Yesterday อาถรรพ์ วันวาน

10.0

เขียนโดย digitoon

วันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 21.30 น.

  21 ตอน
  3 วิจารณ์
  34.25K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 16 เมษายน พ.ศ. 2558 10.17 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) บทที่สอง ยังจำได้ไหม ถึงใครคนหนึ่ง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
บทที่สอง
ยังจำได้ไหม  ถึงใครคนหนึ่ง
                เสียงที่พระกำลังสวดให้พรนั้นหาได้เข้าหูไม่ในใจของชายหนุ่มกำลังคิดถึงแต่ประโยคที่วิญญาณไมค์กี้ที่บอกแก่ตนเองเมื่อครู่ และยังคำปริศนาที่ปรากฏอยู่บนฝ้ากระจกอีกด้วยซ้ำ
                ทำไม?...ทำไมไมค์กี้ยังคงวนเวียน?...ถ้าจะแก้แค้นทำไมไม่ทำตั้งแต่ตอนตายใหม่ๆ?
                “ แมกซ์โว้ย! ” บาสตะโกนใส่หูของแมกซ์จนเจ้าตัวสะดุ้งก่อนที่จะรีบเอานิ้วมือมาอุดหูข้างที่เกินกว่าจะรับเดซิเบลของเสียงได้
                “ แมกซ์...เป็นอะไรหรือเปล่า?  เพื่อนๆ ช่วยกันเรียกหลายครั้งแล้วจนบาสต้องตะโกนใส่แบบนี้ ” มิร่าถามเมื่อเห็นแมกซ์นิ่งราวกับว่าเป็นหินตั้งแต่ตอนฟังพระสวด
                “ เปล่าๆ ไม่เป็นไรขอบใจนะ ” แม็กซ์โกหกหน้าตายก่อนที่จะยิ้มให้หญิงสาวแทนการขอบคุณ
                “ สงสัยจะประสาทตามยัยเจน? ” บาสพูดติดตลก ก่อนที่สายตาของเจนส่งรังสีอัมหิตมาให้เจ้าตัว
                “ หัวเราะอะไรเอ็ม? ” เจนบิดไปที่ขาของเอ็มเมื่อเห็นเอ็มและตี๋หัวเราะกับคำพูดของเอ็ม
                “ อะไรของเธอเจน ?...ตี๋มันก็ขำไม่เห็นว่าอะไรเลย ” เอ็มพูดแล้วลูบขาที่เพิ่งโดนทำร้ายไปพลางทำหน้าเจ็บเกินจริง
                “ หรือว่า...จะมีถ่านไฟเก่าจ๊ะ? ” สาวผมทองเอาใหญ่ของตนเองชนใหญ่ของเจน ทำเอาเจ้าตัวที่โดนแซวหน้าแดงแล้วตีมิร่าเบาๆ อย่างเอียงอาย
                “ พวกโยมทำอะไรไว้หรือ?  จึงต้องมีคนคอยอาฆาตเช่นนี้ ”เสียงของหลวงพ่อทำเอาทุกคนต้องหันไปตามคำถาม
                “ เอ่อ...คือว่า...พวกเรา ” เจนอึกอักไม่รู้จะพูดอย่างไรกับเรื่องราวที่ตนได้ทำเอาไว้
                “ เวรกรรมที่เคยทำมาก็เลิกแล้วต่อกันเถอะโยม อย่าตามจองเวรผูกกรรมกันเลยการแก้แค้นไม่ทำให้อะไรดีขึ้นมาหรอก ”สมณะเพศพูดอีกครั้งโดยมองไปยังเชนที่กำลังนั่งพนมมืออยู่ก่อนที่จะหลับตาลง
                แมกซ์มองตามสายตาที่หลวงพ่อที่มองไปยังตำแหน่งสักครู่แล้วก็ต้องขนลุกสู้เสียไม่ได้เมื่อเห็นร่างนักเรียนชายตัวเปียกปอนนั่งประนมมืออยู่หลังเชนด้วยเช่นกัน...แต่แววตากลับมองหลังของเชนด้วยความเคียดแค้น
                “ พวกเราออกจากกุฏิกันเถอะ จะได้ให้หลวงพ่อพักผ่อน ”มิร่าพูดแล้วหยิบที่กรวดน้ำขึ้นมา “ เราจะได้เอาน้ำที่กรวดน้ำไปรดกับต้นไม้ใหญ่ บุญกุศลจะได้ส่งถึงไมค์กี้เขา ”
                “ เดี๋ยวเราเอาไปให้นะ ”  เชนหยิบชุดกรวดน้ำจากมือของมิร่าก่อนที่มิร่าจะบอกขอบคุณเป็นภาษาอังกฤษอย่างคุ้นเคย “ โอ้ แท้งกิ้วนะเชน ”
               
                เชนเดินไปตรงที่ต้นไม้ใหญ่แถวกุฏิของหลวงพ่อโดยมีแมกซ์เดินตามไปด้วยและให้ทุกคนกลับกันไปก่อนได้เลยเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาและรบกวนเวลาของคนป่วยอย่างเจนเชนรดน้ำลงบนรากไม้ชั่วอึดใจก่อนจะสะดุ้งอย่างแรงจนทำที่กรวดน้ำหล่นออกจากมือ
                “ เป็นอะไรวะเชน? ”  แมกซ์อดที่จะตกใจตามไปด้วยกับเชนไม่ได้
                “ ปะ...เปล่า พอดีเราทำหลุดมือน่ะมันลื่นมือ ” เชนเลิกลักหลังจากที่ตอบแมกซ์ออกไปแล้วรีบเอาที่กรวดน้ำไปเก็บอย่างรวดเร็ว แต่สายตาของความกลัวที่เล็ดลอดออกมาจากแว่นตาไม่สามารถปกปิดไว้ได้
                “ ไปเถอะ...เผื่อจะได้กลับพร้อมกับเพื่อนๆ ”  เชนตัดบทแล้วรีบเดินนำหน้าออกไปด้วยความร้อนรน
                เจนทำหน้าเหวี่ยงนิดๆ  เมื่อเห็นเชนและแมกซ์เดินเข้ามาที่จอดรถ  พร้อมกับพ่นออกประปอดกระแปดมาตามประสาลูกคุณหนูที่ถูกแดดนิดหน่อยไม่ได้
                “ เห็นไหมตี๋!...เจนบอกแล้วให้ไปก่อนเลย ”
                “ ก็รอเพื่อนก่อนซิจะได้รู้ว่าจะเอายังไงกันต่อไป ”  ตี๋หัวเสียแต่ก็เก็บอารมณ์ไว้  ทั้งๆที่วันนี้มาทำบุญด้วยซ้ำแต่เจ้าตัวของเจนกลับไม่มีความเป็นจิตกุศลด้วยซ้ำแต่เมื่อเห็นเพื่อนแว่นสีหน้าไม่ค่อยดีนักก็อดถามไม่ได้
                “  เชน...นายโอเคนะ? ”
                “  เอ่อ...โอเค  ว่าแต่พวกนายจะกลับกันเลยไหม ”  เชนถามเพื่อหลีกเลี่ยงที่จะตอบคำถาม
                “ ก็ว่าจะกลับเลยน่ะ...แต่เย็นนี้มีสังสรรค์นิดหน่อยพวกนายจะมาร่วมด้วยไหม? ”  บาสถาม
                “ ไม่ล่ะเราขอตัวเย็นนี้มีเคสที่ต้องรักษาอีก ”  เชนตอบพร้อมกับมองไปที่หน้าของแมกซ์  เชิงถามเช่นกันก่อนที่เจ้าตัวจะตอบออกมา
                “ ฉันก็ขอตัวด้วยละกัน  พอดีต้องทำงานวะ ”
                “ โอเค...งั้นเดี๋ยวโอกาสหน้าเจอกันนะบาย ”  มิร่าพูดจบก็โบกมือให้เพื่อนทั้งสอง  ก่อนจะหันไปเปิดประตูรถของตนเอง  ตามด้วยเพื่อนอีกสี่คนที่เดินทางมากับมิร่าแต่แรก
                ไม่สิ!...ต้องเพื่อนอีกห้าคน...อีกคนที่ยังไม่มีใครกล้าที่จะลืม
 
                “ เดี๋ยวเชน...บอกซิ เมื่อกี้นายเป็นอะไร? ” แมกซ์ถามในขณะที่ทั้งสองกำลังเดินจะออกไปหน้าวัดเชนมองหน้าแมกซ์ก่อนที่จะมองไปบนฟ้าและเห็นว่าแถวนี้สว่างกว่าที่กุฏิหลวงพ่อจึงกล้าบอกแมกซ์
                “ นายจะเชื่อเราหรือไม่เชื่อก็ได้นะ เมื่อกี้เหมือนมีคนปัดมือเราแล้วเราได้ยินเสียงไมค์กี้บอกว่า ” ไมค์กี้หยุดสูดหายใจเข้า  “ กูไม่เอา ”
                “ จริงหรอ? ”  แมกซ์ถามเพื่อความแน่ใจแล้วเชนก็พยักหน้าเพื่อบอกนัยๆ ว่า‘ใช่’
                “ เชน...ทำไมนายเหมือนจะเชื่อในสิ่งที่เจนพูดละ? ”แมกซ์ถามพลางสบสายตาของอีกฝ่ายเพื่อต้องการความจริง
                “ เจนยังไม่ได้ให้นายดูหรอว่ากระดาษที่ผูกติดมากับก้อนหินนั้นเขียนไว้ว่า จำกูได้ไหมอีกอย่างจำตอนที่เราขับรถชนเจนจนเข้าโรงพยาบาลได้ไหม เอ่อ...คือ ” เชนอธิบายก่อนจะติดขัด
                “ อะไร บอกมาสิ? ” แมกซ์คะยั้นคะยอผู้เป็นเพื่อน
                “ ตอนที่เรากำลังจะเอาจีจี้หมาของเจน แต่แล้วจู่ๆจีจี้ก็เห่ามาจากทางที่นั่งด้านหน้าของรถ เราหันไปเห็นไมค์กี้นั่งตัวเปียกโชก เลยทำให้เราตกใจเหยียบคันเร่งแทบจะสุดเท้าดีที่แค่เฉี่ยวๆเจน แต่ที่เราไม่บอกใครเพราะว่าเรากลัวคนอื่นไม่เชื่อ ” เชนตอบพลางขยับแว่นหลบสายตาของอีกฝ่าย เพราะกลัวแมกซ์ไม่เชื่อเช่นกัน
                “ ไอหนุ่ม...ไอหนุ่ม เอ๊ย! ”
                เสียงแหบพร่าเรียกทำเอาทั้งสองคนหันไปมองทางต้นเสียงและพบว่าเจ้าของเสียงคือชายชราที่มีโต๊ะดูดวงอยู่บริเวณของกำแพงวัดแมกซ์สบตาเพื่อนเก่าก่อนที่อีกฝ่ายจะพยักหน้านิดๆเชิงบอกว่าให้ลองเข้าไปดูก่อน แมกซ์จึงเดินเข้าไปหาและเชนจึงเดินตามไป
                “ พวกหนุ่มกำลังมีทุกข์มีร้อนกันใช่ไหม? ”ชายชราทักขึ้นมาถามเชนมองหน้าแมกซ์อย่างตกตะลึงนิดๆ เมื่อเห็นว่าชายชราคนนี้รู้ทันได้อย่างไร
                “ ลุงรู้ได้ไงครับ? ” เชนถามสีหน้าจริงจัง พลางนั่งลงบนโต๊ะที่ชายชราเอาไว้ให้ลูกค้านั่งดูดวง แมกซ์เห็นดังนั้นจึงนั่งตาม
                “ ดูหน้าก็รู้แล้ว ว่าทำไมหน้าถึงได้หมองขนาดนี้ ” ชายชรากล่าวแล้วยิ้มนิดๆแล้วหันไปมองหน้าแมกซ์
                “ มันเกิดอะไรขึ้นกับพวกผมครับลุง? ทำไมถึงได้เกิดเรื่องยุ่งๆกับพวกผมขนาดนี้? ”  แม็กซ์ถามบ้างเมื่อเห็นชายชราหันมามองหน้า
                “ ก็พวกเอ็งทำกับเขาไว้แสบนักมันถึงเวลาที่เขาจะต้องเอาคืนเเล้ว ” ชายชราพูดแล้วสบตาทั้งสองคนอย่างจริงจังทำเอาคนฟังอย่างแมกซ์กลืนน้ำลายดังเอื๊อกจนคนนั่งข้างๆอย่างเชนหันมามองหน้า
                “ คิดดูดีๆ ซิ ?...พวกนายทำอะไรกับเขาไว้จนเขาต้องตามมาทวงแค้นขนาดนี้? ”  หมอดูถาม ด้วยใบหน้าที่จริงจัง
                “ ผมไม่รู้ครับ...ผมรู้แต่ว่าเขาฆ่าตัวตายเองแค่นั้น ”  แมกซ์ตอบ
                “ เรื่องในอดีตมันจะเป็นยังไง ข้าก็ไม่สนใจหรอกนะ  แต่ ณ ตอนนี้วิญญาณของเขารุนแรงมาก  มีทั้งความอาฆาตและความพยาบาทอย่างมากมายที่สุมอยู่ในตัว ”  ชายชราจ้องหน้าไปที่เชนและแมกซ์อย่างไม่วางตา
                “ แล้วพวกผมต้องทำยังไงครับ? ”  แม็กซ์ถาม
                ชายชราเอื้อมมือลงไปค้นของบางอย่างข้างใต้โต๊ะเมื่อสักครู่  แล้วยื่นพระเครื่องสององค์ให้กับเชนและแมกซ์  สองหนุ่มยื่นมือเอาสิ่งนั้นจากหมอดูชรา
                “ เก็บนี้ไว้  แล้วจะไม่มีใครกล้าทำอันตรายพวกเอ็ง ”  ชายชราพูด ก่อนนั่งนิ่งแล้วถอนหายใจออกมา“ ทางที่ดีพาพวกเพื่อนๆของเอ็งไปขอขมาเขาในที่ที่เขาตายแล้วพวกเอ็งจะปลอดภัย ”
                “ ความแค้นที่กดเก็บมาเนิ่นนาน  นานวันเข้ามันก็กลายเป็นแรงอาฆาตจนเขาสามารถอิทธิฤทธิ์มากกว่าผีธรรมดานั่นแหละที่เขาเรียกว่าเจ้ากรรมนายเวร ”  หมอดูชราพูดทิ้งท้าย
                ห่างออกไปจากบริเวณที่ทั้งสองนั่งดูดวง  ยังมีใครคนหนึ่งที่มองอยู่ไกลๆ  ไม่ว่าใครจะพูดอะไรกูรู้กูเห็นแม้ว่ามึงจะได้ของดีสักเพียงใด....กูก็จะตามไป...ตามไปฆ่ามึง!!!
 
                ทั้งสองเมื่อฟังเรื่องที่หมอดูแปลกหน้าบอกแล้วก็ไปตั้งหลักที่คอนโดของแมกซ์พวกเขาก็เป็นห่วงเพื่อนๆ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะไปบอกกับอดีตเพื่อนๆว่าอย่างไรเช่นกัน
                “ นายเชื่อที่หมอดูนั่นบอกไหม? ” เชนถามแมกซ์ในขณะที่อีกฝ่ายนั่งเอามือกุมขมับ
                “ ทุกคนจะต้องตายจริงๆ ใช่ไหมเนี่ย? ”  แม็กซ์สบถอย่างหัวเสียเขาไม่รู้ว่าไมค์กี้มีเรื่องอะไรต้องโกรธแค้นทุกคนขนาดนั้น  หรือบางทีมันอาจจะมีแค่ว่าเขายังไม่เคยรู้
                “ ตอนที่อยู่ในห้องทำไมนายถึงบอกว่าเจนอาจจะไปทำให้ไมค์กี้แค้น? ”
                “ ไม่รู้สิ ...ไมค์กี้อาจจะอยากแก้แค้นทุกคน  ”  เชนตอบ คำสุดท้ายนั้นแทบแผ่วเบาจนไม่ได้ยิน “ นี่พวกเราคงต้องตายจริงๆ กันใช่ไหม ”
 
                หนุ่มแว่นที่นั่งก้มหน้าเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเพื่อน  ตอนนี้แมกซ์เองก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเช่นกัน เหมือนมีดกรีดลงใจของชายหนุ่มภาพในอดีตภาพในวันวานกลับเข้ามาทำร้ายเขาอีกครั้ง ภาพที่เกิดขึ้นซ้ำๆยามที่เขานึกถึงคนที่เขารักที่สุด ความทรงจำทั้งหมดกลับมาทำร้ายเขาอีกครั้ง
 
....................................................................................................................
 
                 5 ปีที่แล้ว
                ‘ตึ้ง ตี่ง ตึง ตึ่ง ตึ่ง ตึง ตึ้ง ตึง’เสียงออดในยามเช้าของโรงเรียนแห่งหนึ่งในย่านชานเมืองเชียงใหม่ที่รถไม่ค่อยพลุกพล่าน เด็กนักเรียนมัธยมพากันวิ่งกันขึ้นไปบนอาคารเพื่อให้ทันคาบเรียนบ้างพากันเข้าห้องน้ำไปแต่งหน้าบ้าง
                “ เชนนายไปเอาสมุดของกลุ่มเรามาดิ๊ ” เสียงตี๋ในชุด ม. ปลายสั่งทั้งกลุ่มนั่งอยู่หลังห้อง เด็กแว่นก็ต้องทำตามเพราะนิสัยลูกไล่ก่อนที่หัวหน้ากลุ่มอย่างตี๋ต้องหันมาบอกอีกว่า
                 “ ถ้าจารย์มารีบมาบอกด้วยนะ! ”เชนได้แต่พยักหน้าหงึกหงักก่อนที่จะเดินออกไปก่อนที่แมกซ์จะตะโกนบอกให้รอก่อนแล้วจะไปเป็นเพื่อนในกลุ่มมีเพียงเเมกซ์เท่านั้นที่จะดีกับเชนมากกว่าคนอื่นแต่ก็ยังมีแกล้งเชนบ้างตามประสาที่เชนยอมคน
                ห้องพักอาจารย์อยู่ด้านในสุดของตึกติดกับห้องน้ำทั้งสองต้องเดินไปเอาสมุดของเพื่อนๆซึ่งห้องพักอาจารย์ก็ติดกับบันไดทำให้เวลาจะเดินขึ้นลงบันใดต้องเดินเบาๆเพราะอาจารย์มักจะดุเสมอ
                จู่ๆ ก็มีร่างหนึ่งชนเข้ากับแมกซ์ที่กำลังเดินหอบสมุดเอามาเผื่อเพื่อนๆทุกคนในห้องจนร่างใหญ่ล้มลงกองไปกับพื้นพร้อมกับอีกคนที่กำลังอยู่บนตัวแมกซ์แล้วรีบลุกขึ้นมาทันที
                “ ขอโทษนะ...เป็นไรไหม? ” เด็กหน้าหวานที่ชนกับแมกซ์พูดขึ้นก่อนจะช่วยเก็บสมุดที่หล่นลงที่พื้น
                “ ไม่เป็นไร ๆ ”  แมกซ์พูดในขณะที่ตั้งตนเองให้ยืนอยู่ได้โดยมีคนที่ทำให้เขาล้มช่วยประคองก่อนที่เชนจะพูดขึ้นมา
                “ ไม่คุ้นหน้าเลยนิ...เด็กใหม่หรอ?แล้วจะไปไหนละ? ”
                “ เรามาหาอาจารย์อิงอรน่ะ ”  เด็กใหม่ยิ้มให้ ก่อนจะถามขึ้นอีกว่า “ รู้ไหมห้องพักอาจารย์อยู่ไหน ?” 
                “ เนี่ยติดกับบันไดอยู่ทางนี้ ”  แมกซ์ครางเบาๆก่อนลูบที่หลังหัวแล้วชี้ไปที่ห้องพักครู              
                เด็กใหม่ยิ้มเล็กๆ เป็นการขอบคุณ ก่อนที่จะเดินไปทางที่แมกซ์ชี้และแมกซ์กับเชนเองก็เดินกลับไปยังที่ห้องของตนเอง
 
                “ อ่าวพูดปุ๊บก็มาปั๊บเลยตายยากจริงๆ ”เสียงเจนพูดขึ้นมาเมื่อเห็นเพื่อนทั้งสองเดินเอาสมุดมาให้
                “ ไหนดูซิ?...ว่าใครได้คะแนนมากที่สุด ”  เอ็มโผล่หน้ามาเอาสมุดคนแรกแล้วรีบเปิดสมุดของตนเอง
                “ หนีไม่พ้นไอเชนอีกละซิ ”  บาสหัวเราะใส่เพื่อน ก่อนจะตบหัวเชนเบาๆครั้งหนึ่งแล้วเอาสมุดของเชนมาดู แล้วก็จริงอย่างที่เขาว่าเพราะเชนได้คะแนนเต็ม
                “ เอาๆ...เสียงเอะอะอะไรกัน อย่าวุ่นวายกันให้มากได้ไหม! ”เสียงอาจารย์อิงอรดังมาจากหน้าห้องทำเอาเพื่อนๆทุกคนรีบนั่งกันอย่างอัตโนมัติเมื่อเห็นว่านั่งเรียบร้อยแล้วอาจารย์อิงอรก็เดินเข้ามาพร้อมกับเด็กชายหน้าหวานอีกคนที่เดินตามต้อยๆ ซึ่งเชนและแมกซ์ก็จำได้เพราะคือบุคคลที่ทำร้ายร่างกายอย่างไม่ได้ตั้งใจเขาเมื่อครู่
                “ วันนี้เรามีเพื่อนใหม่มาเรียนด้วย ” อาจารย์อิงอรจะพูดขึ้นอีกครั้ง
                “ สวัสดีทุกคน เราชื่อ เมธากรมานะจิตาชัย เรียกสั้นๆ ว่าไมค์กี้เรียกยาวๆ ว่าม้ายยยยยยยยยยยยยยยย ”  เด็กใหม่เล่นมุกเรียกเสียงฮาจากเพื่อนๆ ตามนิสัยซึ่งก็ได้ผลเพราะได้คะแนนจากเสียงหัวเราะของเพื่อนอย่างล้นหลาม
                “ พอก่อนๆ ไปหาที่นั่ง ได้แล้ว เชนที่นั่งของเธอว่าใช่ไหม? ” อาจารย์อิงอรบอกไมค์กี้ก่อนจะหันไปถามเชน ซึ่งก็ได้คำตอบว่า “ ใช่ครับ ”
                ไมค์กี้เดินเพื่อจะไปนั่งเก้าอี้ว่างข้างๆ หนุ่มแว่นก่อนที่จะยิ้มกว้างให้ว่าที่บัดดี้ที่ต้องนั่งใกล้กันและเพิ่งเจอกันเมื่อสักครู่
                “ อ้าว...หวัดดีอีกครั้งนะ เราชื่อเชน ”เชนบอกก่อนที่จะหันไปช่วยไมค์กี้วางกระเป๋า “ ไม่คิดว่าจะเจอกันอีกนะเนี่ย? ”
                ไมค์กี้ยิ้มกว้างอีกครั้ง “ หวัดดีเชน ...ฝากตัวด้วยนะ ”
 
                ช่วงพักกลางวันนั้น ไมค์กี้ที่เพิ่งได้เพื่อนใหม่ไปกับกลุ่มเชนและทำความรู้จักกับทุกคนคร่าวๆ ในกลุ่ม ตอนที่กำลังรับประทานอาหารกลางวัน
                “ เราเจนนะไมค์กี้  ส่วนนี่มิร่าคนที่นำแฟชั่นที่ทันสมัยตลอดเวลา  ”  เจน แนะนำตัว ก่อนที่จะชี้ไปยังสาวหน้าตาอินเตอร์ที่ตอนนี้กำลังโบกมือให้เด็กใหม่อย่างเขาอยู่
                “ นั่นเชน  คนนี้นายก็รู้จักอยู่แล้ว  เขาเป็นคนที่ฉลาดมากที่สุดในกลุ่ม จะว่าไปฉลาดที่สุดในห้องเลยก็ว่าได้  ถ้าอยากปรึกษาเรื่องการบ้านเนี่ยต้องคนนี้นี่แหละ   คนนี้แมกซ์เป็นเพื่อนสนิทกับตี๋ไอสองคนเนี่ยเวลาไปไหนนี่ตัวติดกันยังกะแฝดนรกชอบแกล้งคนนู้นคนี้ไปทั่ว  คนนั้นบาสเป็นนักกีฬาแม้หน้าตาจะกวนโอ้ยไปหน่อยแต่มันก็เป็นนักกีฬาที่เก่งที่สุดในห้องคนหนึ่ง  ส่วนคนนั้นเอ็มไม่มีอะไรป็นพิเศษนอกจากหน้าตาดีแต่ไม่มีคนเอา ”
                  เจนแนะนำตัวเพื่อนๆ ทีละคนอย่างออกรส  ซึ่งก็ทำไมค์กี้เองรู้สึกเป็นกันเองกับพวกเพื่อนๆ มากขึ้นเลยทีเดียวแต่ดูเหมือนว่าจะเป็นกันเองมากเกินไป....มากเกินไปจนใครบางคนคิดว่าสนิทกัน

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา