P.P.Rising The Bullet Time อภินิหารพลังจิตเหนือโลก

8.1

เขียนโดย Spy442299

วันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 เวลา 10.54 น.

  46 chapter
  28 วิจารณ์
  42.88K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2557 17.28 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

45) Battle: Area TH-7 บทที่ 3 [The Angel]

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
P.P. Rising: The Bullet Time
เดอะบูลเลตไทม์ อภินิหารพลังจิตเหนือโลก

Ch.39 Battle: Area TH-7 บทที่ 3 [The Angel]


◊ ◊ ◊
 
[เก้านาทีก่อนเกิดเหตุระเบิด]
[15:20] [10/01/2058]
[Area TH-7 ระหว่างเขตกลางกับเขตตะวันออก, War Zone, ยานแม่ลอยฟ้ามอชชินนี่ ห้องประชุม]
 
“ต้องขออภัยทุกท่านด้วย เนื่องจากท่านเลขาธิการติดภารกิจกอบกู้ Area TH-7 กับชินโคเซ็นคืนอยู่ ถึงมาประชุมด่วนไม่ได้ด้วยตนเอง”
 
ยูริยืนรายงานสาเหตุที่เลขาธิการของเขาไม่มาประชุมกับสภาโลกทั้งห้าคน ประกอบไปด้วยชายสองหญิงสามที่เห็นหน้าตาไม่ค่อยชัดนักผ่านจอมอนิเตอร์ที่เป็นครึ่งวงกลมล้อมตัว ชายคนที่หนึ่งซ้ายสุดที่เป็นสมาชิกสภาโลกเริ่มเล่นงาน
 
“นี่มันครั้งที่เท่าไรแล้ว ผู้บัญชาการยูริ...ที่ต้องออกหน้ารับแทนเลขาธิการ”
“สงสัยไม่กล้าสู้หน้า” ผู้หญิงที่เป็นสมาชิกสภาพโลกคนที่สองกล่าว “สิบปีที่ผ่านมาภายใต้การบริหารของหล่อนไม่ดีขึ้นซะนิด”
“เราเห็นด้วย” ผู้หญิงสมาชิกสภาโลกคนที่หนึ่งกล่าว “เลขาธิการลดทอนอำนาจการปกครองมากเกินไปจนทำให้เกิดพวกกบฏหลายกลุ่ม และคนที่ตามจัดการปัญหาพวกนี้ก็คือพวกเรา”
“ฉันขี้เกียจที่ต้องมาใช้จิตวิทยาล้างเผาพันธุ์อย่างเป็นระบบใน Area AF แล้ว” สมาชิกสภาโลกผู้หญิงคนที่สามกล่าว “ท่านเลขาธิการต้องแสดงจุดยืนและวางกุมอำนาจใหม่ให้ดีกว่านี้เหมือนคราวก่อน และนี่คือคำขอร้องครั้งสุดท้าย”
“ผมว่าอย่าเพิ่งไปเร่งรัดเลยน่าจะดีกว่า” ผู้ชายที่เป็นสมาชิกสภาคนที่สองกล่าว “สถานการณ์ที่ Area TH-7 ตอนนี้เห็นว่าย่ำแย่มาก แน่นอนว่าเราทุกคนควรที่จะมุ่งประเด็นกับ Area TH-7 ให้มากก่อน...ใช่ไหม”
“แต่ปัญหาอื่นๆ มันไม่รอคิวเหมือนต่อแถวซื้ออาหาร” สภาโลกหญิงคนที่สองกล่าว
“หากเป็นเช่นนั้น ความเห็นของผมก็ไร้ค่าไปทันที” ชายที่กล่าวเห็นใจเลขาธิการก่อนหน้านี่เอ่ยยอมแพ้ “ท่านผู้บัญชาการยูริ ตอนนี้สถานการณ์เป็นไงบ้าง”
“ทำการแทรกซึมเข้าไปในชินโคเซ็นแล้ว คาดว่าอีกไม่นานจะยึดเมืองลอยฟ้ากลับคืนมา” ยูริพูดสถานการณ์ล่าสุดก่อนที่จะเข้าห้องประชุม
“ลากัซเน้อลากัซ” ผู้หญิงคนที่สองเอ่ย “ฉันสงสัยมานานแล้วว่า การชักชวนเข้ากลุ่มเขามันคืออะไร ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง โง่สิ้นดี”
“ไงท่านพูดเหมือนว่าเห็นด้วยกับแนวคิดบางส่วนของลากัซ”
 
ผู้ชายคนที่หนึ่งสงสัยในความพูดของผู้หญิงคนที่สอง ซึ่งเธอกระอักกระอ่วน ยูริเห็นว่าสถานการณ์เป็นใจเลยเสนอแผนบางอย่าง
 
“ผมเข้าใจคุณ การที่จะระแวงในอำนาจของเวิลด์เจเนอรัลถึงขั้นจะชิงเป็นของตนเป็นเช่นไร พวกเรายิ่งใหญ่ได้ก็เพราะความคิดแบบนั้น”
“หือ?” ชายคนที่สองเหมือนจะดูออก “อย่าบอกนะท่านยูริจะ...ไม่ขอพูดดีกว่า”
“พูดมาเถอะว่า วิคตอเรีย เลขาธิการแห่งเวิลด์เจเนอรัลควรลงจากตำแหน่งได้แล้ว”
 
ยูริเอ่ยความจริงที่สภาโลกอยากจะพูดตั้งนาน แต่ไม่กล้า...สมาชิกสภาทั้งห้าเงียบไปชั่วขณะ และแล้วชายคนที่หนึ่งเริ่มสานประเด็นต่อ
 
“ท่านยูริจะใช้สนธิสัญญาเวิลด์เจเนอรัลอันนั้นหรือ?”
“ขอแค่พวกท่านสนับสนุนผมก็พอ...” ยูริยิ้มกว้างอย่างชั่วร้าย “เรื่องทางนี้ผมจัดการเอง มีแผนไว้สำหรับเรื่องแบบนี้แล้ว”
“เอ...มันดีหรือ?” สมาชิกหญิงคนที่สามยังคงกลัว “อย่างที่รู้ว่ากองทัพในสังกัดของเธอมันเยอะไม่ใช่เล่นนะ”
“เพราะแบบนั้น ผมถึงมีวิธีที่ยึดอำนาจโดยที่วิคตอเรียยังไม่ทันอ้าปากด้วยซ้ำ”
 
ยูริพูดคำนั้นออกมา ทำให้สมาชิกสภาโลกทั้งห้าเกิดหายใจไม่คล่องขึ้นมา...ยูริมองพวกเขาทุกคนไปมาจนชายคนที่สองยกมือขึ้น
 
“ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่า ถึงอยากร่วมลงเรือลำเดียวกับท่าน...ผมเอาด้วย”
“ภายใต้การนำของท่านจะนำสู่อำนาจที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิมแน่นอน” หญิงคนที่หนึ่งเอาด้วย
“คงได้เวลาเปลี่ยนมือแล้วสินะ” หญิงคนที่สามยกมือ
“เราจะสนับสนุนท่านเต็มที่...หากมันคุ้มค่า” หญิงคนที่สองยกมือตามเช่นกัน
“อ่า...เอาจริงเหรอนิ” ชายคนที่หนึ่งยังสับสนการกระทำของทุกคน “เฮ้อ...ดูเหมือนผมต้องกลายเป็นผู้ร่วมสมคิดไปอีกคนเสียแล้ว...เอาด้วยล่ะกัน”
 
เมื่อยูริเห็นว่าทุกคนให้ความร่วมมือ เขากางมือทั้งสองข้างออกมาราวกับว่าอำนาจของเวิลด์เจเนอรัลทั้งหมดได้มาสู่มือเขาแล้ว
 
“เวิลด์เจเนอรัลยุคต่อไป คือยุคที่เรืองอำนาจอย่างแท้จริงภายใต้การนำของข้า!”
 
ครืน!
 
ตัวยานมอชชินนี่สั่นไหวจนเกือบทำให้ยูริล้ม เขารีบเปิดจอเพิ่มขึ้นมาข้างๆ จอของสภาโลกเพื่อให้พวกเขาทราบถึงสถานการณ์ด้วย
 
“เฮ! มันเกิดอะไรขึ้น!”
“ชินโคเซ็นครับ!” ทหารของหนึ่งรายงาน “อ่า...ใต้เมืองลอยฟ้าเกิดเหตุระเบิดไฮนิวตรอนครับ!”
“ห๊ะ! ระเบิดของพวกไอริส? มันมาได้ไง?”
“ดูเหมือนว่าที่ชินโคเซ็นจะเก็บระเบิดลูกนี้ไว้ครับ...” ทหารคนเดิมรายงานแล้วจู่ๆ หันไปรายงานคนข้างหลังที่อยู่ข้างบน “หือ?...ท่านวิคตอเรียครับ! เรดาห์ตรวจพบกองกำลังไอริสกลุ่มใหญ่ทางตะวันออกของเมืองชินโคเซ็นห่างออกไปห้าร้อยเมตรครับ!”
“มาจนได้!” เสียงวิคตอเรียดังเข้ามา “สั่งกองกำลังทุกหน่วย มุ่งโจมตีไอริสทันที!”
“รับทราบครับ!/ค่ะ!”
 
เหล่าบรรดาชายหญิงที่เป็นทหารของเวิลด์เจเนอรัลรับคำสั่ง โอเปอเรเตอร์ที่ควบคุมการขับเคลื่อนของยานเริ่มนับถอยหลัง
 
“เริ่มเดินเครื่องปฏิกรณ์ตัวยาน สามสิบเปอร์เซ็นต์...หกสิบเปอร์เซ็นต์...หนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์! เดินหน้า!”
 
◊ ◊ ◊
 
[มุมมองของเมงุมิ]
[15:30] [10/01/2058]
[Area TH-7 เขตกลาง, War Zone, ป้อมปราการลอยฟ้า ‘ชินโคเซ็น’ จุดศูนย์กลาง ชั้น A3, พิพิธพันธ์นิวไลพ์ (Museum Of New Life)]
 
“เกิดอะไรขึ้น?”
 
เมงุมิตั้งคำถามขึ้นมาหลังจากที่เธอนอนกลิ้งกระแทกกับที่ม้านั่งไม้ในปราสาทกึ่งพิพิธพันธ์แห่งนี้ ที่เธอเป็นแบบนั้นเพราะตัวปราสาทเกิดสั่นไหวอย่างแรง เมงุมิพยุงตัวขึ้นมาและเริ่มสำรวจร่างกายกึ่งจักรกลของตนเอง
 
‘ถ้าเทเลพอร์ตที่ใกล้ๆ และให้เร็วกว่านี้ล่ะก็...’
 
เมงุมินึกย้อนเหตุการณ์ที่สนามบินดอนเมือง บนเครื่องบิน AT-250 หลังจากที่บอกรำลาพีผ่านมือถือเสร็จสิ้น ที่ร่างกายบางส่วนของเธอหายไปกับการลอบสังหารระเบิดเครื่องบินเพราะตั้งพิกัดเป้าหมายการเทเลพอร์ตไกลมากไป ทำให้ใช้เวลาการเทเลพอร์ตนานกว่าปกติ
 
‘เรื่องมันก็เกิดไปแล้ว คงต้องขอบคุณโครงการของพ่อนั่น ที่ทำให้ลูกยังมีชีวิตต่อไปได้...แต่เรื่องที่คิดว่าลูกตายไปแล้วกับเข้าควบคุมร่างกายฉัน...เรื่องนี้มัน...สุดเกินจะรับไหว...จริงๆ นะคะ ท่านพ่อ’
 
โครม!
 
เสียงกระแทกของบางอย่างที่ลอยฟ้าพังตัวปราสาทข้างบนลงมาอยู่ใกล้ๆ เธอ เป็นหุ่นยนต์หมียักษ์ที่เธอเกือบจะตายเพราะก่อนหน้านี่ที่เธอโดนบังคับให้ลอบยิงคนๆ หนึ่งที่เป็นผู้หญิงและผู้หญิงที่เธอยิงใส่ก็อยู่บนตัวหุ่นยนต์หมีด้วย คนที่ถูกยิงส่งเสียงหัวเราะในลำคอ
 
“หึหึ ในที่สุดก็จบเรื่องซะที” รันเนอร์มองเมงุมิด้วยสายตาที่อาฆาตแค้น “ยินดีด้วยนะ ที่กอบกู้ชินโคเซ็นได้สำเร็จ...โอะโอ นี่มันอะไร”
 
รันเนอร์เอามือปัดเลือดที่มือขวาตัวเองออก
 
“อ๋อ เลือดพวกโคลนสวะ โครงการน้ำเน่าของไฮเทคอัพเปอร์ เจ้าพวกนั้นเล่นมาขวางทางไปหาลากัซเป็นร้อย โคตรเปลื้องแรงชะมัด”
“หือ?” เมงุมิเหมือนจะเข้าใจว่าคนตรงหน้าหมายถึงอะไร “เหล่าโคลนเฟียน่า SP-Genesis”
“โอ้ว! ใช่ๆ! นั่นแหละๆ ฉันจำชื่อไม่ได้ซะที” รันเนอร์ชี้นิ้วมาทางเธอ ก่อนที่อีกมือคว้าปืนกระบอกคู่ใจขึ้นเล็งใจ “แต่ก็ช่างเถอะ เรามาสะสางเรื่องระหว่างเราหน่อยดีกว่า...เธอทำฉันแสบมาก เล่นเครื่องเร่งอนุภาคติดตัวของฉันพังไม่เป็นท่า...รู้ไหม? มันใช้เวลาหลายวันกว่าจะซ่อมมัน และหลายวันนี้ฉันคงเบื่อแน่ๆ ที่เคลื่อนไหวเร็วดั่งใจนึกไม่ได้”
“คุณจะพูดอะไรกันแน่คะ?” เมงุมิถาม
“นี่กวนประสาทอยู่หรือไง คุณหนูมิซากะ” คิ้วของรันเนอร์กระตุก “โอเค๊...งั้นไม่พูดมากล่ะ จงตายซะเถอะ!”
 
ปัง!
 
กระสุนพลังงานสีฟ้าที่ออกจากปากกระบอกปืนของรันเนอร์พุ่งเฉียดศีรษะเมงุมิที่โยกตัวหลบล้มลงไปกลับพื้น เธอสับสนกับร่างกายตัวเองที่ไม่เป็นดั่งใจ
 
‘ส่วนที่เป็นจักรกลมันหนักไป!’
 
เธอคลานตัวไปหลบลูกกระสุนที่รันเนอร์ยิงใส่หลังเก้าอี้ไม้ที่เรียงกันอยู่มากมาย แต่ที่หลบกำบังนั้นก็ถูกทำลายลงเรื่อยๆ จนสุดท้ายหุ่นยนต์หมีคู่ใจของรันเนอร์เดินไล่ตามเหยียบทำลายที่กำบังจนหมด เมงุมิอยู่ระหว่างขาของหุ่นยนต์ยักษ์โดยมีรันเนอร์ที่นั่งอยู่บนไหล่มันฉีกยิ้มอยู่
 
“อะไรกัน ทำไมมันง่ายแบบนี้ ไม่เห็นจะเหมือนตอนที่เธอยิงฉันจากบนตึกนั้นเลย เธอบินหนีอย่างไหว”
 
ที่รันเนอร์พูดหมายถึงตอนที่เธอถูกพ่อของเธอบังคับร่างกายให้ไปซุ่มยิงอยู่บนตึก หลังจากที่เธอยิงใส่รันเนอร์หนึ่งนัดก็มีหุ่นยนต์หมียักษ์ปรากฎตัวออกมายิงบีมลำแสงสีเหลืองใส่ที่เธออยู่จนระบบป้องกันตนเองทำงานอัตโนมัติ ใช้ไอพ่นที่ติดอยู่แผ่นหลังบินหนีออกมาแล้วจากนั้นเธอก็ถูกหุ่นยนต์หมียักษ์บินไล่ตามจนเกือบจะเอาตัวไม่รอดและสลัดหลุดในที่สุด แต่แล้วกลับมาเจอกันอีกหลังต้องทำการบุกชินโคเซ็นที่จู่ๆ มาโผล่ที่ Area TH-7 แห่งนี้
 
“นั้นมันไม่ใช่ตัวของฉัน”
“ตอแหล!” รันเนอร์ถมน้ำลายใส่ “เอาล่ะ ฟีโอน่าเหยียบมันให้ตายคาตีนเธอเลย”
 
หุ่นยนต์หมียักษ์ที่ได้รับคำสั่งจากคู่หูกลับนิ่ง แล้วพูดต่อว่ารันเนอร์
 
“รันเนอร์ นี่เธอจะเรียกฉันว่าเท็ดดี้หรือฟิโอน่ากันแน่”
“เออน่า จะเรียกทั้งสองชื่อนั้นแหละ”
“ไม่เอา! เรียกแค่ชื่อเดียวพอสิ!”
 
ทั้งสองคนเถียงกันไปมา จนเมงุมิเห็นโอกาสคว้าปืนสไนเปอร์ที่พาดอยู่บนหลังยิงอัดคางเท็ดดี้ระยะประชิดจนเดินโซเซไปข้างหลังและรันเนอร์ร่วงลงกับพื้น เมงุมิรีบลุกขึ้นถอยมาตั้งหลักอยู่หน้าข้างกระจกสีที่สลักนางห้าองค์หนึ่งไว้ เธอเริ่มหาทางหนี
 
‘ไอพ่นที่ติดอยู่ก็หมดแล้ว การควบคุมร่างกายตัวฉันตอนนี้ก็ใกล้ถึงขีดจำกัดแล้ว’
 
ที่เมงุมิคิดแบบนั้นเพราะเธอเริ่มหอบกิน หายใจหนักขึ้นเรื่อยๆ ประกอบกับร่างกายของเธอไม่ได้แข็งแรงอะไรมากมาย พอมีจักรกลมาติดทำให้กินแรงเธอไปมาก
 
“หนอย! เผลอแปปเดียว เล่นงานคู่หูฉันจนได้ ฮ่าๆ” รันเนอร์ลุกขึ้นนั่งหัวเราะ เหมือนรู้ดีว่าเมงุมิเริ่มไม่ไหว “แต่เธอหมดทางหนีแล้วนะ มิซากะ”
“คงเป็นอย่างงั้นคะ”
 
เมงุมิลุกเข่าลงเพราะหมดเรี่ยวแรงที่จะเคลื่อนไหวอีกต่อไป รันเนอร์ลุกขึ้นเดินก้าวเท้าแล้วบรรจุกระสุนปืนใหม่ และเมื่อคนที่เธออยากจะฆ่าอยู่ตรงหน้า รันเนอร์ยกคางเมงุมิขึ้นมาเชยชมก่อนสั่งลา
 
“งั้นก็ลงนรกไปอยู่กับเฮย์จิซะนะ มิซากะ”
 
นัยน์ตาสีฟ้าเมงุมิเบิกโตขึ้นเมื่อได้ยินชื่อปู่ และเธอก็ถูกรันเนอร์ถีบกระเด็นชนกระจกสีที่มีรูปนางฟ้าสลักข้างหลังจนแตกละเอียดกลบตัวเมงุมิ ก่อนที่จะถูกรันเนอร์กระหน่ำปืนใส่ไม่ยั้งตามไป แม้ไม่เห็นตัวเมงุมิชัดก็ตาม เท็ดดี้ที่โดนสไนเปอร์ยิงสวนคางนอนหงายก่อนหน้านี้เรียกหา
 
“รันเนอร์! ยัยนั่นตายยัง?”
“ตายแล้วแหละ จะกระทืบซ้ำหรือยังไง?”
“แหงสิ! ก็ยัยนั่นยิงฉันนะ!”
“งั้นก็เชิญตามสบาย ฉันรออยู่ข้างนอก”
 
รันเนอร์โบกมือก่อนที่จะเดินสวนกับเท็ดดี้ที่ตั้งหลักขึ้นมาแล้วเดินสับก้าวอยู่หน้ากระจกสีที่แตกไปแล้ว เตรียมยกเท้าขึ้นเพื่อที่จะเหยียบคนที่อยู่ข้างใน แต่แล้วรันเนอร์ที่กำลังเดินออกจากตัวปราสาทไปเกิดเปลี่ยนใจหันมาบอกกับเท็ดดี้
 
“เดี๋ยว! ฉันว่าเก็บยัยนั่นไว้...”
 
โครม!
 
เสียงปะทะบางอย่างที่พุ่งผ่านตัวรันเนอร์ด้วยความเร็วสูงจนเธอต้องหันตาม เป็นเท็ดดี้คู่หูของเธอที่ลำตัวปักคาประตูอยู่ รันเนอร์รีบคว้าปืนสองกระบอกแล้วหันหลังมากระหน่ำยิงอย่างรวดเร็ว แต่กระสุนทุกนัดที่ยิงไปกลับถูกสลายหมดด้วยโล่พลังงานสีขาวคนที่ลอยอยู่ด้วยปีกสีขาวที่ตัดกับร่างกายกึ่งจักรกลสีดำอย่างสิ้นเชิง รันเนอร์ไม่อยากจะเชื่อสายตา
 
“มิซากะ...นี่เธอ...”
 
เปรี้ยง!
 
ปืนสไนเปอร์ที่ถูกอัพเกรดขึ้นมายิงเป็นลำแสงสีแดงขนาดใหญ่จนประตูปราสาทพังลงมา และแล้วบนท้องฟ้าเหนือชินโคเซ็นก็มีบางอย่างที่คล้ายนกที่มีปีกสีขาวขนาดใหญ่บินลอยอยู่ เมงุมิที่ยังสับสนการกระทำของตนเองเอ่ยขึ้น
 
“ทำไมร่างกายฉัน...”
“ขอโทษทีนะที่ฉันมาสาย เกือบไปแล้ว...”
 
เสียงเด็กคนเดิมที่เธอจำได้ว่าเป็นมอชชินนี่ดังก้องอยู่ในหัว
 
“มอชชินนี่!?”
-‘อ่า โทษทีที่เข้าควบคุมร่างเธอ’- มอชชินนี่ว่า –‘มันไม่มีเวลามากพอที่จะพูดนะ กลับมาเห็นเธอกำลังจะโดนเจ้านั่นเหยียบแล้ว’-
“ขอบคุณมากค่ะ ที่ช่วยไว้” เมงุมิเข้าใจสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว แต่ยังคงไม่รู้ว่าร่างกายตนเองกลายเป็นแบบนี้ได้อย่างไร
-‘มีเรื่องจะบอก ตะกี้ฉันใช้ช่วงเวลาเสี้ยววินาทีในการปรับแต่งตัวเธอและเพิ่มประสิทธิภาพให้นะ มีปีกที่คล้ายนกบินได้อย่างกับนางฟ้า ดิแองเจิล! (The Angel) ปืนสไนเปอร์อัพเกรดให้แรงสุดๆ เจ๋งไหมล่ะ!’-
“อ่า ก็...ดี แล้วเธอทำแบบนั้นได้ยังไง?” เมงุมิถามแบบนั้นเพราะแทบจะไม่รู้ตัวถึงความเปลี่ยนแปลงในช่วงที่กำลังจะโดนฆ่าแม้แต่น้อย
-‘ความลับนะความลับ ว่าไปแล้วพอทำแบบนี้คิดถึงยูคาริแฮะ’-
“ห๊ะ?” เมงุมิร้องเสียงหลงเพราะเธอรู้จักกับชื่อคนนั้น
-‘จริงสิ! เกือบลืมบอก พลังงานที่ใช้ควบคุมจักรกลของเธอใกล้จะหมดแล้วนะ อาจจะขยับไม่ได้ถ้าไม่ลืมไปเติมพลัง’-
“หือ? จริงของคุณ” เมงุมิเพิ่งเห็นขีดเตือนพลังงานใกล้จะหมดอยู่มุมขวาล่างของตาที่เป็นจักรกลสีแดง “แต่จะหาที่เพิ่มพลังงานที่ไหนล่ะค่ะ ฉันเพิ่งประกาศตัดความสัมพันธ์กับคุณพ่อไป”
 
มอชชินนี่นิ่งไปชั่วครู่แล้วเสนอทางออกให้
 
-‘งั้นไปที่ Area SP! ที่นั้นมีคนของฉันอยู่...พลังของเธอยังพอที่จะไปที่นั่นได้ บินไปเลย!’-
 
และแล้วมอชชินนี่ก็ถือวิสาสะบังคับร่างกายเมงุมิให้ไปทางใต้เพื่อมุ่งหน้าไปยัง Area SP ทิ้งให้รันเนอร์ที่รอดจากการยิงของเมงุมิที่อยู่ท่ามกลางซากปรักหักพังที่มองดูอยู่ให้แค้นใจ
 
“แกนะแก!”
 
◊ ◊ ◊
 
[16:21] [10/01/2058]
[Area TH-7 เขตกลาง, War Zone, สถานตรวจสอบคลังและของกลาง MLA]
 
“วุ่นวายดีแท้”
 
เฟลิกซ์ส่ายหัวบ่นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในสองชั่วโมงโดยแอลเจียร์เป็นคนเล่า หลังจากที่เธอบินไปส่งพีให้กับหมอที่ไว้ใจที่ Area SP ก็รีบบินกลับมา ตอนนี้พวกเขาอยู่หน้าโกดังที่เป็นทางลงไปยังที่หลบภัยโดยมีพวก MLA ที่กำลังวุ่นวายกับการตามหาพลเรือนและเศษซากปรักหักพังในเมืองแถมยังมีซากหุ่นยนต์พวกไอริสที่ถูกยานแม่มอชชินนี่ที่ลอยเหนือหัวถล่มยับ ข้างๆ เธอมีเรลี่, นานามิ, เดซี่กับแอลเจียร์ ส่วนอีกลุ่มที่อยู่ข้างๆ กันก็คือเหล่าการ์เดี้ยนที่ประกอบไปด้วยหัวหน้าการ์เดี้ยน Area TH-7 ไลพ์, ทอมมี่ที่กำลังเอามือลูบที่ต้นแขนตัวเอง, เทล, เจนนิก้า, นีฟ, เอชที่ร่างกายฟื้นตัวเต็มที่แล้ว ไลพ์เอ่ยถามหลังจากที่โดนเรียกว่า
 
“สถานการณ์ซับซ้อนดีจริงๆ น่ะค่ะ เดี๋ยวด็อกเตอร์ลากัซก่อกบฏ เดี๋ยวก็ชินโคเซ็นจะระเบิด เดี๋ยวก้มีพวกไอริสบุกมาชิงคริสตัลชายน์ขนาดยักษ์ แต่มันดันระเบิดกระจายกว่าครึ่งโลก...โดยเฉพาะ Area TH-7 เขตกลางนี่ มีแต่แท่งคริสตัลชายน์ปักเต็มไปหมด...แล้วที่เรียกมา เพราะมีเรื่องอยากให้ช่วยใช่ไหมคะ?”
“อ่า...ที่จริงหน้าที่ของพวกเธอคือดูแลพลเรือนก็มากพอแล้ว” เฟลิกซ์ “เดี๋ยวที่เหลือพวกเราจะจัดการเอง...แต่ฉันไม่ได้เป็นหัวหน้า MLA ที่นี่แล้วล่ะสิ”
“แต่ก็โดนไหว้วานจากคนที่เพิ่งแต่งตั้งใหม่ให้มาประชุมแทน” นานามิว่า
“ประชุม?” ทอมมี่ถาม
“คือมันแบบนี้ เดี๋ยวเวิลด์เจเนอรัลจะส่งคนมาคุยถึงสถานการณ์ด่วนตอนนี้ ว่าจะทำอย่างไรกันต่อไปดี” เฟลิกซ์ว่าตามที่ได้รับเรื่องมา “เดี๋ยวสักพักก็คงมาแล้ว...นั่นไง”
 
เหนือหัวพวกเขามียานบินขนาดเล็กรูปร่างคล้ายมีดสามแฉกบินแนวดิ่งลงมาใกล้ๆ พวกเขา นีฟเริ่มเม้าท์มอย
 
“คงส่งพวกคนที่คุยไม่รู้เรื่องหรือคุยยากๆ มาแน่ๆ พวกนั้นยิ่งชอบหาประโยชน์ในทุกสถานการณ์อยู่”
“คงไม่เป็นแบบนั้นมั้งค่ะ” เจนนิก้าค้าน “เรื่องที่เกิดขึ้นมันเรื่องว่าสงครามแล้ว...ต้องมีการจัดการที่จริงจัง”
“เห็นว่าคนที่มายศสูงอยู่” นานามิพูดเท่าที่รู้”
“สูงขนาดไหนกันเชียวฮะ” เอชร้องขึ้นเสียง
“นินทาเสียงดังกันไปหน่อยมั้ง”
 
เสียงผู้หญิงที่ดังขึ้นจากในยานบินเล็กของเวิลด์เจเนอรัล ก่อนที่ประตูด้านข้างถูกเปิดออกเผยให้เห็นสาวผมม่วงยาว นัยน์ตาสีน้ำเงินที่ตาข้างซ้ายมีที่คาดตาปิด บนศีรษะมีหมวกทหารสีน้ำเงินคาดเหลืองที่ติดยศสูงสุด อยู่ในชุดที่ใส่เป็นสีน้ำเงินชิ้นเดียวสวมทั้งตัวแล้วมีผ้าคลุมไหล่ส่วนบนสีขาวแถบเหลืองสวมทับอีกที เดินก้าวลงมาพร้อมกับทหารคุ้มกันอีกสามนาย ซึ่งคนตรงหน้าทำให้พวกเขาทั้งหมดตะลึง
 
“ท่านเลขาธิการ!”
 
เฟลิกซ์และนานามิเอ่ยพร้อมกันแล้วทำความเคารพก่อนที่เรลี่จะทำตาม ส่วนเหล่าการ์เดี้ยนที่ยืนด้วยความงงงวยและไม่อยากจะเชื่อสายตายังคงยืนทื่ออยู่แบบนั้นจนวิคเตอเรียแนะนำตัวอย่างเป็นกันเอง
 
“ฉัน วิคตอเรีย...เลขาธิการเวิลด์เจเนอรัลและเป็นผู้นำสูงสุด อ่า...โทษทีที่มาช้า กว่าจะสลัดเสียงสภาโลกมาได้...เริ่มประชุมกันเลยดีกว่า”
 
◊ ◊ ◊
 
[16:50] [10/01/2058]
[Area SP-2, BlueZone, เกาะเซนัง, บ้านพักตากอากาศแห่งหนึ่ง]
 
“ชอบที่แบบนี้เหรอคะ ท่านหมอ”
 
เรสเทียร์เดินเท้าเปล่าบนหาดทรายมาหาชายคนหนึ่งที่ไว้ผมยาวมัดรวบสีดำ สวมแว่นตาสายตาธรรมดา ใบหน้าที่พอมีอายุสวมเสื้อกราวน์ของแพทย์ยืนชมวิวอยู่ริมหาดที่มีคลื่นน้ำพัดมาถูกเท้าพอดี
 
“เรพลอยด์อย่างเธอไม่ชอบหรือยังไง...เอ่อ...ลืมไป เธอบอกว่าตัวเองเป็นสุดยอดมนุษย์”
 
คำถามสวนกลับของหมอ ทำให้เรสเทียร์ส่ายหัว
 
“ชอบยักย้อนเหมือนเดิมเลยนะคะ ท่านหมอ”
“หมอเฉยๆ ก็พอ ฉันเกษียณยศกับตำแหน่งไปแล้ว”
“ก็ได้คะ หมอ” เรสเทียร์กรอกตาขึ้นฟ้า “แล้วคิดอยากกับไปเวิลด์เจเนอรัลหรือเปล่าคะ”
“ไม่...ถึงวิคตอเรียมาคุกเข่าอ้อนว้อนก็ไม่”
“ไม่เซ้าซี้ถามก็ได้ค่ะ...อาการของพี่หญิงจะดีขึ้นตามที่บอกกับคุณเฟลิกซ์ไหมคะ”
 
ผู้ที่เป็นหมอหันไปทางบ้านพักตากอากาศตนเองที่อยู่ริมหน้าผา
 
“ถึงมือหมอซะอย่าง เขาจะดีขึ้นแน่นอน ดีกว่าเดิมที่เขาเคยเป็น”
“เวอร์หรือเปล่าคะ”
“ไม่เวอร์หรอก ก็ฉันเป็นคนแปลงสภาพแกนกลางคริสตัลชายน์ยัดใส่ตัวเขาเองนิ เธอถึงได้เข้ากันได้ดีกับเขาไง”
 
เรสเทียร์ได้ยินเหตุผลแบบนั้นแล้วถอนหายใจ
 
“นั้นสินะคะ ตอนแรกก็คิดว่าบังเอิญอยู่ แต่พออยู่กับพี่หญิงนานๆ เข้า ก็รู้ว่าพี่หญิงถูกสร้างมาเพื่อหนู”
“หลงตัวเอง เขาถูกสร้างมาเพื่อสร้างปรากฎการณ์พีทูไรซิ่งต่างหาก แต่...เรื่องกลับแดงเร็ว”
“มันบังเอิญค่ะ ที่พีโดนเล็งเป็นเป้าหมาย และบังเอิญที่เป็นเรดต้องไปสังหารเขาและบังเอิญที่เรดจับฉันยัดเข้าตัวพี่หญิงเพื่อสลายร่างกายและบังเอิญว่าพี่หญิงเป็นไรซิ่งแมนเลยไม่เป็นอะไรและบังเอิญว่ามีเรื่องที่ต้องใช้พลังมหาศาลจนมันเปิดสวิสต์ในตัวพี่หญิงเลยเกิดเรื่องพีทูไรซิ่ง (P.P. Rising)”
 
เรสเทียร์บ่นยาวๆ ใช้คำคล้ายกันเป็นชุดจนหมอที่ได้ยินถอนหายใจ
 
“บอกว่าเป็นโชคชะตาจะเข้าใจง่ายกว่า...ไรซิ่งแมน ฉันชอบชื่อพีมากกว่านะ”
“เรสเทียร์ชอบเรียกว่าพี่หญิงมากกว่า แบร่” เรสเทียร์แลบลิ้นใส่
“เออ ไม่เถียงก็ได้...แต่ฉันกังวลอยู่ว่า เขาตื่นมาจะรับสภาพตัวเองได้ไหม”
 
หมอเกาหัวแล้วเพ่งมองไปยังบ้านตนเอง เรสเทียร์มองตามไป...เธอรู้ว่าภายใต้บ้านหลังนั้นมีชั้นใต้ดินขนาดใหญ่ซ่อนอยู่ โดยที่แห่งนั้นมีห้องที่เก็บตัวพีไว้ในหลอดแก้วขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยน้ำสีเขียว มีท่อหายใจที่ต่อตรงเข้าจมูกและสายต่างๆ อีกสองสามสายที่ปักเข้าหลังคอพี โดยส่วนขาที่หายไปถูกต่อด้วยแท่งเหล็กแท่งเล็กทั้งสองข้างเพื่อเตรียมเสริมอะไรบางอย่างต่อไป เรสเทียร์ทำหน้าคิดหนักแล้วถามเรื่องหนึ่งกับหมอ
 
“หมอคะ...คิดว่าพี่หญิงเขาจะรับได้เรื่องที่หนูโกหกกับเปลี่ยนความทรงจำของเขาไหมคะ?”
 
◊ ◊ ◊
 
คุยกับคนเขียนกันนะ >_<
ในที่สุดสถานการณ์ที่ Area TH-7 ก็ถูกทำให้คลี่คลายแล้ว
Guardian, MLA และ World Generals จะใช้วิธีอะไรในการรับมือผลกระทบจากสงครามที่จบลงอย่างรวดเร็วเช่นนี้
สรุปแล้วพีคือตัวอะไรกันแน่ ทำไมเรสเทียร์ถึงมีท่าทีคุยสนิทสนมกับหมอแปลกหน้า
และทำไมเฟลิกซ์ถึงต้องฝากพีไว้กับหมอคนนั้น
โปรดติดตามตอนต่อไปที่มีชื่อว่า New World บทที่ 1 [เปลี่ยนอีกครั้ง]
เมื่อพลังจิตผงาดทั่วโลก การผจญภัยอันแสนวุ่นวายจึงบังเกิดขึ้น!
ถ้าชอบก็ Comment ให้กำลังใจกันบ้างเน้อ 1 Comment เท่ากับล้านกำลังใจเลย ฮ่าๆ
By Spy442299 & Nattanan Srising

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.2 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา