Love You My Bad Guy ll❤

9.8

เขียนโดย ยัยหมูปิ้ง

วันที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 เวลา 22.27 น.

  19 Bad Guy
  262 วิจารณ์
  41.52K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 เมษายน พ.ศ. 2564 17.14 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

13) ดวงดาว

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
 
“ป็อบปี้…” ฉันพึมพำชื่อของเขาออกมาอย่างไม่รู้ตัว
         ตอนนี้ฝนกำลังตกและฉันไม่รู้มาก่อนเลยจริงๆ ว่าพวกออลยู่จะบุกเข้าหอเร็วขนาดนี้
ฉันพยายามวางตัวให้เป็นปกติที่สุด แต่ไม่รู้เพราะอะไรกันแน่ สายตาของฉันึงได้เอาแต่มองริม
ฝีปากของเขา ต้นคอของเขา ท่อนแขนแข็งแรงนั้น และปลายนิ้วเรียวสวยของเขา                              
          ฉันกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ก่อนจะพยายามเปิดประตูห้องของตัวเองวิ่งออกไป
ข้างนอกเพื่อขอความช่วยเหลือจากใครสักคน แต่แค่พิบตาเดียวร่างของป็อบปี้ก็เข้ามาถึงตัว
ฉันเสียแล้ว
“ไม่นะ!” ฉันร้องเสียงหลง พยายามจะดันตัวของเขาออกห่างด้วย
        แต่ฉันทำอย่างที่ใจคิดไม่ได้ ฝ่ามือที่อุ่นจนร้อนของป็อบปี้เข้ามาประทับที่ชวงเอวของ
ฉันเอาไว้ ความร้อนนั้นช่วยปลุกเส้นประสาทของฉันทุกเส้นและทุกส่วน ดวงตาของเขาเป็น
เหมือนกับเวทย์มนตร์องพ่อมดคอยหลอกล่อให้ฉันเอาแต่มองตาเขา จะคิดจะทำอะไรก็ไม่ได้
นอกจากมองมองทุกปฏิกิริยาของเขาเท่านั้นเอง
“ไง…” เขาขยับริมฝีปากพูด และฉันก็สังเกตเห็นเขี้ยวของเขาที่เป็นเอกลักษณ์
          เมื่อครั้งแรกที่ฉันตกหลุมรักเขาก็คงจะเป็นเพราะรอยยิ้มและเขี้ยวของเขานี่แหละ
ฉันต้องห้ามใจตัวเองเอาไว้ไม่ให้ตกหลุมรักเขาเพราะกลัวเขาจะไม่ได้คิดจริงจังอะไรแต่สุด
ท้ายฉันก็ไม่มีทางหนีอะไรได้เลยทุกอย่างมันเหมือนว่าจะดีแต่… มันไม่ใช่
          แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันนะ ทำไมตอนนี้เราสองคนถึงดูเหมือนกลายเป็นคนแปลก
หน้ากันไปแบบนี้
“ว่าไง จำฉันได้บ้างหรือเปล่า” เขาพูดก่อนที่เราสองคนจะสดุ้ง เมื่อได้ยินเสียงตบประตูแรงๆ
“เฮ้! เมื่อกี้ฉันเห็นว่ามีคนบุกเข้ามา มีใครอยู่ในห้องนั้น้างหรือเปล่า”
          ทั้งฉันและป็อบปี้หันไปมองหันไปมองทางประตูเป็นตาเดียว
          และเมื่อเขาเผลอฉันก็ผลักเขาออกอย่างรวดเร็ว ก่อนจะแนบหน้าลงมองช่องาแมว
ที่ใช้ดูว่ามีใครมาหยุดอยู่หน้าห้องบ้าง ฉันมองดูและก็เห็นว่าเป็นสาวๆในหอ และผู้ชายติดตาม
มาด้วยหลายคน พวกเขาคงจะรู้แล้วแน่ๆ ว่าตอนนี้ห้องของฉันมีคนบุกเข้ามาแล้ว
“ป็อบ…” เสียงของฉันขาดหายไปเมื่อหันไปประจันหน้ากับป็อบปี้อีกครั้ง
         ริมฝีปากสวยได้รูปนั่นเข้ามาจูบฉันเอาไว้แน่น ปิดกลั้นเสียงร้องของฉันเอาไว้ และ
ฉันก็สัมผัสถึงคมเขี้ยวของป็อบปี้ที่คุ้นเคย ฉันเกือบจะล่องลอยไปกับสัมผัสของเขาแล้ว ถ้าไม่
มีเสียงตบประตูดังขึ้น ทำให้ฉันต้องผลักเขาออกแรงๆ
“ไปซะ… ทุกคนกำลังมา” ฉันบอกเขา ก่อนจะผลักเขาออก
         หน้าอกของฉันสะท้อนขึ้นลงอย่างน่ากลัว ผู้ชายคนนี้มีอิทธิพลมากกว่าที่ฉันคิดเอา
ไว้ซะอีก ฉันคิดก่อนจะเลือนตัวไปติดบานประตู และเลื่อนมือไปจับลูกบิดประตูเอาไว้ เมื่อไห่ร
ที่เขาขยับตัวเข้ามาฉันก็จะหมุนลูกบิดนี่ทันที
          เสียงฝนที่หล่นกระทบหลังคา และเสียงฟ้าร้องนี่ช่วยให้ภาพลักษณืของเขาดูน่ากลัว
อยู่ไม่ใช่น้อย
“เธอไม่กล้าหรอกฟาง เพราะเธอนะรักฉันมากกว่าใคร” คำพูดและสีหน้าเย่อหยิ่งของเขาทำ
ให้ฉันหมุนลูกบิดและกระชากบานประตูเข้าหาตัวให้เปิดออกทันที
“ฉันลืมไปแล้ว ป็อบปี้…” ฉันบอกและเห็นเขาหัวเสีย
           มีผู้ชายหลายคนกรูเข้ามาในห้องฉัน พร้อมกันส่งเสียงว่ามีพวกศัตรูบุกเข้ามา ป็อบ
ปลายตามองฉันอย่างไม่ ชอบใจ ก่อนที่เขาจะถอยหลังกลับไปที่ระเบียง หนุ่มๆ จากวันยูที่เรียน
ที่เดียวกับฉันก็วิ่งตามไปและส่งเสียงเอะอะ ป็อบปี้ปีนระเบียงและหลบไปอีกทางหนึ่ง ผู้ชาย
ที่อยู่ในห้องฉันเลยถอยหลังกลับและตบไหล่ฉันเพื่ออะไรก็ไม่แน่ใจ
          ฉันมองตามหลังพวกเขาแล้วก็สดุดเมื่อเจอกร๊าฟที่กำลังเคี้ยวหมากฝรั่งเป่าเป็นลูก
โป่งขนาดใหญ่ให้มันแตก จากนั้นเขาก็เคี้ยวมันเล่นต่อ ฉันยืนมองเขาอย่างระแวงเพราะว่าเขา
ยืนขวางทางประตูห้องฉันอยู่
“ไม่คิดจะทักทายกันหน่อยเหรอ” กร๊าฟเป่าลูกโป่งหมากฝรั่งให้แตกแล้วก็ถามฉันอีกคำหนึ่ง
“ไปซะ ฉันไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกับนายอีก” ฉันบอกแล้วก็หาทางหนี
           ตอนนี้ที่หอฉันมีเสียงอึกทึกครึกโครมเพราะมีผู้ชายจากออลยูบุกเข้าหอแล้ว เลย
ไม่มีใครสนใจกร๊าฟที่ยืนจังก้าอยู่หน้าห้องของฉันแบบนี้
           เขาเป็นบ้าอะไรนะ… ถึงได้ทำท่าคุกคามฉันแบบนี้
“แต่ฉันชอบเธอ ทำไงดีฉันชอบเธอ” เขาบอกแล้วก็ขยับเท้าก้าวเข้ามาอีกก้าวหนึ่ง
         ฉันกระพิบตากับคำพูดของเขา… ชอบ ชอบฉันน่ะเหรอ
 “ไม่จริงน่า…”
          ฉันพึมพำแล้วก็ต้องร้องออกมาด้วยความตกใจ เมื่อจู่ๆ กร๊าฟก็ผลักไหล่ฉันจนเซล้มลงนอนกลับเตียง
 จากนั้นเขาก็ขึ้นคร่อมร่างของฉันทันที พร้อมกับบานประตูที่ถูกปิดลงไป
          ไม่นานริมฝีปากของกร๊าฟก็ทำท่าจะเข้ามาแนบกับริมฝีปากของฉัน แต่ว่าฉันเบียง
หน้าหนีทันเสียก่อน เพราะอย่างนั้นมันเลยเฉียดไปถูกแก้มฉันแทน
           ฉันร้องกรี๊ดเสียงดังและกร๊าฟก็ผละออกจากตัวฉันทันที น่าแปลกที่เขายิ้มตอนที่คน
อื่นๆ วิ่งเข้มาในห้องของฉัน เขาถอยหลังไปและหยิบเอาไอโฟนที่เขาตั้งตะแคงบนโต๊ะเขียน
หนังสือเก็บไป
“มีอะไรงั้นเหรอ” ใครสักคนถามฉัน ที่คอของเขามีป้ายห้อยคอเขียนคำว่า ‘Guard’ อยู่ เขา
คงจะเป็นการ์ดที่รักษาความปลอดภัยประจำหอแน่ๆ
“อ้อ เธอตกใจนะเพราะคิดแต่ว่าฉันเป็นพวกออลยู” กร๊าฟพึบพำบอกคนที่เข้ามาใหม่ด้วยสี
หน้ายิ้มๆ ก่อนจะยกมือโบกให้ฉันด้วย
“ขอโทษที่ทำให้เธอตกใจนะ บาย ห้องเธอไม่มีอะไรแล้วน่ะ เฝ้าห้องนี้สองเท่าเลยนะ ธาม…
ดูเหมือนว่าจะมีผู้ท้าชิงจากออลยูเข้าห้องนี้ได้ง่ายผิกปกติ”
         กร๊าฟตบไหล่การ์ดคนนั้นเบาๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องฉันไป
“มีออลยูเข้ามาเหรอ” การ์ดที่ชื่อธามเดินเข้ามาหาฉัน แต่ฉันผลักไหล่เขาออกไปและเดิน
ตามร่างสูงๆของกร๊าฟไปถึงระเบียงทางเดินของหอ
“นาย… นายต้องการอะไร” ฉันคุยกับเขา กร๊าฟไม่หันมามองและไม่หยุดเดิน แต่ฉันรู้ว่าเขา
ได้ยินที่ฉันพูดทุกอย่าง
“ฉันชื่อกร๊าฟ… จำชื่อของฉันไว้ในซีรีบรัมเธอด้วยนะ” กร๊าฟหันมามองฉันเคาะนิ้วที่ศีรษะ
ของตัวเองพร้อมด้วยรอยยิ้มที่น่าชิงชัง
           ยิ้มที่เหมือนกับรอยยิ้มของป็อบปี้…
“นายต้องการอะไร” ฉันถามอีกครั้งและเดินตามเขาเมื่อเขากำลังเดินลงบันไดไป
           ฉันรู้ว่าเมื่อกี้เขาถ่ายรูปไป และท่าทางรูปนั้นจะไม่ใช่รูปที่น่าเอามาเผยแพร่ซะด้วย
“เธอ!!”
           คำเดียวง่ายๆ นั้นทำให้ฉันหยุดยืนที่ขั้นบันไดสูงสุดไม่ได้เดินตามเขาไป
           ที่หอพักยังอยู่ในช่วงชุลมุนวุ่นวายเพราะยังจับตัวคนที่บุกเข้ามาไม่ได้ และฉันเอง
ก็ไม่สนใจเรื่องที่ใครจะเข้าไปขโมยดาวสีทองที่อยู่ในกระเป๋าสตางค์ของฉันแล้วด้วย
           บ้าที่สุด! กร๊าฟ… หมอนั้นยังต้องการอะไรจากฉันอีก
           ฉันเชื่อว่าหมอนั้นไม่ได้ชอบฉัน แต่มีเรื่องบ้าบออะไรไม่รู้ ฉันไม่คิดว่าเขาชอบฉันหรอก
ครั้งก่อนตอนที่เจอเขาฉันยังเห็นผู้หญิงที่ทั้งสวยทั้งเซ็กซี่อยู่รอบตัวเขาเต็มไปหมด  ฉันน่ะไมได้
หนึ่งส่วนสิบของผู้หญิงพวกนั้นด้วยช้ำไป ฉันเดินกลับไปที่ห้องตัวเองแล้วก็ถอนหายใจเพราสภาพ
ห้องเละเทะไม่เบา
            นี่มันบ้าบออะไรกัน ดูสิ ห้องฉันไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะเข้ามาสวนสนามกันได้เสียหน่อย
ถ้าข้าวของหายขึ้นมาล่ะ
“เค้าไม่ถือกันหรอกถ้าของหาย” นี่คือคำตอบของพิม เมื่อเธอกลับมาถึงห้องและฉันก็ถมว่าถ้า
มีของของเราหายไป พร้อมกันเกมบ้าๆ นี่จะทำยังไง
“เอ๊ะ! ว่าไงนะ ล้อเล่นรึเปล่า” ฉันถามแล้วก็ขมวดคิ้วอย่างงงๆ
“ก็คือว่าคนที่อยู่ในหอนี้กับอีกสามหอที่ร่วมเล่นเกมน่ะรู้อยู่แล้วนะสิ ว่าจะมีเกมนี้ในเทอมนี้น่ะ
พวกเราเลยไม่ค่อยเก็บของมีค่าไว้กับตัวเท่าไหร่ พวกที่ไม่ประสงค์จะเล่นจะให้พักอีกหอหนึ่ง
ครึ่งต่อครึ่งนะ เธอไม่รู้เหรอ”
         พิมวางกระเป๋าลงโต๊ะ ก่อนจะหันมามองหน้าฉัน
“ฉันรู้เมื่อไหร่กันเล่า ฉันไม่ประสงค์จะเล่น ฉันจะขอถอนตัว” บ้าจริงนี่คือเรื่องบังเอิญ… ใช่
ไหม บอกฉันทีสิ
“เสียใจด้วยฟาง เธอพลาดไปแล้วละ” พิมบอก ก่อนจะลงมือแกะต่างหูออกที่หน้าโต๊ะเคื่องแป้ง
“ทำไมยัยผู้คุมหอนั่นไม่บอกฉัน!!”
          ฉันตบตู้เสื้อผ้าแรงๆ ตอนแรกตั้งใจว่าจะไปอาบน้ำชึ่งดันเป็นห้องน้ำรวม แต่นึกขึ้นมา
ได้ว่าไอ้พวกผู้ชายออลยูจะเพ่นพ่านในหอได้ถึงเที่ยงคืน
“ให้ตาย!” ฉันพูดแล้วก็เสยผมอย่างหงุดหงิด
“ฉันจะย้ายหอ ฉันจะย้ายตอนนี้เลย! ส่วนไอ้ดวงดาวนี่…”
“เงียบนะฟาง!!” พิมเท้าเอวและชี้หน้าฉันไปด้วย
“มันสายไปแล้ว มาภาวนาให้ผู้ชายทีมเราไปตามหาดวงดาวได้เร็วๆ ดีกว่า ตอนนี้ฉันคิดว่า
พวกปีสี่คงรู้แล้วว่าอะไรนั่นอยู่กับเธอ และคงเพิ่มการ์ดให้เราเพิ่มแหงๆ”
“ถึงว่าสิ ทำไมเด็กปีสามมหาวิทยาลัยนี้ถึงน้อย ที่แท้เขาเล่นเกมนี้กันแค่ครึ่งหนึ่งของจำนวน
ทั้งหมดนี่เองบ้าจริง ฉันนี่งี่เง่าที่สุดเลย” ฉันร้องออกมาด้วยความหัวเสีย แต่น่าแปลกที่พิมหัว
เราะกับท่าทางของฉัน
“บ้าที่สุดเลย ให้ตาย” ฉันพึมพำคนเดียวแล้วล้มตัวลงนอนที่เตียง ก่อนจะเด้งตัวขึ้นมาใหม่
เมื่อได้ยินเสียงรถยนต์หลายคันแล่นมาจอดที่หน้าหอ
         ฉันเดินตามพิมไปทันทีเมื่อเห็นเธอเดินไปทางระเบียงห้อง เป็นทางที่ป็อบปี้โผล่มาหา
ฉัน พิมยกมือขึ้นมาป้องตาสวยๆ ของเธอ เมื่อฝนเรี่มเทลงมาบ้างแล้ว
         ตอนนี้สามทุ่ม… เหลือเวลาอีกเกือบสามชั่วโมงที่พวกออลยูจะเข้ามาบุกชิงดวงดาว
         แล้วพวกนั้นก็สามารถค้นเสื้อผ้าของพวกเราได้ด้วย ถ้าเกิดว่าการ์ดเข้ามาช่วยไม่ทัน
ให้ตายเถอะถ้าเกิดว่าป็อบปี้เข้ามาปล้ำฉัน มันจะเป็นยังไงบ้างละเนี่ย
“ตอนแรกฉันนึกว่าพวกออลยูนะเนี่ย แต่แปลกที่เป็นการ์ดของมหาวิทยาลัยเรา” พิมพึมพำ
เบาๆ และฉันก็ซะโงกหน้ามองลงไปยังกลุ่มคนที่กำลังรวมตัวกันอยู่หน้าหอพักสาม ชึ่งเป็นหอ
พักของฉันเอง
           ฉันหรี่ตาลง เพ่งสายตาว่าใครที่แวดรวยขับรถสปอร์ตสีเหลืองทองมาเป็นการ์ด
อยู่หน้าหอแบบนี้ แล้วก็พระพิบตาถี่ๆ เมื่อเห็นว่าหนึ่งในผู้ชายกลุ่มนั้นคือ กร๊าฟ… ชื่อนี้ฉันคง
เข้าไปในซีรีบรัมแล้วล่ะ
“วู้ว์ กร๊าฟมาเป็นการ์ดเหรอเนี่ย ไม่อยากจะเชื่อ” พิมหันมายิ้มๆ ให้ฉัน แต่ฉันทำสีหน้าเหนื่อยๆ ให้เธอ
กลับไปแทน
“เธอชอบกร๊าฟรึเปล่า” ฉันถามพิมทันที เมื่อรู้สึกว่ารูมเมทคนนี้ทำท่าสนใจผู้ชายคนนี้มาก
กว่าคนอื่นๆ
          ถ้าเกิดว่ามันจะช้ำรอยเดิมกับจินนี่ ฉันก็อยากจะรู้ตั้งแต่ต้น เผื่อจะได้ช้อมมือเวลาที่
เธอพาเพื่อนมาตบหน้าฉัน
“ไม่ชอบหรอก รักเลยละ” พิมตอบมาพร้อมกับรอยยิ้ม
          ฉันถึงกับขยับริมฝีปาก แต่พูดอะไรไม่ออก ได้แต่มองหน้าเธอด้วยสีหน้าที่อึ้งตะลึง
เท่านั้น
“ผู้ชายคนนั้นเป็ฯทุกสิ่งทุกอย่างของฉันเลย” เธอพูดพลางโบกมือให้กร๊าฟที่เงยหน้ามองมาทาง
นี้พอดี
“ดีใจด้วยนะที่เธอมองหาดวงดาวของเธอเจอ แต่ฉันสิ ไม่รู้จะทำยังไงดี”
          ฉันพูดแล้วกัดริมฝีปากตัวเอง มือจับราวระเบียงแน่น แม้จะอยู่ไกลกันพอสมควร
แต่ฉันก็แน่ใจว่าตอนนี้กร๊าฟกำลังมองมาทางนี้อยู่
“ทำตามหัวใจ มันก็เท่านั้น”
          พิมพูดพลางจิ้มนิ้วลงกับหน้าอกข้างช้ายของฉัน
          แววตาของเธอดูเด็กเดี่ยว แวบหนึ่งฉันคิดว่าแววตาแบบนี้ฉันเคยเห็นที่ไหนมาก่อน
แต่จำไม่ได้ว่าเป็นแววตาของใครเท่านั้นเอง
“พิม ฉันมีเรื่องจะตกลงกับเธอ” ฉันเรียกพิมเอาไว้ เมื่อเธอทำท่าจะเดินกลับไปในห้องตามเดิม
 
“เอาอย่างนั้นจริงๆ น่ะเหรอ”พิมถามและทำหน้าไม่ค่อยสบายใจ
        ตอนนี้เราอยู่ในห้องอาบน้ำด้วยกันสองคน สาวๆ คนอื่นในหอต่างนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียว
เดินว่อนไปมามีการ์ดที่หน้าตาไม่ค่อยน่าไว้ใจคอยคุ้มกันอยู่หน้าทางเข้าห้องน้ำหลายคน เนื่อง
จากว่าห้องน้ำในหอนี้มีทางเข้าแค่สองทางเท่านั้น ไม่มีระเบียงเหมือนห้องพักด้วย ฉันเลยคิด
ว่าที่นี่น่าจะเป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุดแล้วถ้าจะมาตกลงอะไรบางอย่างกับพิม
“หน้าที่ของพวกเราคืออย่าให้พวกออลยูแย่งดาวนี่ไปได้ เพราะอย่างนั้นเราจะผลัดไปเก็บ
ไว้คนละวัน”
        ฉันบอก ก่อนที่จะเอาเข็มกลัดใสๆ ติดอยู่ด้วย ใส่ดวงดาวสีทองขนาดเล็กๆ เข้าใป
จากนั้นฉันก็กลัดมันเข้ากับบราเชียของพิม หลังจากที่เราสองคนอาบน้ำด้วยกัน และกำลัง
แต่งตัวให้กันอยู่ที่ห้องอาบน้ำที่กว้างพอสมควรนี้
         ความจริงฉันแปลกใจเหมือนกันว่าตัวเองมาทำอะไรที่นี่ แต่เอาเถอะ ฉันก็ยังยืนยัน
ดึงดันคิดว่านี่คือเรื่องบังเอิญ… เหมือนเช่นทุกที
“ถ้าทำแบบนั้นกร๊าฟก็จะเข้ามาวอแวกับฉันด้วยนะสิ” พิมพูดพลางสวมเสื้อนอนนสีหวานทับอีกที
          ฉันมองหน้าเธอ ก่อนจะเอะใจอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
“กร๊าฟ… เธอพูดเหมือนหมอนั่นรู้อย่างนั้นแหละ ว่าดวงดาวที่ทองอยู่ที่ฉันก่อนหน้านี้” พอถาม
ไปพิมก็หัวเราะคิกและส่งเสื้อนอนมาให้ฉันด้วย
“ฉันไม่มีความลับกับกร๊าฟ”
          และคำบอกเล่าต่อมาก็ทำให้ฉันขมวดคิ้วแน่น เธอกำลังจะบอกอะไรกับฉันกันแน่นะ
“เธอมีความสำพันธ์ยังไงกับหมอนั่นกันแน่” ฉันพูด พิมก็จิ้มนิ้วที่หัวคิ้วของฉัน เพื่อให้ฉันคลาย
ปมที่ขมวดคิ้วไว้ออก
“ขอโทษนะฟาง อันนี้ขอเป็นความลับระหว่างฉันกับกร๊าฟแล้วกัน” จากนั้นเธอก็หันไปจัดการกับ
ตัวเองต่อแล้วยังผิวปากไปด้วยอีกต่างหาก
“พิม… แล้วถ้าสมมติว่าหมอนั่นชอบฉันล่ะ” ฉันลองหยั่งเชิงถามดู แล้วก็พบว่าพิมหัวเราะคิก
คักอีกแล้ว
            อะไรของยัยนี่เนี่ย เธอไปเมายาอะไรหรือเปล่า ถามอะไรนิดหน่อยก็ยิ้มก็หัวเราะ
จนดูน่ากลัว
“ฉันจะฆ่าเธอทิ้งซะ”
            แม้ว่านี่อาจจะเป็นเพียงคำล้อเล่นมุกตลกฝืดของพิม ก็ฉันก็อดที่จะสยองไม่ได้
เหมือนกันแฮะ…
“ล้อเล่นน่า เขาจะชอบใครฉันจะพิจาณาอีกที แต่สำหรับเธอนะ… ฉันชอบเธอนะ”
              เฮ้อ… ท่าทางกว่าที่จะหลุดออกจากเกมบ้าๆ นี่ไปได้ฉันคงต้องประสาทเสียยก
ใหญ่เลย
              หรือว่าพิมจะคบกับกร๊าฟอยู่นะ เพราะดูแล้วสองคนนี้น่าจะรู้จักกันมากกว่าคำ
ว่า ‘ธรรมดา’ ดูจาการพูดจาแล้ว มันบ่งบอกว่าพิมรู้จักกับกร๊าฟดีไม่น้อยเลยสังเกตได้จากตอน
ประชุม แค่แวบเดียวเธอก็รู้แล้วว่ากร๊าฟมองฉัน แต่ตอนนี้ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าลึกลงไปแล้วพิมจะ
ชอบฉันอย่างที่เธอพูดหรือเปล่า
               เพราะอย่างตอนจินนี่นะ… ฉันเจ็บไม่น้อยเลยนะ
“เอ้า อย่าคิดจริงจังสิ ฉันไม่ฆ่าเธอหรอกฟาง ฉันนะชอบเธอจะตายไป”
 
               และเมื่อทนความกดดันไม่ไหว หลังจากที่เรียนเสร็จในอีกวันหนึ่ง ฉันก็แจ้น
กลับไปคอนโดของตัวเองทันที และบอกกับพิมแล้วว่าฉันจะไม่กลับหอ รอพรุ่งนี้ถึงเวรฉันดูแล
ดวงดาวนั่นซะก่อนแล้วฉันถึงจะกลับไป ลองมาเป็นฉันดูสิ จะรู้ว่ามันไม่สนุกเลย
               อีกอย่างตั้งแต่กร๊าฟมาเป็นการ์ดที่หอของฉัน ก็ได้ข่าวแว่วมาว่าพวกออลยูถอยทับ
กลับไปหมดตอนนี้สองทุ่มครึ่งฉันยืนอยู่ที่ระเบียงคอนโดของตัวเอง มองไปยังโชนหอพักของมหา
วิทยาลัยออลยู… รู้สึกว่าที่นั่นกำลังครึกครื้นไม่น้อย ฉันกระตุกยิ้มที่มุมปาก เมื่อรู้ว่าที่นี่ก็มีผู้ชาย
จากวันยูบุกเข้าไปแล้ว
“เกมบ้าอะไรกัน” ฉันพึพำกับตัวเองเบาๆ แล้วเดินกลับเข้ามาในห้อง
             เสียงเฮที่ดังมาจากหอหญิงของออลยูทำให้ฉันสดุ้งเฮือกเป็นครั้งคราว และสุดท้าย
ฉันก็หงุดหงิดจนต้องเดินไปปิดประตูเพื่อกลั้นเสียงพวกนั้นเอาไว้
“สู้ๆ นะวันยู รีบชิงดาวมาให้ได้เร็วๆ เข้า” ฉันตบมือแรงๆ สองสามที แล้วก็อธิษฐานเสียงดัง
“ฉันจะได้ใช้ชีวิตอย่างปกติสุขเสียที” ฉันสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วหมุนตัวกลับไป
              แต่ก็ต้องตัวแข็งทื่อเมื่อเห็นร่างของใครคนหนึ่งนั่งอยู่ที่โซฟาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
              หัวใจของฉันเต้นโครมคราม ไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อไปดี แต่ก็รู้สึกโชคดีไม่น้อยที่เอาดาวนั่น
ให้พิมไปก่อนหน้านี้แล้ว ไม่อยางนั้นป็อบอาจจะชิงมันไปได้แล้วก็เป็นได้
“ไอ้ปกติสุขของเธอเนี่ย นั่นหมายความว่าจะไม่เจอฉันอีกหรือเปล่า”
             ป็อบปี้พึมพำ ยกรีโมตขึ้นมาเปิดทีวี
             เสียงรายการฮอกกี้ทำให้ฉันปวดหัวไม่น้อย แต่ที่มันทำให้ฉันรู้สึกอยากตายมาก
ที่สุดเห็นจะเป็นชุดเจ้าสาวที่มองแทบไม่เห็นสีเดิมของมัน ตอนนี้กำลังอยู่ในมือของคนตัดที่ไม่
อยากจะเห็นมันอีกต่อไป
“เธอกล้าเปิดประตูให้พวกนั้นเข้ามาเจอฉันงั้นเหรอ” ป็อบปี้ปล่อยชุดเจ้าสาวที่จับเล่นบนตัก
 ก่อนหน้านี้ให้ร่วงลงกับพื้น เมื่อเขาลุกขค้นยืนเต็มความสูง
           เขาค่อยๆ หันหน้ามาเจอฉันพร้อมกับมองหน้าฉันด้วยสีหน้าชนิดหนึ่ง ฉันถอยหลัง
อัตโนมัติแต่ก็ติดกับประตูหลังห้อง ไม่สามารถขยับตัวไปไหนได้อีก
“ถ้าตอนนี้ฉันเรียกพวกออลยูเข้ามาค้นตัวเธอบ้างจะเป็นยังไง หือ”
          เขากำลังขู่ฉัน… และฉันรู้สึกไม่ปลอดภัยจริงๆ
“ส่งมันมาให้ฉัน” เขาพูดพลางกระดิกนิ้วตรงหน้าฉัน
         แต่ฉันส่ายหน้าและขยับตัวไปทางอื่น แต่แค่ไม่กี่วินาทีต่อมาเขาก็ตะครุบฉันเอาไว้
ได้ มือข้างหนึ่งของเขาตะปบเข้าที่ไหล่ของฉันแล้วบีบแน่นจนฉันนิ่วหน้า
“มันไม่อยู่ที่ฉัน” ฉันพูดแล้วก็จ้องหน้าเขาเขม็ง… แม้จะบอกว่าไม่กลัวเขา แต่หัวใจมนัทรยศ
ฉันไปแล้ว
“งั้นเหรอ ไม่เป็นไร แต่ตอนนี้เธออยากจูบฉันใช่ไหม”
            ฉันกระพิบตาร้อนวาบไปทั้งหน้าเมื่อเขาพูดแบบนี้… เมื่อกำลังจะอ้าปากพูดอะไร
บางอย่างมือหนาของเขาก็จับคางฉันเอาไว้พร้อมกับประทับจูบบางๆฉันดิ้นอึกอักเพราะไม่นึกว่า
เขาจะทำแบบนี้ เขาเห็นฉันเป็นตัวอะไรกันนึกจะจูบก็จูบง่ายๆ นึกจะทำอะไรก็ทำไม่สนใจฉันเลย
            ฉันผลักเขาออกเมื่อเขาเผลอ ไม่ได้รู้สึกวาบหวามไปกับเขาเลยแม้แต่น้อย เพราะเขา
ทำให้ฉันจนด้านชาไปหมดแล้ว จนไม่เหลือความรู้สึกใดๆ ให้เขาอีกแล้ว
“ไปให้พ้น ป็อบ ไปให้ไกลจากฉัน” ฉันบอกเขาด้วยสีหน้าเจ็บช้ำ
“เธอทำได้เหรอ เธอลืมฉันได้เหรอ” เขาถามอย่างเห็นแก่ตัวและส่งยิ้มมาให้
            ฉันยกมือขึ้นมาเช็ดเลือดที่ไหลชึมออกมาที่มุมปาก หลังจากที่เมื่อกี้ผลักเขาออก
ไป ทำให้เขี้ยวคู่นั้นของเขาเกี่ยวกับริมฝีปากของฉันจนได้แผล
“เธอจะลืมสัมผัสของฉันได้เหรอ”
         ปลายนิ้วของเขาไล้ไปตามริมฝีปากของฉัน แตะเอาเลือกที่มุมปากออกไปทีละน้อยจนฉัน
สะท้านไปทั้งตัว แม้จะบอกว่าอย่าหวั่นไหวกับเขา แต่สุดท้ายฉันก็บังคับหัวใจและความรู้สึกของตัว
เองไม่ได้เลย
“เธอจะลืมคนที่เธอรักไปได้หรือไง” เขาถามอีก มือก็จับไหล่ฉันไว้แน่น
“ทำไมฉันจะลืมไม่ได้ นายก็รู้ไม่ใช่เหรอ ว่าตอนนี้ฉันกำลังลืมคนบางคนได้สนิทใจ รวมถึงนาย
ด้วย”
“ใครบางคน เธอหมายถึงใคร” ป็อบปี้ถามแล้วขยับเข้ามาอีกนิด
         เขาทำเหมือนกับว่าเขาจำมันไม่ได้ เพราะเรื่องนี้ฉันเคยบอกกับเขาครั้งหนึ่งตอนที่เขา
ถามฉันออกมาจากในผับ และก็ไม่คิดว่าเขาจะมาถามฉันช้ำอีกแบบนี้ แต่ในเมื่อเขาอยากจะได้ยิน
อีกครั้งก็ได้ ฉันจะบอกให้เขาได้รู้เอง
“ใครที่สำคัญกว่านายมากมาย”
          ฉันบอกแล้วเชิดหน้าขึ้น เหมือนที่จินนี่มักบกว่าท่าทีของฉันหยิ่งยโสจนน่าหมั่นไส้
“ใคร…”
           ป็อบปี้ถามช้ำพลางขยับเข้ามาใกล้ฉันมากขึ้น ร่างกายของเราเข้ามาแนบชิดกัน และฉันก็
สัมผัสได้ถึงความโกรธของเขา
“นายไม่รู้หรอก และคนคนนั้น กำลังกลับมา…”
 
PF PF PF PF PF PF PF
ป็อบปี้มันไปเอาความมั่นใจ
มาจากไหนหว่าว่าฟางจะไม่
เปลี่ยนใจ ความรักของป็อบปี้
เป็นยังไงกันแน่ หรืออิป็อบจะ
ไม่มีหัวใจ0.0 และความรัก
ของฟางละจะเป็ฯแบบไหน
ฟางจะใจแข็งได้นานสักแค่
ไหนเมื่ออิป็อบอยู่ทุกที่เลย
แงแง เค้าสงสารนางเอก
ส่วนกร๊าฟ ก็ร่วมจะมีบมบาดใน
ชีวิตฟางขึ้นมาแล้วนะ อิอิ
เม้น โหวต จ้า แล้วเจอกันตอนหน้า
จุบุจุบุ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายฟิคชั่นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา