แผนการ(รัก)ของนายขี้เซา

3.0

เขียนโดย doduo

วันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558 เวลา 20.55 น.

  2 chapter
  0 วิจารณ์
  3,779 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558 07.10 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) INTRO

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
                วันนี้เป็นวันที่อากาศแจ่มใส   แดดออกพอประมาณมีลมน้อยๆ  กับเสียงร้องใสๆของนกน้อยต่างๆ  ขนาดเสียงคุณป้าข้างบ้านบ่นลูกชายตอนออกจากบ้าน   แม้แต่เสียงสุนัขข้างบ้าน(อีกหลัง)เห่าไล่   หรือเสียงตดของคนที่ยืนข้างๆบนรถเมล์  มันไม่ได้ทำอารมณ์หรือบรรยากาศดีๆ ของฉันเสียไปเลยแม้แต่น้อย  เพราะอะไรน่ะเหรอ  ก็เพราะวันนี้เป็นวันประกาศผลสอบระดับโรงเรียนไงล่ะ   และแน่นอน  ฉันต้องได้ที่  1 อยู่แล้ว  โฮะๆๆๆ
                ฉันเดินก้าวเข้ามาในรั้วโรงเรียนมัธยมชั้นนำที่ใครต่างก็อยากเข้าแต่เพราะค่าเทอมที่แพงหูฉีกกับระดับการสอบที่เทียบขั้นมหาลัยทำให้น้อยคนนักที่จะสอบเข้าได้แม้แต่พวกลูกหลานไฮโซหลายคนยังเข้าไม่ได้เลย  หรือก็คือที่น่ะไม่มีการแบ่งชนชั้น  เพราะแบ่งตามระดับสมองล้วนๆ  ฉันที่ฐานะทางบ้านธรรมดาแต่ระดับสมองสูงจึงสอบชิงทุนเข้ามาได้อย่างง่ายดาย (อันที่จริงอ่านหนังสือก่อนสอบเป็นเดือนต้องอดหลับอดนอนแทบทุกคืน)
                “นั่นไงล่ะ ยัยแว่นเขียวคนนั้นไง”
                เสียซุบซิบของนักเรียนกลุ่มหนึ่งที่ฉันกำลังเดินผ่านดังแว่วเข้ามาในหู 
                “เอ๋  ใช่เหรอเธอ นั่นเด็กม.ต้นรึเปล่า คนที่ว่านั่นอยู่ม.ปลายนี่ ดูสิ ไซส์อย่างกับเด็กประถม”
                ว่าใครเด็กประถมยะ อย่างฉันเขารียกไซส์มินิพกพาง่ายต่างล่ะ -^- (สูงแค่ 161 เซนฯ)
                “ไม่นะ  คนนั้นแหละฉันจำได้ถึงจะหน้าตาจืดไม่โดดเด่นก็เถอะ”
                ฉันไม่ชอบแต่งหน้าต่างหากล่ะ มันเสียเวลาศึกษาของฉันยะถ้าแต่งหน้าแล้วฉลาด  ฉันจะได้แต่งทุกชั่วโมงเลย! ชิ
                “เอ๋  จริงเหรอเนี้ยยัยหมากระเป๋านั่นสอบได้ที่ 1 ของโรงเรียนอีกแล้ว  อุ้ย!”ตวัดสายตามองยัยพวกปากสุนัขด้วยสายตาหงุดหงิดยัยพวกนั้นรีบหันหนีหลบหน้าฉันกันใหญ่  ฉันถอนหายใจ ปล่อยวาง ทำสมาธิ ปลงเพื่อให้อารมณ์คงที่แน่ล่ะวันนี้ฉันต้องอารมณ์ดีสิ  จะให้หน้ายุ่ยไปรับรางวัลนักเรียนดีเด่นได้ยังไง 
                หลังจากนั้นฉันก็เดินออกมาจากตรงนั้นเพื่อไปยังโดมประชุมตลอดทางสายตาของนักเรียนต่างจับจ้องมาที่ฉันแทบจะเป็นตาเดียว  ฉันเดินหน้านิ่งสงบเข้าไปที่โดมประชุมใหญ่  สาเหตุที่เป็นโดมเพราะนักเรียนที่นี่มีมากเกินกว่าจะสร้างเป็นตึกใหญ่  และโดมมันดูดีกว่า  ฉันเดินไปนั่งประจำที่พลางนึกถึงความทรหดก่อนหน้านี้กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้
                มีคนเคยถามว่า ทำไมฉันถึงทุ่มให้กับการศึกษาเล่าเรียนขนาดนี้  ฉันก็มักจะตอบไปว่าชอบ  ฉันไม่ได้โกหกนะฉันชอบที่จะเรียนไปเรื่อยๆแม้จะไม่มีอาชีพหรือสิ่งที่อยากทำอนาคตก็ตาม  แต่จุดมุ่งหมายน่ะฉันมีนะ  ฉันต้องการเข้ามหาวิทยาลัยจีเนสซึ่งเป็นเครือเดียวกับโรงเรียนที่ ฉันเรียนอยู่และแน่นอนเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำที่คนทั่วทั้งประเทศต้องการสอบเข้าให้ได้เช่นกัน
                เมื่อพิธีมอบรางวัลเสร็จสิ้นฉันก็เดินถือโล่รางวัลและใบประกาศนียบัตร ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มของความดีใจ  หลังจากนี้ฉันก็จะตรงกลับบ้านเลยเพราะนี่เป็นวันสุดท้ายของการเรียนแล้ว  โรงเรียนนี้จะมีวันหยุดให้สองอาทิตย์ก่อนสอบวัดผลเพื่อตัดเกรด ที่ฉันได้รางวัลนั้นเป็นการกระตุ้นและสอบแข่งภายในโรงเรียนเท่านั้น  ภายในสองอาทิตย์นักเรียนจะทำอะไรก็ได้แต่เมื่อถึงวันสอบต้องมาให้ตรงเวลาและสอบให้ได้คะแนนตามที่กำหนดโดยเฉพาะนักเรียนที่จะต่อมหาลับ’จีเนสจะได้แยกสอบเป็นพิเศษเพราะระดับคะแนนนั้นสามารถใช้เข้ามหาลัย’ได้เลย
~~     เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น  ฉันหยิบมันออกมาจากกระเป๋ากระโปรงกดรับและยกแนบหู
                “สวัสดีค่ะ”ฉันกรอกเสียงไป
                “ลูกโป่ง  แม่เองนะ  ตอนนี้กำลังกลับบ้านรึเปล่าลูก”
                “ค่ะ  หนูกำลังกลับ”
                “รีบกลับมาหน่อยได้มั้ยแม่มีข่าวดีจะบอกด้วยนะ”
                “ค่ะ หนูจะรีบกลับนะคะ  แล้วเจอกันค่ะแม่....รักแม่เช่นกันค่ะ”
                เมื่อจบบทสนทนาฉันก็รีบจ้ำออกจากโรงเรียนและตรงไปยังป้ายรถเมล์ทันที    ฉันยืนรออยู่ชั่วครู่รถเมล์ก็มาฉันขึ้นไปและหาที่นั่งแต่กลับไม่มีที่ว่างเหลือเลยฉันจึงเดินไปเกาะเสาตรงประตูหลังแทน(เตี้ยเกินกว่าจะจับราวถึงT^T) ฉันมองวิวข้างทางไปเรื่อยจนกระทั่งรู้สึกว่ามีใครมายืนอยู่ด้านข้าง 
                ฉันหันไปมองแต่ก็ต้องผงะจับเสาแน่นด้วยความตะลึง  คนที่ยืนอยู่ข้างๆฉันเป็นผู้ชายตัวสูงน่าจะประมาณ 185 ขึ้นเห็นจะได้ ฉันต้องเงยหน้ามองจนปวดคอเพราะความสูงที่ต่างกัน(มาก)กับฉัน  ฉันมองการแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าแบรนด์ดังของเขาและลักษณะท่าทางคงจะอายุประมาณ  21  ฉันไล่มองตั้งแต่เท้าจรดศีรษะและสายตาก็ไปจับจ้องอยู่กับผมยุ่งๆสีเหมือนคนเพิ่งลุกจากที่นอนที่มีส้มแสบตามีปอยผมด้านหน้าสีดำของเขาคนนั้นด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะมองใบหน้าขาว  จมูกโด่ง  และสายตาปรือดูลอยๆ เหมือนคนง่วงนอน  สำหรับฉันแล้วฉันคิดว่าคนคนนี้เหมือนเด็กน้อยยังไงยังงั้นเลย 
                “อ๊ะ..”ฉันร้องเบาๆละหันหน้าหนีเมื่อคนคนนั้นใช้สายตาปรือๆนั่นมองมาที่ฉัน  ไม่รู้ทำไมแต่รู้สึกใบหน้ามันเห่อร้อนแปลกๆ
                เมื่อรถหยุดลงฉันก็รีบลงมาทันทีและตรงกลับบ้านทั้งๆที่หัวใจยังเต้นตึกตักๆ แปลกๆ อยู่ พอถึงหน้าบ้านฉันมองรถคันหรูที่เล่นออกไปด้วยความสงสัย และมองไปที่บ้านสองชั้นธรรมดากว้างพอประมาณก่อนจะเดินเข้าไป
                “มาแล้วเหรอลูก  มานั่งนี่สิ”พอย่างก้าวเข้ามาในห้องนั่งเล่นฉันก็โดนแม่ทักทันที  ฉันเดินเข้าไปนั่งข้างๆแม่ที่โซฟาตัวยาว และหันไปถาม
                “แม่มีอะไรจะบอกหนูเหรอคะ”
                “จบปีนี่ลูกจะสอบเข้าที่มหา’ลัยจีเนสใช่มั้ย”
                “ค่ะ”
                “ลูกก็รู้ใช่มั้ยที่นั่นไม่มีชิงทุนเหมือนโรงเรียนและค่าเทอมก็แพงมาก  และลูกก็บอกแม่เองว่าจะหางานพิเศษรายได้ดีทำ”
                “ค่ะ หนูเคยพูดแบบนั้น  ทำไมเหรอคะ?”
                “ก็แม่จะบอกว่า....แม่หางานให้หนูได้แล้วไงล่ะ”แม่พูดพลางยิ้มกว้าง  ฉันมองด้วยความสงสัย
                “งานอะไรเหรอคะแม่”
                “เมื่อกี๊เพื่อนสนิทแม่ที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเค้ามาปรึกษาเรื่องลูกชายคนโตของเขา เขาบอกว่ากลับมาที่นี่ได้ไม่นานนักต้องไปดูงานต่อที่อีกประเทศหนึ่งประมาณ 1  เดือน  เพื่อนแม่คนนี้เขาห่วงลูกชายคนโตที่ไม่ยอมไปมหา’ลัยหรือออกจากบ้านไปไหนเลย เอาแต่กินและนอน คือว่า เพื่อนแม่คนนี้กำลังหาคนมาดูแลและดัดนิสัยลูกชายคนนี้ให้หน่อยน่ะ เพราะอยู่แบบนี้เขาเป็นห่วง แม่เลยบอกไปว่า จะลองถามลูกสาวให้เพราะกำลังหางานอยู่พอดี เพื่อนแม่ก็ตอบตกลงและเพิ่งออกไปได้ไม่นานนี้เองล่ะจ่ะ”ฉันฟังแม่อธิบายนิ่งๆ  และนึกตาม  อืม...กินกับนอน ไม่ไปมหา’ลัย  พวกโอตาคุ หรือไม่ก็เป็นฮิโคโมริสินะ  แต่..มันดียังไงล่ะ
                “แล้วมันดียังไงล่ะคะแม่”
                “เพื่อนแม่บอกว่าถ้าลูกยอมตกลงเขาจะส่งลูกเรียนจนจบปริญญาตรีของมหา’ลัยจีเนสเลยน่ะสิลูก”ฉันตาโตเป็นประกายเมื่อได้ยิน
                “ค่ะแม่  หนูรับงานค่ะ”ฉันตอบตกลงทันทีไม่มีความลังเล  แม่ยิ้มบางและอธิบาย
                “งานนี้เพื่อนแม่กำหนดเวลาให้ด้วยนะลูก เขาให้เวลา 1 เดือนก่อนเขาจะกลับมาลูกชายของเขาจะต้องต่างไปจากเดิมไม่งั้นสัญญาเป็นโมฆะ”
                “.....”ฉันเงียบและคิด
                “ถ้าไม่ไหวก็ไม่เป็นไรหรอกลูกเดี๋ยวแม่ช่วยหาเงินออกค่าเทอมให้เอง”แม่พูดขึ้นมา  ฉันมองท่านก่อนจะพูดบอก
                “หนูจะรับงานนี้ค่ะ”แม่ถอนหายใจเมื่อได้ยินก่อนจะยิ้มบางให้ฉัน  แม่รู้ว่าฉันไม่อยากให้แม่ลำบาก
                “งั้นแม่ขอตัวโทรไปบอกเพื่อนก่อนนะ”พูดจบแม่ก็ลุกออกไป 
               
                “แค่ดูแลคนโตคงไม่มีอะไรหรอกมั้ง...คิดว่าน่ะนะ”ฉันพึมพำกับตัวเองเพราะเริ่มรู้สึกไม่ได้ขึ้นมาตะงิด        
 
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
3 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
3 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา