Lemon Sherbet รักเปรี้ยวจี๊ดสุดขีดหัวใจ

1.3

เขียนโดย muxing

วันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2554 เวลา 22.32 น.

  6 ตอน
  6 วิจารณ์
  11.71K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) Face to Face

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
4
Face to face
 
                ที่นี่เป็นร้านอาหารอิตาเลียนสุดหรูที่พวกลูกคุณหนูทั้งหลายชอบมากันที่นี่ ภายในร้านคนค่อนข้างเยอะพอสมควรแต่ถึงยังไงก็ยังคงมีที่ว่างสำหรับคู่รักแห่งปีซึ่งก็คือฉันกับพี่โชนอยู่ดี (เกี่ยว?)
                พอเดินเข้ามาในเขตร้านพวกพนักงานก็แทบจะมาปูพรมแดงรอรับทันที แต่ฉันเพียงแค่หันไปยิ้มให้น้อยๆ อย่างวางมาดที่ไม่ค่อยจะมีและถือวิสาสะเดินควงแขนพี่โชนเข้าไปหาเป้าหมายอย่างอวดๆ หึ... ได้เวลาเปิดตัวอย่างสุดอลังการซะแล้ว
 
                “อุ๊ย! พี่โชน”
 
                ฉันกระตุกยิ้มขึ้นมาแวบหนึ่งก่อนจะแสร้งหมุนตัวหันกลับไปตามเสียงเรียกก็เห็นยัยแป้งร่อนและโปเซียร์นั่งกันอยู่
 
                “อ้าว แป้งเปียก เอ้ย แป้งโกะ บังเอิญจังเลยนะที่มาเจอกันที่นี่”
 
                “-__-;;”
 
                ดูท่าทางยัยนี่อยากจะเต้นแล้วสินะ ก็เล่นจ้องหน้าจนฉันแทบจะสลายร่างอยู่แล้ว ที่จริงแล้วมันไม่ใช่ความบังเอิญอะไรหรอกนะ แต่เพราะความตั้งใจต่างหากล่ะที่ฉันเห็นว่าสองคนนี้อยู่ก็เลยอยากจะเข้ามาหาเรื่อง เอ้ย ทักทายซะหน่อย โฮะๆๆ (หัวเราะได้น่าตบมากๆ)
 
                “นี่เธอมากับมันสองคนหรือไง”
 
                ฉันตวัดสายตาไปมองโปเซียร์ที่บังอาจมาเรียกพี่โชนสุดที่รักว่า ‘มัน’ ก่อนจะยักไหล่อย่างไม่สนใจท่าทางหงุดหงิดของหมอนั่น
 
                “ก็อย่างที่เห็น”
 
                “เอ่อ... เชอร์เบท พี่ว่าเราไปหาที่นั่งกันดีกว่านะ”
 
                “ไปสิคะ เชอร์เบทหิ๊วหิว”
 
                อ้อนพี่โชนโชว์ซะเลย อิอิ ฉันเห็นยัยแป้งเปียกนั่นกำมือแน่นแถมยังตัวสั่นด้วยนะนั่น ท่าทางยกนี้ฉันจะชนะซะแล้วสิ
 
                “ถ้าไม่รังเกียจนั่งทานด้วยกันมั้ยคะพี่โชน ทานหลายคนสนุกดี”
 
                รังเกียจย่ะ
 
                นี่เธอคิดว่าเรากำลังจะเล่นไพ่หรือไงถึงบอกว่าหลายคนถึงได้สนุก เสาตกน้ำมันก็มีตั้งเยอะแยะไม่รู้จักไปสิง ทำไมจะต้องมาเบียดเบียนพี่โชนของฉันด้วยเนี่ย สงสัยจะมีปัญหากับโพรงจมูก
                แต่ก็นะ... ฉันรอคำนี้อยู่นี่นา
 
                “อุ๊ย จะดีเหรอจ๊ะ พอดีเราอยากได้ความเป็นส่วนตัวน่ะ”
 
                “จะไปชวนมันทำไม -_-“
 
                 ชิ คิดว่าฉันอยากจะอยู่ใกล้นายหรือไงยะโปเซียร์
 
                “ฉันชวนพี่โชนไม่ได้ชวนเธอ”
 
                “-__-++”
 
                วอนแล้วมั้ยล่ะยัยตัวดี
 
                “แต่ถ้าพี่โชนไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรนะคะ”
 
                “เอ่อ...”
 
                โถๆๆ แม่นางเอกผู้น่าสงสาร ส่วนพี่โชนของฉันก็พ่อพระซะเหลือเกิน เห็นยัยนี่มารยาแกล้งทำหน้าเศร้าเข้าหน่อยก็ไปไม่เป็นซะแล้ว ส่วนยัยแป้งเปียกนี่ยังไงนะ ทั้งที่มากินข้าวกับแฟนแท้ๆ ยังจะกล้าชวนผู้ชายคนอื่นร่วมโต๊ะอีก แต่ฉันก็ไม่ขัดศรัทธานะคะ
 
                “เธออุตส่าห์แสดงน้ำใจอันน้อยนิดออกมาแล้วจะปฏิเสธก็กลัวจะเสียมารยาท ถ้างั้นเรานั่งกับพวกเค้าก็ได้นะคะพี่โชน”
 
                ยัยแป้งเปียกมองฉันอย่างจะกินเลือดกินเนื้อก่อนจะกระแทกก้นงามๆ ของเธอลงบนเก้าอี้อย่างทำอะไรไม่ได้ ส่วนฉันก็ย้ายตัวเองไปนั่งตรงข้ามกับยัยนั่นแหละพี่โชนก็เข้าไปนั่งตรงข้ามกับโปเซียร์นั่นเอง หวังว่าพี่โชนคงไม่ท้องหรอกนะในเมื่อโปเซียร์เล่นจ้องพี่โชนด้วยสายตาไม่เป็นมิตรอย่างเปิดเผยซะขนาดนั้น
                  นิสัยเสียจริงๆ เชอะ
 
                “วันนี้พี่โชนมาทำอะไรที่นี่เหรอคะ”
 
                “พี่โชนเค้าชวนฉันมาดูหนัง”
 
                “เอ๊ะ นี่ฉันถามเธอเมื่อไรกัน ยุ่งจริงๆ”
 
                “ใครสนล่ะ คนที่เธอควรจะสนใจคือแฟนสุดที่รักของเธอไม่ใช่หรือไง”
 
                “นี่เธอ..!!”
 
                “พี่ว่าสั่งอาหารกันก่อนดีกว่านะพนักงานรอนานแล้ว”
 
                ฉันกับยัยแป้งเปียกสะบัดหน้าพรืดใส่กันก่อนจะคว้าเมนูอาหารขึ้นมาสั่งทันที
 
                “โปเซียร์กินอะไรดีจ๊ะ”
 
                แหวะ จะอ้วก
 
                “ฉันว่าเมนูนี้น่าจะเหมาะกับเธอนะแป้งโกะ พี่คะเอายำนารีระริกระรี้”
 
                “งั้นฉันว่าอันนี้เธอก็คงชอบกินนะเชอร์เบท พี่คะขอ ก๋วยเตี๋ยวเลือดสาด”
 
                “-O-“  หน้าตาพนักงาน
 
                อ้อ เล่นอย่างนี้เหรอ ได้เลย เชอร์เบทจัดให้ชุดใหญ่ค่ะ
 
                “งั้นขอเพิ่มอีกค่ะ ผัดเผ็ดเอเลี่ยน”
 
                “ตำยำผีกระหัง”
 
                “รวมมิตรผีไม่มีศาล”
 
                “ผักเผ็ดเกล็ดปลาดุก”
 
                “เอ่อ... =O=”
 
                “ปลาสองหน้านึ่งมะนาว”
 
                “ยำมะเขือเผา”
 
                “ปลาเก๋าใกล้ตาย”
 
                “เฮือก O_O”  กลายเป็นพี่โชนและโปเซียร์สะดุ้งแทนซะงั้น
 
                “ขอโทษนะครับ ที่นี่ร้านอาหารอิตาเลียนไม่มีรายการอาหารแบบนั้นนะครับ TOT”
 
                “เชอะ!”
 
                แล้วฉันกับยัยแป้งเปียกก็สะบัดหน้าใส่กันอีกครั้งด้วยอารมณ์คุกรุ่น บ้าจริง นี่ทำไมฉันจะต้องกลายมาเป็นฝ่ายอารมณ์เสียแบบนี้ด้วยเนี่ย เสียลุคนางเอกแสนดีแอ๊บแบ๊วที่อยู่หน้าต่อพี่โชนหมดเลย ฮึ่ยๆๆ โมโหๆๆๆ
 
                “เชอร์เบทชอบทานอะไรครับเดี๋ยวพี่สั่งให้นะ”
 
                “คาลโซเน่”
 
                “....”
 
                เกิดความเงียบขึ้นอีกครั้งเมื่อโปเซียร์พูดออกมาแทนที่คำพูดนั่นจะเป็นของฉัน ยัยแป้งร่อนรีบหันขวับไปมองแฟนตัวเองตาเขียวปัด ไอ้บ้านี่ก็ไม่รู้เรื่องเอาซะเลยถึงได้พูดอะไรออกมาแบบนี้
                ว่าแต่... นายยังจำได้อีกเหรอว่าฉันชอบอะไร
 
                “โปเซียร์งั้นเรามาสั่งกันมั่งดีกว่าเนอะ เอาสปาเก็ตตี้ไหม นายชอบกินหรือเปล่า”
 
                “มั่วแล้วย่ะ โปเซียร์เค้าชอบกินลาซานญ่าต่างหาก”
 
                “....”
 
                “เอ่อ...”
                ว่าแต่เขาแล้วทำไมฉันถึงมาเป็นเองเนี่ย อยู่ดีๆ ก็ไปโพล่งบอกเค้าไปอย่างนั้น ทำให้ทุกคนมองมาทางฉันกันหมดเลย ส่วนโปเซียร์ก็มองด้วยสายตาที่ฉันอ่านยากสุดๆ ว่าหมอนั่นคิดอะไรอยู่ ฮือๆๆ พลาดอย่างร้ายแรง แล้วดูยัยแป้งเปียกสิ นี่ถ้าเอาส้อมแทงฉันตายได้คงทำไปแล้ว
 
                แล้วบรรยากาศในการกินข้าวก็ผ่านไปอย่างคึกคักน่ารักเวลาลงเล่น โดยมีฉันและยัยแป้งเปียกคอยแผ่รังสีใส่กันเป็นระยะๆ ไม่น่าเดินเข้ามาให้เสียอารมณ์เลยจริงๆ แทนที่จะได้ไปนั่งสวีทกันสองต่อสองกันอย่างเป็นส่วนตัวกับพี่โชน กลับต้องมานั่งเซ็งกับอารมณ์แปรปรวนของผู้หญิงวัยทองอย่างยัยแป้งเปียก และไหนจะอีตาโปเซียร์ที่จ้องฉันกับพี่โชนตลอดอย่างเสียมารยาทจนฉันรู้สึกอึดอัด เอ๊ะ หรือว่าฉันจะกินเยอะไปมันเลยแน่นพุง –O-
 
                “พี่โชนคะ เดี๋ยวเชอร์เบทมานะ”
 
                “จะไปไหนครับ”
 
                “ไปเข้าห้องน้ำหน่อยอ่ะค่ะ”
 
                “ปวดขี้หรือไง”
 
                “-__-++”
 
                ไม่มีมารยาทจริงๆ เลยยัยนี่ ใครให้มาพูดเรื่องขี้ๆ บนโต๊ะอาหารยะ
 
                “ให้พี่ไปเป็นเพื่อนไหม”
 
                กรี๊ด จะสุภาพบุรุษไปไหนคะพี่ แค่นี่ฉันก็เทใจให้ไปหมดแล้ว
 
                “ไม่เป็นไรค่ะ เชอร์เบทไปแป๊บเดียวเอง”
 
                โดยไม่รอช้าฉันรีบวิ่งจู๊ดออกมาทันทีเหมือนกับว่าข้าศึกกำลังบุกตีหน้าด่านแต่ความจริงแล้วแค่ปวดฉี่เฉยๆ เท่านั้นแหละ ไม่อยากจะอั้นเอาไว้เพราะมันอาจจะทำให้กระเพราะปัสสาวะอักเสบและอาจจะเกิดนิ่วในไตได้ บลาๆๆ นี่ฉันพล่ามอะไรไร้สาระมากไปหรือเปล่านะ
 
                หลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วก็เดินออกมาจากห้องน้ำแต่ก็มีเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นในขณะที่ฉันกำลังจะเดินผ่านเขาไป
 
                “เธอไปรู้จักกับมันได้ยังไง”
 
                “โปเซียร์!!”
 
                เขาก็มาทำอะไรที่นี่เนี่ย ยังกินไม่อิ่มหรือยังไงถึงได้มาหาอะไรกินในห้องน้ำต่อ
 
                “ตอบมาสิ ว่าไปรู้จักกับมันได้ยังไง”
 
                “มันไหน”
 
                “ก็ไอ้โชนนั่นไง”
 
                หยาบคายจริงๆ กล้าเรียกพี่โชนว่า ‘มัน’ ชิ
 
                ฉันกลอกตาไปมาพร้อมกับเบะปากออกมาด้วยท่าทางน่าหมั่นไส้ สายตาฉันมองไปทางด้านหลังของโปเซียร์ก็เห็นยัยซูซี่กับหลิงลี่ที่ไม่รู้วิ่งหนีหมูป่าที่ไหนมาถึงได้กระโจนพรวดพราดเข้ามาแต่ก็เกือบเบรกไม่ทันเมื่อเห็นฉันอยู่กับโปเซียร์ก็เลยหลบฉากไปอยู่มุมเสาแทนก่อนจะโผล่แต่หัวออกมาและเงี่ยหูฟังตามประสา (คนสอดรู้)
 
                “ก็ไม่เห็นแปลกที่ฉันจะไปรู้จักกับเค้าเพราะพี่โชนออกจะดังขนาดนั้น แฟนนายยังรู้จักเลยไม่เห็นเหรอ”
 
                “ฉันไม่สนว่าใครจะรู้จัก แต่ที่ฉันอยากรู้คือทำไมเธอถึงไปสนิทสนมอะไรกับมันมากมายขนาดนั้น”
 
                “ในเมื่อฉันชอบพี่โชนก็ต้องสนิทกันเป็นธรรมดาสิ แล้วบางทีพี่โชนเค้าอาจจะชอบฉันก็ได้นะ”
 
                นายจะได้เลิกคิดเข้าข้างตัวเองว่าฉันลืมนายไม่ได้สักทีไงล่ะ
 
                “ชอบเหรอ เฮอะ!”
 
                โปเซียร์ทำเสียงขึ้นจมูกอย่างเยาะๆ ทำให้ฉันตวัดสายตาไปมองอย่างไม่พอใจ
 
                “ทำเสียงแบบนั้นหมายความว่าไง”
 
                “นี่เธอไม่รู้เลยเหรอว่าไอ้โชนมันเป็นยังไง อย่างเธอก็เป็นได้แค่ของเล่นมันเท่านั้นแหละ”
 
                “พี่โชนจะเป็นยังไงฉันไม่รู้หรอกนะ แต่ที่รู้น่ะ... พี่โชนดีกว่านายก็แล้วกัน”
 
                ว่าแล้วก็สะบัดผมเดินผ่านไปด้วยมาดนางร้ายสุดๆ แต่ไอ้บ้าโปเซียร์กับคว้าแขนฉันไว้และดึงให้กลับมาประจันหน้ากันเหมือนเดิมทำให้ยัยซูซี่ที่หลบอยู่ไม่ไกลถึงกับกรีดร้องออกมาแต่ดีที่โปเซียร์ไม่ได้ยินและยัยนั่นก็ตะครุบปากไม่มีหูรูดของตัวเองเอาไว้ได้ทัน
 
                ฉันมองโปเซียร์ด้วยสายตาที่บ่งบอกว่าไม่พอใจเป็นอย่างมาก เขามีสิทธิ์อะไรมาทำกับฉันแบบนี้
 
                “ปล่อยนะโปเซียร์ นายไม่ควรจะทำแบบนี้”
 
                “งั้นเธอก็บอกมาว่าจะเลิกยุ่งกับไอ้โชน”
 
                “เอ๊ะ! แล้วมันธุระอะไรของนายไม่ทราบ ฉันจะไปทำอะไรกับใครมันก็เรื่องของฉันนะ”
 
                “นี่เธอไม่รู้หรือไงว่าไอ้โชนน่ะมันเพลย์บอยชัดๆ แล้วเธอคิดว่าจะรอดมือมันงั้นเหรอ”
 
                เรื่องจริงเหรอเนี่ย ทำไมซูซี่ถึงไม่บอกข้อมูลนี้ให้ฉันรู้ล่ะ
 
                “มันก็เป็นเรื่องธรรมดาของหนุ่มฮอตไม่ใช่เหรอไง ทีนายขนาดคบกับฉันอยู่ก็ยังเป็นเหมือนกันนี่”
 
                “เชอร์เบท ถ้าเธอหมายถึงเรื่องนั้นล่ะก็ที่จริงฉันแค่....”
 
                ฉันรีบยกฝ่ามือขึ้นใส่หน้าโปเซียร์จนแทบจะเสยคางหงายเหมือนตำรวจจราจรตรงสี่แยกทำให้หมอนั่นผงะไป
 
                “สต๊อป! ไม่ต้องเอาเรื่องเก่าๆ มารื้อฟื้นหรอกฉันไม่อยากฟัง เรื่องของฉันกับนายมันจบลงไปตั้งนานแล้ว เพราะฉะนั้นเราสองคนไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก สิ่งที่นายควรจะทำคือเอาเวลาไปสนใจยัยแป้งเปียกหน้าวอกแฟนใหม่สุดที่รักของนายจะดีกว่า เพราะถึงยังไงฉันก็มีพี่โชนอยู่แล้วทั้งคน”
 
                “ฉันเตือนเธอแล้วนะเชอร์เบท”
 
                “อ้อ แล้วฉันก็ขออวยพรให้พวกนายสองคนรักกันไปนานๆ จนถึงโลกหน้านะจ๊ะ ทั้งที่ใจจริงอยากจะแช่งให้เลิกกันวันนี้เลยด้วยซ้ำ”
 
                “-__-;;”
 
                ฉันแสยะยิ้มออกมาอย่างผู้ชนะและสะบัดแขนออกจากมือของโปเซียร์ก่อนจะยักไหล่และเดินจากไปอย่างไม่สนใจกับหน้าตาบึ้งๆ เนื่องจากหงุดหงิดสุดๆ ของหมอนั่น
 
                เคยคบกันมาตั้งนานทำไมฉันจะไม่รู้ว่าตอนนี้โปเซียร์โมโหขนาดไหน เฮอะ! หงุดหงิดเข้าไปเถอะ สิ่งที่ฉันต้องการเห็นก็คือการที่นายเสียใจที่เลือกยัยแป้งเปียกนั่นแทนที่จะเป็นฉันยังไงล่ะ ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้ฉันจะเป็นคนบอกเลิกโปเซียร์ก็เถอะ ใครจะสน หุหุ ด๊อนท์ แคร์
 
                นางร้ายชัดๆ และแฮะฉัน =O=
 
 
                ตอนนี้พวกเราเกิร์ลแก๊งมานั่งแฮงก์เอาท์กันอยู่หน้าคณะหลังจากที่เลิกเรียนกันแล้วแต่ยังไม่อยากจะออกไปไหนเพราะอากาศร้อนเอาโล่มากๆ ฉันปรายตามองยัยซูซี่ที่ดูดน้ำในแก้วเสียงดังซู้ดๆ อย่างไม่คิดจะเก็บเสียงเลยสักนิด ส่วนหลิงลี่ก็ยังคงนั่งมึนเอาหนังสืออะไรสักอย่างที่ยืมมาจากห้องสมุดมาอ่าน จะเคร่งไปไหนนะคะพี่น้อง -,.-
 
                “เอิ๊ก~”
 
            “ยัยซูซี่ แกช่วยเบาๆ หน่อยได้ไหมฉันอาย”
 
                “เชอะ”
 
                ยังจะมาชงมาเชอะใส่ฉันอีกนะ เป็นกระเทยที่ไม่มีมารยาทเอาซะเลย อย่างนี้กรมแรงงาน (?) ไม่ให้ผ่านนะคะ
 
                “เออนี่แก ฉันยังคิดไม่ตกเรื่องเมื่อวันก่อนเลยนะที่ฉันไปเดทกับพี่โชนน่ะ”
 
                “อะไรอีก พี่โชนเค้าทำอะไรแกหรือไง”

                “ถ้าเค้าทำจริงๆ ฉันจะมาบอกแกทำไมเพราะฉันสมยอมเองนี่ กรี๊ดด”
 

                “ทำไมถึงได้กรูปรีจังเลยนะแกเนี่ย กระเทยอาย”
 
                “ฉันเป็นกระต่ายน้อยที่น่ารัก คิกขุ แอ๊บแบ๊วต่างหากล่ะ”
 
                “หราาา~”
 
                ฉันเบ้ปากใส่ซูซี่อย่างไม่ใส่ใจ ฮ้า~ คิดถึงพี่โชนจังเลย
 
                “ที่ฉันไม่เข้าใจก็คือว่าทำไมโปเซียร์จะต้องมาห้ามไม่ให้ฉันคบกับพี่โชนด้วย แถมยังว่าพี่โชนเสียๆ หายๆ อีก นี่ตกลงแกมีข้อมูลอะไรที่ไม่ได้บอกฉันหรือเปล่าฮะซูซี่”
 
                ซูซี่เลิกคิ้วนิ่งคิดไปนิดนึงก่อนจะส่ายหัวออกมา
 
                “เท่าที่ฉันรู้มาเนี่ยมันก็เป็นเรื่องธรรมดาไม่ใช่เหรอที่คนหล่อๆ อย่างพี่โชนจะมีสาวๆ แวะเวียนมาขายขนมจีบซาลาเปาอยู่บ้าง แต่ฉันก็ไม่เห็นพี่โชนเค้าจะสนใจใครนี่นา ฉันเคยได้ยินพวกชะนีคนอื่นๆ พูดกันว่าพี่โชนเปลี่ยนผู้หญิงบ่อยเหมือนกันนะ”
 
                “อุ๊ย! แล้วแบบนี้ฉันจะเสร็จพี่โชนไหมเนี่ย อ๊าย”
 
                “ที่โวยวายเนี่ย เพราะดีใจหรือว่าเสียใจกันแน่ยะ”
 
                “ดีใจน่ะสิ โฮะๆ”
 
                “=O=;;”
 
                “เอ้า ทำไมล่ะ ฉันก็เป็นผู้หญิงที่อยากจะมีแฟนเป็นหนุ่มฮอตเหมือนกันนะ แต่เคสนี้รับรองว่าฉันไม่มีทางเปลืองตัวอย่างแน่นอน”
 
                ฉันบอกออกมาอย่างมั่นใจและมองไปข้างหน้าอย่างมาดมั่น ถึงดูภายนอกจะเห็นว่าฉันดูแรงๆ และเนื้อเต้นบ่อยๆ เวลาเห็นผู้ชาย แต่ความจริงแล้วฉันก็ยังมีสำนึกในความเป็นกุลสตรีที่ต้องรักนวลสงวนตัวนะคะขอบอก
 
                “ย่ะ แล้วฉันจะคอยดูว่าแกจะโดนพี่โชนสอยเมื่อไร”
 
                “หยาบคาย คนนะไม่ใช่มะม่วงไม่ต้องสอยเดี๋ยวเค้าถอยลงไปหาเอง แอร๊ย >O<///”
 
                “ระวังตัวหน่อยก็ดีนะเชอร์เบท ยังไงก็ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ชาย รับรองว่า...”
 
                “หยุดเลยหลิงลี่ ฉันไม่ได้อยู่วัดนะตอนนี้”
 
                “T^T”
 
                “แต่ฉันว่านะ โปเซียร์คงหึงแกล่ะมั้ง”
 
                “อะไร อย่าพูดอะไรชวนขนลุกแบบนั้นนะซูซี่ หมอนั่นจะมารู้สึกอะไรแบบนั้นได้ยังไง เราเลิกกันไปตั้งนานแล้วนะ”
 
                ฉันหันไปมองซูซี่ที่พูดตรรกะไร้สาระออกมาอย่างไม่เชื่อ โปเซียร์เนี่ยนะจะมาหึงฉัน บ้าหรือเปล่า ถ้าหึงกันจริงๆ หมอนั่นก็ไม่ควรจะพาแฟนใหม่มาเย้ยฉันนะยะ แต่ก็อีกนั่นแหละ... ถ้าเกิดว่าโปเซียร์รู้สึกแบบนั้นจริงๆ ก็ไม่มีสิทธิ์เพราะก็เป็นได้แค่แฟนเก่า เฮอะ
 
                “ถ้าไม่อย่างนั้นเค้าจะมาพูดแบบนั้นกับแกทำไมถ้าไม่ใช่เพราะหึงน่ะ คงจะอารมณ์แบบ... เคยเป็นแฟนกันมาก่อนเลยไม่อยากเห็นแกไปจู๋จี๋ดู๋ดี๋กับผู้ชายคนอื่นไงล่ะ”
 
                “หมาหวงก้างล่ะสิ”
 
                “โปเซียร์ไม่ใช่หมาย่ะ”
 
                ปกป้องกันจริงๆ เลยนะยะ ฉันโบกมืออย่างไม่ใส่ใจกันทฤษฏีบ้าบอของยัยซูซี่พลางคิดอะไรออก
 
                “เฮ้ยแก! หรือว่าฉันจะใช้โอกาสนี้เล่นงานหมอนั่นไปเลย”
 
                “ยังไง”
 
                “ก็ถ้าเกิดว่าโปเซียร์เกิดมารู้สึกอะไรกับฉันตามที่แกบอกจริงๆ ฉันก็จะได้ยั่วหมอนั่นโดยการทำตัวใกล้ชิดกับพี่โชนเพื่อให้โปเซียร์กระอักเลือดจนแดดิ้นตายยังไงล่ะ เจ๋งปะ”
 
                ยัยซูซี่และหลิงลี่หันขวับมามองฉันทันทีด้วยสายตาอึ้งๆ เอ่อ... มีอะไรติดฟันฉันงั้นเหรอ –O-
 
                “เชอร์เบท! นี่อะไรเข้าสิงเธอเนี่ยทำไมเธอถึงได้มีความคิดร้ายกาจขนาดนี้”
 
                “จะบ้าเหรอหลิงลี่ เลิกเอาน้ำในแก้วมาดีดใส่ฉันได้แล้วนะ นั่นมันน้ำหวานไม่ใช่น้ำมนต์!”
 
                คิดว่าตัวเองเป็นหมอผีหรือไงเนี่ยยัยหมวย และฉันไม่ได้ถูกผีเข้าด้วย
 
                “เธอเปลี่ยนไปนะเชอร์เบท”
 
                “ก็เพราะว่ามียัยซูซี่คอยเสี้ยมอยู่น่ะสิ”
 
                “อ้าวๆๆ มาโทษฉันได้ยังไงกันยะ ฉันอุตส่าห์หาทางช่วยแกนะ”
 
                “แต่แผนนี้โอเคใช่ปะ”
 
                “เจิดมากกก~”
 
                “เห็นมั้ย หึๆ”
 
                “ไอ้โอมันก็โอเคอยู่อะนะ แต่ฉันสงสัยว่านี่มันเป็นแผนจัดการโปเซียร์จริงๆ หรือว่าเป็นแค่ข้ออ้างเพื่อที่แกจะได้หาทางใกล้ชิดกับพี่โชนกันแน่”
 
                “=O=”
                เชอะ เกลียดนักคนรู้ทัน
 
                แต่ฉันก็ต้องยิ้มกว้างที่ซูซี่หันมาชูมือทำสัญลักษณ์โอเคให้ฉัน ซึ่งแปลได้ว่าแผนนี้ผ่านฉลุย อิอิ
                “จะยังไงก็เถอะ เรื่องของโปเซียร์จะรู้สึกยังไงมันก็ไม่เกี่ยวกับฉันอยู่แล้ว ฉันสนแค่ยัยแป้งร่อนจอมเฟคนั่นต่างหากล่ะ”
 
                “เกี่ยวอะไรกับยัยนั่นด้วย”
 
                “อ๊ะ จะไม่เกี่ยวได้ยังไงล่ะยะ ถ้าเกิดว่าโปเซียร์กลับมาคิดอะไรกับแกจริงๆ แล้วล่ะก็... รับรองว่าแฟนใหม่อย่างยัยแป้งร่อนนั่นจะต้องดิ้นตายตามโปเซียร์ไปอย่างแน่นอน โฮะๆๆ และสิ่งที่ฉันรอคอยก็กำลังจะมาถึง ซึ่งก็คือความพ่ายแพ้ของยัยนั่นยังไงล่ะ อย่างนี้ยิงปืนนัดเดียวได้นกทั้งรังเลยนะ”
 
                นั่นสินะ ได้ทั้งโปเซียร์ ยัยแป้งร่อนและพี่โชน
 
                ฉันกับยัยซูซี่หันมามองตากันอย่างรู้ลึกรู้จริงยิ่งกว่าทีวีพูล หึๆ ไม่มีอะไรหอมหวานไปกว่าชัยชนะอีกแล้ว คอยดูเถอะ... ต่อจากนี้ไปฉันจะทำให้นายรู้เองว่านายไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับฉันเลยแม้แต่นิดเดียวโปเซียร์
 
                “แต่ก็มิได้นำพา เฮ้อ”
                บ่นอะไรอาหมวย -__-;;
 
 
                และพวกเราก็นั่งเม้าท์นั่งคุยกันไปอีกนานสองนานจนลืมเวลาก็ปาเข้าไปเกือบห้าโมงแล้ว ความจริงก็ไม่รีบอะไรหรอกนะเพราะว่าพวกเรา (หมายถึงฉันกับซูซี่เท่านั้นน่ะนะ เพราะแม่ชีของเราเอาแต่สิงอยู่กับหนังสือในมือเท่านั้น) ก็วางแผนอันชั่วร้ายไปเรื่อยๆ ว่าจะทำยังไงถึงจะได้ใกล้ชิดพี่โชนให้มันไม่น่าเกลียดมากไปนัก แหมๆ กรุณาอย่ามองฉันด้วยสายตาแบบนั้นนะคะ ก็บอกแล้วไงว่าฉันก็แคร์สายตาของคนอื่นเหมือนกันนะโดยเฉพาะความรู้สึกของพี่โชนที่อาจจะมองว่าฉันเป็นผู้หญิงที่วิ่งเข้าหาพี่เค้าอย่างเดียว
 
                ทำอย่างนั้นดูไร้ค่าจะตาย... เชอะ (แล้วที่ทำอยู่นี่ดูดีเหลือเกินนะ -_-;;)
 
                “เย็นแล้วนะ เรากลับกันดีกว่าไหม”
 
                “เธอจะรีบไปไหนฮะหลิงลี่”
 
                “ก็เปล่า เดี๋ยวอาม่าจะเป็นห่วง”
 
                โถๆๆ อาหมวยน้อยของเรา เด็กดีจริงๆ
 
                “งั้นเราไปหาอะไรกินก่อนกลับกันดีกว่าไหม ฉันหิวแล้วเนี่ย”
 
                ฉันหันไปถามซูซี่ซึ่งก็พยักหน้าตอบตกลงอย่างง่ายดาย
 
                “รีบไปสิ ตอนนี้ฉันหิวจนแทบจะกินผู้ชายได้ทั้งตัวแล้ว >.<”
 
                ชัดเจนนะเพื่อนฉัน เฮ้อ...
 
                ในขณะที่เราสามคนกำลังขยับกายาเพื่อไปตามทางที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ จู่ๆ เจ้าชายขี่ม้าขาวก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าโดยไม่ต้องออกแรงเรียกหาให้เหนื่อย ฉันแอบหันไปขยิบตาให้กับยัยซูซี่อย่างรู้กัน โฮะๆ
 
                “สวัสดีค่ะพี่โชน ^^”
 
                “ครับ นี่จะกลับกันแล้วเหรอ”
 
                “อ๋อค่ะ ว่าจะไปหาอะไรกินกันก่อน แล้วนี่พี่โชนจะไปไหนคะ”
 
                ฉันแสร้งเอียงคอเบิกตาโตมองพี่โชนด้วยแววตาสงสัยอย่างแอ๊บๆ (ท่านี้ซูซี่สอนมา) ทำให้พี่โชนเอามือแตะที่ท้ายทอยตัวเองด้วยท่าทางเก้อๆ ที่ดูน่ารักที่สุดที่เคยเห็นมา กรี๊ดดด
 
                “พอดีพี่เพิ่งเลิกเรียนน่ะครับ แล้วก็เห็นเชอร์เบทอยู่แถวนี้ก็เลยจะชวนไปทานข้าวด้วยกันดีไหม”
 
                “ดีค่ะ ดีๆๆ”
 
                “=O=”
 
                พี่โชนเค้าชวนฉันไม่ได้ชวนแกได้มั้ยล่ะยัยซูซี่
 
                “เอ่อครับ พี่ชวนทุกคนเลย ซูซี่กับหลิงลี่ด้วยนะ ^^;;”
 
                กลับลำได้ดีมากค่ะพี่โชน
 
                “แต่ว่าหลิงลี่ต้องรีบ...”
 
                “ไปสิจ๊ะหลิงลี่ ไปกันหลายคนสนุกดี”
 
                “TOT”
 
                ยัยซูซี่หันไปโอบไหล่หลิงลี่และพูดเสียงรอดไรฟันอย่างขู่ๆ ทำให้หลิงลี่หงอไปเลย
 
                “แล้วเราจะไปกันที่ไหนคะพี่โชน”
 
                คงจะเป็นร้านอาหารหรูๆ ที่มีพี่โชนเป็นเจ้ามือ หรือไม่ก็ร้านอาหารริมน้ำที่บรรยากาศดีๆ เหมาะแก่การนั่งคุยกัน หรือว่าจะเป็น...
 
                “คอนโดฯ พี่ไงครับ”
 
                ก็ดีเหมือนกันนะ...
 
                “หา!!”
 
________________________________________________________________
แวะมาอ่านเเล้วอย่าลืมติชมกันได้นะคะทุกคน คนเขียนจะได้มีกำลังใจแต่งต่อไปค่ะ ^^

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
4 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา