ลิขิตแห่งจันทร์ by พลอยลภัสร์ (โรแมนติด-แฟนตาซี)

8.3

เขียนโดย พลอยลภัสร์

วันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2557 เวลา 13.02 น.

  19 chapter
  9 วิจารณ์
  21.45K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2557 20.25 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

14) บทที่ 13

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
 
 
บทที่ 13
 
 
เมื่อได้ข้อสรุปแล้วว่าเจ้าของปราสาทจะเป็นคนเฝ้าไข้หญิงสาวปริศนาบนเตียงนอนด้วยตนเอง ทุกคนก็ทยอยกันเดินออกมาจากห้อง ทว่าก่อนที่ทุกคนจะเดินออกมา นายทหารคนสนิทก็ทำใจกล้า ถามคำถามที่อยากรู้ทันที “ท่านไปเจอแม่นางได้อย่างไร แล้วท่านหายไปไหนมา”
 
อินทุเงียบไปอึดใจอย่างครุ่นคิด ก่อนจะตอบคำถามของสุมะออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “เราหลงป่า เราเจอนางในป่า”
 
“แต่...แม่นางตายไปแล้ว” สาวใช้นามว่า ‘บุหรง’ ที่ถูกตามตัวมาตอนดึกเพื่อให้มาเปลี่ยนเสื้อผ้าเปียกให้กับหญิงสาวบนเตียงเอ่ยออกมาอย่างสงสัยเป็นประโยคแรก
 
ครั้งแรกที่บุหรงได้เห็นหญิงสาวบนเตียง...เธอตกใจแทบเสียสติ ถ้าไม่ได้ยินคำสั่งห้วนๆ ของอุทุราชาให้รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าให้กับหญิงสาวบนเตียง เธอคงจะยืนแข็งเป็นหินทำอะไรไม่ถูกอีกนาน
 
“นางกลับมาด้วยปาฏิหาริย์...ปาฏิหาริย์ของเทพแห่งจันทรา” เจ้าของห้องเอ่ยตัดบทเบาๆ แล้วก็หันหลังกลับไปนั่งบนเตียงนอนกว้างโดยละความสนใจแขกที่ทยอยกันเดินออกไปจากห้องจนหมดพร้อมกับงับบานประตูปิดให้อย่างเรียบร้อย
 
เมื่อนายทหารคนสนิทของอุทุราชาเดินลงบันไดมายังชั้นล่างของปราสาท ก็เจอกับ ‘สุมา’ น้องสาวฝาแฝดกำลังยืนแอบดักรอ เพื่อจะถามข่าวคราวเกี่ยวกับอุทุราชาอยู่บริเวณห้องโถงใหญ่ของปราสาท หลังจากที่เธอได้รับรายงานจากสาวใช้คนหนึ่งว่าอุทุราชากลับมาแล้ว และพาผู้หญิงที่ไหนกลับมาด้วยก็ไม่รู้
 
“พี่สุมะ ท่านอินทุพาใครกลับมาด้วย...ผู้หญิงหรือผู้ชาย” สุมารีบเดินเข้าไปประชิดตัวพี่ชายฝาแฝดทันทีที่พี่ชายปรากฏตัว
 
“ผู้หญิง” สุมะหันมาตอบน้องสาวด้วยสีหน้าเอือมระอา เพราะเขารู้ดีว่าน้องสาวฝาแฝดของเขานั้น คิดอะไรกับอุทุราชาของพวกตน
 
“นางเป็นใคร มาจากไหน แล้วมากับท่านอินทุได้อย่างไร”
 
“นางคือ...แม่นางจันทรพิมพ์”
 
“มะ...แม่นาง...จันทรพิมพ์! ไม่จริง...แม่นางตายไปแล้ว” สุมาเอ่ยค้านคำพูดของพี่ชายด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก
 
ทว่าพี่ชายกลับเอ่ยย้ำชัดถ้อยชัดคำ เพื่อให้น้องสาวฝาแฝดได้สำนึกและรับรู้ความเป็นจริง “สุมา...มันเป็นความจริง ถ้าเจ้าไม่เชื่อ พรุ่งนี้ก็เข้าไปดูเอาเอง”
 
“ข้าจะไปดูเดี๋ยวนี้” สุมาเตรียมจะผละเดินหนีพี่ชายฝาแฝดเพื่อจะเดินไปยังห้องนอนใหญ่ของปราสาท แต่ก็ถูกพี่ชายฉุดรั้งดึงแขนเอาไว้เสียก่อน
 
“อย่าเลย...คืนนี้ท่านอินทุเป็นคนเฝ้าแม่นางด้วยตัวเอง” ซึ่งประโยคห้ามปรามที่เอ่ยอ้างถึงอินทุของสุมะนั้น ใช้ได้ผลในทันที สุมายอมหันหลังเดินกลับไปยังห้องนอนของตนโดยปราศจากคำพูดใดๆ มีเพียงแววตาเท่านั้นที่สั่นระริกด้วยความสงสัยใคร่รู้ที่ฉายชัดอยู่บนใบหน้า
 
///////////////////////////
 
อินทุเปิดประตูเข้ามาในห้องนอนของตนหลังจากที่ออกไปตรวจดูความเรียบร้อยของปราสาทและเรียกตัวสุมะกับสุมาเข้ามาคุยซักถามถึงสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างที่เขาไม่อยู่จนเวลาบ่ายคล้อย ทว่าพอกลับเข้ามาก็ยังเห็นว่าหญิงสาวบนเตียงยังคงนอนขดตัวเป็นแมวน้อยอยู่บนเตียงนอนหลังใหญ่ที่มีผ้าห่มขนสัตว์ห่อคลุมร่างกายของเธอไว้อย่างมิดชิด โดยมีสาวใช้นั่งเฝ้าอยู่ไม่ห่าง “นางยังไม่ฟื้นอีกรึ”
 
“ตะ...ตื่นมาดื่มน้ำแล้วรอบหนึ่ง แล้วก็หลับไปอีก” บุหรงสะดุ้งเล็กน้อยเพราะไม่ทันได้ยินเสียงฝีเท้าของเจ้าของห้อง เพราะเธอมัวแต่นั่งมองใบหน้าของหญิงสาวบนเตียงอย่างสงสัยใคร่รู้ ว่ากลับมานอนมีลมหายใจอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร ทั้งที่เสียชีวิตไปนานนับสามเดือน ก่อนที่อินทุจะหายตัวไปอีกร่วมสามเดือน รวมระยะเวลาที่หญิงสาวบนเตียงเสียชีวิตก็ปาเข้าไปหกเดือนเต็ม
 
“แล้วยังมีไข้อยู่หรือเปล่า” อินทุถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง เพราะเมื่อคืนเขาต้องเช็ดตัวให้ศศิธรแทบจะตลอดทั้งคืน เพราะเธอไข้ขึ้นสูงมาก และไข้เพิ่งจะลดลงเมื่อตอนรุ่งสาง เขาถึงได้ไปตามสาวใช้ให้มาดูแลเธอแทน ส่วนตัวเขาก็ออกไปทำงานที่ทิ้งไปนานหลายเดือน
 
“ยังมีอยู่บ้าง”
 
เมื่อได้ยินสาวใช้บอกว่าหญิงสาวยังคงมีไข้อยู่ เขาก็เดินเข้าไปทรุดนั่งบนเตียงนอน แล้วเอื้อมมือไปอังหน้าผากของหญิงสาวบนเตียงด้วยความอ่อนโยน “ไปเตรียมน้ำมา เดี๋ยวเราจะเช็ดตัวให้นางเอง”
 
“เอ่อ...ให้ข้าเป็นคนทำเถอะ” บุหรงเอ่ยด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก เพราะแปลกใจกับการกระทำของอินทุ ซึ่งปกติแล้ว งานพวกนี้ มันเป็นงานของพวกผู้หญิง อินทุไม่เคยแตะแม้เพียงสักนิด
 
“ไปทำตามที่เราสั่ง”
 
บุหรงพยักหน้ารับอย่างยำเกรง แล้วรีบเดินออกไปจากห้องเพื่อเตรียมสิ่งที่อินทุต้องการทันที
 
หลังจากสาวใช้ยกอ่างเงินที่มีน้ำอุ่นผสมกับน้ำมันหอมระเหยกลิ่นกุหลาบมาวางไว้ตรงหน้า พร้อมกับผ้านิ่มสีขาวผืนเล็ก อินทุก็จัดการเช็ดตัวให้หญิงสาวบนเตียงด้วยตัวเอง
 
ชายหนุ่มเช็ดตัวไปด้วย ปากเขาก็พร่ำบ่นกับเธอไปด้วย “ทำไมเจ้ายังไม่ฟื้นสักที...รู้ไหม เจ้าทำข้าใจจะขาด แถมยังไม่มีสมาธิในการทำงานอีกด้วย”
 
เมื่อค่อยๆ เช็ดตัวหญิงสาวอย่างทนุถนอมจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็เรียกสาวใช้ให้มายกอ่างเงินไปเก็บ พร้อมกับออกคำสั่งใหม่ “ออกไปเถอะ เราจะดูแลนางเอง”
 
บุหรงพยักหน้ารับ แต่ก่อนที่จะถอยฉากออกไปจากห้อง ก็ได้ยินอีกหนึ่งคำสั่งดังลอยมาก่อนที่ประตูจะปิดลง
 
“ถ้าข้าไม่สั่ง ห้ามใครมารบกวน” เมื่อเห็นสาวใช้พยักหน้ารับคำสั่งพร้อมกับปิดประตูให้เขาแล้ว อินทุก็เดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เพราะเขาอาบน้ำมาจากลำธารเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะเดินไปจุดไฟที่เตาผิง เพราะเขาเองก็อยากจะนอนพักผ่อนเหมือนกัน เนื่องจากเมื่อคืนเขาแทบจะไม่ได้นอนเลยสักนิด แล้วตอนเช้ายังต้องลุกออกไปทำงานที่ทิ้งไว้มานานแต่เช้าอีก
 
อินทุขยับเลิกผ้าห่มผืนหนาขึ้นเพียงนิด แล้วแทรกตัวลงไปนอนซ้อนหลังหญิงสาวที่ขดตัวนอนหลับนิ่งอยู่ก่อน แล้วจึงเอื้อมมือไปรั้งหญิงสาวเข้ามาชิดอกแกร่ง
 
ทว่าก่อนที่เขาจะหลับตาลง เขาก็ได้ยินเสียงหญิงสาวในอ้อมอกครางออกมาเสียงแผ่ว เหมือนกำลังรำคาญการขยับตัวยุกยิกของเขา
 
“อื้อ”
 
ชายหนุ่มจับหญิงสาวพลิกหันหน้ามาทางเขาทันที “เจ้ารู้สึกตัวแล้ว”
 
ศศิธรโวยวายขึ้นมาแทบจะทันทีทีรู้สึกตัวว่ากำลังนอนอยู่ในอ้อมแขนใครสักคน พร้อมกับออกแรงดิ้นจนสุดกำลัง “ปะ...ปล่อยนะ...ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้”
 
“ศศิธร...ข้าเอง” ชายหนุ่มต้องรีบพลิกตัวขึ้นไปทาบทับหญิงสาวเอาไว้ทั้งตัว เพราะเธอเอาแต่หลับตาแล้วก็เตะ ต่อย ถีบ สะเปะสะปะไปหมด
 
“ท่านอินทุ!”
 
“ใช่...ข้าเอง”
 
หญิงสาวหยุดอาการดิ้นรนทันทีที่รู้ว่าชายหนุ่มที่กำลังทาบทับเธออยู่นี้เป็นใคร แต่เมื่อรับรู้ถึงลมหายใจร้อนๆ ที่รินรดอยู่บริเวณใบหน้าของเธอ เธอก็ผลักไสอกกว้างให้ถอยห่างจากตัวเธอ พร้อมกับเอ่ยไล่เขาให้ลงไปจากตัวเธออีกด้วย
 
“ถึงจะเป็นท่าน ก็ควรจะปล่อย และลงไปจากตัวข้าเหมือนกัน”
 
อินทุยิ้มกว้างทันทีที่ได้ยินประโยคที่แสดงถึงความคุ้นเคยของหญิงสาวใต้ร่าง จนอดใจไม่อยู่ก้มลงหอมแก้มเธอฟอดใหญ่ด้วยความดีใจ ก่อนจะพลิกตัวลงมานอนเคียงข้างหญิงสาว แต่ก็ไม่ยอมคลายอ้อมแขนที่กอดรัดเธอไว้อยู่ดี “อยู่แบบนี้ก็อุ่นดีนะ อากาศที่นี่มันค่อนข้างเย็น”
 
อาการเงียบและนิ่งไม่ขัดขืนของหญิงสาวเหมือนเป็นการยอมรับคำพูดของชายหนุ่ม ทำให้อ้อมแขนที่เหมือนจะกอดไว้หลวมๆ ในตอนแรก กลับกระชับกันแน่นขึ้นไปอีก
 
“เจ้าหิวไหม”
 
หญิงสาวส่ายหน้าแทนคำตอบ
 
“เอาน้ำหน่อยไหม ข้าจะไปหยิบให้” อินทุเอ่ยขึ้นอย่างเอาใจ การที่มีโอกาสได้พูดคุยกับหญิงสาวอีกครั้ง มันทำให้เขารู้ว่าเธอมีความสำคัญกับเขามากแค่ไหน และเธอก็มีค่าแก่การเอาใจใส่ดูแลของเขามากแค่ไหนด้วย
 
แต่ก่อน...เขาไม่เคยคิดจะเอาใจใคร แม้แต่ภรรยาผู้ล่วงลับไปแล้วของเขา...จันทรพิมพ์...หญิงสาวชาวบ้านธรรมดา ที่เขาก็ยังไม่รู้ว่าเขารักเธอหรือไม่ เขารู้แต่ว่าเธอสวยน่ารัก นิสัยดี ถูกใจเขา เขาจึงแต่งงานกับเธอ เพื่อกันผู้หญิงคนอื่นที่คิดจะเข้ามาในชีวิตเขาออกไป
 
ทว่าแต่งงานกันได้ไม่ถึงสามเดือนด้วยซ้ำ เธอก็มาถูกฆาตกรรมตายอย่างลึกลับ...เขาถึงได้รู้สึกเศร้าเสียใจ และติดค้างเธอมาจนถึงทุกวันนี้ เพราะเขาเป็นต้นเหตุทำให้เธอต้องตาย แต่จนแล้วจนรอดเขาก็ยังไม่สามารถจับตัวคนร้ายมาลงโทษได้ ความรู้สึกผิดจึงติดอยู่ในใจเขามาตลอด
 
และช่วงสามเดือนที่เธอมีชีวิตอยู่ เขาก็เอาแต่ทำงาน ไม่มีเวลาดูแลเอาใจใส่เธอเลยสักนิด ซึ่งกว่าเขาจะคิดได้ ก็ไม่อาจจะย้อนเวลาไปได้อีกแล้ว และเธอก็ไม่หวนกลับมาอีกแล้วเช่นกัน
 
“ไม่...ข้าอยากนอนมากกว่า”
 
“งั้นก็หลับตา แล้วนอนซะ” อินทุจรดจมูกลงเบาๆ ที่หน้าผากของหญิงสาวที่หลับตาลงแล้ว พร้อมทั้งดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มคลุมให้เธอกับเขาจนถึงหน้าอก
 
แต่ก่อนที่ศศิธรจะเคลิ้มหลับอีกครั้ง เธอก็เอ่ยออกมาเบาๆ “ที่นี่ที่ไหน”
 
“กลาพิมพ์”
 
“กลาพิมพ์...บ้านของท่านรึ”
 
“ใช่...บ้านของข้า...ชาวกลาพิมพ์ยินดีต้อนรับ...แม่นาง”
 
ศศิธรหลับตาลงอย่างเป็นสุข เมื่อได้ยินว่าที่นี่คือบ้านของชายหนุ่ม คนที่เธอพร้อมจะฝากชีวิตไว้กับเขา เพราะเธอเชื่อมั่นว่าเขาจะไม่ทิ้งเธอไปไหนยามเธอลืมตาตื่น เหมือนที่เขาได้ทำให้เธอเห็นมาแล้วว่า...เขาไม่มีวันปล่อยและทิ้งเธอ
 
/////////////////////////////
 
ศศิธรนั่งมองหญิงสาวที่กำลังเดินเข้ามาในห้องนอนของเธอพร้อมกับถังน้ำใบเล็กที่ใส่น้ำมาจนเต็ม เพื่อมาเทลงในอ่างน้ำใบใหญ่ที่ตั้งอยู่มุมห้อง โดยมีฉากไม้ระแนงๆ เล็กๆ กั้นพลางสายตา ลักษณะเหมือนเป็นห้องอาบน้ำเล็กๆ ภายในห้องนอนใหญ่
 
ห้องนอนที่มีเตียงนอนกว้างใหญ่มโหฬารเหมือนจะนอนได้สักสี่-ห้าคน ตั้งอยู่กลางห้อง ถัดไปมีโต๊ะไม้ขัดมันลวดลายงดงามตั้งอยู่ปลายเตียง พร้อมกับเบาะรองนั่งกับพื้นวางอยู่รอบๆ โต๊ะไม้ ส่วนรอบๆ ห้องก็จะมีลังไม้ขนาดใหญ่สำหรับใส่ของตั้งอยู่สองใบ ติดกับตู้เสื้อผ้าใหญ่เพราะเธอเห็นหญิงสาวที่มีใบหน้าคล้ายกับนกน้อยเดินไปเปิดเลือกหยิบเสื้อผ้าออกมาวางพาดไว้แถวบริเวณอ่างอาบน้ำให้เธอ
 
ถัดจากตู้เสื้อผ้าก็จะเป็นกระจกสูงใหญ่ที่วางตั้งพิงอยู่กับผนังห้อง ซึ่งมองเห็นตัวเธอเองกำลังนั่งอยู่บนเตียงนอนกว้าง กำลังไล่สายตามองสิ่งแวดล้อมแปลกใหม่ไปรอบๆ ห้อง
 
“แม่นาง...ลุกขึ้นมาอาบน้ำเถอะ” บุหรงเดินเข้ามาหยุดเรียกนายหญิงของตนที่ริมเตียงนอนหลังจากทยอยยกน้ำขึ้นมาเทใส่อ่างอาบน้ำจนเกือบเต็ม
 
ศศิธรขยับตัวมานั่งห้อยขาที่ปลายเตียงนอน แล้วก็ถามถึงชื่อของหญิงสาวที่เข้ามาเรียกเธอให้ไปอาบน้ำ “นกน้อย...บุหรง...เจ้าชื่อบุหรงใช่ไหม”
 
“ใช่แม่นาง...ข้าชื่อบุหรง แม่นางลุกขึ้นถอดเสื้อผ้าเถอะ ข้าเตรียมน้ำอุ่นมาให้แม่นางอาบแล้ว”
 
ศศิธรลุกขึ้นเดินไปยังอ่างอาบน้ำ แล้วจึงถามถึงชายหนุ่มที่เธอยังไม่เห็นหน้าของเขาเลย หลังจากที่ลืมตาตื่นขึ้นมาเมื่อสักครู่เพราะความเสียงดังของสาวใช้ที่ตักน้ำมาให้เธออาบถึงในห้อง “ท่านอินทุไปไหน”
 
“ท่านอินทุออกไปลาดตระเวณที่ชายแดนทางเหนือ”
 
“ไปนานไหม กี่วัน เมื่อไหร่ถึงจะกลับ”
 
“คะ...คือ...ข้าไม่ทราบรายละเอียด เรื่องนี้แม่นางต้องไปถามพี่สุมา”
 
เมื่อไม่ได้รับรายละเอียดจากคำถามที่ถามออกไปมากมายเกี่ยวกับชายหนุ่มที่นำพาเธอมายังกลาพิมพ์ ศศิธรก็เอ่ยปากไล่สาวใช้ที่เดินเข้ามาช่วยเธอถอดเสื้อผ้า “เจ้าออกไปเถอะ...เราอาบน้ำเองได้”
 
สาวใช้ที่มีใบหน้าละม้ายคล้ายพยาบาลพิเศษของแม่เธออย่างกับแกะ...เธอไม่แปลกใจเลย ทำไมชายหนุ่มถึงเรียกพยาบาลสาวน้อยว่า...บุหรง
 
“ท่านอินทุสั่งให้ข้าคอยอยู่เป็นเพื่อนแม่นาง” บุหรงพูดจบก็เดินเข้าไปช่วยขยับถอดชุดให้กับนายหญิงของตน “แม่นางถอดเสื้อออกเถอะ”
 
“เอ่อ...” ศศิธรเอามือยึดเสื้อที่ใส่ไว้แน่น เพราะรู้สึกกระดากอายที่จะถอดเสื้อผ้าต่อหน้าสาวใช้ และตอนนี้เธอก็รู้ตัวดีว่า ภายใต้ชุดนอนสีขาวทั้งตัวนี้ เธอไม่ได้ใส่ชั้นในสักชิ้น
 
‘ก๊อกๆ’
 
เสียงเคาะประตูเบาๆ ตามมาด้วยเสียงเปิดประตู เรียกให้สายตาสองคู่ที่กำลังยื้อยุดเสื้อผ้ากันอยู่ หันไปมองยังประตูใหญ่ทันที
 
“แม่นางจันทรพิมพ์!” หญิงสาวที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับตะกร้ากลีบดอกกุหลาบหลากหลายสีในมือร้องขึ้นอย่างตกใจ เมื่อเห็นใบหน้าของหญิงสาวคนที่เธออยากเห็นตั้งแต่เมื่อคืนก่อนชัดเจน
 
“พี่สุมา...เข้ามาทำไม ท่านอินทุสั่งห้ามไม่ให้ใครเข้ามาในห้องนี้”
 
“ข้าแค่เอาดอกกุหลาบมาใส่ในอ่างอาบน้ำให้แม่นางเท่านั้น” สุมาตอบออกมาอย่างระมัดระวัง แล้วก็เดินเอากลีบกุหลาบไปโรยในอ่างอาบน้ำ พร้อมกับเหลือบตาขึ้นมองสำรวจหญิงสาวที่เคย ‘ตาย’ ไปแล้วไปด้วย เมื่อเธอทำหน้าที่ๆ แอบอ้างเพื่อจะเข้ามาดูหน้าของหญิงสาวเสร็จแล้ว เธอก็เดินออกไปจากห้องทันที
 
“นางเป็นใคร”
 
“พี่สุมารึ”
 
ศศิธรพยักหน้า เมื่อสักครู่เธอเห็นสายตาตื่นตกใจของหญิงสาวที่เพิ่งเดินออกไปจากห้อง เมื่อเห็นเธอครั้งแรก และหญิงสาวคนนั้นยังเรียกขานเธอว่า...จันทรพิมพ์...อีกด้วย
 
แสดงว่าชายหนุ่มน่าจะแนะนำให้ทุกคนรู้จักเธอในนามของ...จันทรพิมพ์…เธอจึงไม่ได้คิดจะแก้ไข หรือเปิดเผยชื่อจริงๆ ของเธอ ทว่าชายหนุ่มทำไปเพื่ออะไรนั้น เธอยังคิดไม่ออก...เธอจะเก็บเอาไว้ถามเขาเย็นนี้
 
“พี่สุมาเป็นน้องสาวฝาแฝดของพี่สุมะ นางเป็นหัวหน้าสาวใช้ ดูแลเรื่องอาหาร ความสะอาดเรียบร้อยของที่นี่ทั้งหมด และเป็นคนที่อุทุราชามักจะเรียกใช้งานเสมอ นางจึงรู้เรื่องเกี่ยวกับอุทุราชาดีที่สุด” บุหรงเอ่ยอธิบายถึงหัวหน้าสาวใช้ที่เพิ่งเดินออกไปจากห้องอย่างงงๆ เธอไม่เข้าใจว่าทำไมนายหญิงของตน ถามเหมือนไม่รู้จักหัวหน้าสาวใช้มาก่อน
 
ศศิธรไม่ได้ใส่ใจกับคำตอบมากนัก เธอรีบหันหลังเดินหนีไปแช่ตัวในอ่างอาบน้ำอุ่นเพื่อข่มความอาย หลังจากห้ามสาวใช้ไม่ให้ถอดเสื้อผ้าให้เธอไม่ได้
 
การนอนหลับตานิ่งๆ ในอ่างน้ำอุ่นที่มีไอร้อนลอยคละคลุ้งพร้อมกับกลิ่นหอมของดอกกุหลาบเช่นนี้ ทำให้ศศิธรรู้สึกผ่อนคลาย แต่มันจะดีกว่านี้มาก ถ้าไม่มีมือของสาวใช้มาช่วยขัดสีฉวีวรรณบนตัวเธอแบบนี้...การหลับตานิ่งๆ น่าจะเป็นหนทางเดียวที่หนีความกระดากอายนี้ได้
 
หลังจากอาบน้ำและกินข้าวกินปลาเรียบร้อยภายในห้องนอนแล้ว ศศิธรก็เผลอหลับไปอีกรอบด้วยความอ่อนเพลีย
 
ก่อนที่จะรู้สึกตัวและลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งในช่วงเวลาบ่ายแก่ และเมื่อมองไปจนรอบห้องแล้วไม่เห็นใคร ศศิธรก็ลุกเดินออกมานอกห้องเป็นครั้งแรกตั้งแต่มาถึงที่กลาพิมพ์ ซึ่งพอเปิดประตูออกมาก็เจอเข้ากับทหารยามสองคนที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตู ซึ่งก้มศรีษะค้อมให้เธออย่างนอบน้อม ถึงแม้จะมีอาการตกตะลึงไปบ้างในครั้งแรกที่เห็นเธอ
 
หญิงสาวเดินลงบันไดมาเรื่อยๆ จนมาถึงห้องโถงใหญ่ ก็เห็นสาวใช้คนหนึ่งกำลังจะเดินผ่านไป เธอจึงเรียกไว้เพื่อถามหาบุหรง จนได้ความว่าสาวใช้กำลังทำงานอยู่ที่ลานด้านหน้าโรงครัว
 
“แม่นาง...ออกมาทำไม” บุหรงรีบวางมือจากงานตรงหน้าแล้วปรี่เข้าไปหานายหญิงของตนทันทีที่หันไปเห็นนายหญิงกำลังยืนเก้ๆ กังๆ เพื่อมองหาใครสักคน
 
“ทำไม! เราออกมาไม่ได้รึ”
 
“เอ่อ...ท่านอินทุสั่งไม่ให้แม่นางออกมาจากห้อง” บุหรงอ้างคำสั่งของอุทุราชาทันที เมื่อเห็นแววตาเอาเรื่องของนายหญิงของตน ซึ่งนอกเหนือจากคำสั่งที่ว่าห้ามคนป่วยออกจากห้องแล้ว อินทุยังสั่งห้ามใครเข้าไปในห้องของหญิงสาวเด็ดขาด ระหว่างที่เขาไม่อยู่ นอกจากเธอคนเดียวเท่านั้น แล้วการที่คนป่วยออกมายืนตาใสตากลมอยู่นอกห้องเช่นนี้ ใครเล่าจะเป็นคนรับผิดชอบ ถ้าไม่ใช่เธอ ผู้ที่ได้รับคำสั่งมาโดยตรง เมื่อทำอะไรไม่ได้บุหรงก็ได้แต่ยืนหน้าถอดสี เพราะเกรงจะรับผิดชอบจากผลของการขัดคำสั่งของอุทุราชาในครั้งนี้ไม่ไหว
 
“หือ...” ศศิธรครางออกมาเบาๆ ยิ่งเธอได้ยินว่ามันเป็นคำสั่งของอินทุแบบนี้ ความรู้สึกอยากขัดคำสั่งยิ่งมีมากเป็นเท่าทวีคูณ และเมื่อเห็นว่าบุหรงเอาแต่ก้มหน้า จึงหันไปถามสาวใช้คนอื่นๆ ที่กำลังล้อมวงกันทำอะไรสักอย่างแทน “พวกเจ้ากำลังทำอะไรกันอยู่”
 
“ย้อมสีผ้า” หัวหน้าสาวใช้ที่ยืนชำเลืองมองคนป่วยมาสักพักแล้วเป็นฝ่ายตอบแทนสาวใช้คนอื่นๆ ที่กำลังมองตรงไปที่นายหญิงของพวกตนด้วยสายตาซึ่งเต็มไปด้วยความสงสัย
 
“แม่นาง...กลับห้องกันเถอะ ถ้าท่านอินทุรู้ ข้าต้องโดนดุ โดนลงโทษแน่ๆ” บุหรงโอดครวญออกมาเสียงดัง เพราะรู้ซึ้งถึงโทษทัณฑ์ของการขัดคำสั่งของอุทุราชาดีว่ามันหนักแค่ไหน เมื่อเห็นว่านอกจากคนป่วยจะไม่ยอมเดินกลับขึ้นไปอยู่แต่ในห้องแล้ว นายหญิงของตนยังเดินเข้าไปหากลุ่มของสาวใช้ที่กำลังย้อมผ้าด้วยอาการสนใจใคร่รู้อีกต่างหาก
 
ทว่าคนป่วยกลับตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงดื้อดึง ชวนให้หนักใจ “ไม่...เราอยากดู”
 
 
+++++++++++
 
สวัสดีปีใหม่ 2558
 
ขอบคุณที่ติดตามอ่านนะคะ
ตอนนี้ลิขิตแห่งจันทร์มีวางแผงตามร้านหนังสือชั้นนำแล้ว ฝากอุดหนุนกันด้วยน๊าาา
 
รัก
พลอยลลภัสร์ 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา