รอยต่อแห่งฝัน

7.4

เขียนโดย candle

วันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2556 เวลา 20.36 น.

  11 ตอน
  31 วิจารณ์
  14.34K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2556 22.19 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

5)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 


          อัฐเคยปฏิเสธชีวิตครอบครัว  เพราะคิดว่าการงานของเขายิ่งใหญ่  และจะต้องไม่ถูกกระทบ  หากนิศากลับทำให้ความคิดเขาเปลี่ยนไป  ปรารถนาชีวิตครอบครัว  ปรารถนาคนที่เข้าใจรักงานศิลปะ  เรียบง่ายและรักเขา

 

          นิศาทำให้เขาเกิดความรัก  อัฐเป็นเช่นนี้เอง  หวั่นไหวกับอะไรง่ายจนเกินไป  หากท้ายที่สุดก็เลือกจะจมอยู่กับความเศร้าหมองของตัวเอง  เขาขลาดกลัวเกินกว่าจะเลือกทำตามเสียงของหัวใจ  อัฐต้องการความรัก  เขาอยากจะรักนิศาโดยไม่มีเงื่อนไข  ซึ่งไม่ต้องพยามเลย

 

          ศิลปินผู้อ่อนแอทางอารมณ์เป่าหีบเพลงปากโหยหา  ปลดเปลื้องอารมณ์ค้างคาใจ  หล่อนเข้าใจเขาขนาดนั้น  เป็นไปได้แค่ไหนที่เขาจะเลือกนิศา  แต่หล่อนดูหวือหวา  มีข่าวเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ตลอดเวลา  อัฐไม่เคยคิดจะรักผู้หญิงอย่างนั้นเลย

 

          “ฉันเพียงแต่ฝัน  สองเราเพียงแต่ฝันไป

          ถึงวันสุขสดใส  เพียงฝันไปตามสายลม

          ฉันเพียงแต่เพ้อ  เพ้อไปไกลสุดแสนไกล

          วอนฟ้าดินให้เห็นใจ  จริงฉันท์ใดในฝันเรา

          ฝันว่ามีบ้านน้อยของเราบนเกาะ

          มีลูกสาวสวยพราว  มีลูกชายสวยคม

          มีเรือรับส่งพ่อคนแจว

          ขอให้ความฝันสองเราจงสุขสมบูรณ์

          รักมีแต่เพิ่มพูน  ด้วยสองเราบูชารักเดียวกัน”

 

          ***(เพลงของคุณอรรณพ  สีสัจจา)

 

          ฝันของเขา  ฝันของเขา

 

          แต่แล้วภาพของผู้หญิงอีกคนหนึ่ง  ที่รู้จักในเวลาใกล้เคียงกันกลับผุดขึ้นมาในมโนภาพ  มันช่วยไม่ได้จริง ๆ

 

          ชายหนุ่มลากเส้นดินสอบางเบาลงบนกระดาษขาวหน้าเฟรมเขียนรูป  เขียนภาพหญิงสาวผมยาวกำลังสีไวโอลินท่วงทำนองอ่อนช้อย  แวดล้อมด้วยเด็กเล็กชายหญิงใต้ต้นตะแบก  เขาเพ่งพิศอีกครั้งหลังภาพร่างเสร็จ  เธอคือแบบของหญิงสาวในภาพฝันของเขา

 

 

          **********                                               **********

 

          อัฐจอดรถไว้หน้าประตูรั้วบ้านหลังเล็กสีขาว  จุดหมายของเขาคือโรงเรียนประถมซึ่งห่างออกไปไม่ไกลนัก  ชายหนุ่มเดินทอดอารมณ์ไปเรื่อยเปื่อย

 

          “เริ่มฤดูร้อนแล้วรึไงนะ  ตะแบกถึงได้เบ่งบาน”  อัฐรำพึงก้มเก็บดอกร่วงหล่น  หรือว่ามันจะเป็นเพียงดอกสีม่วงจากต้นเยาว์วัยผู้หลงฤดูเท่านั้นเอง

 

 

          เขาหยุดลังเลชั่วครู่  คลับคล้ายไม่แน่ใจอะไรสักอย่าง  เขาไม่แน่ใจตัวเองอย่างนั้นเหรอ 

 

          โรงเรียนเลิกแล้ว  เขาเห็นแพรวาเดินออกมาพร้อมเด็ก ๆ กลุ่มหนึ่ง  เธออยู่ในชุดสีชมพูอมส้ม  ผมยาวถูกมุ่นมวยไว้เรียบ ๆ  ใบหน้าหวานซึ้งระบายรอยยิ้ม

 

          อัฐเผลอมองภาพเบื้องหน้า  จากความคิดที่ว่าจะเดินกลับก่อนที่เธอจะเห็นจึงไม่เป็นไปตามนั้น

 

          “สวัสดีค่ะ”  แพรวายิ้มให้เขา  ในมือถือสมุดการบ้านจำนวนหนึ่ง

          “สวัสดีครับ  ให้ผมช่วย” 

          “ขอบคุณค่ะ”

          “ท่าทางงานของคุณจะสนุกนะครับ”

          “ค่ะ  สนุกมากเลยล่ะ”  เธอแย้มยิ้ม  หันไปโบกไม้โบกมือให้เด็กนักเรียนตัวน้อยซึ่งผู้ปกครองมารับกลับบ้าน

          “มาหานิเหรอคะ”

          “เอ่อ...ครับ”  เขาเลี่ยงที่จะตอบความจริง

          “ผมเลยเดินเล่นมาเรื่อย”

          “นิมีงานที่สิงค์โปร์น่ะค่ะ  อาทิตย์หน้าถึงจะกลับ”

          “เหรอครับ  ที่จริงผมควรจะโทรมาก่อน  ผมลืมไป”

          “เป็นไงบ้างคะ  งานที่เพิ่งผ่านไปประสบความสำเร็จอย่างที่ต้องการหรือเปล่า”

 

          เธอชวนคุยถึงงานแสดงภาพของเขาที่เพิ่งผ่านไป

 

          “ครับ  ผมพอใจ  แค่มีเด็กสักคนเข้าไปดูงานของผมนั่นทำให้ผมดีใจมากแล้วเพราะจุดหมายของผมไม่ได้อยู่ที่ว่าต้องขายงานได้”

          “จะมีสักกี่คนที่คิดแบบคุณ”

          “คนเราต่างจิตต่างใจ  ตำแหน่งที่แต่ละคนยืนอยู่มันก็ต่างกัน  ไม่สามารถตัดสินได้ว่าความคิดแบบไหนถูกหรือผิด  ทุกอย่างมีเหตุผลในตัวของมันเองทั้งนั้น”

          “จริงด้วยค่ะ”

 

          อัฐลอบมองผู้หญิงข้าง ๆ เธอแลดูเย็นตา  ให้ความรู้สึกหวานชื่น  เขาอยากให้ถนนสายนี้ทอดยาวไปไม่สิ้นสุด

 

 

          **********                                               **********

 

          “เอ้ย...แกยังอยู่อีกเหรอ”  ตุลย์แปลกใจเมื่อเห็นอัฐมาหาเขาที่สำนักงานในบ่ายวันหนึ่ง

          “หมายความว่าไง”

          “ก็มันน่าสงสัย  ในเมื่องานแสดงภาพของนายเสร็จไปตั้งหลายวันแล้ว”

          “ว่าจะอยู่ต่ออีกสักหน่อย”

 

          ตุลย์มองหน้าเพื่อน  ค้นหาความหมาย

 

          “น่าแปลก  ที่ศิลปินหนุ่มคนนี้คิดจะอยู่กรุงเทพทั้งที่งานเสร็จแล้ว  ฉันว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านั้นแน่  หรือว่าไง”

 

          อัฐมองนิตยสารบนโต๊ะทำงานของเพื่อน

 

          “แกหลงรักใครบางคนเข้าใช่มั๊ย”  ตุลย์คาดเดา

          “คิดว่าใช่  อาจจะ  ไม่รู้สิ”

          “อะไรทำให้แกไม่แน่ใจ”

 

          อัฐหยิบนิตยสารขึ้นมา  มองดูภาพหญิงสาวโฉบเฉี่ยวบนปกแล้วถอนหายใจ  วางนิตยสารลง  ตุลย์เองมองแล้วก็ถอนหายใจ  หากหาใช่เหตุผลเดียวกับคนแรกไม่

 

          “ฉันไม่รู้ว่าควรพูดยังไงดี  ฉันว่าแกก็รู้ว่านิศารักอัฐ  เราเป็นเพื่อนกันมานานจนฉันรู้ว่า  แกก็รักนิศาเพียงแต่ว่าเธอไม่ใช่ภาพฝันของอัฐ”

          “ฉันลังเลที่จะเลือกเธอ”  อัฐมองภาพบนโต๊ะ

          “ฉันไม่อยากให้แกมองเพียงภาพที่นิศาเป็นอยู่”

          “ฉันรู้ว่าตัวตนนิศาเป็นยังไง”  อัฐบอกเพื่อน

          “แกสัมผัสได้  รู้สึกได้จากการพูดคุย  นั่นไม่เพียงพอเหรอ  แกไม่เชื่อความรู้สึกของตัวเองรึไง”

          “ก็เพราะฉันเชื่อ”

          “หรือเพราะเจอใครซึ่งเป็นตัวตนของภาพฝัน  เป็นแบบที่แกต้องการ”

          “-----o-----”

          “ยังไงก็ตาม  ฉันหวังว่าแกจะเลือกได้อย่างถูกต้อง”  ตุลย์เหมือนจะปลง  ทั้งไม่ใช่เรื่องของตัวสักหน่อย

 

          ตุลย์มองเห็นความกังวลในสายตาของเพื่อน

 

          “ฉันอาจปล่อยให้มันผ่านไปเหมือนที่แล้วมา  ฉันไม่กล้าเอาใครเข้ามาในชีวิต  ฉันอาจว้าวุ่นไปชั่วครู่เหมือนทุกครั้งที่ฉันคิดเมื่อเกิดรักใครขึ้นมา  ความจริงอาจจะไม่ใช่”

 

          อัฐคล้ายดั่งว่าปลอบประโลมตัวเอง  มากกว่าหมายความตามนั้น

 

          “แกไม่ควรกลัวที่จะมีใครสักคนเข้ามา  ในเมื่อเราได้เจอใครสักคนที่เข้าใจเรา  พูดคุยในเรื่องเดียวกัน  เรื่องแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนัก  นิศาอาจเป็นผู้หญิงที่แกเฝ้ารอ  ในเมื่อรักในความรัก  ก็ควรเชื่อมั่นศรัทธาในอำนาจของมัน  ความรักเปลี่ยนแปลงอะไรได้เสมอ”

 

 

          **********                                               **********

 

          “แพรสวยมากเลย”  นิศาชมญาติผู้พี่  มองผ่านกระจกในขณะเช็ดผมให้

          “อะไรกัน  มาชมกันเอง”

          “ก็มันจริงนี่นา  นิเป็นผู้หญิงยังหลงรักแพรขนาดนี้”

          “พูดเล่นอยู่เรื่อย”  แพรวาหัวเราะน้อย ๆ

          “จริง ๆ นะ  อีกไม่นานคงมีชายหนุ่มมารับแพรไปเป็นเจ้าสาว  คอยดูเถอะจะเรียกสินสอดให้แพงหูฉี่  ในฐานะบังอาจมาแย่งแพรวาไปจากนิ”

 

          หล่อนกอดแพรวาและจูบผมเธอ

 

          มีเพียงแพรวาคนเดียวเท่านั้นที่นิศายอมรับเป็นญาติ  เธอเป็นคนที่นิศารักที่สุดรองจากพ่อ

 

          “แล้วเกิดมีใครมาขอนิไปจากแพรล่ะ  จะว่าไง”  แพรวาย้อนถาม

          “เห็นท่าจะยาก”

          “น้องสาวของแพรออกจะน่ารัก  ใครมองผ่านไปก็ถือว่าแย่มาก”

          “มีแพรคนเดียวแหละที่คิดแบบนี้”

          “ใช่ที่ไหน  ดูอย่างมายสิเขารักนิออก”

          “มายเหรอ  ใช่สิ  ตอนนี้เขาไปอยู่เสียที่ไหนนะ”  หล่อนหน้าสลดเมื่อนึกถึงมาย  จนถึงทุกวันนี้นิศายังไม่รู้ว่ามายไปอยู่ที่ไหน  ติดต่อก็ไม่ได้

          “แพรขอโทษ”

 

          นิศายิ้ม

 

          “มีข่าวดีจะบอกล่ะ”  แพรวารีบเปลี่ยนเรื่องคุย  อมยิ้มทำหน้ามีเลศนัย

          “อะไร”

          “จะบอกดีมั๊ยน่า”  แพรวาอิดเอื้อนเรียกความสนใจจากนิศา

          “เดี๋ยวนี้คิดมีความลับเหรอ”  หล่อนแกล้งทำเสียงขุ่น  ล๊อคคอแพรวาไว้หลวม ๆ

          “มีใครก็ไม่รู้เอาของมาฝากไว้ให้  ตอนนิศาไปสิงค์โปร์  ว่าแต่แพรเอาไปเก็บไว้เสียที่ไหนน้า...”

 

          เคาะนิ้วบนโต๊ะเครื่องแป้ง  ทำหน้าครุ่นคิดก่อนจะลุกไปหยิบกล่องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่มา

 

          ทันทีที่นิศาเปิดกล่องและเห็นสิ่งที่อยู่ภายใน  หล่อนแทบจะไชโยโห่ร้องขึ้นมาดัง ๆ  มันเป็นภาพเขียนนั่นเอง  วันนั้นหล่อนเห็นว่ามีคนจองไปแล้วนี่นา  อัฐเอามาให้หล่อนได้ยังไงกัน  หล่อนทั้งตื่นเต้นทั้งแปลกใจระคนกัน

 

          “อัฐมาที่นี่เหรอ”

 

          แพรวาพยักหน้ายิ้ม ๆ

 

          ไม่มีอะไรอีกแล้วที่จะทำให้นิศามีความสุขได้มากกว่าที่เป็นอยู่ขณะนี้

 

          ทำไมหนอผู้ชายคนนี้เพิ่งจะรู้จักหล่อนแท้ ๆ แต่เขากลับเข้าใจหล่อนเหลือเกิน  นิศารักเขา  รักเขามากจริง ๆ

 

 

          **********                                               **********

 

          “ขอบคุณค่ะ”

 

          อัฐหัวเราะเมื่อได้ยินคำขอบคุณเป็นครั้งที่สองของหล่อน  เขาคิดว่านิศาน่ารักมากยิ่งขึ้นขณะอยู่ในอารมณ์คาดไม่ถึงอย่างนี้  เขารู้ว่าหล่อนดีใจมากแค่ไหนจากดวงตาคู่นั้น

 

          “เลิกขอบคุณผมเสียที  ผมดีใจที่คุณชอบ”

          “ค่ะ”  นิศาหัวเราะเก้อ ๆ

          “ขอบคุณครับ”

 

          นิศาจ้องมองเขา

 

          “ผมชอบกุหลาบขาวของคุณมาก”  เขายกช่อดอกไม้ในมือขึ้นดม  ยื่นมาจ่อตรงจมูกนิศา

 

          หล่อนถอยหลังไปก้าวหนึ่งทันทีอย่างตกใจ

 

          “มีอะไรเหรอ”  อัฐแปลกใจ

          “ฉันชอบรูปโฉมของดอกไม้  หากไม่ชอบกลิ่นกายของมัน”  นิศาย่นจมูก

          “ไม่รบกวนแล้วล่ะ  คุณจะได้ทำงานต่อ”

          “เดี๋ยวสิ”  เขาจับมือหล่อนไว้

          “ทานข้าวด้วยกันก่อนได้มั๊ย”  คล้ายเป็นการขอร้อง

 

          หล่อนยิ้ม

 

          ไม่มีอะไรหรอกที่นิศาจะปฏิเสธ  หากมันเป็นสิ่งที่ออกมาจากปากของผู้ชายคนนี้  คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าหล่อนขณะนี้.

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.2 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา