Love You My Bad Guy ll❤

9.8

เขียนโดย ยัยหมูปิ้ง

วันที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 เวลา 22.27 น.

  19 Bad Guy
  262 วิจารณ์
  41.53K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 เมษายน พ.ศ. 2564 17.14 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

16) เรื่องในอดีต

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
 
“ทำไมเธอต้องแย่งทุกสิ่งทุกอย่างไปจากฉันด้วย!”
      ฉันบอกก่อนจะน้ำตาคลอ ตอนนี้ป็อบปี้ไม่ได้อยู่ในสายตาของฉันอีกต่อไปแล้ว ตั้งแต่เขา
จากไปครั้งที่สอง ฉันก็ไม่อาจเชื่อใจเขาอีกต่อไป ความรักนั้นฉันอาจจะให้เขาได้เรื่อยๆ แต่ความ
เชื่อใจฉันให้เขาได้เพียงแค่หนเดียวเท่านั้น ที่ฉันกอดเขาไว้ตอนนี้ก็แค่ไม่อยากให้โฟร์แย่งเขาไป
        ไม่ว่าของที่ฉันไม่สนใจแล้ว หรือจะเป็นของรักของฉัน ฉันไม่อยากจะเสียให้ผู้หญิงคนนี้อีก
ต่อไป
“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำแบบนั้นเลยนะฟาง เชื่อฉันเถอะ เพราะป็อบปี้ต่างหากที่เข้ามาหาฉันก่อนนะ”
โฟร์ทำสีหน้าและน้ำเสียงเสียใจ ก่อนจะยื่นมือไปแตะต้นแขนของป็อบปี้
       ฉันเงยหน้ามองเขาทั้งน้ำตา ทำไมเขาต้องทำแบบนี้ด้วย ฉันไม่แคร์เลยที่เขาจะหมดรักฉัน
แล้วไปเจอผู้หญิงอื่น แต่ทำไมผู้หญิงที่เขาจะต้องเป็นโฟร์ หรือแม้กระทั่งจินนี่… มันเพราะอะไรกัน
“นั่นสิ… ฉันนะมันโง่มากเลยป็อบ โง่มากจริงๆ” ฉันบอกก่อนจะถอยออกเขาอีกก้าว
“นายรู้มั้ยว่าฉันเสียใจมากแค่ไหน ที่ต้องลบเรื่องของนายออกช้ำๆ แต่ฉันก็เปรียบเหมือน
คอมพิวเตอร์ที่ติดไวรัส ไม่ว่าพยายามจะลบนายมากแค่ไหน ไม่นานนายก็กลับมาอีกครั้ง ช้ำแล้ว
ช้ำเล่า จนฉันเหนื่อยที่จะลบ” ฉันบอก ก่อนจะลดมือที่ควงแขนเขาเอาไว้ เลื่อนไปที่ชายเสื้อ
ของเขาแทน
“แล้วที่น่าตลกมากกว่านั้น ไวรัสที่มันกินฉันอยู่ตอนนี้กลับลบคนอื่นๆออกไปซะหมด เหลือเพียง
แค่นายคนเดียวเท่านั้น แค่นายคนเดียวเท่านั้น”
        ฉันพูดและปล่อยมือออกจากชายเสื้อของป็อบปี้ ปล่อยให้น้ำตาหยดหนึ่งไหลออกมา
ด้วยความเสียใจ
“ทางเดียวที่จะหายจากการติดไวรัสนี้ได้ ก็แค่ลงวินโดว์ใหม่ลบเรื่องราวทุกอย่างให้หมดไป
นายต้องการแบบนั้นใช่ไหม ป็อบปี้…”
      ไม่มีคำตอบใดๆจากป็อบปี้ และคำพูดใดๆ จากโฟร์อีก
“ความไว้ใจที่นายเคยถามฉันว่า ฉันจะไว้จายอีกครั้งได้ไหม ตอนนี้มันเหลือแค่ศูนย์แล้ว” ฉันบอก
ก่อนจะกำมือเป็นกำปั้นชูให้ป็อบปี้ได้ดู
       จากนั้นฉันก็ดีดปลายนิ้วออกจากกันและโบกมือลาให้เขา
“ลาก่อนป็อบปี้ ฉันจะไม่เจอหน้านายอีกต่อไปแล้ววางใจได้เลย” จากนั้นฉันก็เบือนสายตามอง
ไปที่โฟร์บ้าง
       เพราะน้ำตาที่บดบังดวงตาของฉัน เลยทำให้ฉันมองไม่ชัดว่าตอนนี้เธอกำลังทำหน้ายัง
ไงอยู่แน่ ฉันไม่เคยร้องไห้ให้ใครเห็นมาก่อนเลยนะ ทำไงดี ตอนนี้หัวใจของฉันเจ็บเหลือเกิน แถม
ยังเดินไม่ไหวอีกด้วย
      ฉันค่อยๆ ถอยหลังออกมาอีกก้าว จากนั้นก็เดินออกมาโดยที่ไม่ได้หันหลังกลับไปมอง
คนทั้งคู่อีก
     ในเวลาที่ฉันกำลังเจ็บปวด เวลาที่กำลังพ่ายแพ้ความเหงา กำลังแพ้ความเดียวดาย ฉันควร
จะหันหน้าไปทางไหนดี ฉันไม่รู้เลยจริงๆ
       สุดท้ายเมื่อคิดว่าถ้าอยู่คนเดียวฉันอาจจะทำเรื่องโง่ๆแบบแต่ก่อนเช่น การฆ่าตัวตาย ฉัน
เลยกดโทรศัพท์ไปหากวินทันที… อย่างน้อยอาจจะเป็นกวิน โยชิ หรือว่าพิท เขาอาจจะมีความ
จริงใจกับฉันมากกว่าป็อบปี้ก็ได้
(Hi, Gavin’s speaking!)
“ฉันเอง กวิน นี่ฟางนะ” ฉันบอกแล้วก็หลุดสะอื้น เสียงของกวินก็ร้อนรนทันที
(เธอโอเคนะฟาง เป็นอะไรไปนะ อยู่ที่ไหน)
“นายอยู่ไหนเหรอ ฉันกำลังจะตาย ช่วยฉันด้วย” ฉันไม่แน่ใจจริงๆว่าตอนนี้ตัวเองกำลังเดินไป
ทางไหนและจะเดินไปที่ใด รู้แค่ว่าตอนนี้ขอให้ฉันไปจากตรงนี้ ไปให้พ้นจากเรื่องที่เกิดขึ้น
(เธอกำลังถูกตบอีกแล้วเหรอ เกิดอะไรขึ้น่ะ!) น้ำเสียงร้อนรนที่แสดงความเป็นห่วงจริงๆ ของ
เขาทำให้ฉันร้องไห้หนักเข้าไปอีก
        ถ้าสมมติว่าป็อบปี้ได้สักครึ่งหนึ่งของเขา ไม่สิ… แค่เสี้ยวเดียวฉันจะมีความสุขมาก
แค่ไหนกันนะ
“มารับฉันหน่อยสิ ฉันไม่ไหวแล้ว…”
 
            กวินมารับฉันอย่างที่ขอไปจริงๆเขาโผล่มาจากรถชีตรองสีดำมันปลาบ หน้าร้านสะ
ดวกชื้อที่ฉันขอให้เขามารับ ร่างสูงของเขาฝ่าสายฝนเข้ามารับฉันและถอดแจ็กเก็ตตวัดคุมร่างของ
ฉันเอาไว้ เมื่อฉันยืนตากฝนอยู่ครึ่งตัว
“เธอไปทำอะไรมาเนี่ย ท่าทางดูไม่ดีเลย” เขาถามและโอบรอบไหล่ให้ฉันเดินไปจากตรงนี้
         สายตาของผู้คนที่ยืนหลบฝนอยู่บริเวณนี้มองด้วยความอยากรู้ พวกเขาคงสนใจฉันที่
ร้องไห้อยู่ตรงนี้นานแล้วนั่นแหละ ดวงตาของฉันแสบร้อนไปหมดเพราะไม่เคยร้องหไห้หนักขนาด
นี้มาก่อน ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมฉันถึงรู้สึกเสียใจได้มากขนาดนี้
“พาฉัน… ไปให้พ้นจากที่นี่ ไปที่ไหนก็ได้ สวรรศ์กก็ได้ หรือบางทีฉันอยากจะไปอาบแดดที่นรก”
ฉันพูดและเรียกเสียงหัวเราะจากกวินได้
“ไม่ว่าจะสถานการณ์แบบไหน เธอก็ยังเป็นฟางคนเดิมเหมือนทุกครั้งเลยนะ” เขาพูดพลางหัว
เราะ ก่อนจะปลดล็อกรถดันร่างที่เปียกปอนของฉันเข้าไปนั่งในรถของเขา
         เวลานี้ฉันไม่สนใจแล้วว่าน้ำฝนที่เปียกชื้นเต็มตัวของฉันจะทำให้เบาะรถหรูของเขา
เละแค่ไหนรู้แค่ว่าฉันอยากจะไปจากตรงนี้ให้พ้นๆ จากททุกสิ่งทุกอย่างที่กำลังเค้นคอให้ฉันรู้
สึกเหมือนคนจมน้ำจะหายใจก็ไม่ได้ กว่าจะตายก็ทรมานเหลือเกิน
          ฉันไม่รู้ด้วยช้ำว่าเขาพาฉันไปที่ไหน หรือว่าจะทำอะไรกับฉัน ตอนนี้ขอให้ฉันได้สูด
อากาศเข้าปอดลึกๆ ให้หายใจสะดวกเหมือนเมื่อก่อน จากนั้นค่อยคิดค่อยวางแผนว่าจะเอายังไง
กับตัวเองต่อไปดี
“เสื้อเธอเปียกแน่ะ มาเปี่ยนเสื้อผ้าก่อนแล้วกัน” กวินพูดอะไรบางอย่างที่ฉันฟังไม่ค่อยถนัด แต่
ก็ขยับตัวตามแรงดึงของเขาเมื่อเราจอดรถที่ไหนสักที่หนึ่งแล้ว
“ที่ไหนน่ะ นรกรึเปล่า”
“บ้าน่า… คอนโดฉันต่างหาก” กวินหัวเราะเบาๆ ก่อนจะจับข้อศอกลากร่างกายที่อ่อนปวกเปียก
ของฉันเดินตามเขาไป
“สภาพเธอแย่มากกว่าถูกรุมตบวันนั้นซะอีก ไปทำอะไรมาน่ะ ทำไมดูแย่แบบนี้” เขาถามเมื่อเราอยู่
ในลิฟต์ แต่ฉันพูดอะไรไม่ออก ทำให้เดินส่ายหน้าไปมาเท่านั้น
“เอาเถอะ เดี๋ยวค่อยคุยกันก็ได้” เขาพึมพำ และเมื่อประตูลิฟต์เปิดออกเขาก็ทำเหมือนเดิม นั่น
คือลากแขนฉันออกมาจากลิฟต์ และเปิดประตูห้องห้องหนึ่ง
        และสิ่งที่ทำให้ฉันสะดุ้งตัวโยนเมื่อย่างก้าวเข้าห้องของเขาได้เพียงก้าวเดียว ก็คือเสียง
แผดร้องของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นมาเอบจะวินาทีแรกที่ฉันเข้ามา
“กวิน!! หมายความว่าไงน่ะ”
        เสียงของหล่อนดังราวๆ แปดสิบเดชิเบลเกือบทำให้ฉันหูหนวก อันที่จริงฉันโกหกนะ
เพียงแค่จะบอกว่าเสียงของหล่อนดังมากแค่ไหนก็เท่านั้น
“ใจเย็น… นี่เพื่อนฉัน” กวินบอกอย่างใจเย็นแล้วก็วางมือที่ไหลของฉันไปด้วย
        ฉันค่อยๆ ดึงสติตัวเองกลับมาหลังจากที่มันหลุดออกจากร่างกายไปนานสองนาน สิ่งแรก
ที่ทำคือมองผู้หญิงคนนั้นที่อยู่ในชุดไม่เรียบร้อยเท่าไหร่ในห้องของกวิน เธอกำลังทำหหน้าโกรธ
จัดและเข้ามาตบฉันได้ทุกเมื่อ ฉันมองก่อนจะส่ายหน้าไปมา บอกตามตรงว่าตอนนี้ฉันล้าไปหมด
ไม่มีแรงมาตบตีกับใครแล้ว
“เพื่อน จริงเหรอ ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย!!” ผู้หญิงคนนั้นยังคงแผดเสียงไม่หยุด จนฉันอยาก
จะร้องไห้เพราะความปวดหัว
         กวินลากฉันเข้าไปในห้องว่างๆ ห้องหนึ่ง จากนั้นเขาก็เดินออกไปเคลียรืกับผู้หญิง
คนนั้นด้านนอกฉันได้ยินเสียงโต้เถียงระหว่างสองคนนั้นอยู่ตลอดเวลา และไม่นานเสียงกระ
แทกเปิดปิดประตูก็ดังขึ้น ตามด้วยร่างสูงของกวินที่ทำหน้าบอกบุญไม่รับเข้ามาในห้อง
“ผู้หญิงนี่น่าเบื่อชะมัดเลยนะ”
         เขาพูดและถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ฉันเองก็อยากจะทำท่าเดียวกับเขาเหมือน
กัน แต่ว่าตอนนี้ไม่มีแรงแล้วล่ะ
“แล้วมันเกิดอะไรขึ้น… อ้อ เปลี่ยนเสื้อผ้าที่เปียกชื้นเฉอะแฉะของเธอออกก่อนดีกว่า ไม่งั้นเธอ
ได้เป็นปอดบวมแหงๆ”
 
       ฉันนั่งอยู่ปลายเตียงสีขาวสะอาดตาของกวิน บนร่างกายมีเสื้อของเขาคลุมร่างกายเอา
ไว้ตัวหนึ่งกับกางเกงบ็อกเชอร์ของเขา ส่วนเจ้าของห้องนั่งเก้าอี้โต๊ะคอมและกำลังเท้าคางมอง
หน้าฉันเงียบๆ ฉันรู้ดีว่าตอนนี้เขากำลังอยากฟังเรื่องจากปากของฉัน ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“เธอพร้อมที่จะเล่าให้ฉันฟังมั้นล่ะว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น ท่าทางของเธอถึงแย่แบบนี้” เขา
ถาม และส่งยิ้มมาอย่างอ่อนโยน
         น้ำตาฉันร่วงลงมาทำให้กวินหัวเราะอีกครั้ง ฉันร้องไห้แล้วมันตลกตรงไหนเหรอ หรือ
ว่าหน้าตาของฉันมันดูไม่ได้เลย นั่นสินะ… เวลาร้องไห้มันจะสวยได้ยังไงกัน
“ไม่เล่าไม่เป็นไรนะ ฉันไม่บังคับ”
“ฉันจะเล่า เพราะมันติดอยู่ในใจของฉันมานานแสนนานจนตอนนี้มันอึดอัดจนแทบจะระเบิดอยู่แล้ว
ฉันต้องตายแน่ๆ ถ้ายังไม่ได้ระบายมันออกไป” ฉันบอก และยกมื้อขึ้นมาขย้มเสื้อที่อกช้ายแรงๆ
        ทำไมมันถึงได้เจ็บปวดแบบนี้กันนะ
“อือ… เล่ามาเลย ฉันจะรับฟัง” กวินยิ้มบางๆ ที่มุมปาก ก่อนจะขึ้นคร่อมเก้าอี้กอดพนักไว้ ทำหน้า
ตั้งใจฟังฉันเต็มที่
“พ่อ…” ฉันเรี่มต้นได้เพียงแค่ประโยคเดียว ก่อนจะจุกเจ็บไปทั้งใจ ไม่รู้จะทำยังไงต่อไปดี
“พ่อทรยศแม่ฉัน ทรยศฉัน” ฉันเม้มริมฝีปากตัวเองแน่นจนรู้รสเลือด แต่มันยังเทียบไม่ได้เลย
ที่เจ็บตรงหัวใจ
“แม่ฉันไม่แข็งแรง เลยต้องเข้าโรงพยาบาลบ่อยๆ” ฉันบอกก่อนจะยกมือขึ้นมาปิดตาตัวเองเอาไว้
       ตอนนี้ฉันกำลังอ่อนแอ กำลังท้อแท้ และกำลังใกล้จะตาย… แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็ยังอยาก
จะมีชีวิตอยู่ต่อไป ยังอยากหายใจ
“ฉัน… คิดว่าจำไม่ผิดหรอก ตอนที่แม่เข้าโรงพยาบาล แม่หลับม่รู้เรื่อง ไม่ว่ายังไงแม่ก็ไม่ยอม
ตื่น พ่อฉันร้องไห้และพาฉันไปเยี่ยมท่านบ่อยๆ ตอนนั้นฉันอายุประมาณเจ็บปวดขวบนั้นแหละ พอ
จะรู้เรื่องแล้ว”
        ฉันพูดได้แค่นี้ก็สะอื้นฮัก ความลับสุดยอด ความลับที่ฉันไม่เคยปริปากบอกใครมาก่อน
ตอนที่กำลังจะบอกใครๆ ทำไมถึงได้เจ็บปวดแบบนี้นะ
“แม่เป็นคนสวย แม่เป็นนางแบบชื่อดัง แม่ฉันสวยมากๆ เลยนะ” ฉันบอกก่อนจะยิ้มทั้งน้ำตา
“แต่แม่ไม่เคยยอมรับว่าฉันเป็นลูกเลย” ฉันบอกแล้วร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมา
“ฉันเลยทำตัวน่ารักๆ เป็นเด็กดี เผื่อแม่จะหันกลับมามองฉันบ้าง” ฉันยกมือขึ้นมาทึ่งผมตัวเอง
และร้องไห้
       กวินไม่ได้พูดอะไรแม้แต่คำเดียว เขายังคงนิ่งเงียบเหมือนกำลังรับฟังฉันเงียบๆ ปล่อย
ให้ฉันได้ระบายความหนักอึ้งที่อยู่ในใจมานานแสนนาน
“พอเรี่มโตขึ้นมาอีกนิด แม่เลยจับฉันแต่งตัวเพราะว่าท่านเป็นนางแบบ ชอบของสวยๆ
งามๆ ฉันก็เหมือนของเล่นชิ้นหนึ่งของท่าน”
         ฉันยกมือขค้นมาปิดหน้าและร้องไห้จนตัวโยนไปหมด ทำไม… ทำไมทุกคนถึได้ทำ
ร้ายฉันแบบนี้ไม่เว้นแม้กระทั่งคนอุ้มท้องฉันมา
“แต่นั่นแหละ เธอไม่เคยอุ้มฉัน ไม่เคยกอดฉัน ไม่เคยหอมแก้มฉัน ไม่เคยอะไรทั้งนั้น” ฉันบอก
และหลุดสะอื้น ลมหายใจเรี่มขาดเป็นห้วงๆ ค้ายคนที่กำลังจะขาดใจตาย
       เพราะอย่างนั้นฉันเลยยอมให้ป็อบปี้ไปง่ายๆ เพราะฉันไม่เคยถูกโอบกอดด้วยความรัก
เพราะฉันโหยหาไออุ่นที่ไม่เคยได้รับ ไม่ว่าจะเป็นพ่อหรือแม่
“ฉันเป็นเด็กชึมเศร้า อยู่กับตุ๊กตาตัวเดียวในห้องกว้างๆ พ่อไม่เคยจ้างพี่เลี้ยง เพราะอาจจะ
ตามใจฉันเกินไปกลัวฉันจะนิสัยเสีย ฉันไม่มีเพื่อน ไม่มีพี่น้อง มีแต่ความเหงาเป็นเพื่อน…”
        ฉันพูดไม่ทันจบ กวินก็ลุกจากเก้าอี้มาสวมกอดฉันเอาไว้แน่น ทำให้ฉันร้องโฮยิ่งกว่าเดิม
แขนของฉันโอบกอดตัวเขาโดยอัตโนมัติและกอดเขาไว้แน่น ยึกเขาเป็นที่พึ่งพิงเอาไว้ เขากอดฉัน
เอาไว้แน่นเช่นกันแน่นจนฉันคิดว่าตัวเองจะแหลกเหลวในอ้อมแขนของเขาซะแล้ว
“ฉันเคยติดว่าตัวเองเป็นตัวประหลาด” ฉันบอกกับอกเขาเสียงอู้อี้ และกวินก็กอดฉันไว้แน่นขึ้น
“ฉันรักจินนี่มากเลยนะ รักป็อบปี้มากด้วย มากจริงๆ”
        ฉันพูดเสียงสะอึกสะอื้นด้วยความเจ็บปวด
“แล้วทำไม พวกเขาทำกับฉันแบบนี้ ทำไม ฉันทำผิดอะไรเหรอ”
“”ชู่ว์ นิ่งซะ… เธอร้องไห้หหนักไปแล้ว ไม่เป็นไรแล้วละ ไม่มีอะไรแล้ว”
      กวินปลอบฉัน ทำให้คำพูดที่ตั้งใจจะพูดต่อต้องเก็บเงียบเอาไว้ และเอาเรื่องอื่นขึ้นมาพูด
แทน
“หลังจากที่แม่เสียไป ฉันไม่แต่งตัว ทำตัวเฉยๆ ไม่อยากเด่น ไม่อยากให้ใครมาถามว่าฉันเป็น
ลูกของนางแบบนนั้นหรือเปล่า เพราะว่าฉันกับแม่เหมือนกันมาก แม่ไม่อยากจะมีฉัน ฉันเลยไม่
อยากจะบอกใครๆ ว่าฉันเป็นลูกของท่าน”
        ฉันบอกก่อนจะเรี่มนิ่งลง
        เสียงหัวใจของกวินที่เต้นเป็นจังหวะหนักแน่นอยู่ข้างหูทำให้ฉันสบายใจมากขึ้น และ
ค่อยๆ สงบลงในที่สุด
“อึม… อย่าคิดมากเลยนะ ไม่มีอะไรแล้วล่ะ” กวินกดจมูกที่ข้างขมับฉันเบาๆ และลูบหลังลูบไหล่
เพื่อปลอบ
“พักก่อนแล้วกัน เสื้อชุ่มน้ำตาไปหมดแล้ว” กวินเอนตัวฉันให้นอนลงกับเตียง จากนั้นเขาก็ดึง
ผ้าห่มมาคุมตัวให้ฉัน
“ฉันขอโทษที่ทำให้นายทะเลาะกับแฟน ฉันเสียใจจริงๆ” ฉันบอกตอนที่เหนื่อยล้า กำลังจะหลับ
อยู่แล้ว
“ไม่หรอกน่า ฉันไม่ได้แคร์ผู้หญิงคนนั้นเลย แต่ฉันเป็นห่วงเธอนะ” เขาบอกก่อนจะยื่นมือมาปัด
เส้นผมที่
ระหน้าให้ฉัน ฉันเองก็หลับตาลงอย่างอ่อนเพลีย
“หลับไปเลยแล้วกัน”
         และคำพูดนั้นของเขาทำให้ฉันหลับไปเลยจริงๆ
Poppy Talks…
         ผมนั่งอยู่ด้านนอกห้องของกวิน หลังจากที่หมอนั่นโทรไปบอกผมว่าฟางโทรมาหา และ
สภาพย่ำแย่มากพอดู ให้ผมมาดูเธอหน่อย ชึ่งผมก็มาที่นี่และยกมือขึ้นมาคลึมขมับตัวเองด้วย
ความเจ็บปวด
         ใช่… คงไม่มีใครคิดว่าผมจะเจ็บเป็น ปวดเป็น
         คำพูดที่ฟางเล่าให้กวินฟัง ผมรับรู้ทุกคำ แต่ไม่เคยได้ยินมาก่อน เธอไม่เคยบอกผมเลย
แม้แต่ครั้งเดียว น่าตลกดีไหมที่เธอเอามาเล่าให้กวินที่เพิ่งเจอกกันได้ไม่นานเท่าไหร่ หัวใจของผม
ปวดร้าวและพยายามฟังว่าเธอจะพูดหรือบอกอะไรกับกวินอีก
         แต่ข้างในห้องเรี่มเงียบไป ได้ยินเสียงฟางสะอื้นเป็นระยะๆ และเสียงปลอบของกวิน
ไม่มีคำพูดเกี่ยวกับเรื่องของเธอในอดีตอีก
         ทำไมคนเราถึงคิดไม่ได้ตั้งแต่ตอนแรกนะ อย่างเช่น… ตอนนั้นเราน่าจะถามเธอว่าทำ
ไมเธอถึงชอบแต่งตัวเชยใส่แว่นหนาๆ ทำไมเธอถึงไม่ชอบดูดาราหรือพวกนางแบบ ทำไมเธอไม่
เคยมีเพื่อน หรือทำไมเธอถึงไม่มีความมั่นใจเลย
         แล้วทำไมตอนนั้นเราถึงคบเธอได้นานกว่าผู้หญิงอื่น ทั้งที่ขอคบเธอเพราเหตุผลสอง
สามอย่างชึ่งไม่ได้เกี่ยวกับความรักใคร่ชอบพอเลยสักนิด
         แล้วทำไมตอนนั้นไม่คิดว่าเธอจะกลับมาหาอีกครั้ง ทั้งที่ผมไม่ได้บอกรักหรืออะไรเธอ
เลย และทำไมถึงไม่อยากให้เธอรู้เรื่องแย่ๆ ของตัวเองชึ่งปกติผมก็ไม่เคยปิดใครอยู่แล้ว
         และทำไมตอนนี้ถึงได้เจ็บปวด เมื่อเธอเลือกคนอื่นมากกว่าจะเป็นตัวเอง ผมไม่เข้าใจเ
ลยจริงๆ
         ผมนั่งนิ่งอยู่นานและขยับตัวลุกขึ้นเมื่อได้ยินเสียงกุกกักที่หน้าประตู กวินเดินออกมา
พร้อมด้วยสีหน้าเรียบเฉย เห็นอกเสื้อของหมอนี่ยับและมีคราบน้ำตา ผมก็ต้องเม้มปาแน่นด้วย
ความรู้สึกที่บอกไม่ถูก
       ใช่… ผมคิดว่าตอนนี้ผมกำลังอิจฉาผู้ชายที่ยืนตรงหน้าอยู่
“นายชอบฟางรึเปล่า” กวินถามแต่ผมไม่ใส่ใจที่จะตอบ ทำท่าจะเดินเข้าไปในห้องที่ฟางอยู่
         แต่มือของกวินคว้าคอเสื้อของผมเอาไว้ซะก่อน หมอนี่ดึงให้ผมก้าวออกห่างจากห้อง
นอนและตรงไปที่ห้องรับแขก ก่อนที่จะถูกกวินผลักไหล่แรงๆ ให้ลงไปนั่งที่โซฟาหนานุ่มสีดำนี่
“ฉันถามว่านายชอบฟางรึเปล่า” กวินถามฉัน ผมเลยเม้มปากไม่อยากจะตอบอะไรทั้งนั้น
“ถ้าไม่ตอบล่ะ” ผมเลือกที่จะถามแทนตอบคำถามนั้น และรอดูว่ากวินจะทำยังไงต่อ
“ถ้านายไม่ตอบแสดงว่านายไม่ได้ชอบ ไม่ได้รักฟาง” คำพูดนั้นทำให้มันขมวดคิ้วและเม้มปากแน่น
        ทำไมล่ะ… ถ้าผมชอบเธอจริงแล้วไง ทำไมต้องบอกกับหมอนี่ด้วย เพราะอะไรที่ผมจะ
ต้องตอบกันล่ะ
“และฉันก็ไม่อยากจะให้ผู้หญิงแบบนั้นเข้าไปเสี่ยงกับเรื่องของนายอีก นายจำได้มั้ย ที่เธอถูก
ตบ ถูกหมายหัวจากใครบางคนที่เล่นเกม เข้าโรงพยาบาลเพราะว่าถูกไฟคลอก สารพักเรื่องมัน
เกิดมาจากนายทั้งนั้น หากนายชอบเธอจริง ควรจะปกป้องเธอเอาไว้ ไม่ใช่ปล่อยให้เธอเดียว
ดายแบบนี้!”
“มันเกี่ยวอะไรกับนาย” ผมกัดฟันถามน้ำเสียงขุ่นมัว แม้จะเป็นเรื่องจริงที่ผมทำกับฟาง แต่ผม
ไม่ชอบให้ใครเอามาพูดแบบนี้ แล้วไงล่ะ!!
“เพราะฉันจะปกป้องผู้หญิงคนนั้นเองไงล่ะ จะว่าไปฟางก็นิสัยเข้มแข็งเหมาะกับฉันดีเหมือน
กัน แถมยังสวยมากอีกด้วย”
         ผมย่นติ้วเข้าหากัน ก่อนจะมองหน้าหล่อเหลาของคนพูดด้วยอารมณ์ที่เรี่มจะคุกรุ่นขึ้น
มาทีละนิด
“ผิวยัยนั่นนะบางสุดยอดเลยว่ามั้ย เนียนนุ่ม แถมยังลื่นไปหมดทุกส่วน…”
        ผมไม่ทนฟังให้หมอนี่พูดจบ ตรงเข้าไปกระชากคอเสื้อคนพูด และเอาหน้าผากกระแทก
กับหน้าผากกวินแรงๆ ด้วยความโกรธจัด
“กวิน…”
“ยัยนั่นมีไฝตรงไหนมั้ง นายรู้รึเปล่า และฟางน่ะ ชอบให้ฉันจูบที่ปลายนิ้วมากที่สุด นายรู้เปล่า
ป็อบ”
 
PF PF FP PF PF PF PF PF
ไม่มีใครรันทดเท่าฟางอีกแล้วแงแง
ขอบอกเลยค่ะว่าฟางน่าสงสารมาก
ชีวิตนาง T^Tเมื่อไหร่จะมีความสุข
กับเขาสักทีปมของฟางจะออกมาที
ละนิดๆนะค่ะ แล้วจากนั้นจะไปพูดถึง
เรื่องของป็อบปี้ในมุมมองของอิตาป็อบ
ปี้นั้นค่ะ -^- เม้นๆจ้าช่วงนี้รู้สึกเม้นไม่
ขึ้นเท่าไหร่เลย เง้อ แล้วเจอกันตอน
หน้านะจ้ะ จุ้บๆ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายฟิคชั่นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา