Game...ล่ารักฝ่าหัวใจคุณหมอเพลย์บอย

9.2

เขียนโดย tietang

วันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2554 เวลา 15.42 น.

  45 ตอน
  2181 วิจารณ์
  121.40K อ่าน
แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

11)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
ร้านอาหาร...
 
 
“พี่มีไม่งานที่ไหนเหรอไงคะถึงได้มานั่งเฟย์”
 
 
เฟย์ถามไปเพราะว่าหลายวันมานี้เขื่อนมาที่ร้านเธอทุกวันงานการไม่รู้จักไปทำวนเวียนคอยมองเธออยู่ได้
 
 
“งานมีครับ แต่Cancelไปหมดแล้ว”
 
 
ลุกจากม้านั่งแล้วเดินมานั่งตรงข้ามกับเฟย์ที่กำลังหันผักเพื่อทำสลัดอยู่ พูดออกมาได้ยังไงงานมีแต่ไม่ทำ
 
 
“พี่เหลวไหลอย่างนี้ใครจะเอาพี่เป็นสามีคะเนี่ย”
 
 
เธอพูดไปตามความรู้สึกจริงๆเป็นเธอก็ไม่เอา หันผักไปไม่ได้สนใจแต่ท่าทางเวลาเธอพูดมันทำให้เขื่อนคิดหนัก
 
 
“แล้วถ้าพี่ไม่เหลวไหลเฟย์จะรับพี่เป็นสามีเหรอ”
 
“พี่พูดหมายความว่าไง”
 
 
วางผักในมือลงแล้วเงยหน้าขึ้นมามองใบหน้าเรียวยาว เขื่อนยิ้มแป้นรอยู่ก่อนแล้ว แต่เฟย์กลับทำหน้าเหม็นบูด
 
ตอบกลับไป
 
 
“เป็นนายแบบดีๆไม่ชอบอยากเป็นคนก้นครัวรึไงคะ”
 
 
 
ยังไม่วายแหนบแนมอย่างเค้าจะทนได้สักเท่าไหร่คนไม่เคยลำบากมาอยู่กับเธอแค่ไม่กี่วันรับรองต้องแผ่นแน่บ
 
ในใจก็คิดไปเรื่อยเปื่อยแต่เธอนับบ้างรึเปล่าว่ากี่วันมาแล้วที่เขื่อนมานั่งเฝ้าเธอนั่งช่วยเธอทำงานที่ร้านอาหารแห่ง
 
นี้...
 
 
 
“ก็พี่ชอบแม่ครัวยังไงก็ทนได้ เอาเป็นว่าตอนนี้ไปทำงานก่อนดีกว่านะครับแล้วมืดๆจะมาใหม่”
 
“ไม่ต้องก็ได้เสียเวลาเปล่าๆ”
 
“ถ้ามาแล้วเจอเฟย์พี่ถือว่ามันคุ้ม”
 
 
 
เขื่อนพูดเสร็จแล้วลุกขึ้นเดินกึ่งวิ่งไปที่รถคันงามแล้วขับออกไปด้วยความเร็ว เธอจะใจแข็งได้อีกนานแค่ไหนตัว
 
เธอเองก็ยังไม่อาจจะรู้ได้ เพราะอีกคนหนึ่งก็ช่างตื้อซะเหลือเกินแต่ยังไงเธอก็คงจะไม่ยอมแพ้ต่อลูกไม้ของคน
 
เจ้าชู้อย่างเค้าง่ายๆหรอก...
 
 
“เฟย์...”
 
 
 
เสียงดังมาจากร่างบางที่มาคล้อยหลังเขื่อนไปแวบเดียว ใบหน้าที่เกลือนไปด้วยรอยยิ้มดูสดใส เรียวปาก
 
บางกรีดยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดีจะไม่อารมณ์ดีได้อย่างไรก็ก่อนที่เธอจะมามีอะไรตั้งหลายอย่างที่ทำให้เธอยิ้มได้
 
สีหน้าของหญิงสาวนั่นทำให้เฟย์เอ่ยทักขึ้นว่า
 
 
“อารมณ์ดีมาเชี่ยวนะว่างเหรอไง”
 
“งานหน่ะมีอีกเป็นภูเขาแต่วันนี้อารมณ์ดี ว่าแต่ฟางติดต่อมาบ้างไหม”
 
 
ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็เข้าเรื่องเพื่อนสาวที่หนีอาการช้ำรักไปแคนาดายังไม่กลับ เธอเป็นคนไม่เหลวไหลเวลาต้อง
 
เป็นเวลาอีกเดี๋ยวต้องกลับบ้านไปเตรียมเอกสารอีกเพราะพรุ่งนี้เธอต้องขึ้นว่าความ
 
 
 
“ไม่เลยแกว่าเราจะตามไปดูดีไหมฉันเป็นห่วง”
 
“ก็ดีนะแต่ว่าฉันยังไม่มีเวลาว่างเลย งานรัดตัวไปหมด”
 
“งั้นเอาเป็นว่าคืนนี้ฉันลองติดต่อฟางดูอีกทีถ้าไม่ได้ เราค่อยมาคุยกันว่าจะไปหาฟางกันเมื่อไหร่”
 
“งั้นก็ดี แล้วยังไงก็โทรมาบอกฉันด้วยแล้วกันนะ”
 
 
 
หมุนข้อมือขึ้นมาดูนาฬิกา หน้าปัดนาฬิกาของเธอจะเดินเร็วกว่าคนอื่นนิดหน่อยเพื่อเร่งตัวเอง และตอนนี้
 
หน้าปัดก็โชว์ว่าเวลาตอนนี้เกือบจะทุ่มครึ่งไปแล้ว
 
 
 
“เฟย์งั้นฉันไปแล้วนะมีงานต้องเคลียร์ต่อ”
 
“ไม่กินอะไรก่อนหน่อยเหรอ”
 
 
แค่ส่ายหน้าเพื่อนซี้ก็รู้ทันทีว่าเธอไม่หิว ขืนไปบังคับมีหวังร้านพัง อะไรที่บอกว่าไม่ก็คือไม่ แต่ถ้าบอกว่าใช่
 
สำหรับเธอก็คือใช่ เฟย์ไม่อย่ากจะทู่ซี้อะไรเพื่อนสาวมากมายนักยกมือขึ้นบ๊ายบาย
 
 
“เดินทางดีๆแล้วกันบาย”
 
 
หญิงสาวยิ้มรับแล้วหยิบผักที่เฟย์หันอยู่เข้าปากแล้วเดินออกไป
 
+
 
+
 
+
 
 
 
บ้านศิริมงคลสกุล
 
 
หญิงสาวเดินเข้ามาในบ้านก็รู้สึกได้ถึงความเงียบที่ผิดปกติ แต่เธอเองก็ไม่ได้สนใจเพราะคนในบ้านก็ต่างคนต่าง
 
อยู่กันอยู่แล้ว เลือกเดินเข้าไปที่ห้องครัวเพื่อหาน้ำดื่มเย็นๆสักแก้วและเธอก็เลือกที่จะหยิบน้ำองุ่นมารินใส่แก้ว
 
แล้วดื่มรวดเดียวหมด
 
 
“ป้าคะทำไมบ้านเงียบจัง”
 
 
เมื่อเห็นป้าแม่บ้านเดินเข้ามาจะไม่ถามก็กระไรอยู่
 
 
“อ่อคุณท่านทั้งสองไปดูเหมืองเพรชคะส่วนคุณหนูหวายพึ่งกลับมาคะสงสัยจะอยู่บนห้อง”
 
“คะ”
 
 
รับคำสั้นๆแล้วเดินขึ้นไปบนห้องตนเองบ้าง
 
 
“ไงได้ข่าวว่าไปขว้านายแพทย์มาได้งั้นเหรอ”
 
 
จังหวะเดียวกันที่หญิงสาวจะเปิดประตูห้องพี่สาวก็ออกมาจากห้องพอดี หวายอยู่ในชุดสายเดียวซีทรูสีเทาผมสี
 
 
น้ำตาลทอเป็นประกายถูกดัดให้หยิกเป็นลอนตามสไตล์ของเธอเอง
 
 
 
 
“ใช่ ที่นี้พี่คงพอใจแล้วนะที่แก้วไม่ต้องหมั้นกับพี่กวิน”
 
“มันไม่เกี่ยวกับฉัน ฉันก็แค่รู้สึกว่ากวินเค้ามีคนที่คู่ควรอยู่แล้วก็เท่านั้น”
 
 
 
คำพูดกำกวมทำให้หญิงสาวถึงกับขมวดคิ้วเธอกับพี่สาวไม่ต่างกันสักเท่าไหร่ เจ้าคิดเจ้าแผนการไม่แพ้กันเรื่อง
 
ความฉลาดก็คงจะพอกันอีกนั่นแหละ แม้พี่เธอจะเรียนการตลาดแล้วเธอเรียนนิติ แต่ตามพื้นเพแล้วสองพี่น้อง
 
ไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่ที่ต้องเลือกเรียนต่างกันก็เป็นเพราะว่าหวายต้องบริหารธุรกิจเพรชของครอบครัว ส่วนแก้ว
 
เป็นน้องเธอเลยมีสิทธิจะเลือกเรียนได้ตามใจชอบเลยเรียนนิติศาสตร์เหมือนพ่อ
 
 
 
 
“พี่พูดอย่างงี้หมายความว่ายังไง”
 
“ก็หมายความตามที่พูดไง คืนไม่กลับบ้านนะนอนเฝ้าบ้านไปคนเดียวแล้วกัน”
 
 
 
ไม่ทันที่จะได้ซักไซร้ไล่เลียงอะไรเพิ่มหวายก็เดินออกไปแล้ว ดีซะอีกได้อยู่บ้านคนเดียวเธอชอบจะตายไป ทำ
 
อะไรไม่ต้องเกรงใจใคร หญิงสาวเปิดประตูเดินเข้าห้องไปโดยไม่ได้สนใจต่อไปว่าพี่สาวคนเดียวของเธอจะไป
 
ไหน
 
 
 
 
แอ๊ด~
 
“พี่!!”
 
 
 
เปิดประตูเข้ามาได้ก็เห็นชายหนุ่มนั่งรออยู่ที่โต๊ะทำงานของเธอแล้ว เค้ากระตุกยิ้มที่มุมปากขึ้นอย่างเป็นต่อ ลุก
 
ขึ้นจากเก้าอี้เดินตรงมาหา
 
 
 
“ไงครับ วันนี้สนุกไหมเล่นขายของ”
 
 
 
ชายหนุ่มเกลี้ยเส้นผมที่ลงมาปรกหน้าหญิงสาวเล่น แต่เธอก็สบัดออกแล้วเดินเข้าไปในตัวห้องจัดการวางกระเป๋า
 
ถอดเสื้อคลุมตัวนอกอย่าไม่สนใจว่ามีเค้าอยู่ด้วยอีกคน ชายหนุ่มเดินมาจับข้อมือแล้วกระฉากให้ร่างบางเข้ามา
 
ปะทะกับตัวเอง
 
 
 
“ขายห้องพี่แล้วพี่จะไปนอนที่ไหนห๊ะ”
 
“แก้วจะไปรู้พี่เหรอตัวพี่ไม่ใช่ตัวแก้วซักหน่อย”
 
“มาทำคนอื่นเดือดร้อนแล้วยังไม่รับผิดชอบอีกนะยัยเด็กหยิ่ง”
 
 
 
ดูๆเอาจากอาการแล้วเค้าคงจะแค้นหญิงสาวไม่น้อยเลย ไม่อย่างงั้นคงไม่มาหาเธอถึงที่บ้าน
 
 
 
“ถ้าพี่ไม่มีที่นอนวัดข้างถนนก็น่าจะนอนได้นะ”
 
 
 
หญิงสาวสะแหยะยิ้มกลับไปอย่างไม่ยอมแพ้ คิดว่าเธอจะกลัวเค้าหนักหนารึไงกัน ตอนนี้ผู้หญิงและผู้ชายเท่า
 
เทียมกันแล้วไม่มีอะไรที่เธอจะต้องกลัวอีก
 
 
 
“จะบ้าเหรอไง”
 
“แก้วคงจะบ้าแล้วคะ แต่อย่าลืมนะคะกฏหมายคุ้มครองคนบ้า คนบ้าฆ่าคนไม่ติดคุกนะอย่าลืม”
 
 
ให้ตายซิเธอนี้สามารถที่จะโยงนั่นผูกนี้จนมันเข้ามาในเรื่องของกฏหมายนั่นอีกแล้ว แต่มีเหรอชายหนุ่มจะยอม
 
แพ้
 
 
 
“เค้าก็วินิจฉันออกมาแล้วเหมือนกันว่า ถ้ามีเซกส์กับคนบ้ามันเร้าใจที่สุด”
 
 
 
เธออยากรู้จังว่าใครนะที่เป็นคนคิดและวินิจฉันเรื่องบ้าๆพวกนี้ ชายหนุ่มคลายข้อมือที่บีบอยู่แล้วพลักให้ร่างบาง
 
ล้มไปนอนบนเตียง
 
 
 
“ในเมื่อขายห้องพี่ไปแล้วพี่ก็จะมานอนที่นี้แล้วกัน และต่อไปก็จะเป็นบทเรียนของเด็กหยิ่งที่ทำตัวไม่น่ารัก”
 
 
ร่างสูงใหญ่เบียดทาบทามทับลงมาเบียดจนช่องว่างระหว่างร่างกายเริ่มจะเหลือน้อยลงเต็มที มันน้อยลงจนแทบ
 
ไม่มีพื้นที่ให้ได้สูดอากาศหายใจ เรียวปากร้อนเล้าโลมอย่างร้ายกาจขบเม้นไปทั่วทั้งซอกคอขาวมือไม่อยู่เฉยยัง
 
คงปลุกเร้าอารมณ์หญิงสาวให้กระเจิดกระเจิงไปใหญ่ มือหน้าลากผ่านหน้าขาเนียนขึ้นมาถึงปลีน่องสอดเข้าไป
 
ได้กระโปร่งแตะสัมผัสไปที่บริเวณจุดอ่อนไหว
 
 
 
“ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ”
 
 
นอกจากจะไม่ได้รับการปลดหล่อยแล้วร่างกายยิ่งถูกกอดรัดแรงมากขึ้นมือที่อยู่ล่างท้องน้อยเลือนไปบีบสะโพก
 
กลมกลึ่งแทนส่วนอีกข้างก็จับไปหน้าหวานให้หันมาเผชิญหน้าให้มองมายังดวงตาสีดำสนิทที่ลึกลับและหน้าค้น
 
หาที่มองคราวใดเป็นอันต้องหลงเสน่ห์ แก้วมองจ้องเข้าไปยิ่งทำให้ร่างกายควบคุมอารมณ์ที่พลุกพลานไว้ไม่ได้
 
 
 
“พี่ถือว่ายินยอมพี่แล้วนะเนี่ย”
 
 
บอกเพราะเห็นแววตาหญิงสาวที่หวานเยิ้มเต็มไปด้วยไฟแห่งความปรารถนา เรียวปากหนาผละจากซอกคอที่
 
หอมกรุ่นขึ้นมาไล้วนที่ใบหน้าแทน ประกบปากเข้ากับปากเล็กที่เผยอออกมาเล็กน้อย ลิ้นสอดเข้าไปเกี่ยวพัน
 
อย่างอ้อยอิ่งดูดกลืนความหวานอย่างลึกล้ำ ร่างบางเริ่มหอบหายใจถี่ขึ้นแต่ทว่าโทโมะก็ยังไม่ยอมที่จะถอก
 
ปากออก เค้าพ่นลมเข้าไปในโพรงปากเพื่อเพิ่มอากาศหายใจให้หญิงสาวในขณะที่ลิ้นยังคงพันพัวกันอยู่
 
 
 
“คืนนี้ห้ามดื้อกับพี่นะ”
 
 
 
บอกเพื่อเป็นสัญญาณเตืนอว่าถ้าคืนนี้เกิดหญิงสาวมีลูกไม้อะไรอีกหล่ะก็เธออาจจะไม่ได้นอนพัก หญิงสาวที่
 
ตอนนี้อาการเหมือนคนเมายังคงไม่รับรู้ว่าคนที่อยู่ข้างบนพูดว่าอะไรบ้างได้แต่พยักหน้ารับอย่างเดียว มือหนา
 
เริ่มทำงานอีกครั้งปลดเสื้อผ้าออกจากร่างบางจนหมดสิ้นนั่งลงบนหน้าท้องหญิงสาวขย่ำมือลงบนอกอวบ
 
 
 
“อืมม เจ็บนะ”
 
 
เบามือลงเปลี่ยนเป็นก้มลงมาดูดกลืยยอดอกนั่นแทน เรียวปากหนาครอบครองอกอวบสลับไปมาดูดวนไปเรื่อยๆ
 
จนอกตั้งตรงชูชันขึ้นมา พลิกให้ร่างบางขึ้นไปอยู่ข้างบนบ้าง
 
 
 
“ถอดให้ทีเมื่อยแล้ว”
 
 
หญิงสาวเลือนมือไปค่อยๆปลดเสื้อผ้าออกที่ละชิ้นมือบางที่ไร้เรี่ยวแรงปลดไปก็เผลอไปโดนจุดสำคัญเข้าทำให้
 
ตรงนั้นของเค้าตื่นตัวจนแทบทนไม่ไหว หญิงสาวช้าเกินไปจนชายหนุ่มต้องพลิกให้กลับไปอยู่ใต้ล่างอีกรอบ
 
แล้วถอดที่เหลืออกอย่างรวดเร็ว นิ้วมือถูกดันเข้าไปในช่องทางของหญิงสาวจนมิด
 
 
 
“ฮึก อ๊ะ~”
 
 
 
นิ้วขยับเข้าออกรัวจนหญิงสาวแอ่นรับแทบไม่ทันเมื่อจะถึงจุดสุดยอกเค้ากลับดึงนิ้วออก
 
 
 
“อ๊าห์...เอาออกทำไม”
 
“นิ้วเล็กไปไหม”
 
 
พูดจบก็จับแกนกายเข้าไปถูไถ่วนอยู่รอบๆช่องทางนั่นที่ตอนนี้เต็มไปด้วยน้ำสีขาวขุ่นที่ไหล่ออกมาจากกายสาว
 
คนใต้ร่างนอนสั่นระริกไปทั่งตัวเพราะความเสี่ยวซ่านที่ชายหนุ่มเป็นผู้ปรนเปรอให้ตอนนี้ไม่เหลือคราบทนาย
 
สาวสุดแสบอีกต่อไปแล้ว จะเป็นใครก็คงห้ามได้อยากเพราะอารมณ์ที่เตลิดจนกู่ไม่กลับทำให้หญิงสาวต้องอยู่
 
ภายใต้การคุมเกมของเค้า
 
 
 
“บอกก่อนพี่ถึงจะทำให้”
 
“อ๊ะ อ๊ะบอกอะไร”
 
“พี่โมะขา แก้วยอมแล้ว”
 
 
เค้าพูดออกมาเพื่อให้เธอได้พูดตาม แต่เธอก็ยังไม่ยอมที่จะพูดออกมา ชายหนุ่มก็เล้าโล้มหนักขึ้นเรื่องๆแกล้ง
 
สอดเข้าไปแค่ครึ่งนึ่งแล้วก็เอาออกมาเพียงแค่นี้ก็จะขาดใจตายอยู่แล้ว เมื่อโดนเร้าหนักขึ้นเรื่อยๆมีหรือที่หญิง
 
สาวจะทนได้
 
 
 
“พี่โมะขา แก้วยอมแล้ว ช่วยแก้วที”
 
 
 
น้ำเสียงอ่อนหวานหลุดออกมาจากเรียวปากเล็กในที่สุด
 
 
“รู้ไว้นะครับ ที่อื่นอาจจะชนะพี่ได้แต่บนเตียงนี้อย่าหวังว่าจะชนะพี่”
 
 
กดจูบลงไปที่เรียวปากเล็กอีกรอบ กดแกนกายเข้าไปที่เดียวจนสุดร่างสองร่างเบียดติดกัน แม้ว่านี้จะไม่ใช่ครั้ง
 
แรกของเค้าและเธอ แต่ความคับแน่นก็ยังคงแสดงตัวให้หญิงสาวได้ร้องครวญคราง เธอเป็นของเค้าเพียงคน
 
เดียวนอกจากเค้าแล้วไม่เคยมีชายใดได้ย้ำกรายเข้ามาขนาดนี้ เมื่อความต้องการมาถึงขีดสุดชายหนุ่มโยกตัว
 
ขึ้นลงด้วยความเร็ว
 
 
 
“อิ๊ อ๊ะ อ๊า~”
 
 
เสียงเนื้อที่เสียดสีกันยังคงดังแข่งกับเสียงหญิงสาวที่ร้องครวญครางได้เป็นอย่างดี
 
 
 
“ฮึก อ๊ะโอ๊ะอ๊ะ...”
 
 
 
ร่างสูงใหญ่กระหน่ำเข้าไปไม่ยังจนทั่งคู่แตะขอบวิมานไปพร้อมกัน
 
 
“หืมอ๊ะ...รู้สึกดีเป็นบ้า”
 
 
ชายหนุ่มร้องบอกเมื่อทุกอย่างจบลงเค้ายังคงแช่แกนกายไว้ในร่างกายหญิงสาวอย่างนั้น หญิงสาวไม่มีแรงที่จะ
 
ตอบโต้ใดๆอีกแล้วเพราะเค้าเล่นไม่ยอมพักให้ได้หายใจหายคอกันบ้างเลยได้แต่นอนให้แกนกายนั่นอยู่ในร่าง
 
ต่อไป
 
+
 
+
 
+
 
Quebec City…Canada
 
 
ฟางออกเดินทางจากOttawaเมืองหลวงของแคนาดาที่เธอพักอยู่มายัง Quebec เมืองที่ขึ้นชื่อทางด้านสถาปัต
 
กรรมแบบ Romantic European เธอหอบมาแค่กระเป๋าเป้หนึ่งใบที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์วาดรูป และ
 
แบกกระดานวาดรูปขนาดพอดีตัวมาเพียงเท่านั้นเพราะกะว่าจะมาวันเดียวก็จะกลับไป Ottawa เธอเลือกนั่งมุม
 
ที่อยู่ใต้ร่มไม้อากาศค่อนข้างจะหนาวเย็นเพราะยังอยู่ในช่วงฤดูหนาวอยู่ เริ่มร่างลายเส้นเมืองนี้อย่างมีสมาธิ
 
การวาดรูปช่วยให้เธอลืมเรื่องราวที่แสนจะเจ็บปวด แม้มันจะได้ผลแค่ระยะสั้นๆแต่ก็ยังดีกว่าต้องมานั่งคิดถึงเค้า
 
ตลอดเวลา เธอรู้ใจตัวเองดีว่ายังไงก็ไม่มีทางลบผู้ชายที่ชื่อป๊อปปี้ออกไปจากใจได้ชื่อนี้มันยังคงฝั่งตรึงอยู่ใน
 
หัวใจ...
 
 
 
“Sister”
 
 
 
เสียงจากเด็กชายตัวเล็กดังมาจากด้านหลังทำให้ฟางชะงักมือที่วาดอยู่ลงแล้วหันกลับมายิ้มให้ ในมือของเด็ก
 
ชายมีดอกคาร์เนชั่นสีชมพุอยู่หนึ่งดอก ยืนดอกคาร์เน่ชั่นนั้นมาให้ฟางหลังจากที่เด็กชายเดินออกไปแล้วฟางก็
 
ได้แต่มองตามไปว่าเดินไปทางไหนก็เห็นว่าเด็กชายคนนั้นเดินไปหยุดที่ร้างขายเครื่องดื่ม ที่แท้ก็เป็นลูกชายของ
 
คนขายเครื่องดื่มนี้เอง แล้วทำไมถึวเอาดอกไม้มาให้เธอได้หล่ะ ลางสังหรเธอกำลังจะบอกว่ามันไม่ปลอดภัย
 
สำหรับเธอแล้วเธออาจจะถูกใครบ้างคนตามอยู่ก็เป็นได้ เธอรีบเก็บของแล้วเดินไวไปขึ้นรถประจำทางเพื่อเดิน
 
ทางกลับOttawa เมื่อเธอกลับมาถึงก็ต้องตกใจเมื่อ
 
 
 
 
“I’ll help you.”
 
 
เธอมาได้ยินทันแค่ประโยคสุดท้ายที่เพื่อนบ้านของเธอกล่าวว่าเค้ายินดีจะช่วยผู้ชายคนนั้น และผู้ชายคนนั้นก็
 
ไม่ใช่ใครคนที่เธอคิดถึงอยู่ทุกวัน ป๊อปปี้... เธอไม่รู้ว่าป๊อปปี้มาขอให้เพื่อนบ้านช่วยอะไรเธอทำเป็นมองไม่เห็น
 
ไม่สนใจเดินเข้าบ้านไปพอถึงห้องนอนก็ปิดประตูล๊อกกลอนอย่างแน่นหนา เสียงเพื่อนบ้างยังคงตะโกนเรียกเธอ
 
อย่างต่อเนื่องเธอเลือกที่จะอายดีกว่าไปเจอเค้าตอนนี้ เธอยังไม่พร้อมและก็ไม่มีวันพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจไม่
 
พร้อมที่จะเจอเค้าและไม่นานประตูห้องเธอก็ถูกเคาะ
 
 
“ฟาง”
 
 
 
น้ำเสียงคุ้นเคยแม้ไม่ได้เห็นหน้าก็รู้ว่าเป็นใคร เธอไม่ตอบอะไรกลับไปเพราะหากยิ่งตอบเท่ากับเธอสนใจเค้าอยู่
 
แต่ว่ายิ่งไม่พูดเค้าก็ยังร้องเรียกเธอไม่หนุดนี้มันก็ชั่วโมงกว่าแล้ว เธอจึงตัดสินใจตอบไปว่า
 
 
 
“Please don’t bother.”
 
 
 
คำที่เธอพูดออกไปทำให้เพื่อนบ้านตะโกนกลับมาบอกว่าเธอรุนแรงกับเค้าเกินไป เพื่อนบ้านถึงกับโทรมาหาเธอ
 
เลยที่เดียว เมื่อมีสายเข้าเธอก็จำใจต้องรับ
 
 
“ฮัลโหล”
 
(ฟาง, ทำไมคุณทำแบบนี้พ่อหนุ่มนั่นมายืนรอจนจะแข็งตายอยู่แล้วนะ)
 
“ช่วยบอกเค้าให้กลับไปทีนะคะ”
 
(ฉันบอกเค้าแล้วแต่เค้าปฏิเสธเค้ารอคุณนะ)
 
“ขอบคุณที่มีน้ำใจแต่บอกเค้าให้กลับไปเถอะคะ”
 
(โอเค แล้วฉันจะบอกเค้า)
 
 
 
วางสายไปหลังจากนั้นไม่นานเสียงของป๊อปปี้ก็หายไป ฟางจึงเดินมาเปิดประตูบ้านเพื่อดูให้แน่ใจว่าเค้าไปแล้ว
 
จริงๆ
 
 
 
“พี่ป๊อป!!”
 
 
ที่นึกว่ากลับไปแล้วนั่นเป็นความคิดที่ผิดถนัด ป๊อปปี้ยังคงอยู่หน้าบ้านเค้านั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าประตูดวงตาหลับ
 
ลงแน่นเพื่อข่มความหนาวเหน็บ หิมะที่ยังคงโปรยปรายลงมาเกาะเต็มชุดของเค้า แค่เธอเดินออกมาแค่พักเดียว
 
ก็รู้สึกถึงความหนาวเย็นแล้วเค้าหล่ะอยู่มามากกว่าหนึ่งชั่วโมงทนได้อย่างไรกัน
 
 
 
“ฟาง~”
 
“พี่ป๊อปกลับไปเถอะคะ”
 
“พี่จะไม่ไปไหนจนกว่าฟางจะยกโทษให้พี่”
 
“ฟางไม่มีอะไรจะยกโทษนิพี่กลับไปเถอะ”
 
 
 
ฟางใจแข็งพูดจบประโยคนั่นก็ปิดประตูลงไปอีกครั้ง เป็นเวลากว่างครึ่งชั่วโมงถัดมาลงมาแงมหน้าต่างดูอีกรอบป๊
 
อปปี้ก็ยังอยู่ที่เดิมแต่ร่างกายที่ดูแข็งแรงสั่นสะท้านไปทั่งร่าง ฟางน้ำตาไหลอาบแก้มเธอจะทำยังไง ในเมื่อรัก
 
เค้าก็มีแต่จะเจ็บแต่ถ้าปล่อยเอาไว้อย่างนี้เค้าต้องหนาวตายแน่ๆ
 
 
 
แอ๊ด~ฟลึ่บ~
 
 
สุดท้าประตูก็เปิดออก แต่ในขณะเดียวกันร่างของป๊อปปี้ก็ล้มลงไปกับพื้นหิมะ
 
 
“พี่ป๊อป!!”
 
 
ฟางรีบเข้าไปพยุงร่างของป๊อปปี้แล้วพาเข้าบ้าน ใบหน้าหล่อซีดขาวเพราะอากาศที่หนาวเย็นร่างใหญ่ยังคงสั่น
 
อยู่ฟางรีบไปหาผ้ามาห้มให้หลายๆผืนแต่ป๊อปปี้ก็ยังไม่หยุดสั่น เคยได้ยินไหมหนาวเนื้อต้องห่มเนื้อ ฟางไม่รอ
 
ช้าสลัดผ้าทุกผืนออกไปโผ่เข้ากอดป๊อปปี้
 
 
 
“พี่ป๊อป อย่าเป็นอะไรนะ”
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
…………………………………………………………………………………………..
 
มาอัพแล้วคะใครแวบเข้ามาอ่านก็ฝากคอมเม้นต์กับโหวดให้ไรเตอร์ด้วยน้า ทุกเม้นของลีดเดอร์คือกำลังใจของ
 
ไรเตอร์นะค๊าบถ้ายังอยากอ่านอีกก็...............นะค๊าบ
 
รักลีดเดอร์จ๊วฟฟม๊วฟฟ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.2 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.2 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา