รักใสใส...แอบปันใจให้นายพี่ชาย

7.3

เขียนโดย Vlinderz

วันที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 01.04 น.

  6 chapter
  11 วิจารณ์
  8,582 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 16.28 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) พลาสเตอร์สีเนื้อ >__<

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

“ แกๆ คนนั้นปะที่เป็นข่าวกันพี่แม็ททิวอะ ” วันนี้ตั้งแต่ฉันเดินเข้าประตูโรงเรียนมา เสียงซุบซิบ

นินทาต่างๆ นาๆ และสายตาแสนอาฆาตหลายคู่ ถูกเพ่งเล็งมาที่ฉัน เพราะอะไรนะเหรอ ก็ข่าวบ้าๆ

ของฉันกับพี่แท็วทิวในเว็บบอร์ดโรงเรียนเมื่อวานไง แหมรูปชัดซะขนาดนั้น คงไม่รู้หรอกมั้งว่าผู้

หญิงในรูปเป็นใคร ขนาดพักเที่ยงนะแค่ฉันเดินไปซื้อข้าวคนทั้งโรงอาหารแทบจะหันมามองฉันเป็น

ตาเดียว รู้สึกเหมือนไปฆ่าใครตายเลย แพรวก็เป็นไปกับเค้าด้วย ถามซักไซ้ฉันตลอดทั้งคาบไม่

เป็นอันต้องเรียนกันพอดีวันนี้   เห้ออออ

“ แก จะบอกฉันได้หรือยัง ตกลงเรื่องของแกกับพี่แม็ททิวมันเป็นมายังไง แล้วไปคนกับตอนไหน

ไปถึงขั้นไหนกันแล้ว ทำไมฉันถึงไม่รู้ นี่ฉันเป็นเพื่อนแกนะ “ แพรวเปิดประเด็นทันทีที่ฉันวางจาน

ข้าวลงบนโต๊ะ

“ แกเลิกจินตนาการไปเองแล้วฟังนะ คือเมื่อวานฉันไปซื้อการดาษรายงาน บังเอิญเจอพี่เค้าที่ซุป

เปอร์ฯ แล้วฝนก็ดันตก ฉันไม่ได้ถือร่มไปพี่เค้าก็เลยเดินมาส่งฉันที่บ้าน แค่นั้นแหละ ” ฉันตัดสิน

ใจเล่าให้แพรวฟัง

“ หึยยย กางร่มเดินมาส่งที่บ้านท่ามกลางสายฝน โอ้ยย โรแมนติกอะ ” ตอนนี้ยัยเพื่อนตัวแสบ

ของฉันกำลังเพ้อฝันเข้าขั้นเพ้อเจ้อเลยก็ว่าได้

“ มันแค่นั้นจริงๆ เหรอ ฉันว่ามันต้องมีอะไรในกอไผ่ ”  สายตาจับผิดของนางจ้องมาทางฉัน

“ กอผ่งกอไผ่อะไรของแก กะ..ก็ ฝนมันตก แล้วไฟที่คอนโดพี่เค้าดับไง ฉันก็เลยชวนเค้ามารอที่

บ้าน แต่แม่ก็อยู่ด้วยนะ เป็นแก แกจะปล่อยเค้าไปอยู่มืดๆ ทั้งๆ ที่เค้าเดินมาส่งแกอะนะ ” ฉันพูด

ไปกินไป เพื่อให้ทุกอิริยาบทของฉันดูปกติที่สุด 

“ ฮันแน่ๆ ไหนบอกไม่มีอะไรไง แล้วแกจะสนใจทำไมว่าเค้าจะกลับไปอยู่มืดๆ มีพิรุธนะเนี่ย ” ฉัน

ก็ยังก้มหน้าก้มตากินต่อไปโดยไม่สนใจที่แพรวพูด

“ ถ้าเป็นฉันนะ โอ้ยยไม่อยากจะคิด >__< ”  ไม่ต้องบอกก็รู้แค่นางอ้าปากฉันก็รู้และว่านางกำลัง

คิดอะไร

“ ได้ข่าวว่าแกเป็นเด็กเรียน แล้วไอ้ที่พูดเมื่อกี้คือ .... ”

“ แหม  เด็กเรียนอย่างฉันก็มีหัวใจนะยะ ” แพรวทำหน้าบูดใส่ฉัน ก่อนจะลงมือตักข้าวใส่ปาก

หลังจากที่เราสองคนกินข้าวกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ฉันกับแพรวก็ไปหาข้อมูลทำรายงานที่อาจารย์บี

พึ่งสั่งสดๆร้อนๆตอนคาบที่แล้วที่ห้องสมุด

 

-ห้องสมุด-

ระหว่างที่ฉันกำลังเดินหาหนังสือที่ต้องการอยู่นั้น

“ ทำไมพี่ต้องไปกับนังนั้นด้วย ไหนบอกจะรีบกลับไปทำรายงาน แล้วข่าวนี่คืออะไร รินต้องการคำ

ตอบค่ะ “  ไอรินกับพี่แม็ททิวกำลังคุยกันอยู่ในโซนในสุดของห้องสมุด

“ ฝนตกครับ ผมก็เลยไปส่งน้องเค้า ”

“ ทำไมต้องไปส่งคะ กับรินพี่ไม่เห็นจะสนใจเลย ขนาดรินพูดกับพี่อยู่พี่ยังเอาแต่อ่านหนังสือ แล้ว

จะให้รินคิดยังไง ”

“ ขอโทษนะรินพี่จะอ่านหนังสือ ”

“ กรี๊ดดด พี่แม็ททิว !! ” ด้วยเสียงอันแหลมสูงของไอริน ทำให้อาจารย์ประภา บรรณารักษ์

ประจำห้องสมุดเดินมาเตือน ไอรินเดินกระแทกเท้าออกจากห้องสมุดโดยไม่สนใจสายตาของคน

รอบข้างที่มองเธอด้วยความอยากรู้อยากเห็น ฉันเดินไปหาพี่แม็ททิวด้วยอาการกล้าๆ กลัวๆ

“ เอ่อ ...  เรื่องข่าวนั้น ”

“ ผมไม่สนใจหรอก ” พี่แม็ททิวตอบกลับมาแทบจะทันทีที่ฉันพูดจบ สายตาของพี่เค้ายังคงจับ

จ้องอยู่ที่หนังสือในมือ เห็นดังนั้นฉันเลยเดินกลับมานั่งที่โต๊ะโดยไม่ได้พูดอะไรต่อ คนอะไรก็ไม่รู้

หลงตัวเองชะมัด ไม่ได้อยากรู้สักหน่อย ฉันสนใจตัวเองมากกว่าเพราะฉันต่างหากที่เป็นฝ่ายเสีย

หาย

 

     วันนี้เป็นเวรทำความสะอาดของฉัน หลังเลิกเรียนฉันจึงอยู่ทำความสะอาดห้อง กว่าจะเสร็จก็

เย็นจนเกือบจะค่ำแล้ว ก่อนกลับบ้านฉันแวะล้างมือที่ห้องน้ำหลังตึกเรียน อยู่ๆ ประตูทั้งสองด้านก็

ถูกล๊อกจากด้านนอก ด้วยความตกใจฉันวิ่งไปที่ประตูทันที

“ ปัง ๆ เปิดนะ ปัง ๆ ๆ ๆ ” ฉันรัวมือไปที่ประตู

“ อย่ายุ่งกับพี่แม็ททิวอีก แค่นี้ยังน้อยนะ ถ้าเธอไม่ยอมฟังคำเตือนจากฉัน เธอโดนหนักกว่านี้แน่ ”

เสียงแหลมเล็กดังมาจากหน้าประตู น้ำเสียงของเธอทำให้ฉันจำได้ทันที

“ ไอริน ...   ไอรินใช่ไหม เปิดนะ เธอเป็นบ้าอะไรเนี่ย ฉันกับพี่เค้าไม่ได้เป็นอะไรกันนะ ”

“ งั้นเธอก็เลิกอ่อยเค้าสิ อยู่ห่างๆ เค้าไว้ อย่ามายุ่งกับของๆ ฉัน “ ฉันก็ได้ยินฝีเท้าที่กำลังห่าง

ไกลออกไป  ใจฉันเต้นเร็วจนรู้สึกได้

“ ปังๆ ๆ  ๆ  เปิดนะไอริน .....    ไอริน  !!    ปัง ๆ  ๆ   ๆ ” ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ  รอบตัวของ

ฉันมีแต่ความเงียบ ฉันรัวมือใส่บานประตูเรื่อยๆ จนรู้สึกปวดไปมั่วทั้งมือ ในเวลาแบบนี้ทุกคนคง

กลับบ้านกันหมดแล้ว ความสิ้นหวังทำให้น้ำตาหยดเล็กๆ ไหลรินอาบแก้มของฉัน  ความเงียบ

ทำให้ฉันรู้สึกกลัว เวลาผ่านไปนานแค่ไหนไม่รู้ แต่เหมือนฉันเริ่มจะมีหวังขึ้นมา เมื่อฝีเท้าของใคร

บางคนดังแว้วๆ อยู่ไกล 

“ ช่วยด้วยค่ะ !!!  มีใครอยู่ข้างนอกไหม ปัง ๆ ๆ ๆ ” ฉันรัวมือใส่ประตูอีกครั้ง ตะโกนออกไปอย่าง

สุดเสียง  ปัง ๆ ๆ ๆ  ๆ ความปวดร้าวที่มือทำให้น้ำตาไหลของฉันไหลออกมาอย่างไปขาดสาย

“ ใคร !! ใครอยู่ในนั้น ” เสียงทุ้มๆ ของใครบางคนตะโกนอยู่หน้าห้องน้ำ ฉันจำมันได้ดีไม่รู้ตั้งแต่

เมื่อไหร่ที่มันถูกฝังลงไปในโซนประสาทของฉัน

“ พี่แม็ททิว!! ใช่พี่หรือเปล่า ช่วยเนด้วย ปัง ๆๆๆ ”

“ เน ! รอแปบนะ จะไปหาอะไรมางัดกุญแจ ” ถึงมันจะเป็นเสียงที่ราบเรียบ แต่มันก็ทำให้ฉันใจชื้น

ขึ้นมา ไม่นานพี่เค้าก็กลับมาพร้อมกับงัดกุญแจที่อยู่หน้าประตู ทันทีที่ประตูเปิด ฉันดีใจจนพูดอะไร

ไม่ออก ยืนทื่อเป็นหินอยู่อย่างนั้น น้ำตาที่รื้อขึ้นมา ทำให้ฉันมองเห็นคนตรงหน้าไม่ชัด

พี่เค้าดึงมือฉันให้เดินตามไป ฉันไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใด ตลอดทางพี่เค้าไม่ได้พูดอะไร เราหยุดนั่ง

ตรงม้าหินหน้าตึก 1 ในใจของฉันตอนนี้มีแต่ความว่างเปล่า ในหัวตื้อไปหมด พี่เค้าจับมือที่สั่นเทา

ของฉันขึ้นมาพิจารณา

“ เจ็บหรือเปล่า ” เสียงเย็นของพี่เค้าทำให้ฉันเงยหน้าขึ้น ถึงสีหน้าจะเรียบเฉย แต่แววตาบ่งบอก

อะไรบางอย่าง มันดูร้อนรน ดูกลัว ฉันเองก็ไม่เข้าใจ แว็บเดียวเท่านั้นแค่แว็บเดียวที่ฉันเห็น แล้ว

มันก็กลับมาเยือกเย็นเหมือนเดิม  

“ กลับเถอะ เดี๋ยวแม่จะเป็นห่วง ” เราสองคนเดินกลับบ้านด้วยกัน

“ ทำไมพี่ถึงยังไม่กลับคะ” ฉันเอ่ยปากถามเพื่อทำลายความเงียบ แต่พี่เค้าก็ไม่ได้ตอบอะไร

ระหว่างทางพี่เค้าแวะซุปเปอร์ฯแปบนึงเพื่อซื้อของ ไม่นานเราสองคนก็เดินมาถึงบ้านของฉัน

“ มีอุปกรณ์ทำแผลหรือเปล่า ”  พี่แม็ททิวถามขึ้นขณะที่ฉันกำลังจะเปิดประตูรั้ว

“ มีค่ะ ยังไงก็ขอบคุณพี่มากๆ นะคะ ถ้าไม่ได้พี่คืนนี้เนคงนอนในห้องน้ำ ” ฉันตอบไปแบบยิ้มๆ

“ เดี๋ยวผมทำแผลให้ ” ประโยคสั้นๆ ทำให้ฉันนิ่งค้าง สีหน้าเรียบเฉยของพี่เค้าทำให้ฉันไม่อาจรู้

ได้ว่าเค้ากำลังคิดอะไรอยู่  บ้านมืดแบบนี้แม่คงกลับดึกอีกตามเคย ฉันเชิญพี่เค้ามานั่งที่โซฟา

ก่อนจะเดินไปหยิบอุปกรณ์ทำแผล พี่เค้าทำแผลให้ฉันโดยไม่พูดอะไร เค้าบรรจงทายาอย่าง

เบามือ สัมผัสของเค้าทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก ฉันพึ่งเคยเห็นพี่เค้าใกล้ๆ แบบนี้ก็ครั้ง

แรกนี่แหละ ไรผมที่ลงมาปรกหน้าช่างรับกับใบหน้าคมคายของเค้า ริมฝีปากสีชมพูธรรมชาติ

ทำไมนะฉันถึงรู้สึกว่าพี่เค้าดูดีจัง นี่ฉันต้องเพี้ยนไปแล้วแน่ๆ ระหว่างที่ฉันอยู่ในความสับสน พี่เค้า

หยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋า มันดูเหมือนพลาสเตอร์

“ ทำไมถึงไม่ใช้พลาสเตอร์ธรรมดาปิดละคะ ” ฉันถามด้วยความสงสัย

“ แผลไม่ได้ลึกครับ แค่ถลอกธรรมดา ถ้าปิดแบบหนาอากาศจะเข้าไม่ได้ ปิดกันฝุ่นเข้าเฉยๆ ” จบ

ประโยคนั้นพี่เค้าก็หยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน ตลอดเวลาเกือบสองชั่วโมง เราสองคนไม่ได้ปริปากพูด

อะไรกัน ฉันนั่งดูทีวีค่าเวลา ส่วนพี่เค้าก็จับจ้องอยู่ที่หนังสือ ทำไมแม่ยังไม่กลับสักที เริ่มหิวแล้วนะ

เหมือนกระแสจิตของฉันจะส่งไปถึงแม่ รถของท่านก็แล่นมาจอดที่หน้าบ้านโดยทันที

“ ไงจ้ะลูกสาว หิวไหมๆ ” แม่เปิดประตูเข้ามาพร้อมกับถือของพลุงพลัง

“ ผมช่วยนะครับ ” พี่แม็ททิวรับของจากแม่มาถือไว้ในมือ

“ อ้าว แม็ททิว พอดีเลยลูก อยู่ทานข้าวด้วยกันก่อนสิ ” พี่แม็ททิวถือของตามแม่เข้าไปในครัว

“ คือ พรุ่งนี้ผมมีสอบครับ ต้องรีบกลับไปอ่านหนังสือ กะว่าอยู่เป็นเพื่อนน้องรอคุณน้ามาผมก็จะ

กลับเลยครับ ” ถึงเสียงจะอยู่ในครัวแต่ฉันก็ได้ยินมันอย่างชัดเจน ฉันเดินไปส่งพี่เค้าหน้าบ้านก่อน

จะเอ่ยขอบคุณอีกครั้ง

“ ยังไงก็ขอบคุณจริงๆ นะคะ ” ฉันมองตามแผ่นหลังของเค้าจนมันลับสายไป

 

         คืนนั้นฉันพยายามข่มตาให้หลับ ใบหน้าของพี่เค้ามันลอยไปลอยมากวนใจฉัน ที่พี่เค้าไม่

ยอมกลับเพราะแบบนี้เอาเหรอ ฉันกำลังคิดเข้าข้างตัวเองอยู่ใช่ไหม พลัสเตอร์สีเนื้อที่มือทำให้ฉัน

รู้สึกถึงสัมผัสอุ่นๆ จากมือพี่เค้า นี่ฉันกำลังหน้าแดงใช่ไหม ความร้อนอ่อนๆ เกิดขึ้นบนแก้มจนรู้สึก

ได้ ความรู้สึกนี่คืออะไรกัน ฉันใช้ผ้าห่มนุ่มๆห่มตัวก่อนจะผลอยหลับไป

 

 

แม็ททิวจะรู้ไหมว่าใครเป็นคนแกล้งเน ???

 

---------------------------- โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ -----------------------------

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา