The Many Worlds Theory

8.7

เขียนโดย basketcage

วันที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 เวลา 16.41 น.

  3 chapter
  0 วิจารณ์
  4,989 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 16.54 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) โลกคู่ขนาน 2

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

     ผมแต่งตัวใส่เสื้อผ้าอย่างง่ายๆ เป็นชุดเสื้อเชิ้ตกับกางเกงยีนส์สามส่วน ยัยปุ๋ยยื่นแผ่นกระดาษแผ่นนึงมาให้ผม

“อะไร”

“เบอร์โทรดร.งู คนนั้นยังไง”

“บ้า ไม่เอา ไม่โทร”

ผมยื่นกระดาษใบนั้นกลับไป

“โทรเดี๋ยวนี้”

เธอทำตาดุใส่ผม ไม่รู้ว่าทำไมผมต้องทำตามยัยบ๊องส์นี่ด้วยก็ไม่รู้ แต่เอาก็เอาเถออะ โทรก็โทร

“ตรู๊ดดด ตรู๊ดดด” มีเสียงคนรับสายจากปลายทาง

“สวัสดีครับดร.งูใช่มั้ยครับ ผมเห็นเบอร์โทรคุณจากยูทู.......”

ผมยังพูดไม่จบประโยคดี อยู่ๆดร.งู แกก็พูดแทรกมาซะงั้น

“โอเคๆ เข้าใจแล้ว คุณดูคลิปของผมแล้วใช่มั้ย? โอเค งั้นคุณออกมาหาผมเลยนะ คืนนี้ผมจะปฏิบัติการณ์ใหญ่”

“ห๊า มาหาเลยเหรอครับ คือ ผมแค่โทรมา ยังไม่ได้บอกว่าจะไปไหน”

แล้วดร.งูก็พูดแทรกมาอีก

“มาเหอะๆ เดี๋ยวก็รู้เอง ผมจะส่งที่อยู่ผมไปที่กล่องข้อความให้นะ”

“ดะ ดะ เดี๋ยวครับ คือ ผมยัง.....”ตรู๊ดๆๆๆๆ“......ไม่รู้จักคุณเลย”

สายโทรศัพท์นั้นก็โดนตัดไปอย่าง งงๆ

อะไรวะ ในโลกนี้ยังมีคนแปลกๆแบบนี้ด้วยหรือเนี่ย ผมคิดในใจ

“เขาว่ายังไงบ้าง”

ยัยปุ๋ยถามผมมา

“เค้าบอกว่าให้เราไปหาเขา เพราะเขาจะมีปฏิบัติการณ์อะไรบางอย่างคืนนี้ ดูท่าทางแกเพี้ยนๆอย่างที่ว่านั่นแหละ อะไรก็ไม่รู้ พูดกันยังไม่ถึงสามคำเลย อยู่ๆจะให้ไปหา เฮ้อ...”

“ตึ๊ง ตึ่ง”

“มี เสียงข้อความโทรศัพท์เข้ามา” ผมก้มหน้าดูที่โทรศัพท์

“ไหนๆ ขอหนูดูหน่อย ข้อความอะไร”

ผมส่งมือถือไปให้ยัยตัวแสบดู

“ดร.งู คนนั้น เขาส่งมาว่า ให้ไป {ซอย รามคำแหง55 บ้านอยู่ที่หลังในสุด ประตูสีเขียว} อะพี่มาร์ค”

ยัยปุ๋ยหันหน้ามาถามผม

“แล้วพี่จะไปมั้ย”

ผมมองยัยตัวแสบด้วยหางตา

“วู้ จะไปอะไรล่ะ เห็นๆอยู่ว่าคนมันเพี้ยน”

“งั้น”

ยัยปุ๋ยเดินไปที่หน้าโน๊ตบุ๊คผม ตรงนั้นมีกุญแจรถวางอยู่ ยัยนั่นก็คว้ากุญแจรถผมขึ้นมาไว้ในมือ

“ปุ๋ยไปเองคนเดียวก็ได้”

“เฮ้ย นั่นกุญแจรถของพี่ เอามา”

“ไม่ให้ อยากได้ก็มาเอาเองสิ”

ผมวิ่งไล่ยัยน้องสาวตัวแสบของเพื่อน

“เอามานี่ “

พอผมเอื้อมมือขวาไปคว้า เธอก็เบี่ยงหลบออกทางซ้ายอย่างรู้ทัน

“ไม่ให้”

ยัยปุ๋ยทำหน้าทำตายิ้มกรุ้มกริ่ม อย่างมีเลศนัย

“แน่จริงก็มาเอาตรงนี้สิ”

ว่าแล้วยัยปุ๋ยก็ หย่อนลูกกุญแจเข้าไปในคอเสื้อยืด ดอกกุญแจเจ้ากรรมดันหล่นไปอยู่ตรงซอกของภูเขาเนื้อสองลูกนั้นอย่างพอดิบพอดี

“ยัย ยัย นี่”

ผมนี่แทบคลั่ง  รู้สึกสุดเซ็งกับพฤติกรรมยัยตัวแสบนี่เหลือทน

“ยัยปุ๋ย นี่แกคิดว่าฉันไม่กล้าล้วงเรอะ”

ผมพูดเสียงกรอดๆ รอดไรฟันออกมา

น้องสาวคนสวยของเพื่อนรัก ท้าทายผมโดยการดันฐานหน้าอกให้นูนขึ้นมา และ ทำหน้าอ้อนๆ

“กุญแจอยู่ในนี้ไง มาล้วงสิคะ”

ผมส่ายหัวช้าๆ แล้วถอนถอนหายใจดัง เฮ้อ

“โอเค ยัยปุ๋ย แกชนะ ไปก็ไป”

“ไชโย”

ยัยปุ๋ยเดินยิ้มออกมาจากบ้าน ใส่รองเท้าเสร็จก็เดินไปขี่คร่อมเวสป้า แล้วสตาร์ทเครื่องรอ ส่วนผมก็ใส่รองเท้า ล็อคบ้านเสร็จ ก็กระโดดคร่อมซ้อนเธอไป ยัยปุ๋ยขี่รถไปเรื่อยๆออกแยกคลองตัน เข้าเส้นรามคำแหง ไม่นานก็ถึงซอย รามคำแหง 55 ตามที่เขียนไว้ในข้อความ เธอขับเข้ามาเรื่อยจนถึงสุดซอย ก็พบห้องแถวเล็กๆหลังนึง มีประตูสีเขียวตามที่ข้อความในมือถือบอกเอาไว้เป๊ะ พอก้าวลงจากรถ ผมก็ยืนเกาหัว แกรกๆ แล้วคิดในใจว่า “ฉันจะมาที่นี่ทำไมกันวะเนี่ย”

ยัยปุ๋ยพอลงจากรถก็เดินไปกดกริ่งที่บ้านหลังนั้น

“กริ๊งๆๆ”

“มากันแล้วเหรอ รอแป๊บ”

เสียงขลุกขลักๆ ดังมาจากในบ้านนั้น

“โอเคมาแล้ว”

ดร.สติเฟื่องเปิดประตูต้อนรับพวกเราทั้งสองคน ผมมองไปที่บนหัวแก เห็นแกใส่หมวกประหลาดๆ รูปร่างเหมือนเครื่องช็อตไฟฟ้าของนักโทษประหารไม่มีผิด

“มาๆเข้ามา”

ผมมองนาย ดร.งู คนนี้ด้วยความรู้สึกที่ไม่ค่อยจะน่าเชื่อถือเท่าไรนัก พอผมหันไปหายัยตัวแสบ ยัยปุ๋ยก็เดินเข้าไปในบ้านโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ตาดร.งูก็กวักมือเชิญเรียกให้เข้ามาในบ้าน

“เดี๋ยวๆ นี่ยัยปุ๋ย แกจะเข้าไปทำไม”

ยัยตัวแสบหันมายิ้มให้ผมทีนึง แล้วก็เดินต้อยๆตามตาด็อกเตอร์งูไปอย่างง่ายดาย

“โธ่เว้ย ให้ตายสิ” ผมร้องมาด้วยอารมณ์ขัดใจ เอ๊าวะ ตามไปก็ไป

ดร.งูพาเดินลงบันไดมา มันเป็นบันไดเพื่อลงไปสู่ห้องชั้นใต้ดิน ซึ่งข้างหน้านั้นมีประตูบานใหญ่ ซึ่งหลังประตูบานนั้นน่าจะเป็นห้องทดลองลับอะไรอย่าง ตาดร.ตาปลาทอง ก็หันมายิ้มแล้วพูดกับเราสองคนว่า

“พร้อมที่จะเห็นสิ่งมหัศจรรย์หรือยัง”

ผมเลยแทรกขึ้นมาว่า

“เดี๋ยวสิ ด๊อก คุณยังไม่รู้ว่าผมคือใคร และ ผมก็ยังไม่รู้คุณเป็นใครเลย จะให้ผมทำอะไร ดูอะไร ไม่เอาอะ”

ตาดร.งูทำตาโต และ ทำหน้าตกใจ

“อ้าว พวกเธอโทรมาหาฉัน แล้วมาที่นี่ไม่ใช่เพราะอยากเห็นสิ่งประดิษฐ์ของฉันเรอะ สิ่งประดิษฐ์ที่จะเปลี่ยนชีวิตพวกเธอยังไง”

“มะ ไม่ เลย ตอนผมโทรไป คุณไม่เปิดโอกาสให้ผมพูดเลย อยู่ๆก็บอกให้มาหา”

“ฮ่าฮ่าฮ่า” ตาดร.หัวเราะลั่น

“แต่เธอก็มาหาฉันนี่ แปลว่า ลึกๆแล้วเธอก็อยากรู้ว่าสิ่งที่ฉันสาธยายไปในคลิป มันจะเป็นความจริงได้รึเปล่าใช่มั้ยล่ะ”

“เปล่า ผมโดนยัยนี่ลากมาต่างหาก”

ด๊อกเตอร์แกหันมาดูหน้าผมทีนึง ดูหน้ายัยปุ๋ยทีนึง ก่อนที่หันกลับมาดูหน้าผมอีกที แล้วตาดร.งูก็พูดมาขึ้นว่า

“เธอเป็นพวกกลัวเมียสินะ”

ยัยปุ๋ยพอได้ยินประโยคนั้นก็หัวเราะ คิๆๆ อย่างชอบใจ

“บะ บ้า เมีย เมอ ที่ไหน ยัยนี่มันเป็นน้องของเพื่อนผมต่างหากเล่า”

แต่ ดร.ดูเหมือนแกไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่

“เอาล่ะ ช่างเถอะ ถ้าฉันไม่แนะนำตัวก็คงเสียมารยาท ฉัน ดร.งู ชื่ออาจจะแปลกนิด เพราะพ่อฉันเป็นนักชีววิทยา ท่านชื่นชอบงูเป็นพิเศษ”

ยัยตัวแสบเลยยื่นมือไปเช็คแฮนด์ เพื่อแนะนำตัว

“ค่ะ ยินดีที่รู้จัก หนูชื่อปุ๋ยค่ะ ส่วนตานี่ชื่อมาร์ค เป็นเพื่อนของพี่ชายหนูเอง”

ดร.พยักหน้าให้ทีนึง ก่อนเดินลงไปอีกสองขั้นบันได เพื่อใส่รหัสผ่านที่ประตู ประตูบานนั้นจึงก็ค่อยๆแง้มออกมา

“เอาล่ะ เชิญพวกเธอเข้าไปดูนวัตกรรมใหม่ ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงมนุษยชาติได้เลย”

ในห้องนั้นเป็นห้องใต้ดินที่ค่อนข้างกว้างขวางผิดกับตัวบ้านที่เป็นตึกแถวเล็กๆคูหาเดียว เมื่อผมกวาดสายตาดูรอบๆห้อง สิ่งที่ได้เห็นก็มี จอมอนิเตอร์ 7-8 จอ คอมพิวเตอร์หลายเครื่อง  โน๊ตบุ๊ค กระดาษพิมพ์เขียวสักอย่างวางอยู่บนโต๊ะ มีเครื่องปั่นไฟ และ เครื่องอะไรอีกไม่รู้อีก2-3เครื่อง และ สิ่งที่ดูเด่นที่สุด ตรงกลางห้องมีเตียงที่เป็นเหมือนแค๊ปซูลวางไว้อยู่ 4 เตียง

“แคปซูลนั่น”

ผมชี้นิ้วไปที่เตียงแคปซูลประหลาดๆนั่น ดร.งูจึงหันหน้าตอบกลับมาว่า

“อ๋อ เครื่องไฮเปอร์สลีฟ เป็นแบบเดียวกับที่มนุษย์อวกาศของนาซ่าใช้สำหรับพักผ่อนในการเดินทางอันยาวนานในอวกาศ เครื่องนี้ช่วยทำให้ชีพจรเต้นช้าลง ให้อยู่สภาวะเกือบหยุดนิ่ง เมื่ออยู่ในเครื่องนี้ ร่างกายจะไม่ทรุดโทรมตามกาลเวลามากนัก จะอยู่ในภาวะเหมือนการจำศีล”

“แล้วด๊อกจะเอาเครื่องนี้ไว้ใช้ทำอะไร จะเดินทางไปนอกโลกหรือไง”

ดร.ทำตาโต ตาที่กลมโตอยู่แล้วยิ่งโตขึ้นหมือนไข่ห่าน

“โอว์ ไม่ใช่ๆ สิ่งสำคัญคือไอ้นี่ต่างหาก”

เขาชี้ไปหมวกประหลาดที่อยู่บนหัว

“ฉันใช้เวลาศึกษาและทดลองสิ่งนี้มาทั้งชีวิต รู้มั้ยว่าสิ่งมีชีวิตทุกชนิดมีอนุภาคนึงที่เป็นพลังงานที่ไม่มีวันแตกสลาย ที่แม้ว่าตัวฉันเองก็ยังไม่เข้าใจ กำลังศึกษาข้อมูลอยู่ ฉันเรียกอนุภาคนี้ว่า อนุภาค x ”

“อนุภาค x เหรอ” ผมร้องออกมา

“ใช่แล้ว ร่างกายของสิ่งมีชีวิตทุกชนิดจะทำงานไม่ได้เลย ถ้าอนุภาค x นี้ไม่อยู่กับร่างกาย นั่นก็คือย้ายอนุภาค x หลุดออกไปจากร่างกายเมื่อไหร่ ร่างกายนั้นก็จะหยุดทำงาน หรือเรียกว่าตายนั่นเอง ถึงแม้ร่างกายจะตาย แต่อนุภาคนี้ก็ยังคงอยู่ไม่ดับ หรือ แตกสลายไปไหน”

“ด๊อกกำลังบอกผมว่า เมื่อใดที่อนุภาค x ที่ว่านี้ หลุดลอยออกจากร่างไป ร่างนั้นก็จะตาย?”

“ใช่แล้วไอ้หนู”

“งั้นอนุภาค x ที่ว่านี้ก็คือวิญญาณล่ะสิ?”

ดร.งูทำตาโต

“ไม่ๆ ไม่ฉันเรียกว่าวิญญาณ ฉันเป็นนักวิทยาศาสตร์ ถึงแม้มันอาจจะเป็นวิญญาณอย่างที่เธอว่าก็จริง ฉันก็ไม่มีวันเรียกว่าวิญญาณหรอก”

“โอเค ถ้าเดาไม่ผิด เครื่องที่อยู่บนหัวดร.น่าจะเป็นเครื่องถอดวิญญาณ เอ่อ ถอดอนุภาค x ล่ะสิ”

“โป๊ะเชะ ใช่เลย ไอ้หนู”

แกดีดนิ้ว

“เครื่องบนหัวนี่ เป็นเครื่องดึงอนุภาค x ให้ออกจากร่าง เพราะการที่จะดึงอนุภาคx ออกจากร่างกาย โดยที่ร่างกายไม่ดับสลายนั้น ต้องทำให้ร่างกายอยู่ในสภาวะเหมือนหมีจำศีลในหน้าหนาว หรือ ปลาที่หมกตัวอยู่ในดินโคลนเพื่อรอน้ำใหม่มา”

“งั้นก็เหมือนที่พระ หรือ ผู้ทรงศีล ที่ทำสมาธิจนสามารถถอดวิญญาณได้ ประมาณนั้นใช่ป่ะ”

ดร.งูแกทำหน้านิ่งๆ ก่อนที่จะตอบมาว่า

“ฉันเป็นนักวิทยาศาสตร์ ฉันไม่สามารถตอบคำถามใดๆ ในสิ่งที่มันเป็นความเชื่อ พวกสิ่งลี้ลับต่างๆ ฉันเชื่อในการทดลอง และ การหาคำตอบทางวิทยาศาสตร์มากกว่า แต่สิ่งนั้นมันก็อาจเป็นไปได้ถ้ามนุษย์ผู้นั้นสามารถทำสมาธิ จนชีพจร หัวใจ และ สมองทำงานช้าลงจนถึงระดับของภาวะจำศีล ก็อาจจะถอดอนุภาค x ออกจากร่างโดยที่ร่างกายไม่แตกสลายไปด้วยได้”

“โอเค ผมพอเข้าใจแล้วว่า ด๊อกสร้างเครื่องที่สามารถถอดวิญญาณออกมาได้ แล้วเราจะถอดวิญญาณไปเพื่อ?”

ดร.งูเดินมาที่หัวของเตียงแคปซูลที่มีเครื่องที่มีลักษณะ เหมือนซีพียูคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่เครื่องนึง

“เครื่องนี้เป็นเครื่องสร้าง เอ่อ ถ้าจะอธิบายให้เธอเข้าใจง่ายๆ มันก็คือเครื่องสร้างอุโมงค์มิติ อุโมงค์นี้จะเปิดทางสู่โลกคู่ขนานที่วางทับซ้อนกันอยู่ วิธีการทำงานมันอย่างงี้ เมื่อเราเข้าไปในเครื่อง Hyper Sleep เครื่องนี้ ร่างกายเราจะค่อยๆหลับลึกจนถึงภาวะของหมีจำศีล หมวกนี้ที่หัวใบนี้ก็จะดึงอนุภาค x ออกจากร่างกายมา แต่เธอไม่ต้องห่วง ไม่ตายหรอก ปลอดภัยแน่นอน เมื่อดึงอนุภาค x ออกมาได้แล้ว เจ้าเครื่องนี้ก็จะส่งอนุภาค x ผ่านเข้าไปในอุโมงค์มิติ  เพื่อไปหาโฮสต์ นั่นก็คือร่างกายของเราในจักรวาลอื่นนั่นเอง”

“อ้าว แล้วร่างกายของตัวเราในจักรวาลอื่น  ที่ วิญญาณ เอ้ย ไม่ใช่สิ อนุภาคx  ของเราเข้าไปสิงเขาอยู่เนี่ย อนุภาค x ของเขาจะไปอยู่ที่ไหน”

ดร.แกตอบมาว่า

“ก็อยู่ในโอสต์เดียวกันนั่นแหละ แต่โฮสต์ที่โดนอนุภาค x ของเรา เข้าไปอยู่ในโฮสต์  อนุภาค x ของเจ้าของร่าง จะเข้าสู่การจะหลับไหลในสภาวะของการจำศีล แต่เมื่อเราเรียกอนุภาคxนั้นให้กลับมาที่จักรวาลนี้เมื่อไหร่  โฮสต์นั้นก็จะตื่นขึ้นมาเหมือนหลับยาวไปเท่านั้นเอง”

“งั้นเหมือนเราเป็นผี เป็นวิญญาณ เราไปสิงร่างของเค้า แล้วคุมร่างกายเค้า ประมาณนั้นล่ะสิ”

ดร.งู เอามือจับที่ปลายคางตัวเอง แล้วแกก็นิ่งไปสักพัก

“อืม ถ้าเธอจะเข้าใจเช่นนั้น มันก็ถูกต้องนะ”

ยัยปุ๋ยที่เงียบอยู่นาน ก็เอ่ยถามคำถามนึงออกมา

“เครื่องนี้ส่งได้แต่อนุภาคx เหรอคะ สามารถส่งมนุษย์ที่มีชีวิต หรือ สิ่งของได้มั้ย”

“เป็นคำถามที่ดีมาก”

ดร.งูกล่าวออกมา

“เครื่องนี้จริงๆแล้วการทำงานเป็นเหมือนเครื่องส่งแฟกซ์  ถ้าส่งสิ่งมีชีวิตออกไปจักรวาลอื่น มีโอกาสรอดมีแค่ 10% เท่านั้น แต่สำหรับสิ่งของแล้วไม่มีปัญหา แต่สิ่งของนั้นต้องไม่ใหญ่มาก เพราะการส่งแต่ละครั้งต้องใช้พลังงานอยู่มากโข”

“แล้ว ถ้าส่งสิ่งมีชีวิตไปจะเป็นยังไงบ้างคะ”

ดร.งูเดินไปค้นสมุดในลิ้นชักมาเล่มนึง เป็นสมุดที่บันทึกผลการทดลอง

“ฉันเคยทดลองกับหนูทดลองมาทั้งหมด 200 เคส สรุปมีหนูทดลองรอดแค่ 16 ตัว แต่...”

“แต่อะไรคะ” ยัยปุ๋ยถาม

“ร่างกายที่ส่งผ่านอุโมงค์มิติไปแล้วนั้น เมื่อประกอบเป็นร่างใหม่ มันจะผิดปกติทุกตัว”

“อ้าว ทำไมล่ะคะ”

ดร.งูขมวดคิ้วจนคิ้วทั้งสองข้างชนกัน

“การส่งผ่านอุโมงค์ ฉันอธิบายไปแล้วว่าเหมือนการส่งของเครื่องรับส่งแฟกซ์ มันจะถอดเซลล์แต่ละเซลล์ ส่งโดยไปจัดเรียงใหม่ที่จักรวาลคู่ขนานที่เราต้องการจะไป การส่งมันจะแยกทุกส่วนของอณูร่างกายทั้งหมดไปประกอบใหม่ที่อีกฝั่งนึง ซึ่งการประกอบร่างกายใหม่นั้นมีโอกาสสูงมากที่จะจัดเรียงโมเลกุลของดีเอ็นเอผิดพลาด เพราะร่างกายของสิ่งมีชีวิตมันซับซ้อนเกินไป ถ้าไม่ตาย ร่างกายที่ประกอบมาก็จะพิการผิดรูปร่างเลยทีเดียว”

“แล้วกับสิ่งของล่ะคะ?”

“โนพร็อมแพรม ต่อให้เป็นอุปกรณ์อีเลคโทรนิคซับซ้อน อย่าง..เอ่อ”

ดร.งู ล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง

“โทรศัพท์สมาร์ทโฟนแบบนี้ฉันก็เคยส่งไปนะ ถ้าเป็นสิ่งไม่มีชีวิตการจัดเรียงโอกาสผิดพลาดน้อยกว่า 0.001% แต่สิ่งของส่งไปได้อย่างเดียวนะ ส่งกลับมาไม่ได้ เพราะปลายทางไม่มีเครื่องที่จะส่งกลับมา แต่กับอนุภาคx นี้ไม่มีปัญหา เพราะหมวกใบนี้จะทำหน้าดึงอนุภาคx กลับเข้ามาสู่ร่างต้นได้”

“ทำไมส่งได้แต่สิ่งของล่ะคะ หนูไม่เข้าใจ”

“ฉันก็อยากรู้เหมือนกัน ฉันทดลองมาเป็นสิบปีแล้วก็ยังหาคำตอบไม่ได้ว่าทำไมสิ่งของส่งไปได้โดยไม่มีปัญหา แต่กับสิ่งมีชีวิตนั้น ไม่เคยทำสำเร็จได้สักที”

ยัยปุ๋ยดูท่าทางตื่นเต้น

“ด็อกสร้างเครื่องอุโมงค์ข้ามมิตินี่ได้เป็นสิบปีแล้วเหรอคะ”

“ใช่แล้วนังหนู”

“แล้วทำไมด๊อกไม่ประกาศสู่สาธารณะชนไปเลยล่ะคะ ด๊อกอาจจะเป็นคนไทยคนแรกที่คว้ารางวัลโนเบลสาขาวิทยาศาสตร์ก็เป็นไปได้”

ดร.งูแกยิ้ม แล้วพูดออกมาว่า

“ฉันไม่สนใจเรื่องนั้นหรอก”

ยัยปุ๋ยฟังที่ดร.ตาปลาทองเล่าอย่างสนอกสนใจ

“จริงๆ หลังจากที่ฉันทดลองส่งสิ่งมีชีวิต เอ่อ ฉันหมายถึงหนูทดลอง ซ้ำแล้วซ้ำอีก ฉันก็เริ่มถอดใจ จนเมื่อหลายปีที่ผ่านมา ฉันได้รับการติดต่อให้ไปทำงานที่ Cern ฉันไปกับเพื่อนนักวิทยาศาสตร์ชาวอินเดียคนนึงที่สอนอยู่ฮาวาร์ด พวกเราสองคนได้ไป Cern ห้องทดลองยักษ์ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก”

“ด๊อก เคยอยู่ที่ Cern จิงอะ โม้ป่าว”

ผมแทรกขึ้นมาทันที

ดร.งู แกบุ๊ยปากมาทางผม

“ฉันน่ะจบดร.ฮาร์วาร์ดเชียวนะเฟ้ย หลังจากจบมา เคยสอนหนังสือให้นักศึกษาปริญญาโทอยู่ที่  MIT หรือ สถาบันเทคโนโลยีแมสซาซูเซตส์  รู้จักหรือปล่าว แต่ฉันไม่ใช่คนขี้คุยหรอกนะเฟ้ย ฉันก็ทำการวิจัยอย่างบ้าคลั่งเกือบสิบปีอยู่ที่ Cern จนฉันพบสิ่งนึงในการทดลองอนุภาค ฮิกส์ โบซอน ซึ่งเป็นอนุภาคที่เล็กที่สุดในโลกต้องใช้เครื่อง  LHC หรือเครื่องยิงอนุภาคขนาดใหญ่มาจับถึงจะเจอ ซึ่งการทดลองกับเซิร์นนั้น ฉันบังเอิญไปเจออนุภาค ฮิกส์ ที่หลบซ่อนอยู่ในสมองสิ่งมีชีวิตทุกชนิด”

แกเว้นระยะไปนิดนึง

ซึ่งอนุภาคฮิกส์นั้น เล็กกว่าอะตอม เล็กกว่า คว๊ากซ์ ซะอีก ฉันเรียกอนุภาคฮิกส์ตัวนี้ที่ฉันค้นพบว่า อนุภาคx มันเป็นอนุภาคที่แปลก มันมีพลังงานอยู่ในตัวเอง สิ่งมีชิวิตใดถ้าโฮสต์หรือร่างกาย กับ อนุภาคx นี้แยกออกจากกัน สิ่งมีชีวิตนั้นก็จะดับสลาย หรือเรียกง่ายๆว่าตายนั่นเอง ซึ่งการค้นพบของฉันในครั้งนั้น มันทำให้ฉันตื่นเต้นเอามากๆ”

“หนูฟังไม่ค่อยใจหรอกนะ อะไรฮิกส์ๆ เครื่องยิงอนุภาคอะไรนั่นน่ะ หนูอยากรู้แค่ว่า ทำไมอนุภาคx ที่ด๊อกว่าเนี่ย มันถึงส่งไปในอุโมงค์มิติได้แค่นั้นเอง”

“ตอบให้เธอเข้าใจง่ายๆ อนุภาคx มันเล็กมาก สมมุติ ว่าร่างกายมนุษย์มีขนาดข้อมูล 1 เทเลไบร์ท หรือ 1000 กิ๊กกาไบร์ท อนุภาคx ก็เป็นขนาดข้อมูลแค่  1 Bytes ซึ่งถือว่าเล็กมากๆ จึงไม่มีปัญหาในการส่งข้อมูล ไม่ต้อง มีการจัดเรียงข้อมูลใหม่ใดๆทั้งสิ้น”

“โอเค ไอ ซี”

“กู๊ด จ๊อบ เกิร์ล” ดร.งู ยกนิ้วโป้งให้เธอ

ผมมีข้อสงสัย เลยถามแกไปว่า

“อนุภาค x ของ ด๊อก ผมคิดดูแล้ว มันก็คือ วิญญาณ นั่นเอง ใช่มั้ยครับ”

ดร.งู แกเม้มปาก เอามือมาเชยที่ปลายคางตัวเอง

“ตามหลักวิทยาศาสตร์มันก็อาจเป็นไปได้ เพราะเมื่อโฮสต์ดับสลายไป ก็เหมือนกับเครื่องคอมพิวเตอร์เสีย ไม่สามารถทำงานได้อีกต่อไป ฉันเคยทดลองตรวจจับอนุภาคx ด้วยเครื่องมือชิ้นนึงที่ฉันสร้างขึ้น”

ว่าแล้ว ดร.งู แกก็เดินไปที่โต๊ะทำงานแกที่วางพิมพ์เขียวไว้เยอะๆ หยิบเครื่องมือประหลาดๆที่วางอยู่บนโต๊ะนั้น  มันรูปร่างเหมือนเครื่องยิงบาร์โค๊ดในห้างสรรพสินค้า แล้วดร.งูก็เดินมาใกล้ๆกับผม

“เมื่อโฮสต์ตาย อนุภาคx ก็จะลอยตัวออกมาจากโฮสต์  ซึ่งฉันบอกไปแล้วว่าอนุภาคนี้มันเล็กมาก เล็กกว่าอะตอม และ เล็กกว่าคว๊ากซ์ซะอีก แต่สิ่งที่แปลกของมันก็คือ อนุภาคxนี้ มันไม่มีวันสูญสลาย เหมือนมันเป็นอนุภาคที่คงกระพันอย่างนั้นแหละ ฉันเคยทำการทดลองผสมไข่ของตัวอ่อนกบ โดยส่องจากเครื่องจุลทรรศน์ที่วิจัยโดยเซิร์น มันเป็นเครื่องจุลทรรศน์ดีที่สุดที่โลก ที่ขยายเห็นจนถึงระดับจุลภาคที่เล็กที่สุด ตามหลักชีววิทยาที่เธอพวกเรียนมาตอนม.ต้น เมื่อสเปิร์มผสมกับไข่ จะเกิดการจับคู่ของโครโมโซม x และ y เมื่อโครโมโซมทั้งสองจับคู่กันก็จะเกิดเป็นตัวอ่อนสิ่งมีชีวิต แต่เมื่อส่องขยายไปถึงระดับที่เล็กกว่าคว๊ากซ์เธอจะเห็นอนุภาค x นี้ ลอยมาเกาะไข่ที่กำลังผสม ถ้าไม่มีอนุภาคx นี้มาเกาะที่เซลล์ตัวอ่อน สิ่งมีชีวิตก็ไม่มีทางเกิด มันยังเป็นเรื่องที่ลึกลับ ที่ฉันต้องค้นคว้าวิจัยต่อไป”

“ก็นั่นแหละครับ ที่เขาเรียกว่าวิญญาณ” ผมย้อนกลับไป

ดร.งูแกทำท่าทางคิดวิเคราะห์

“อืมม ก็อาจจะเป็นไปได้นะ ฉันเคยทดลองโดยใช้เครื่องตรวจจับอันนี้....”

แกชูเครื่องมือที่เหมือนปืนยิงบาร์โค๊ดอันนั้นขึ้นมา

“...ฉันไปทดลองตรวจจับสถานที่ ที่มีอนุภาคx หนาแน่นที่สุดจะเป็นตามวัด ป่าช้า หรือ สนามรบเก่า แต่ฉันก็ยังไม่สรุปว่ามันคือสิ่งที่คนทั่วไปเรียกว่า วิญญาณ หรือเปล่านะ เพราะฉันเชื่ออะไรที่มันเป็นวิทยาศาสตร์ที่พิสูจน์และจับต้องได้มากกว่า ฉันไม่เชื่ออะไรที่มันเป็นสิ่งที่พูดมาลอยๆ พิสูจน์ และ จับต้องไม่ได้”

แกลองยิงเครื่องนั้นมาแถวๆรอบตัวผม เครื่องนั่นฉายแสงเลเซอร์สีเขียวเหมือนตรวจจับอะไรบางอย่าง แล้วก็มีเสียงปี๊บๆ ดังขึ้นมา ไฟนั้นก็กลายเป็นสีแดง

“ตอนนี้ มันมีอนุภาค x ลอยอยู่ข้างหลังเธอสองคน เครื่องตรวจจับมีตัวเลขขึ้นบอกมาว่า มีอยู่ 18 อนุภาค”

ผมกับยัยปุ๋ย หันควับ มองไปรอบๆตัว

“ด๊อกคุณเล่นอะไรน่ะ น่าขนลุกชะมัด”

ดร.งูแกหัวเราะ ฮ่าๆๆ

“เธอจะตกใจอะไร มันอาจจะเป็นอนุภาค x ของสัตว์ทดลองอย่างหนู หรือ แมลงสาบ เธอไปตบยุง หรือ ไปเหยียบมดตายมาบ้างหรือเปล่าล่ะ มันลอยอยู่รอบๆตัวเราเป็นล้านๆอนุภาคแหละ มีพบเห็นได้ทั่วไป ไม่ใช่ของแปลกอะไร”

ยัยปุ๋ยทำหน้าเหวอๆ รู้สึกสยองขึ้นมาเล็กๆ

“ส่วนไอ้นี่มันก็แค่ของเล่นของฉันชิ้นนึง อย่าไปสนใจอะไรกับมันมากเลยนะ เพราะฉันอยากให้พวกเธอมาช่วยงานฉันหน่อย”

ดร.งู แกจับมาจับที่ไหล่ของผม แล้วชี้ไปที่เครื่องซีพียูประหลาด ที่อยู่ข้างบนหัวเตียงแคปซูลประหลาดนั้น

“นั่นคือเครื่องเปิดอุโมงค์มิติตามที่ฉันบอกไว้แล้ว มันต้องใช้พลังงานอย่างมหาศาลในการเปิดอุโมงค์ ตอนนี้พลังงานในเครื่องไม่ค่อยมีแล้ว เพราะฉันใช้ทดลองมาหลายครั้งจนพลังงานแทบหมด เราจะไปเอาพลังงานมากัน และ ขณะนี้เวลา...”

ดร.สติเฟื่องยกนาฬิกามาดูเวลา

“6โมงตรง เคารพธงชาติพอดี เราจะเดินทางกัน คงไปไกลกันหน่อย...”

“จะไปไหนกันหรือคะ”

ยัยปุ๋ยถามดร.งู

“ฉันก็ยังไม่รู้เหมือนกัน ไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็เจอ ฮ่าฮ่าฮ่า”

ดร.สติเฟื่องเดินไปข้างหลังบ้านซึ่งมีถนนทะลุไปอีกซอยหนึ่ง ซึ่งมีรถแวนสีครีมคันหนึ่งจอดอยู่

“พวกเธอมาช่วยฉันหน่อยสิ”

ดร.งูเปิดท้ายรถ ผมเห็นเครื่องอะไรใหญ่ๆเครื่องนึง เหมือนเครื่องปั่นไฟ หรือเครื่องอะไรสักอย่าง เครื่องมันใหญ่มาก ใหญ่จนเต็มท้ายรถ ดร.งูเอื้อมไปหยิบอะไรสิ่งนึงมาจากใต้พรม สิ่งนั้นมันคือป้ายทะเบียน

“เดี๋ยวฉันขอเปลี่ยนป้ายทะเบียนนี่ก่อน” ดร.งูหันมาคุยกับผม

“ดะ เดี๋ยวนะ ทำไมต้องเปลี่ยนป้ายทะเบียน”

ผมถามด้วยความแคลงใจ

“อ้าว ถ้าไม่เปลี่ยน กล้องตามสี่แยกก็จับได้น่ะสิ อยากนอนคุกหรือไง”

“ต้องทำอะไรผิดกฏหมายด้วยเหรอ”

ดร.ทำหน้าครุ่นคิด ก่อนตอบกลับมาว่า

“ใช่ ต้องทำ แต่สิ่งที่ทำมันสำคัญต่อความก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์ ฉันคำนวณดูแล้วก็มันคุ้ม”

“ทำอะไร” ผมถาม

“ไปถึงเดี๋ยวก็รู้เอง”

“ไม่เอาอะ ถ้าให้ทำอะไรบ้าๆ ผมไม่เอาด้วยหรอก ยัยปุ๋ย พอแล้ว กลับเถอะ”

ผมหันไปพูดกับยัยตัวแสบ

“หนูไม่กลับหรอกค่ะ พี่เชิญกลับไปคนเดียวเถอะ”

“อะไรกันยัยนี่ เขาจะไปทำสิ่งผิดกฎหมาย ซึ่งทำอะไรก็ไม่รู้ อาจจะพาเราไปขโมยพลูโตเนี่ยมจากผู้ก่อการร้ายก็ได้ แบบในหนัง แบ๊ค ออฟ เดอะ ฟิวเจอร์ เธอเคยดูรึเปล่า”

“ไม่เคยดูอะ หนังอะไรไม่รู้โครตเก่า หนูเกิดไม่ทันหรอก”

“นั่นแหละ เราไม่ควรทำสิ่งผิดกฏหมาย อยากกินข้าวแดงหรือไง ห๊า”

“อิอิ เหรอ หนูก็ว่าน่าสนุกดีนะ มีการโจรกรรมลับ แบบพวกหนังมิสชั่นอิมพอชซิเบิลไง”

“นี่ฉันกำลังซีเรียสนะ”

ตาด็อกเตอร์แกเหมือนไม่ได้สนใจว่าเรากำลังทะเลาะอะไรกันอยู่ นั่งลงเปลี่ยนป้ายทะเบียนอย่างสบายใจเฉิบ พอเปลี่ยนข้างหลังเสร็จก็ไปเปลี่ยนข้างหน้ารถ แล้วแกก็เปิดประตูรถไปนั่งด้านคนขับ แล้วสตาร์ทเครื่องทันที

“อ้าว พวกเธอ ฉันเปลี่ยนเสร็จแล้ว ไปกันรึยัง”

ยัยปุ๋ยหันไปขานรับ

“ค่า ไปแล้วค่า”

แล้วยัยน้องสาวตัวแสบของเพื่อนก็ก้าวขึ้นประตูรถไปอย่างว่าง่าย แล้วตาดร.งู ก็ชะโงกหน้ามาหาผม

“อ้าว แล้วเธอล่ะ จะไปด้วยมั้ย”

โธ่เว้ย ให้มันได้อย่างงี้สิวะ”

ผมสบถออกมาเสียงเบาๆ อย่างรู้สึกขัดใจ ก่อนเดินขึ้นไปประตูด้านซ้ายของรถแวนคันนั้น

“เอาล่ะ ไปกัน”

ดร.งู ขับรถออกมาเรื่อยๆ วิ่งไปเส้นบางนา ผมดูแกมองซ้ายมองขวาเหมือนหาอะไรสักอย่าง และ ขับไปเรื่อยๆไม่รู้ว่าจะไปไหน

“ด๊อก คุณจะพาเราไปไหน”

ผมเลยถามขึ้นมา

“ฉันกำลังหาอยู่นี่แหละ ไปไหนก็ได้ ที่ไกลๆ และปลอดคน เราจะเอาพลังงานจากที่นั่น”

ผมก็ยังไม่เข้าใจที่ด๊อกแกพูดอยู่ดี

ด๊อกแกรถขับมาเรื่อยๆ นี่ก็เกือบ 3 ชม.ที่แกขับตะลอนออกไปไหนต่อไหนก็ไม่รู้ มาไกลจนออกจะถึงชลบุรีอยู่แล้ว ขณะนี้เวลาก็2ทุ่มเกือบๆจะ3ทุ่ม

“ด๊อกคะ คุณเคยส่งใครไปจักรวาลอื่นมาก่อนหรือปล่าว” ยัยปุ๋ยถาม

ดร.สติเฟื่องหันมายิ้มให้ยัยปุ๋ย

“ก็ฉันไง แล้วอีกคนก็คือ ดร.วิษณุ เพื่อนของฉัน เขาเป็นนักวิทยาศาสตร์ชาวอินเดีย เดี๋ยวเธอก็ได้รู้จักเอง แต่ก่อนที่จะส่งใครไปเราต้องหาพลังงานมาให้ได้ซะก่อน ซึ่งฉันต้องการพลังงานที่เยอะมากๆด้วย”

ดร.งูขับรถเข้าไปในป่าที่ล้อมรอบด้วยภูเขา มันค่อนข้างลึก และยังซอกซอนเข้าไปในซอยที่ห่างไกลจากบ้านเรือนของผู้คน

“โอเค ตรงนี้นี่แหละ ปลอดคน คงไม่มีใครมาเห็นเวลาเรากำลังทำงาน เอ้า พวกเธอมาเปิดท้ายรถ แล้วหยิบถุงกระดาษที่วางอยู่ท้ายรถออกมาทีซิ”

ผมเปิดท้ายรถแล้วหยิบถุงกระดาษใบนั้นออกมา

“เอาล่ะ พวกเธอเปลี่ยนชุดกันก่อน”

ชุดที่อยู่ในถุงนั้น เมื่อคลี่ออกมาก็เป็นชุดสีส้ม ผมแจกให้ไปกันคนละชุด ชุดนั้นมันเหมือนเป็นชุดปฏิบัติงานของพนักงานการไฟฟ้า

“ด๊อก ทำไมเราต้องเปลี่ยนชุด”

“ปลอมตัวไง เผื่อใครมาเห็นเข้า เราก็บอกว่าเป็นพนักงานของการไฟฟ้ามาซ่อมไฟ”

“หรือ ว่าด๊อกเตอร์จะขโมยไฟฟ้าหลวง”

“แม่นแล้ว”

ยัยปุ๋ยเดินเข้าไปหลังรถแวนสักพัก ก็เปลี่ยนชุดเรียบร้อยออกมาก่อนใคร

“ละ แล้ว ถ้าโดนจับได้ล่ะ พวกเราจะไม่ติดคุกหัวโตหรอกหรือ”

“ก็อย่าให้โดนจับได้สิ ฉันเคยทำมาแล้วสองครั้ง ไม่มีอะไรหรอกน่า เร็วๆ เวลาไม่คอยท่า”

ผมถอดเสื้อแล้วเปลี่ยนชุดนั้นอย่างไม่ค่อยเต็มใจ ดร.งูแกขึ้นไปถอยรถ ให้ท้ายรถไปอยู่ใกล้ๆกับเสาไฟฟ้าที่มีหม้อแปลงต้นนั้น ผมเห็น ดร.งูเอาม้วนสายไฟขนาดใหญ่ออกมาจากรถ ต่อสายตรงเข้าไปในเครื่องไฟประหลาดๆท้ายรถนั่น

“นี่เครื่องอะไรอะ ดร.”

“อ๋อ เครื่องเก็บประจุไฟฟ้า มันเป็นแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ ฉันจะไปต่อสายตรงมาจากหม้อแปลงบนนั้น เมื่อชั้นบอกให้เธอสับสวิทต์ เธอก็สับสวิทซ์เลยนะ

“เอาล่ะฉันจะปีนขึ้นแล้วนะ เธอสองคนคอยส่องไฟฉายตรงมาที่ฉันด้วย”

อุปกรณ์ของดร.งู เตรียมพร้อมมาทุกอย่าง ทั้งรองเท้าสำหรับปีนเสาไฟ สายเซฟตี้ เพื่อป้องกันการตกจากเสา เขาคาบไฟฉาย เหน็บชุดไขควง และ คีม ไว้ข้างเอว ดร.ค่อยๆปีนโยงสายไฟขึ้นไป แค่ประมาณ 10 นาที ดร.งูก็ต่อสายตรงจากหม้อแปลงเรียบร้อย

“เอาล่ะ สับสวิทต์ได้”

เมื่อผมสับสวิทต์  ไฟฟ้าทั้งถนนก็ดับลงหมด เห็นแต่เครื่องเก็บประจุไฟฟ้าท้ายรถเท่านั้นที่ทำงาน

“ด๊อกไฟมันดับหมดทั้งถนน.เลยเหรอ แล้วนี่ไฟมันจะดับไปทั้งหมู่บ้านเลยรึปล่าวเนี่ย”

ดร.งูเลยตะโกนลงมา

“ก็คงทั้งจังหวัดแหละ”

ผมร้องเลยร้องตะโกนขึ้นไป

“บ้ารึปล่าวด๊อก ไฟดับทั้งจังหวัดเนี่ยนะ”

“ฉันพูดเล่นน่ะ คงแค่ทั้งตำบล”

“ทั้งตำบล มันก็เยอะนะด๊อก แล้วเมื่อไหร่มันจะเต็ม”

“ประมาณ 40 นาที”

“ห๊า 40 นาที จะบ้าไปแล้วแล้วหรือไง”

ดร.งู แกอมยิ้ม แกตะโกนลงมาข้างล่าง ตรงที่ผมยืนอยู่

“ใจเย็นไว้ ไอ้หนู”

เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า ผมรู้สึกไม่สบายใจ กลัวจะมีคนมาเห็น สักพักก็มีแสงจากไฟหน้ามอเตอร์ไซค์คันนึงวิ่งผ่านมา เป็นมอเตอร์ไซค์ของชาวบ้าน เขามาจอดข้างๆผมแล้วถามว่า

“จะซ่อมไฟอีกนานมั้ยครับเนี่ย ไฟดับหมดทั้งตำบลแล้ว”

ผมเลยตอบกลับ ด้วยน้ำเสียงปกติว่า

“กำลังเร่งมือซ่อมอยู่ครับ”

แล้วชาวบ้านคนนั้นเขาก็ขี่รถเครื่องผ่านไปอย่างไม่สงสัยอะไร ผมถอนหายใจออกมาดัง “เฮ้อ”

“เห็นมั้ย ไม่เห็นมีอะไร ไม่มีใครสงสัยหรอก”

ดร.แกตะโกนลงมา

“ด๊อก ทำไมคุณถึงมั่นใจขนาดนั้น”

“ชุดพวกนั้นฉันซื้อมาจากอีเบย์ มันเป็นชุดทำงานของพนักงานการไฟฟ้าจริงๆ แล้วเราก็ดูเหมือนพนักงานการไฟฟ้าจริงๆใช่มั้ยล่ะ”

ผมยืนรอดูพลังงานขึ้นจนใกล้เต็มแล้ว เวลา40นาทีนี่ มันช่างรู้สึกเนิ่นนานซะจริงๆ ส่วนยัยปุ๋ยน่ะเหรอ ก็นั่งอยู่ในรถ จิ้มสมาร์ทโฟนเล่นเฟสบุ๊คอย่างสบายใจเฉิบ

แล้วทันทีเมื่อไฟฟ้าเต็ม100% สวิทซ์มันก็ตัดอย่างอัตโนมัติ ผมเลยตะโกนขึ้นไปว่า

“ไฟเต็มแล้วครับด๊อก”

ดร.งู รีบถอดสายตรงออกจากหม้อแปลง แล้วต่อไฟให้หลวงเหมือนเดิม สักพักไฟถนนทั้งหมดก็ติด แล้วแกก็ปีนเสาไฟลงมา พอถึงพื้นก็เก็บสายไฟ แล้วก็กระโดดขึ้นรถทันที

“เอาล่ะ กลับบ้านได้”

ดร.งูรีบออกรถจากที่นั่น ขากลับเรามาวิ่งมาตรงเส้นมอเตอร์เวย์ ดร.งูได้ยกโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วโทรออกไปหาใครสักคน

“วิษณุ แกมาสแตนบายที่บ้านฉันได้เลยเพื่อน ฉันได้พลังงานมาจนเต็มพิกัดเลยล่ะ”

“เอาล่ะ อีกนานเลยล่ะกว่าพวกเราจะขับกลับถึงบ้าน ฉันอยากถามอะไรพวกเธอหน่อยว่า เธอมีปัญหาอะไรรึ ถึงอยากไปโลกในจักรวาลอื่น”

“หมอนี่เขาโดนแฟนทิ้ง”

ยัยปุ๋ยชี้มาที่ผม

“บ้า โดนทิ้งที่ไหน เขาบอกว่าขอห่างกันสักพักต่างหาก”

“นั่นแหละเขาเรียกว่าโดนทิ้ง ตาทึ่ม”

ดร.งูหัวเราะลั่น

“เธอก็เลยอยากไปอยู่ในโลกที่เธอกำลังคบกับแฟนเธออยู่ล่ะสินะ”

ผมยิ้มแหยๆ ก่อนตอบไปว่า

“ก็ประมาณนั้นนั่นแหละครับ”

ดร.งูหันทำตาโตหันมาพูดกับผมว่า

“โอเค งั้นเดี๋ยวฉันจะพาเธอไปที่นั่นเอง”

แล้วพวกเราสองคนก็เข้าสู่ภวังค์หลับไปตื่นนึง มารู้สึกตัวตื่นอีกทีก็มาถึงกรุงเทพแล้ว

“เอาล่ะ พวกเธอตื่นๆ มาถึงบ้านแล้ว”

รถแวนมาจอดที่หลังบ้านของ ดร.งู นั่นเอง และ ดร.งู ก็แนะนำให้รู้จัก ดร.วิษณุ ซึ่งเป็นนักวิทยาศาสตร์เหมือนกัน วิษณุเป็นชาวอินเดียวัยกลางคนรูปร่างท้วมไม่ถึงกับอ้วน ผิวคล้ำ มีหนวดเคราเฟิ้ม อยู่ในชุดเสื้อเชิ๊ต กางเกงยีนส์ แบบสมัยนิยม

“เอาล่ะ พวกเราช่วยกันขนย้ายเครื่องนี้ไปที่ห้องทดลองกัน”

ดร.วิษณุ เข็นรถขนของขนาดใหญ่มาคันนึง ทุกคนช่วยกันยกเครื่องบรรจุประจุไฟฟ้าขึ้นไปวางบนรถเข็น ก่อนช่วยกันเข็นลงไปห้องทดลองชั้นใต้ดิน ถึงตอนลงบันไดจะทุลักทุเลหน่อย แต่ก็สามารถเอานำเข้าไปจนได้ ดร.วิษณุต่อวงจรไฟฟ้าเข้าไปในเครื่องเปิดอุโมงค์มิติ ส่วนดร.งูอยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ กำลังอัพโหลดข้อมูลโปรแกรมอะไรบางอย่างอยู่

“Search ค้นหาโลกในจักรวาลคู่ขนานมีทั้งหมด มี สี่ร้อยยี่สิบหกล้านแปดแสนเจ็ดหมื่นสามพันสองร้อยเจ็ดสิบสาม โลก”

ผมนั่งดูโปรแกรมนั้นอย่างทึ่งๆ มัน Search หาโลกอื่นได้อย่างง่ายดายเหมือนกูเกิลไม่มีผิด

“ด๊อก นี่มันยังกับกูเกิล”

ดร.หันมายิ้มให้ผม

“นี่ก็คือ Seach Engine ของจักรวาลโลกคู่ขนานทั้งหมด ฉันพัฒนาต่อยอดมาจากกูเกิล โดยได้รับการช่วยเหลือจากโปรแกรมเมอร์ลูกศิษย์ฉัน สมัยที่ฉันสอนอยู่ที่  เอ็มไอที ตอนนี้เขาทำงานเป็นเอ็นจิเนียซอร์ฟแวร์ชั้นหัวกะทิอยู่ที่กูเกิล

“แปลว่าความลับของกูเกิลรั่วไหล?”

ดร.งู หัวเราะ ฮ่าๆๆ

“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก เพราะฉันไม่ได้ใช้ในเชิงธุรกิจ แต่ยังไงเรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องของการต่อยอดอะนะ ถ้าไม่มี แอปเปิ๊ล ก็ไม่มีไมโครซอฟท์ และ ถ้าไม่มีไอโฟน ก็ ไม่มีแกแล็คซี่ ฉันใดก็ฉันนั้น”

แล้ว ดร.งู ก็ถามคำถามผมว่า

 “เธออยากไปโลกคู่ขนาน รูปแบบไหนล่ะ”

ผมนิ่งไปสักครู่นึง ก่อนตอบมาว่า

“โลกที่ผมกับแฟนยังคบกันอยู่”

“โอเค ข้อมูลแค่นี้ยังไม่พอ มาร์ค ชื่อจริงเธอชื่ออะไร และ แฟนเธอชื่ออะไร”

“ผมชื่อ ทนงศักดิ์ ตั้งวัฒนา ส่วน แฟนผมเธอชื่อ นาตยา รักษาพร”

“โอเค ฉันจะ Search คีย์เวิร์ดว่า ทนงศักดิ์ ตั้งวัฒนา กับ นาตยา รักษาพร ยังเป็นแฟนกันอยู่ ติ๊กโลเคชั่นที่ ประเทศไทย”

“ผลการค้นหาพบเจอ สิบสองล้านสามแสนเก้าหมื่นหกพันแปดร้อยเจ็ดสิบสอง โลกคู่ขนาน ที่ ทนงศักดิ์ ตั้งวัฒนา กับ นาตยา รักษาพร ยังเป็นแฟนกันอยู่ เธอจะเลือกโลกไหนดี”

ผมเลื่อนมาดู ไม่มีรายละเอียดใดๆมากนัก เพราะข้อมูลมันมหาศาลมาก

“อันไหนก็ได้ครับ ด๊อก ขอแค่เรายังคบกันอยู่ก็พอ”

“โอเค งั้นฉันล็อคเป้าหมายการส่งไปที่จักรวาลนี้ละกัน”

ดร.งู คลิ๊กเมาส์วางลงไปที่จักรวาลหนึ่ง

“ แต่เดี๋ยวก่อนเดินทาง ฉันจะให้เธอเอานี่ติดตัวไปด้วย”

เขาเดินไปหยิบรีโมตจิ๋วอันนึง เล็กเท่ายูเอสบี มีไฟอยู่5ขีด น่าหมายถึงแบตเตอรี่ที่มีอยู่

“นี่คือเครื่องส่งสัญญาณ เมื่อไหร่ที่เธอต้องการจะกลับก็กดปุ่มสีแดงนี่ เจ้าเครื่องนี้จะส่งสัญญาณมาที่ดร.วิษณุ เมื่อ ดร.เขาได้รับสัญญาณ เขาจะทำหน้าที่ปลุกพวกเธอให้ตื่นขึ้นมาเอง และ ถ้าแบตเตอรี่เครื่องส่งสัญญาณของพวกเธอหมดก็ใช้ที่ชาร์ตมือถือ หรือเสียบยูเอสบีชาร์ตไฟจากที่จักรวาลนู้นก็ได้ เอาไว้เธอไปถึงโลกนู้นแล้ว เดี๋ยวดร.วิษณุเขาก็จะส่งรีโมตอันนี้ไปถึงตำแหน่งที่เธออยู่เลย เอาล่ะเธอต้องไปเปลี่ยนชุดเพื่อเข้าเครื่องไฮเปอร์สลีปชุดจะอยู่ในห้องข้างๆนั่นน่ะ”

ผมเดินไปที่ห้องข้างๆเห็นชุดที่แขวนไว้หลายชุด มันเป็นชุดสีดำแนบเนื้อที่ทำจากยาง หรือจากพลาสติกกันแน่ผมก็ดูไม่ออกรู้แต่ว่ามันยืดได้เหมือนยางเลยล่ะ แล้วพอผมใส่ออกมาเหมือนมันชุดว่ายน้ำยังไงก็ไม่รู้ ผมเดินออกมาจากห้องนั้น รู้สึกอายๆยังไงก็ไม่รู้ เพราะชุดมันดูรัดรูปมากๆ”

พอผมออกมา ยัยปุ๋ยก็เดินเข้าไปในห้องเปลี่ยนชุดเช่นกัน

“ดร.คุณจะให้ยัยนั่นเดินทางไปด้วยเหรอ”

ดร.งูหันหน้ามาตอบผม

“ก็เขาอยากไปด้วยนี่”

สักพักเธอก็ออกมาจากห้องเปลี่ยนชุด ชุดแนบเนื้อนั้นรัดไปตามโค้งเว้าทุกส่วนสัดโดยเฉพาะหน้าอกอันใหญ่โตเกินเด็กของเธอ ผมเห็นภาพนั้นแบบตะลึง อยู่ๆเจ้ามาร์คน้อยของผมนั้นมันก็ชูชันขึ้นมา มันนูนโป่งออกมาเห็นได้อย่างชัดเจนเพราะชุดนั้นมันรัดรูปมาก ดร.งูเห็นผมดังนั้น จึงแซวมาเบาๆว่า

“อะแฮ่ม เก็บอาการหน่อยไอ้หนู”

ส่วน ดร.วิษณุนั้น ควบคุมอยู่ที่เครื่องไฮเปอร์สลีป ในเครื่องนั้นมีน้ำหล่อเลี้ยงอยู่เต็มแคปซูล ข้างในมีเครื่องช่วยหายใจ และ บนหัวมีหมวกประหลาดซึ่งผมรู้คร่าวๆว่ามันเป็นตัวดึงวิญญาณออกจากร่าง หรือที่ดร.งูเรียกว่า อนุภาคx นั่นเอง

“ต้องแช่อยู่ในน้ำตลอดเวลาเหรอครับ”

ด็อกเตอร์ชาวภารตะจึงตอบมาว่า

“เครื่องนี้เป็นเครื่องที่ทำให้ร่างกายอยู่ในภาวะจำศีลสำหรับนอนในการเดินทางในอวกาศเวลานานๆหลายๆปี มันจะเก็บร่างของพวกเธอเอาไว้ในภาวะหลับลึกเรื่อยไป จนกว่าจะมีคนมาปลุกเธอนั่นแหละ และ ที่ต้องหล่อเลี้ยงด้วยน้ำ เพราะมันจะช่วยรักษาอุณหภูมิช่วยให้ชีพจรนิ่งอย่างสม่ำเสมอ และ การที่ต้องนอนนานๆนั้น ร่างกายจึงต้องลอยอยู่ในแคปซูลเพื่อไม่ทำให้เกิดแผลกดทับ”

“เครื่องนี้เก็บร่างไว้ยาวนานกี่ปีครับ” ผมถามดร.วิษณุ

“ตามทฤษฏี กว่าเครื่องจะหมดพลังงานนั้น ในทางทฤษฏี การนอนหลับอาจจะนานถึง 80 ปีก็น่าจะได้ แต่ภาคปฏิบัติยังไม่เคยมีใครเคยทดลองสักที แต่เมื่อไหร่ที่เธออยากกลับมา ฉันก็มีเครื่องรับสัญญาณที่ส่งจากรีโมทของเธอ อยู่ใน App สมาร์ทโฟนของฉัน เมื่อใดที่เธอส่งสัญญาณมาจากจักรวาลนู้น ฉันก็ได้รับสัญญาณทันที ไม่ว่าฉันอยู่ที่ไหน ฉันก็จะมาปลุกเธอในห้องทดลองนี้ได้เลย ส่วนรีโมตนั่นฉันจะส่งตามเธอไปตรงตำแหน่งที่อนุภาคx ของเธอเข้าร่างไปแล้ว”

“ไฮเทค โครตๆ” ผมคิดในใจ

“เอาล่ะ พวกเธอสองคนเข้าไปในเครื่องได้ ดร.งู เขาก็จะตามเธอไปด้วย”

ว่าแล้วดร.งูก็เดินออกมาจากห้องแต่งตัว ใส่ชุดเหมือนเราทั้งสองคน ดร.วิษณุจึงอธิบายต่อว่า

“พอเครื่องไฮเปอร์สลีปปิดลง ชีพจรของเธอจะค่อยๆทำงานช้าลงจนเกือบหยุดนิ่ง ซึ่งอาจใช้เวลาประมาณ30นาที และ เมื่อพวกเธอเข้าสู่ภาวะจำศีลเมื่อไหร่ ฉันก็จะเปิดอุโมงค์มิติ แล้วดึงอนุภาค x ของพวกเธอออกมา อนุภาคxของพวกเธอจะวิ่งฝ่านอุโมงค์มิติ ก่อนจะถูกส่งไปเข้าร่างพวกเธออีกคนนึง ที่อยู่ในโลกคู่ขนาน”

ผม ปุ๋ย และ ดร.งู เข้าไปในแคปซูล เอาหน้ากากออกซิเจนมาครอบหน้าไว้ ใส่หมวกถอดอนภาคxครอบไว้ที่หัว ซึ่งผมก็รู้สึกประหม่านิดๆ แต่ไหนๆก็ไหนๆแล้ว มาป๊อดตอนนี้ก็เสียฟอร์มพอดีสิ พอทุกอย่างพร้อมได้ที่ ฝาครอบแคปซูลก็ปิดลงมา

เอาล่ะน่ะ จะเริ่มทำการเดินเครื่องสู่ภาวะจำศีล ดร.วิษณุ กดสวิทซ์เดินเครื่องทั้งสาม เวลาแค่ไม่นานผมก็รู้สึกหนังตามันเริ่มหนักมาก แล้วก็หลับไปในที่สุด แล้วอยู่ๆมันก็มีความรู้สึกวูบๆเหมือนรอบๆตัวมันสว่างไสวไปหมด และ ในช่วงเสี้ยวของอึดใจ ผมก็รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา

ผมรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอยู่ในห้องๆหนึ่ง รู้สึกตัวว่านอนอยู่บนโซฟา ห้องนั้นผมจำได้ เป็นห้องโถงของบ้านเช่าผมนั่นเอง ผมนอนอยู่บนโซฟาในบ้านของผม ยกนาฬิกาที่แขนขวาขึ้นมาดู ขณะนี้เป็นเวลา ตี 3:45 ผมจึงเดินเข้าไปในห้องน้ำ จับหน้า จับตา จับจมูก มันเป็นหน้าของผม เป็นตัวของผมทุกอย่างไม่มีผิดเพี้ยน ครั้งสุดท้ายที่จำได้ ผมนอนอยู่ในเครื่อง และ เห็นแสบสว่างวูบนึงไม่กี่วินาที แล้วอยู่ๆก็มาโผล่ในร่างนี้ ร่างนี้คือร่างของเราในอีกจักรวาลนึงจริงๆน่ะเหรอ? อันบีลีฟเวเบิล ไม่อยากจะเชื่อเลย ผมเดินออกจากห้องน้ำมา เห็นสิ่งนึงวางไว้อยู่ที่พื้น นั่นก็คือรีโมทส่งสัญญาณนั่นเอง ดร.วิษณุแกส่งมาตรงตำแหน่งที่ผมฟื้นตามที่บอกไว้เป๊ะๆ ผมเลยเอารีโมทใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกง แล้วผมก็เดินไปหน้าห้องนอน ผมค่อยๆเปิดแง้มๆประตูบานนั้นออกมา

สิ่งที่ผมเห็น นาตยาแฟนผมกำลังนิทราอย่างเป็นสุขอยู่ใต้ผ้าห่ม ได้ยินแค่เสียงของแอร์คอนดิชั่นเบาๆ เราสองคนยังไม่เลิกกันจริงๆด้วย ยังกะฝันไปแน่ะ มันทำให้ผมรู้สึกตื้นตันใจอย่างบอกไม่ถูก ผมจึงเดินเข้าไปซุกตัวในผืนผ้าห่ม แล้ว ขอกอดเธอแน่นๆไว้ในอ้อมกอด

 

....................

ผมพยายามค้นคว้าทฤษฏีต่างๆให้สมเหตุสมผลที่สุด เหนื่อยกับการเขียนที่ต้องอธิบายเรื่องยากๆให้คนอ่านเข้าใจ ไม่รู้จะเข้าใจกันหรือปล่าวนะครับ555+

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา