The trap of the heart กับดักของหัวใจ

9.6

เขียนโดย NannyCandy

วันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2559 เวลา 21.02 น.

  9 chapter
  416 วิจารณ์
  14.43K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 4 เมษายน พ.ศ. 2559 11.41 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

9) CONCEALED

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก

CHAPTER 08
 
 
          โทโมะเลี้ยวรถเข้าสู่ลานจอดรถของห้างห้างหนึ่งทันทีมันเป็นห้างที่ไม่ไกลจากคอนโดของเขานักแต่ในตอนนี้คือรองเท้าฉันไม่มีนี่สิ
 
 
 
           “ลงรถดิรออะไร” โทโมะหันมาพูดกับฉันในขณะที่เขากำลังถอดสายรัดเข็มขัดออก
 
 
 
          “จะให้ฉันเดินเท้าเปล่าเหรออายจะตาย” ฉันบ่นอุบ
 
 
 
           “อยากร้องมาในสภาพนี้ก็เดินสภาพนี้อายก็อายไปไม่เกี่ยวกับฉัน”
 
 
 
          โทโมะไม่สนในคำพูดของฉันเลยสักนิดเขาลงรถทันทีและดูเหมือนว่าจะไม่รอฉันด้วยสิฉันถอนหายใจอย่างหน่ายๆก่อนจะรีบลงรถวิ่งตามเขาไปทั้งชุดที่ดูใหญ่กว่าตัวของฉันกับเท้าเปล่าทำให้ฉันเป็นจุดสนใจของคนที่เดินไปเดินมาในลานจอดรถทันทีโทโมะมุ่งหน้าไปที่ประตูเชื่อมเข้าห้างฉันพยายามจะวิ่งตามให้ทันแต่ขอบอกเลยว่าพื้นปูนซีเมนต์ที่ลานจอดรถนี่หยาบเท้าเป็นบ้าแถมยังเจ็บส้นสุดๆ
 
 
 
          พอมาถึงในพื้นกระเบื้องเย็นๆของห้างฉันก็สบายเท้าขึ้นมาหน่อยแต่สายตาของคนที่นี่ยังคงมองมาที่ฉันไม่เปลี่ยนแปลง
 
 
 
           “โทโมะฉันขอยืมเงินซื้อเสื้อผ้า…”
 
 
 
          ฉันที่เดินเข้าไปขนาบข้างเขาเพื่อที่จะขอบางสิ่งบางอย่างฉันก็ถูกทำเหมือนว่าเป็นอากาศเขาไม่เดินรอฉันแถมยังไม่ฟังที่ฉันพูดอีกโทโมะกำลังพยายามทำตัวเหมือนไม่ได้มากับฉัน!
 
 
 
          มันจะใจร้ายมากไปแล้วมั้ง!
 
 
 
           “อยากมาเดินเที่ยวก็เดินไปไม่ใช่ให้มาชอปปิ้ง” โทโมะก้มหน้าลงมาพลางพูดเสียงรอดฟันเพื่อให้เบาที่สุด
 
 
 
          พอฉันได้ยินแบบนั้นมือของฉันก็กำแน่นอัตโนมัติเขากำลังเล่นตลกกับฉันอยู่สินะ
 
 
 
           “ฉันไม่สนุกกับเรื่องแบบนี้นะโทโมะคนมองฉันเป็นตัวประหลาดหมดแล้วแค่ยืมเงินเนี่ยมันยากนักหรือไง”
 
 
 
           “เธอแน่ใจเหรอว่าตัวเองไม่ได้พกเงินมา” โทโมะพูดเปรยก่อนจะเดินออกไป
 
 
 
          ฉันที่เพิ่งฉุกคิดกับคำพูดของเขาฉันก็รีบหาบัตรเครดิตที่พกมาก่อนหน้านี้ทันทีและฉันก็ยิ้มออกมาเหมือนสวรรค์เปิดเมตตาธรรมให้แก่ฉันบัตรเครดิตของฉันT^T
 
 
 
          ฉันรีบมองซ้ายมองขวาเพื่อหาร้านเสื้อผ้าที่จะเข้าไปหาซื้อทันทีในตอนนี้ต่อให้แบรนด์ธรรมดาฉันก็ใส่ล่ะวะฉันรีบวิ่งเข้าไปในร้านเสื้อผ้าพื้นๆไม่หรูหราอะไรมากมายเป็นเพราะฉันมาในสภาพนี้ด้วยแหละเลยไม่กล้าเข้าร้านหรูๆ
 
 
 
           “ต้องการเสื้อผ้าแบบไหนดีคะ”
 
 
 
          พนักหน้ารีบออกมาต้อนรับก่อนจะมีรปภ.คอยดักทางเข้าร้านคงคิดว่าฉันเป็นพวกหนีคุกมาซื้อของหรือไงแม้การแต่งตัวฉันจะดุไม่สมกับรูปร่างแต่เสื้อผ้าที่ฉันสวมอยู่ก็แบรนด์จากญี่ปุ่นเลยนะแถมเป็นของโทโมะนายแบบชื่อดังที่พ่วงนิสัยห่ามๆมาด้วยแค่เล่าก็แขยงขนแล้วเหอะ
 
 
 
           “เอาชุดนี้กับรองเท้าคู่นี้ค่ะ” ฉันไม่รอช้าคว้าชุดที่ตัวเองคิดว่าใส่แล้วดูดีที่สุดในตอนนี้ส่งให้แก่พนักงานของร้านฉันมองหาโทโมะรอบๆแต่ก็ไม่เห็นเขาแปลว่าฉันสามารถใช้ช่วงเวลานี้ชิ่งหนีเขาได้ใช่ปะ
 
 
 
           “เท่าไรคะ”
 
 
 
          ฉันรีบวิ่งไปที่เคาน์เตอร์คิดเงินของร้านนี้ทันทีในใจตอนนี้ฉันแทบจะวิ่งออกนอกห้างให้รู้แล้วรู้รอดอย่างน้อยเขาก็ไม่รู้หรอกว่าคอนโดของฉันอยู่ที่ไหนถ้าจะรู้ก็คงรู้จากปากยัยแก้มบุ๋มน้องสาวตัวดีของฉันนั่นแหละ
 
 
 
           “สองพันแปดร้อยบาทค่ะ”
 
 
 
           “นี่ค่ะ”
 
 
 
          ฉันยื่นบัตรเครดิตขอบตัวเองให้พนักงานรูดวงเงินได้ทันทีฉันรีบคว้าถุงเสื้อผ้ากำไว้ในมือแน่นเท้าของฉันกระดิกไปมาด้วยความร้อนรนเสร็จสักทีสิ
 
 
 
          “เอ่อ…” พนักงานตีหน้างงใส่ฉันหน้าตาเฉยทำให้ฉันเลิกคิ้วสงสัยกับพฤติกรรมของเขา
 
 
 
           “วงเงินของคุณมีไม่พอนะคะ”
 
 
 
           “หา!” ฉันถึงขั้นเหวอไปชั่วขณะนี่อย่าบอกนะว่าแก้มบุ๋มแอบเอาบัตรเครดิตอันนี้ของฉันไปใช้อีกแล้ว
 
 
 
           “ลองตรวจสอบใหม่อีกครั้งได้ไหมคะ”
 
 
 
          ฉันคะยั้นคะยอพนักหน้าอย่างเร่งด่วนแต่อยู่ๆก็มีมือใครบางคนคว้าถุงในมือฉันไปก่อนจะยื่นคืนให้พนักงานโดยไม่สนใจคนต้องการอย่างฉันสักคำ
 
 
 
           “เอาคืนไปครับ” โทโมะพูดเสียงเรียบพนักหน้าหน้าเหลอหลาก่อนจะส่งบัตรเครดิตใส่มือฉันอย่างด่วนโทโมะดึงแขนเสื้อฉันให้เดินออกจากร้านตามแรงดึงเขาทันที
 
 
 
          เดี๋ยวสิ! ฉันจะซื้อเสื้อผ้าเกี่ยวอะไรกับนายด้วยวะ
 
 
 
           “นี่ฉันจะซื้อเสื้อผ้ามาลากฉันออกจากร้านทำไมเนี่ย” ฉันโวยโทโมะทันทีที่เราเดินมาไกลจากร้านนั้นแล้ว
 
 
 
           “มีเงินหรือไง”
 
 
 
           “ฉันมีบัตรเครดิตและฉันก็คิดว่าเขายังตรวจสอบได้ไม่ดีปล่อย”
 
 
 
          ฉันสะบัดแขนตัวเองให้หลุดจากน้ำมือของเขาสายตาหงุดหงิดเบาๆของเขาทำเอาฉันเริ่มที่จะหงุดหงิดตามไปด้วย
 
 
 
           “มันไม่พลาดหรอกเธอเงินไม่พอก็คือไม่พอโกหกตัวเองอยู่ได้”
 
 
 
           “ฉันขอยืมนายแล้วนายให้ไหมล่ะนายจะปล่อยให้ฉันแต่งตัวเหมือนคนบ้าไร้รองเท้าเดินเท้าเปล่าไปมาทั่ว…”
 
 
 
           “เอาไป”
 
 
 
          อยู่ๆโทโมะก็ยื่นถุงกระดาษสีขาวขนาดใหญ่มาให้ฉันสองถุงพอฉันอ่านยี่ห้อแบรนด์ที่เด่นหลาอยู่กลางถุงก็ทำฉันเหวออีกครั้ง…
 
 
 
          นี่มันถุงเสื้อผ้ากับรองเท้านี่
 
 
 
           “นายหายไปเพราะ…”
 
 
 
           “ไปเปลี่ยนฉันก็ไม่อยากเดินกับคนสภาพแบบนี้เหมือนกันเลิกพูดมากแล้วไปห้องน้ำซะ”
 
 
 
          โทโมะสะบัดหน้าไปทางขวาเป็นเชิงให้ฉันไปห้องน้ำทางทิศนั้นทันทีฉันค่อยๆรับถุงจากมือเขามาแบบงงๆที่เขารีบเดินแยกจากฉันเพื่อไปหาซื้อเสื้อผ้ามาเนี่ยนะแล้วเขารู้ไซส์รองเท้าฉันหรือไงฉันไม่ยืนคิดให้เสียเวลาในตอนนี้สายตาผู้คนมองมาที่พวกเรามากกว่าปกติอาจเป็นเพราะโทโมะออกมาข้างนอกโดยไม่ปกปิดใบหน้าด้วยถ้าคนจำได้ก็จะสนใจเป็นพิเศษฉันรีบเดินเข้ามาในซอกทางเดินที่จะมุ่งตรงไปยังห้องน้ำของห้างทันทีฉันแอบแหวกดูในถุงแล้วมันมีอยู่ประมาณสองสามชุดได้ส่วนรองเท้าก็มีสองคู่เป็นรองเท้าผ้าใบแบรนด์แพงหูฉีกทั้งสองจริงๆฉันไม่ชอบใส่รองเท้าผ้าใบนะแต่เอาเหอะในตอนนี้ขณะนี้อะไรที่สามารถปกป้องเท้าฉันให้ปลอดภัยจากการส้นแตกได้ฉันก็ต้องใส่
 
 
 
          ฉันจัดการวิ่งเข้าห้องน้ำก่อนจะเปลี่ยนเสื้อผ้าหน้าผ่อนให้เรียบร้อยเหมือนคนที่พร้อมจะมาเดินห้างโทโมะเลือกเสื้อผ้าให้ฉันเหมือนเป็นสไตล์ของเขายังไงยังงั้นเสื้อผ้าสบายๆดูเหมือนมันจะเป็นเสื้อแขนยาวไว้กันหนาวแต่จริงๆแล้วมันใส่สบายมากกับกางเกงขาสั้นปกติสีขาว
 
 
 
          จริงๆฉันอยากจะหนีเขานะแต่ดูเขามาดักทางฉันขนาดนั้นจะให้ฉันตะโกนขอความช่วยเหลือมันก็ใช่เรื่องสภาพฉันกับเขานี่คนละขั้วเลยคนแต่งตัวดีที่ไหนจะมาฉุดคนแต่งตัวไร้กาลเทศะแบบฉันกัน
 
 
 
          แต่ทันทีที่ฉันจะออกจากห้องน้ำฉันก็ต้องชะงักมือที่จะเปิดประตูเมื่ออยู่ๆก็ได้ยินเสียงคุ้นเคยของใครบางคนเล็ดลอดดังขึ้นมาดูเหมือนเธอจะกำลังคุยโทรศัพท์กับใครบางคนอยู่นะ
 
 
 
           “ฉันจะส่งเงินให้สิ้นเดือนพอใจหรือยัง”
 
 
 
          เสียงของผู้หญิงคนนั้นดังขึ้นเหมือนว่าเธอจะไม่พอใจกับปลายสายฉันรีบแนบหูกับประตูห้องน้ำเพื่อความคมชัดของเสียงจากด้านนอก
 
 
 
           “อย่าเล่นอะไรแผลงๆอีกแค่นี้ฉันก็อายมากพอแล้ว”
 
 
 
           “…” ฉันขมวดคิ้วกับคำพูดของเธอเธอกำลังต่อรองอะไรกับใครอยู่นะ
 
 
 
           “ฉันกำลังหลอกมันอยู่นี่ไงใจเย็นสิวะ!...เออรอให้…”
 
 
 
          ดูเหมือนเสียงการสนทนาจะขาดหายไปในทันทีฉันจึงรีบเปิดประตูเพื่อออกไปหาคนด้านนอกแต่เมื่อเปิดออกไปเธอก็หายออกไปจากจุดนี้เสียแล้ว
 
 
 
          ยัยแก้มบุ๋ม!
 
 
 
          ฉันก้มตัวลงผูกเชือกที่อยู่ๆก็ดันพิเรนทร์หลุดออกมาผิดที่ผิดเวลาสายตาของฉันพยายามสอดส่องไปทั่วๆหน้าห้องน้ำเผื่อที่จะเจอเจ้าของเสียงนั่นฉันรีบดีดตัวลุกขึ้นและวิ่งออกไปข้างนอกทันทีและสิ่งที่ฉันเห็นภาพตรงหน้าคือโทโมะกำลังจับแขนยัยแก้มบุ๋มเอาไว้อยู่เหมือนกำลังยื้อไม่ให้ไปไหนยังไงยังงั้น
 
 
 
          นั่นไงฉันจำไม่ผิดจริงๆด้วย!
 
 
 
          แต่ทันทีที่แก้มบุ๋มหันมาเห็นฉันเธอก็มีสีหน้าเหวออย่างเห็นได้ชัดก่อนจะใช้ทีเผลอรีบสะบัดแขนให้หลุดออกจากพันธการของโทโมะทันทีโทโมะรีบวิ่งไปโดยไม่รอให้ฉันเดินเข้าไปหาเลยสักนิดเดียวเมื่อฉันมาถึงจุดที่โทโมะยืนอยู่ฉันก็เห็นว่าแก้มบุ๋มวิ่งออกไปทางบันไดหนีไฟของห้างเป็นที่เรียบร้อย…มันหนีฉันทำไมน่ะ!
 
 
 
           “เมื่อกี้…”
 
 
 
           “น้องสาวเธอนั่นแหละฉันเห็นว่ายัยนั่นมาคนเดียวเลยกะจะคุยอะไรนิดหน่อยแต่พอยัยนั่นเห็นเธอเดินออกมาก็รีบวิ่งหนีไปหน้าตาเฉย”
 
 
 
          โทโมะพูดพลางมองไปทางที่แก้มบุ๋มหนีออกไปฉันทำได้แต่ขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจว่ายัยแก้มบุ๋มจะรีบกุลีกุจรวิ่งหนีหน้าตั้งไปแบบนั้นทำไมแทนที่จะช่วยฉันกลับคอนโดกลับเลือกที่จะหนีไปเนี่ยนะ!
 
 
 
           “ยัยบ้าเอ้ย”
 
 
 
          ฉันเตะลมที่พื้นเล่นเป็นเชิงโมโหสุดๆฉันกำลังจะได้แกมาช่วยฉันอยู่แล้วเชียว
 
 
 
          โทโมะพาฉันมาที่ศูนย์ช็อปสินค้าเขาเลือกที่จะเดินดูของทำครัวเล็กๆน้อยๆดูเหมือนว่าเขาจะไม่ชอบการกินข้าวนอกบ้านสักเท่าไรเพราะตั้งแต่ฉันได้อยู่กับเขามาเขาก็ทำอาหารทิ้งไว้ที่โต๊ะอยู่ตลอดแม้มันจะไม่ได้อร่อยเลิศเลอระดับร้านอาหารแต่ฉันว่าผู้ชายแบบเขาทำได้ขนาดนี้ก็ถือว่าสุดยอดแล้วหน้าตาไม่น่าจะทำอะไรได้ -_-
 
 
 
          ฉันกลายเป็นคนเข็นรถเข็นใส่สินค้าไปโดยปริยายเอาเหอะตอนนี้ให้ทำอะไรก็คงต้องทำแล้วล่ะเท้าของฉันรู้สึกแสบที่หลังส้นเล็กน้อยเนื่องจากว่ามันผิดไซส์ฉันไปนิดนึงมันแสบเหมือนรองเท้ากัดอะแต่ทนนิดทนหน่อยคงไม่ตายหรอกมั้ง
 
 
 
          สายตาของฉันพยายามมองให้รอบห้างที่สุดเผื่อจะบังเอิญเจอคนรู้จักหรือยัยแก้มบุ๋มอีกครั้งแต่สิ้นสุดความหวังฉันไม่พบคนคุ้นหน้าคุ้นตาเลยสักคน
 
 
 
           “เดินเขย่งทำไม”
 
 
 
          โทโมะที่ถือผักอยู่ในมือเมื่อพลันสายตาก้มมองมาที่เท้าฉันเขาก็เห็นท่าเดินแปลกๆของฉันทันที
 
 
 
           “รองเท้าผิดไซส์น่ะ”
 
 
 
           “งั้นก็ถอด” โทโมะพูดเสร็จเขาก็หันไปเลือกผักต่อปล่อยให้ฉันจิปากอย่างเคืองๆฉันจะไม่เดินเท้าเปล่าแล้วย่ะขายหน้าจะตาย
 
 
 
          “ไม่ถอด?จะเดินท่านี้ไปตลอดหรือไง”
 
 
 
           “ฉันทนได้น่า” ฉันเถียงออกไป
 
 
 
           “ตามใจนะ”
 
 
 
          ความไม่ง้อคนของโทโมะทำฉันอยากกระโดดถีบเขาให้รู้แล้วรู้รอดแต่เอาเถอะฉันเลือกที่จะตอบเขาแบบนั้นเองช่วยไม่ได้นี่หว่า
 
 
 
          เขาดูเป็นคนพิถีพิถันกับการเลือกผักผลไม้มากๆเลยนะดูละเอียดอ่อนทางด้านนี้เป็นพิเศษคงจะชอบการเข้าครัวมากเลยสิถึงได้ดูเชี่ยวชาญเป็นเซียนขนาดนี้
 
 
 
          ไม่เหมาะกับนิสัยของเขาสักนิด (เบ้ปากแรงใส่ลับหลัง)
 
 
 
           “ถามไรหน่อยสิ” อยู่ๆฉันก็ตัดสินใจโพล่งสิ่งที่อยากถามที่สุดออกไปเขาหันมามองฉันชั่วครู่ก่อนจะพยักหน้าแบบขอไปที
 
 
 
           “เมื่อกี้ได้คุยอะไรกับแก้มบุ๋มหรือเปล่า”
 
 
 
          โทโมะไม่ได้ตอบอะไรฉันทันทีเขาคว้ากล่องนมจืดใหญ่ที่ชั้นของแช่เย็นก่อนจะใส่รถเข็นมาประมาณสามสี่กล่องโทโมะดึงรถเข็นให้ตามเขาไปติดๆทำให้ฉันเผลอเกือบสะดุดหน้าคว่ำแน่ะ
 
 
 
           “แค่ถามว่ามากับใคร”
 
 
 
           “แล้วแก้มบุ๋มตอบไหม”
 
 
 
           “ยังไม่ทันจะตอบเธอก็โผล่หัวมาก่อนยัยนั่นก็เตลิดออกไปอย่างที่เห็น”
 
 
 
           “เอ้าเหรอ…”
 
 
 
          ฉันหลุบตาลงเหมือนรู้สึกผิดฉันก็นึกว่าเขาจะเป็นห่วงน้องฉันไถ่ถามอะไรที่มากกว่านี้เสียอีกทำไมชอบทำตัวเหมือนไม่รู้จักกันทั้งๆที่แววตาทั้งคู่ก็ดูเหมือนลึกซึ้งทั้งคู่แต่เอาจริงๆถ้าให้ฉันไปเจอยัยแก้มบุ๋มฉันก็คงทำหน้าไม่ถูกเหมือนกันเพราะฉันดันทำเรื่องสกปรกลับหลังน้องตัวเองไปแล้วแบบนั้น…
 
 
 
           “ขอถามมั้งได้ไหม” อยู่ๆโทโมะก็เดินมาขนาบข้างฉันก่อนจะพูดเบาๆคล้ายกระซิบ
 
 
 
           “เธอไม่ได้แอบกินยาคุมหรือทำอะไรแผลงๆหลังจากที่เรามีอะไรกันใช่หรือเปล่า”
 
 
 
          คำถามของโทโมะเล่นทำเอาฉันก้าวเท้าต่อไม่ได้คำพูดที่ว่าทำอะไรแผลงๆหมายความว่าอะไรวะ
 
 
 
          “ขอโทษด้วยนายผิดคาดทุกอย่างเพราะเราดันมีอะไรกันตอนช่วงฉันหน้าเจ็ดหลังเจ็ด”
 
 
 
          ฉันพูดกับเขาเหมือนถือไพ่เหนือคนได้รับคำตอบขมวดคิ้วทำหน้าเหมือนหมางงไปชั่วขณะก่อนจะจับแขนฉันไว้ไม่ให้เดินต่อ
 
 
 
           “อะไรคือหน้าเจ็ดหลังเจ็ด” โทโมะถามด้วยสีหน้าจริงจังสุดๆฉันเลยได้แต่ถอนหายใจรดหน้าเขาไปหนึ่งทีด้วยความรำคาญ
 
 
 
           “เปิดกูเกิ้ลดูสิมีเน็ตไว้เสริมบารมีมือถือหรือไง”
 
 
 
           “เธอก็บอกฉันเลยสิจะได้เข้าใจแล้วเธอจะไม่ท้องหรือไง”
 
 
 
           “ไม่หรอก -_-“
 
 
 
           “ต้องท้องดิก็ฉัน…”
 
 
 
           “มาเที่ยวก็ควรเอาหมาเก็บไว้ที่บ้านนะโทโมะเลิกปล่อยมันออกมาเห่าได้แล้วรำคาญ”
 
 
 
          ฉันพูดปัดความเซ้าซี้ของเขาทันทีปากของเขานี่พกหมามาด้วยหรือไงถึงคิดจะปล่อยก็ปล่อยออกมาพร่ำเพื่อแบบนี้คนถูกปัดฮึดฮัดใส่ฉันเหมือนคนถูกขัดใจจริงๆหน้าตาของเขายังคงทำเหมือนอยากรู้กับสิ่งที่ฉันพูดอยู่ตลอดเวลาจริงๆมันเป็นโชคดีของฉันด้วยที่ดันพลาดท่าเขาไปในช่วงพอดีวันก่อนมีประจำเดือนเจ็ดวันพอดีเป๊ะในเวลาเจ็ดวันก่อนมีประจำเดือนถ้าเราเกิดพลาดท่าเสียทีกับใครไปโดยไม่ป้องกันยังไงก็ไม่ท้องหรอกแต่ทางที่ดีป้องกันเริ่มจากตัวผู้ชายจะดีกว่านะปลอดภัยกว่าเยอะ
 
 
 
          แต่อีตานี่ไม่เคยมีจิตสำนึกเรื่องนี้คงไม่ได้อยู่ในหัวของเขา
 
 
 
 
          ฉันก้มดูขนมหน้าตาน่ารักในจุดของขนมหวานโทโมะคงเลือกของที่เขาต้องการเสร็จแล้วล่ะไม่งั้นคงไม่มาช่วยฉันเข็นรถเข็นแบบนี้…
 
 
 
          พลันสายตาในขณะที่ฉันจะมองไปที่อีกแผนกนึงฉันก็พบกับผู้ชายคนนึงกำลังเลือกดูเครื่องดื่มในซุ่มเครื่องดื่มอย่างตั้งอกตั้งใจฉันพยายามเพ่งเพื่อที่ดูว่าใช่คนที่ฉันคิดหรือเปล่าพอมองดูชัดๆแล้วฉันก็รีบวางขนมในมือก่อนจะเตรียมก้าวเท้าไปหาเขาทันที
 
 
 
          นั่นมันต้าร์นี่แถมมาคนเดียวด้วย!
 
 
 
           “จะไปไหนอีก” เสียงโทโมะห้ามปรามฉันทันทีเมื่อเขาเห็นว่าฉันกำลังจะไปซุ้มเครื่องดื่ม
 
 
 
          “กลับได้แหละ”
 
 
 
          ฉันไม่ฟังคำสั่งของเขายังไงซะวันนี้ฉันก็ต้องกลับกับต้าร์ให้ได้ฉันรีบก้าวเท้าไปทันทีแต่ด้วยความไวของโทโมะเขาก็รีบคว้าแขนฉันเอาไว้ก่อนจะดึงเข้าไปกอดแน่นโทโมะกดหัวฉันลงบนอกของเขาจนฉันแทบจะหายใจไม่ออก
 
 
 
           “ปล่อย…”
 
 
 
           “ฉันบอกว่าอย่าเล่นตุกติกกับฉันไงแก้ว” เสียงกดต่ำของโทโมะเล่นทำเอาฉันใจหล่นวูบ
 
 
 
          “เพียงแค่คลิกเดียวคลิปเธอไปถึงไอ้หน้าอ่อนที่ยืนโง่อยู่ตรงนั้นแน่”
 
 
 
          ฉันเหวอไปนิดๆเมื่ออยู่ๆคำพูดของโทโมะก็แอบทำให้ฉันเซอร์ไพร์เล่นเขารู้ด้วยงั้นเหรอ…
 
 
 
           “นายรู้ได้ไงว่าเขาเป็นแฟนฉัน”
 
 
 
           “กระเป๋าของเธอมีรูปมันเกือบสิบใบทำไมฉันจะจำหน้าสุดที่รักของแฟนไม่ได้ล่ะคะ”
 
 
 
          ฉันรีบดันตัวออกก่อนจะก้มหน้าก้มตารีบเข็นรถเข็นไปที่เคาน์เตอร์คิดตังค์โทโมะเค้นหัวเราะออกมาเหมือนคนชนะทุกอย่างแค่แฟนฉันอยู่ตรงหน้าไม่กี่ก้าวแต่ฉันไม่สามารถเข้าไปคุยได้เลยสักนิดทรมานจะเป็นบ้าอยู่แล้ว
 
 
 
           “นายต้องการอะไรจากฉันกันแน่โทโมะ” ฉันพูดกัดฟันเสียงเบาในขณะที่เรายังคงยืนรอต่อคิวคิดเงิน
 
 
 
           “เลิกโง่สิ”
 
 
 
          “หะ?”
 
 
 
           “ถ้าเธอเลิกโง่ทุกอย่างก็คือความต้องการฉันเองล่ะ”
 
 
อัพแล้วเม้นโหวตกันหน่อยเน้อ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายฟิคชั่นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา