อาจารย์สุดที่รัก
เขียนโดย เฉินน้อย
วันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2566 เวลา 01.07 น.
แก้ไขเมื่อ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 03.05 น. โดย เจ้าของนิยาย
9) เมื่อความเจ็บเอื้อนเอ่ย
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความทุ่งโล่งเตียนสุดเขตแดนหยางในจุดที่มีการเฝ้ายามที่ละหลวม เสี่ยวรุ่ย ยืนอยู่ผู้เดียวเหมือนกําลังรอใครบางคน ไม่นานก็มีชายลึกลับสวมชุดดําสนิทเดินทางมาถึง
“มาจนได้นะ…” เสี่ยวรุ่ยกล่าวทักทายชายผู้นั้นอย่างสนิทสนม
“ฮ่าฮ่า ไม่เจอเจ้าเสียนานสหาย”
“แม่นางผู้นั้นปลอดภัยใช่หรือไม่”
“มาประลองกันสักตั้ง แล้วข้าจะบอก”
“ข้าไม่มีเวลามาเล่นกับเจ้า รีบบอกมา!”
“ก็ได้ๆ นางปลอดภัย”
“ดี งั้นข้าฝากเอาจดหมายนี้ส่งไปให้ถึงมือนางที”
“นี่ข้าเป็นคนใช้เจ้าหรือไง”
“หรืออยากให้นายท่านมาหาเจ้าเอง”
“ไม่ๆอย่าเลยข้า..เข้าใจแล้วๆ” หลังจากได้ยินเกี่ยวกับเหวินเจี๋ยชายผู้นั้นก็ดูหวาดกลัวทันที
“อ่อแล้วก็…” เสี่ยวรุ่ยได้กระซิบบอกบางอย่างกับชายผู้นั้น
ชายผู้นั้นได้รับจดหมายจากเสี่ยวรุ่ยและกําลังมุ่งหน้าเพื่อเอาไปให้หลินหลินทันที ในขณะที่เสี่ยวรุ่ยนั้นรีบเดินทางกลับมาหาเหวินเจี๋ย
เฉินยวิ้นและหลินหลิน เดินคุยเล่นกันมาจนถึง ร้านอาหารเล็กๆในหมู่บ้านเซียมซีที่มีชื่อว่า “เสี่ยวก่วนเจีย” กลิ่นหอมโชยออกมาจากในร้านจึงทําให้หลินหลินสนใจอย่างมาก ไม่รอช้าจึงพาเฉินยวิ้นเข้าไปยังร้านแห่งนี้ ด้านในร้านมีโต๊ะไม้กลม 4-5 ตัว เก้าอี้เตี้ยแบบไม่มีพนักพิง ข้าง ๆ วางถังน้ำชาไม้ไผ่ให้ลูกค้ารินดื่มเอง เสียงฮึมฮัมเบา ๆ ของชาวบ้าน สลับกับเสียงคนทำบะหมี่ด้านหลังร้าน เถ้าแก่แก่ใส่เสื้อผ้าฝ้ายธรรมดา มือข้างหนึ่งถือตะหลิว อีกข้างหยิบเครื่องปรุงใส่ชามอย่างคล่องแคล่ว เสียงน้ำเดือดปุด ๆ จากหม้อต้มน้ำเตาถ่านดังสม่ำเสมอ ข้าง ๆ มีซึ้งไม้ไผ่ที่นึ่งซาลาเปาอยู่จนพองฟู
ในมุมหนึ่งของร้าน มีเด็กชายตัวเล็กนั่งแกว่งขา รอแม่ที่กำลังช่วยล้างถ้วยอยู่หลังร้าน กลิ่นหอมของขิง พริกไทยจาง ๆ ลอยคลุ้งทั่วร้าน
“คนเยอะเหมือนกันนะเนี่ย” หลินหลินตื่นตากับสิ่งที่เห็น
“เอ่อ..เปลี่ยนร้านเถอะวุ่นวายชะมัด”
“ไม่เอา กินร้านนี้แหละไปเถอะ”
หลินหลินรีบคว้าแขนเฉินยวิ้นไปนั่งยังโต๊ะที่ว่างในทันที
“เถ้าแก่ บะหมี่สองชามเจ้าค่ะ”
ไม่นานนักเถ้าแก่ก็มาเสิร์ฟบะหมี่ให้ทั้งคู่
“ทานให้อร่อยนะขอรับ..ว่าแต่ว่าไม่เคยเห็นหน้าเลยมาเที่ยวหรือขอรับ”
“พวกข้าพึ่งมาอยู่ได้สองวันหนะ”
“ฮ่าฮ่า ยินดีต้อนรับนะขอรับ”
หลังจากนั้นทั้งคู่ก็รับประทานบะหมี่กันอย่างเอร็ดอร่อย หลินหลินทานอย่างมีความสุข ส่วนทางด้านของเฉินยวิ้นก็ดูตกตะลึงกับบะหมี่ชามนี้อย่างมาก ทั้งคู่คือลูกค้าชุดสุดท้ายพอดี เถ้าแก่กําลังจะปิดร้าน ทว่าเถ้าแก่ก็เดินไปหยิบไหปริศนาบางอย่างมาหาท้้งคู่
“คู่รักทั้งสอง นี่ถือสะว่าเป็นของขวัญต้อนรับ สุราที่ครอบครัวข้าทํากันเอง ลองลิ้มรสดูนะขอรับ ฮ่าฮ่า” คําว่าคู่รักทั้งสอง ทําเฉินยวิ้นสําลักในทันที ส่วนหลินหลินก็หน้าแดง
“คือพวกข้าไม่ใช่…”ไม่ทันไรเถ้าแก่ก็เดินกลับไป
”เอาไงกับไหสุรานี่“ เฉินยวิ้นถามเรียบๆ
”ไหนๆก็ให้มาแล้วมาดื่มกันเถอะ“
”เจ้าเคยดื่มมาก่อนหรอ“
”ไม่ ข้าไม่เคยดื่ม ท่านพ่อไม่เคยให้ข้าชิมเลย“
”งั้นเจ้าอย่าดื่มเลย รีบกลับกัน…เดี๋ยวเจ้าทําบ้าอะไรเนี่ย“
ขณะที่เฉินยวิ้นตื้อไม่ให้หลินหลินดื่ม หันกลับมาอีกที ก็พบหลินหลินที่กําลังยกไหสุราซดเข้าปากไปหลายอึก เฉินยวิ้นรีบแย่งไหสุรามาไว้ที่ตัวเองในทันที
”หื้มม ข้าว่ารสชาติของสุราก็ไม่แย่นะ“ หลินหลินพูดพร้อมเลียริมฝีปาก
”นี่เจ้า! กระดกไปขนาดนั้นไม่กลัวเมาเลยรึไง“
“ข้าเคยเห็นท่านพ่อข้าดื่ม ก็ไม่เห็นเมา ข้าก็คงไม่เมาหรอกหน่า เจ้าก็ดื่มด้วยกันสิเร็วเข้า”
”ยัยเพี้ยนนี่ ไม่ต้องเลย เดะข้ารินให้เจ้า ใครสอนให้เจ้ากระดกแบบนนั้นกัน“
”เจ้าพูดอย่างกับเจ้ารู้จัก สุรา อย่างนั้นแหละ“
”เห็นข้าเป็นเด็กน้อยรึไง“
หลังจากน้้นทั้งคู่ก็ดื่มสุราด้วยกันทว่าแปปเดียวหลินหลินก็แสดงอาการเมาอย่างเห็นได้ชัด เริ่มพูดเพ้อเรื่อยเปื่อยจนเวลาผ่านมาเกือบครึ่งชั่วยาม
”ฮืออออ“ จู่หลินหลินก็ร้องไห้ฟูมฟายออกมา
”เจ้าเป็นอะไรอีก“ เฉินยวิ้นถามด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่สุดเอือมระอา
”ข้าคิดถึงท่านแม่ ท่านพ่อด้วย ฮืออ“
(อ่าาา บ้าเอ้ยยัยเพี้ยนนี่ ดีดให้สลบแล้วพากลับบ้านแล้วกัน)
เฉินยวิ้นกําลังดีดไปที่หน้าผากของหลินหลินเพื่อให้หลับ
“อย่าทําร้ายข้าเลย…”
“ข้าไม่ได้จะทําร้ายเจ้าข้าแค่…”
“ขอร้อง..ช่วยข้าด้วย”
เสียงสะอื้นว่าช่วยด้วยของหลินหลิน มาดังก้องในหัวของเฉินยวิ้นอีกครั้งหลังจากนั้นเฉินยวิ้นก็ถูกดูดเข้าไปในมิติบางอย่าง เฉินยวิ้นมาโผล่ที่จวนของสกุลหลิน
“อะไรอีกล่ะเนี่ย ที่นี้ที่ไหน”
ด้วยความสงสัยเฉินยวิ้นจึงเดินดูรอบๆ ก็พบหลินหว่านหง กําลังสอนหนังสือให้เด็กๆซึ่งเป็นลูกของเหล่าคนใช้ในจวน
“นี่หลินหว่านหง ยัยเพี้ยน”
เฉินยวิ้นพยายามตะโกนเรียกครั้งแล้วครั้งเล่าแต่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับ ไม่นานนัก หลินลู่ซิง ก็เข้ามา
“น้องพี่สอนหนังสือเหนื่อยหรือไม่ จิบชาร้อนๆสักถ้วยเถอะ”
“ข้า…ข้าไม่เหนื่อยทันพี่”
ระหว่างที่เดินมาหาหลินหลิน หลินลู่ซิงก็ทําเป็นสะดุดล้ม ชาร้อนๆก็สาดเข้าหลินหลินเต็มๆ หลินหลินกรีดร้องด้วยความแสบร้อนและเจ็บปวด
“นี่เจ้า! บังอาจ!” เฉินยวิ้นเลือดขึ้นหน้า รีบปล่อยพลังใส่หลินลู่ซิงทันทีแต่ทว่าเหมือนมีม่านพลังบางอย่างมาขว้างกันเอาไว้ (นี่มันบ้าอะไรเนี่ย)
หลังจากนั้นเฉินยวิ้นก็ถูกพาไปให้ดูความทรงจําอันโหดร้ายของหลินหลินทั้งหมด ไม่ว่าจะการถูกพี่สาวของเธอทําร้ายกลั่นแกล้ง ถูกแม่เลี้ยงของเธอใส่ร้าย ถูกใช้ให้ไปทํางานเยี่ยงทาสในวันที่ถังเห้าไม่อยู่ เฉินยวิ้นทําได้แต่ยืนดูด้วยความโกรธแต่ก็ไม่สามารถทําอะไรได้เลยแม้แต่น้อย จนกระทั่ง ถูกพามาอีกแห่งนึง เป็นที่ที่ไม่คุ้นเคย สิ่งรอบข้างทุกอย่างล้วนพลังทลาย เต็มไปด้วยร่องรอยการต่อสู้หรือสงคราม พบหลินหลิน ที่นอนจมกับกองเลือด
“นี่ไม่เหมือนความทรงจําของนาง คงจะเป็นภาพลวงตาสินะ”
เฉินยวิ้นก้มลงพยายามจะสัมผัสหลินหลินที่นอนอยู่ ปรากฎว่าม่านพลังบางอย่างที่ว่าก็กลับไม่มีแล้ว เฉินยวิ้นสามารถสัมผัสหลินหลินได้ ทําให้เฉินยวิ้นตกใจอย่างมาก
“หมายความว่าไง..หลินหว่านหง ใครทําเจ้า ตื่นสิ ตื่นสิ!”
เฉินยวิ้นพยายามปลุกหลินหลิน ทั้งเขย่าตัว ตบไปที่แก้มเบาๆ ก็ไม่มีการตอบสนอง
“ใครบังอาจ กล้าดียังไง!!”
เฉินยวิ้นตะโกนออกมาอยากสุดเสียงและเจ็บปวดจนดังลั่นไปทั่วทิศ พร้อมระเบิดพลังขั้นขีดสุดออกมาจนมิติความทรงจําของหลินหลินนั้นแตกร้าว เฉินยวิ้นลืมตาตื่นเหงื่อไหล่เต็มใบหน้าสีหน้าที่ทั้งตกใจและปนความโกรธไปด้วย
“หลินหว่านหง..“
เฉินยวิ้นเรียกหลินหลินอย่างแผ่วเบาในขณะที่หลินหลินเมาจนหลับไป เฉินยวิ้นทําสีหน้าโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก
(เมื่อครู่นี้มันเหมือนจริงเหลือเกิน ข้าไม่รู้ว่ามิติลวงบ้าปะกี้มันคืออะไร แต่ข้าจะช่วยเจ้า ข้าสัญญา)
เฉินยวิ้นอุ้มหลินหลินขี่หลังของตัวเองแล้วเดินกลับบ้าน ขณะที่เดินกลับเฉินยวิ้นก็ยังคงวิตกและคิดวนอยู่ในหัวตลอดว่าสิ่งที่เจอมาเมื่อครู่มันคืออะไรกันแน่ รวมถึงสงสารหลินหลินที่มีอดีตที่โหดร้าย (ทั้งที่เจอมาขนาดนั้นแท้ๆทําไมเจ้าถึงยังยิ้มแบบนั้นให้ข้าได้อีก)
“งืมม งืมม เราจะไปไหน“ หลินหลินเหมือนจะตื่นขึ้นมา
”กลับบ้านไง“
”หื้ม เจ้าเอาซาลาเปากลับมาด้วยหรอ“ หลินหลินพูดอ้อนเสียงสองเหมือนจะสนใจซาลาเปามากๆ
”ซาลาเปาอะไรของเจ้า ข้าไม่ได้เอามา“
“ก็ข้าเห็นอยู่นี่ไง”
“เจ้าเมาแล้ว ไม่มีหรอกซาลา…”
เฉินยวิ้นพูดไม่ทันจบ หลินหลินก็โน้มหน้าของเธอ จมูกรวมถึงริมฝีปากของเธอก็ประกบชิดกับแก้มของเฉินยวิ้นอย่างอ่อนโยน เฉินยวิ้นหน้าแดงด้วยความเขินอายและหยุดชะงักในทันที
“นี่เจ้า…ทําอะไร” เฉินยวิ้นถามอย่างตะกุกตะกัก
“กลิ่นหอม แต่ไม่เห็นเหมือนซาลาเปาเลย”
“ก็..มันไม่ใช่”
“แต่ต้องชิมก่อน งั้ม! ”
“โอ้ยย!”
หลินหลินกัดเข้าไปที่แก้มของเฉินยวิ้นอย่างจัง จากนั้นก็หลับไปอีกครั้ง (บ้าชะมัด) เฉินยวิ้นยิ้มอ่อนๆก่อนที่จะเดินทางกลับบ้านต่อ ขณะที่เดินทางจนถึงบ้านก็พบชายลึกลับที่เสี่ยวรุ่ยส่งมายืนรออยู่
“เจ้าเป็นใคร“ เฉินยวิ้นตะโกนถามอย่างหนักแน่น
(จําได้แล้วดูเหมือนว่าเจ้านี่จะอยู่กับนางผู้นั้นตลอดสินะ ขอลองหน่อยก็แล้วกัน)
”ข้าหรอ..ถูกสั่งมาให้ปลิดชีพผู้หญิงบนหลังเจ้าหนะ“ ชายลึกลับตอบด้วยน้ำเสียงกวนประสาทพร้อมยิ้มเล่ห์ เฉินยวิ้นที่ได้ยินประโยคนี้ พร้อมกับสิ่งที่เขาเห็นก่อนหน้านี้ก็ยิ่งทําให้เขาโกรธมากขึ้น นัยน์ตา ของเขาเปลี่ยนเป็นสีเหมือนกับเปลวเพลิงพร้อมปล่อยพลังจนผืนดินนั้นสั่นไหว
“การที่เจ้าอยากจะแตะต้องนาง นั้นคือการลนหาที่ตาย!”
จวนแม่ทัพต้าโตว่ เหวินเจี๋ยกําลังเตรียมการบางอย่างกับเสี่ยวรุ่ยอย่างลับๆ
“พรุ่งนี้จะมีประชุมใหญ่ราชวงศ์ทุกๆคนต้องไปเข้าเฝ้าท่านเจ้าเมืองแน่นอนขอรับ”
“ดี พวกเราก็จะไป แต่เจ้าฝากจดหมายไปแล้วใช่หรือไม่”
“ขอรับ”
“ดี หลังจากหาหนอนบ่อนไส้จนเจอ ฆ่ามันทิ้ง แล้วข้าจะรีบไปช่วยหลินหลินในทันที”
ความหนักแน่น แน้วแน่ และความแค้นของเหวินเจี๋ยประทุผ่านใบหน้าของเขาอย่างชัดเจน
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้

รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ