปอย่างคล่องแคล่วจนไปถึงขอบมุมตึกมือข้างหนึ่งเธอจับท่อระบายน้ำเหล็กขนาดพอดีมือไว้เตรียมที่จะกระโดดข้ามไปที่หลังคาบ้านข้างข้าง ทันใดนั้นมีเสียงปืนดังขึ้นมาสามนัดซ้อน
--ปัง- ปัง- ปัง---
               ชายหนุ่มหันลงไปมองที่มาของเสียงปืนนั้นทันที กระสุนเฉียดใบหน้าของเขาไปเพียงนิดเดียว กระสุนลอยไปถูกท่อระบายน้ำที่เรนโบว์จับไว้พอดี ทำให้เธอหลุดออกจากตัวตึก ชายหนุ่มจึงเอื้อมมือคว้าแขนของเธอไว้ได้ทันก่อนเธอตกลงไป แรงกระแทกตัวเธอตอนชนกับตัวตึกทำให้แว่นตาที่เธอสวมไว้ หลุดออกทำให้ชายหนุ่มมองเห็นใบหน้าเธออย่างชัดเจน ดวงตากลมโตสีดำสนิท กับขนตายาวงอนของเธอดูน่าตาน่ารักเลยทีเดียว ภายใต้ดวงตาของเธอตรงขอบตาล่าง ชายหนุ่มมองเห็นลอยสักหรือรอยอักระ บางอย่างที่ใต้ขอบตาของเธอชายหนุ่มจ้องมองอย่างสงสัย
“จะจ้องอีกนานมั้ยเนี๊ยะรีบเหวี่ยงฉันไปที่หลังคาบ้านข้างข้างนั่นที” เรนโบว์บอก
“อ่อ ครับ” ชายหนุ่มตอบ พลางรวบรวมกำลังทั้งหมดเหวี่ยงตัวเรนโบว์ไปที่หลังคาด้านข้างตึกทันที ตัวเรนโบว์ปลิวลอยไปตกบนหลังคาด้านข้างตึก เธอจึงหันมาบอกชายหนุ่มให้ตามมา ชายหนุ่มจึงกระโดดตามไป ทั้งสองคนจึงปีนลงทางข้างหลังบ้านลงไปตรงกองขยะพอดี เสียงรถตำรวจดังมาแต่ไกล เธอจึงบอกชายหนุ่มให้รีบไปต่อแล้วจึงจับมือชายหนุ่มวิ่งไปตามริมคลองทางด้านหลังของตึก
“เราจะไปไหนกันหรือครับ” ชายหนุ่มถาม
“หยุดถามซะทีเถอะแล้วตามมาเร็วเร็ว” เรนโบว์พูด
“แล้วฉันจะเรียกนายว่าอะไรดีล่ะ ถ้านายไม่รู้ว่านายเป็นใครงั้นเราเรียกนายว่า ไค ละกัน ดีมั้ย ดีไม่ดีไม่รู้ล่ะเอาเป็นว่าเราชอบชื่อนี้ชื่อไคนี่ล่ะ ไปต่อกันได้ละ” พอพูดจบเรนโบว์ก็เดินนำชายหนุ่มไปอย่างรวดเดร็ว
ไค เหรอก็ดีนะชื่อเทห์ดี ชายหนุ่มคิดภายในใจแล้วรีบเดินตามเรนโบว์ไป
เสียงรถตำรวจไล่ตามหลังทั้งสองคนมาติดติด ทั้งสองคนมองเห็นสะพานข้ามคลองอยู่ตรงด้านหน้า
เราไปหลบตรงใต้สะพานนั่นก่อนละกัน เรนโบว์พูด
“อ๋อ ครับ” ไคตอบ
                   เรนโบว์เข้าไปหลบอยู่ด้านในใต้สะพาน ส่วนตัวไคนั่งหลบอยู่ด้านนอกสะพานเล็กน้อยเธอจึงเรียกเขาเข้ามานั่งใกล้ใกล้ ไคได้นั่งติดกับเรนโบว์เขาจึงได้เห็นใบหน้าของเรนโบว์อย่างชัดเจนและได้แอบมองใบหน้าเธอและรอยอักขระที่ใต้ตาเธออย่างเป็นระยะ
“รอยสักที่ใต้ขอบตาคุณมันคืออะไรเหรอ ทำไมดูแปลกจังตอนสักไม่เจ็บเหรอครับ” ไคถาม
“อ๋อ รอยสักนี่นะเหรอมันเป็นรอยสักพิเศษนะมันมีพลังที่พระเจ้าประทานมาให้ฉันล่ะ” เรนโบว์ตอบ
“จริงดิ อำผมเล่นล่ะสิ” ไคพูดต่อ พร้อมกับอมยิ้มเล็กน้อยเหมือนกับว่าหญิงสาวหยอกล้อตนเล่น
“พลังของฉันมีความสามารถในการอ่านรอยอักขระแบบเดียวกันกับฉันได้ว่ารอยอักขระนั้นมีความสามารถอะไรไงล่ะง่ายง่ายก็คือเวลาฉันเจอคนที่มีรอยสักแบบเดียวกันก็รู้ถึงความสามารถอีกฝ่ายว่าอยู่ในระดับไหนพลังความสามารถของอักขระมีหลายระดับมีตั้งแต่ระดับธรรมดาถึงระดับใกล้เคียงเทพเลยเชียวล่ะ”
“เรื่องจริงเหรอ” ไคถาม
“จริงสิ นายเห็นคนที่ใส่สูทดำที่ยิงปืนขึ้นมาใส่เรามั้ย” เรนโบว์ถาม
“เห็นครับ น่ากลัวจังคนตัวสูงสูงผอมผอมใช่มั้ยครับ “
“ใช่ ใช่ คนนั้นล่ะ ไอ้หมอนั่นมันชื่อ โตโต้ มีความสามารถ ยิงปืนได้อย่างแม่นยำในระยะที่เขามองเห็นได้หรืออีกชื่อคือ ปืนจักพรรดิ ยังไงล่ะ ถ้าถูกหมอนั่นหมายหัวนะไม่รอดแน่แน่ แต่ที่เค้ายิงถูกท่อระบายน้ำน่ะ เขาตั้งใจ เพราะคนพวกนั้นต้องการจับฉันตัวเป็นเป็นไงล่ะ” เรนโบว์กล่าว
“ทำไมคนพวกนั้นต้องจับเธอด้วยล่ะ เธอทำอะไรมาเหรอ” ไคถาม
“คือ เราตามรอยคิงมานานแล้วตามหามาเรื่อยเรื่อย สืบข่าวล่าสุดก็พอรู้ว่าคิงมาที่จังหวัดนี้แหล่ะเรารู้สึกได้ว่าน่าจะอยู่ที่นี่พวกนั้นจะจับเราเพราะว่าความสามารถของเรายังไงล่ะ เพราะความสามารถของเราสามารถตามหาคนที่มีพลังพิเศษของผลึกได้และเพื่อตามหาตัวคิงจะต้องอาศัยพลังของเราไง” เรนโบว์กล่าว
“อ๋อ เธอถึงมาเจอผมที่นี่เพราะคิดว่าคิงคือผมใช่มั้ยครับ” ไคถาม
“แน่นอนเรารู้สึกได้ เราเชื่อในลางสังหรณ์ของเราเสมอเพราะมันไม่เคยพลาดนะแต่ก็นะของอย่างงี้มันก็มีพลาดมั้งละ ฮ่าฮ่า “เรนโบว์กล่าว ในตอนนนั้นไคได้มองหน้าของเรนโบว์ตอนที่เธอหัวเราะพร้อมรอยอมยิ้มเล็กน้อยทำให้เค้ารู้สึกดีกับรอยยิ้มของหล่อนเหลือเกิน
“จริงสิ คนที่ตามล่าเรนโบว์เป็นคนของรัฐบาลเหรอครับ”
“ใช่ คนพวกนั้นเป็นหน่วยลับพิเศษ หน่วยCTSOเป็นองค์กรที่คอยควบคุมผู้มีพลังอัขระยังไงล่ะ” เรนโบว์ตอบ
“คนที่มีพลังอัขระมีเยอะเหรอครับ”
“เยอะมากเลยล่ะ เยอะจนนายคิดไม่ถึงมีหลายคนมีทั้งที่ลงทะเบียนกับทางรัฐบาลและที่ยังไม่ได้ลงทะเบียนอีกเยอะมีปะปนกับคนทั่วไปเต็มไปหมดโดยคนทั่วไปแทบดูไม่ออกเลย นอกเสียจากพวกเดียวกันเหมือน ผีเห็นผีไง อิอิ เรนโบว์ เล่าไปพลางหัวเราะไปพลางดูเธอสนุกสนานกับสิ่งที่เธอเป็นเสียเหลือเกิน ไคจ้องมองเธอด้วยความเอ็นดูอย่างประหลาดตัวเค้าเองคิดในใจว่าอยากมีส่วนร่วมกับความปลาบปลื้มที่เธอสนุกกับสิ่งที่เธอเป็นบ้างจังเลย ทั้งที่เมื่อไม่นานมานี้เธอเกือบจะเอาชีวิตไม่รอดแท้แท้
               เสียงรถตำรวจดังเข้ามาใกล้ใกล้ เรนโบว์ เงียบไปครู่หนึ่งเหมือนตั้งใจฟังอะไรบางอย่างเสียงเครื่องยนต์ของรถตำรวจหยุดลงด้านบนสะพานตรงที่ไคและเรนโบว์หลบซ่อนอยู่พอดีแล้วเรนโบว์นิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็พูดขึ้นว่า” ฉันรู้แล้วล่ะว่าจะทำยังไงให้ความทรงจำนายกลับคืนมา”
“ทำยังไงเหรอ” ไคถาม
“นายเห็นดอกไม้สีม่วงม่วงตรงข้างข้างตัวนายมั้ย”พอพูดจบเธอก็ชี้มือไปทางด้านซ้ายของไคตรงบริเวณที่ไคนั่งอยู่
“ดอกไม้นี่นะเหรอครับ” ไคถาม
“ใช่ดอกไม้นั่นแหละเด็ดมาให้เราหน่อย” เรนโบว์พูด
               ไคเอื้อมมือไปเด็ดดอกไม้สีม่วงที่อยู่ใกล้ใกล้ตัวเขา ทันใดนั้นเองเรนโบว์หยิบท่อนไม้ท่อนหนึ่งขึ้นมาแล้วฟาดลงไปที่หัวของไคอย่างเต็มแรง
“” โป๊กก... พอสิ้นเสียงของแข็งกระทบท้ายทอยของไคภาพสุดท้ายที่แสนจะพล่ามัวนั่นก็คือ เรนโบว์ยืนถือท่อนไม้หน้าสามขนาดพอดีมือ โอ้พระเจ้าเธอตีหัวเรา ไคนึกคิดอยู่ภายในใจก่อนที่จะหมดสติไป
เสียงผู้ชายหนุ่มและทุ้ม‘ไอ้หนุ่มนี้เป็นใครรึ ชู้รักรึไง ‘
“ไม่เอาน่าคนแปลกหน้าที่เพิ่งเจอกันเมื่อกี้นี่เอง” เสียงของเรนโบว์
“เกี่ยวข้องอะไรกับคิงรึเปล่า” เสียงผู้ชาย
“ไม่หรอกน่า เจ้าหมอนี้เป็นแค่คนธรรมดา ไม่มีความสามารถอะไรและไม่เกี่ยวข้องอะไรกับคิงเลย” เรนโบว์
“โกหกรึเปล่าสาวน้อยฉันรู้จักเธอดี เธอมันยัยตัวแสบตัวแม่เลยทีเดียว” เสียงผู้ชาย
ทันใดนั้นไครู้สึกตัวเหมือนจะได้สติแต่ยังเบลอเบลออยู่ เขามองเห็นภาพเรนโบว์และพูดชายใส่สูทสีดำที่ชื่อว่าโตโต้ยืนคุยกันอยู่แต่เป็นภาพที่เลือนลางเหลือเกิน
“งั้นจัดการกับไอ้หมอนี้ซะ” เสียงของโตโต้สั่งการเจ้าหน้าที่อีกคนหนึ่งที่มากับเขาด้วย อย่านะ นายจะฆ่าเค้ารึไงเค้าไม่เกี่ยวอะไรด้วยเลยนะเค้าเป็นแค่ประชาชนธรรมดาที่ความจำเสื่อมเท่านั้นเองเสียงเรนโบว์ตะหวาดออกมาเพื่อห้ามปราม
“ความจำเสื่อมงั้นรึ ก็ดีจัดการซะ” เจ้าหน้าที่โตโต้ออกคำสั่งอีกครั้ง เจ้าหน้าที่อีกคนหนึ่ง พอได้รับคำสั่งก็เดินปรี่เข้าไปหาไคที่นั่งมึนและงง อยู่
“หยุดนะ อย่าทำอะไรเค้านะ” เสียงเรนโบว์ตะโกนออกมา
“ใจเย็นซิ ใครจะไปทำอะไรเค้ากันเล่าแค่จะทำให้สลบลงไปอีกครั้งแค่นั้นเอง” เสียงโตโต้พูด พอพูดจบเจ้าหน้าที่อีกคนที่เจ้าหน้าที่โตโต้สั่งเหมือนจะมีตำแหน่งน้อยกว่าโตโต้ เดินเข้าไปหาไคแล้วจับที่หัวไหล่ของไคเบาเบา จู่จู่ไคก็หลับลงไปอีกครั้ง หลังจากที่ไคหลับลงเจ้าหน้าที่ทั้งสามคนก็พาตัวเรนโบว์ขึ้นรถตู้สีดำออกไปทันที ทิ้งให้ไคนอนแน่นิ่งอยู่ตรงใต้สะพานนั่นเอง

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา