Your Blood เลือดของคุณ

-

เขียนโดย JustADreamYouSee

วันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2561 เวลา 18.56 น.

  3 chapter
  0 วิจารณ์
  4,233 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 มีนาคม พ.ศ. 2561 19.04 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) น้องคนมึนๆ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
     
บทที่ 1
   
    2 ปีผ่านไป
 
    มีคนเคยพูดไว้ว่าโรงเรียนคือสถานที่ ที่เต็มไปด้วยความทรงจำ แต่ผมว่ามันใช้ไม่ได้กับผม เพื่อนคืออะไร ผมก็ยังไม่มั่นใจในคำตอบตัวเองเท่าไหร่ ถึงแม้จะเรียนเก่งก็ตาม ตอนนี้ผมอยู่ ม.ปลายปี 2  ทุกอย่างรอบตัวผมก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงตามกาลเวลาเลยสักนิด
 
     โรงเรียนบดินทร์กันตธานุสรณ์ โรงเรียนดังที่ได้ชื่อว่า รวมหัวกะทิของชาติไว้ ผมอยู่ที่นี่ ด้วยตำแหน่งหัวกะทิอันดับหนึ่งปี 2 มีทั้งคนชื่นชมและคนไม่ชอบ แต่อย่างว่านะครับ คนรักเท่าผื่นหนัง คนชังเท่าผืนเสื่อ จะว่าไปทำไมวันนี้โรงเรียนมันเงียบจังแฮะ นักเรียนสองพันกว่าคนอยู่ไหนหมดนะ
 
    กรี๊ด!!!
 
     ผมสะดุ้ง ตกใจกับเสียงดังสนั่น ผมรู้แล้วล่ะ ว่าทำไมโรงเรียนถึงเงียบ ดูเหมือนพวกเขาจะมุงอะไรดูอะไรซักอย่าง คนเยอะชะมัด ถึงเวลาเรียนแล้วนี่นา เดี๋ยวสักพักอาจารย์คงมาจัดการล่ะมั้ง ผมคิด
 
    “นี่พวกเธอ!! ถึงเวลาเข้าเรียนแล้วนะ ทำไมยังไม่ไปอีก”…จริงๆซะด้วย
 
     ผมเดินเข้ามาในห้องเรียน แล้วทรุดลงบนเก้าอี้หน้าสุด วันนี้เรียนอะไรบ้างนะ ผมคิดพลางหยิบหนังสือเคมีขึ้นมาอ่านก่อนอาจารย์เข้าห้อง นักเรียนอื่นๆ ก็เริ่มทยอยกันเข้า ต่างคนต่างเล่าเรื่องนั้นเรื่องนี้กันดังเต็มห้อง แต่เรื่องที่เป็นประเด็นหลักสุดๆ คงเป็น
 
     “เห็นรึยัง รุ่นพี่ปีสามคนนั้นอ่ะ”
   
    “แกลองตบฉันดูสักทีสิ”
 
     “ตบฉันด้วยนะแก อย่างกับฝันอ่ะ”
 
    …เอิ่ม รุ่นพี่คนนั้นจะรู้หรือเปล่า ว่าได้ทำให้ผู้หญิงห้องผม กลายเป็นมาโซคิสกันหมดแล้ว แต่แปลกนะครับ ปรกติโรงเรียนผม ไม่รับเด็กเข้ากลางเทอม ตอนนี้ก็เกือบจะสอบกลางเทอมด้วยซ้ำ อืม ผมควรจะอ่านหนังสือสินะ มันคงเป็นเรื่องของโรงเรียนล่ะมั้งอ้ะ! ตรงนี้ผมลืมไฮไลท์ด้วย ลืมได้ไงนะ
 
     แกรบ!
 
    ผมชะงัก เมื่อมือที่กำลังล้วงหยิบปากกาไฮไลท์ ดันไปโดนบางอย่างใต้โต๊ะ ผมก้มมอง ล้วงสิ่งนั้นออกมา พวกคุณคิดว่าคืออะไร จดหมายหรอ? ไม่ใช่ ดอกไม้? ไม่ใช่อีกอ่ะ มันคือ ลูกอมมิ้นต์หนึ่งเม็ด
 
    ใช่ พวกคุณอ่านไม่ผิดหรอก มันคือลูกอมมิ้นต์หนึ่งเม็ด ยังไม่หมดครับ มีโพสต์อิสอีกหนึ่งแผ่น เป็นรูปหน้ายิ้ม เอ ใครมันมาเล่นอย่างนี้ว่ะ ผมมองของในมือนิ่งๆ ก่อนลุกยืนขึ้นแล้วเดินไปที่ถังขยะ
 
     ใช่! ผมทิ้งมัน
 
    หมายถึงทิ้งแต่กระดาษนะ เรื่องไรผมจะทิ้งของโปรดของตัวเองล่ะ! ไม่มีใครรู้แม้แต่พ่อกับแม่ผม คิดในแง่ดี มันคือเรื่องบังเอิญของคนที่เอามันมาใส่ใต้โต๊ะผม ผมมองของในมือเล็กน้อย แล้วแกะมันเข้าปาก
 
    “มึง ‘เจ้าชาย’ โครตน่ารักเลยว่ะแก”
 
    “นั้นสิ เหมือนจะอารมณ์ดีด้วยอ่ะ”
 
    ผมยกมือจับหน้าตัวเอง หน้าผมมันแสดงออกขนาดนั้นเลยหรอ แต่ช่างเถอะ ขอบคุณคนๆนั้นก็แล้วกัน ที่ทำให้ผมมีเช้าดีๆ กับชาวบ้านชาวช่องเขาเหมือนกัน
 
    12.03 น.
 
    ในที่สุดก็เที่ยงสักที ผมหิวจะแย่อยู่แล้ว อาจารย์ก็ปล่อยเลทตั้งสามนาทีแหนะ! บางทีผมก็คิดนะว่า โรงเรียนไทยน่ะ สั่งการบ้านเยอะกว่าเรียนซะอีก จะว่าไป กินอะไรดีนะ อ้อ ผมลืมบอกไป โรงเรียนของผมนั้นเนื่องจากนักเรียนที่มีมากเกินไป โรงอาหารเลยมีอยู่สองแห่ง แห่งแรกเป็นโรงอาหารแบบร้านให้เลือก คนส่วนใหญ่ชอบไปที่โรงอาหารตรงนั้นเพราะร้านเยอะกว่า และอร่อยกว่า ส่วนแห่งที่สอง ร้านส่วนใหญ่จะเน้นไปทางอาหารคลีนๆหน่อย คนเลยไม่ค่อยมากันมากนัก ซึ่งมันก็ดีสำหรับผมที่ชอบอยู่ในที่สงบๆอยู่แล้ว
 
    แต่ผมคงคิดผิดมั้ง โรงอาหารที่มักร้างผู้คน ตอนนี้แน่นขนัดจนผมคิดว่าคนข้างในคงขาดอากาศหายใจแล้วมั้งน่ะ สังเกตดูแล้ว มันมีแต่ผู้หญิงนี่หว่า แถมทำท่ากรี๊ดกร๊าดมุงดูบางอย่างอยู่ ไปโรงอาหารหนึ่งดีไหมเนี่ย? ไม่ดีกว่า ขี้เกียจเดินชะมัด คิดได้ดังนั้น ผมเลยเดินตรงดิ่งไปทางประตูขนาดใหญ่
 
    “เฮ้ยแก! เจ้าชายมา” สาวคนหนึ่งหันมาเห็นผม ก็รีบสะกิดเพื่อนข้างๆ แล้วพูดดังสนั่น
 
    เอ่อ..น้องครับ เอาโทรโข่งเลยไหมครับ เดี๋ยวพี่วิ่งไปเอามาให้ ถ้าน้องจะพูดดังขนาดนี้นะ พอทุกคนได้ยินแบบนั้น ทั้งหมดก็พร้อมใจกันหันมามองที่ผม ผมเลิกคิ้วน้อยๆ ก่อนจะเดินเข้าไป และพวกเขาก็แหวกทางให้ผมอย่างพร้อมใจอีกครั้ง ดีสิครับ ไม่ต้องเหนื่อยบอกให้เสียพลังงาน
 
    “จะ..เจ้าชายค่ะ!”
 
    ขนาดที่ผมกำลังเดินไปที่ร้านเจ้าประจำ ผู้หญิงคนหนึ่งก็เรียกผมเอาไว้เสียงดัง เด็กคนนี้คงอยู่ ม.ต้น สินะดูจากเครื่องแบบแล้ว เธอหน้าแดงมาก มือก็สั่นใหญ่เลย ผมเลยเงียบรอให้เธอพูดสิ่งที่ต้องการออกมา
 
    “เจ้าชายอยากกินอะไรไหมค่ะ ดะ..เดี๋ยวน้องเนยจะไปซื้อให้เองค่ะ”
 
   เธอพูดด้วยเสียงไม่มั่นใจ เธอจะไปซื้อให้หรอ อ่า..ก็ดีเหมือนกัน เพราะผมชักจะขี้เกียจแล้วเหมือนกัน ผมเอียงหัวน้อยๆ กัดปากนิดๆ คิดว่าจะกินอะไรดี เพราะอยากลองกินอย่างอื่นดูแล้ว
 
    แล้วเสียงกรี๊ดก็ดังขึ้น หญิงสาวทั้งหลายต่างแย่งกันยกโทรศัพท์หันกล้องมาที่ผม เอ เมื่อเกิดอะไรขึ้น ผมพลาดอะไรไปหรือเปล่านะ อ่า คิดออกแล้วว่าจะกินอะไร และทันทีผมอ้าปาก ทุกคนก็พร้อมใจกันเงียบอีกครั้ง
 
    “รา..เมง” ผมบอกออกไป แล้วมองหน้าน้องคนนั้น เธอดูดีใจมาก รีบพยักหน้า บอกว่าขอเวลาห้านาที แล้ววิ่งออกจากโรงอาหารอย่างรวดเร็ว ไม่ต้องรีบนะน้อง พี่หิวจนไส้จะขาดแล้ว
 
    สาวๆ ทุกคนพยายามชวนผมคุย แต่ผมเลือกที่จะไม่ตอบ เพราะมันเปลืองพลังงานของผมเป็นอย่างมาก และเดินไปที่โต๊ะประจำ ท่ามกลางเสียงคร่ำครวญของสาวน้อยสาวใหญ่ทั้งหลาย แต่พอมาถึงโต๊ะ กลับพบว่า โต๊ะที่เคยว่างเปล่า ตอนนี้ มีร่างสูงของคนที่ผมไม่คุ้นหน้านั่งอยู่แล้ว
 
    ผมเดินตรงเข้าไปหา ผู้ชายคนนั้นยิ้มน้อยๆ ให้ผม โดยไม่มีท่าทีว่าจะลุกแต่อย่างใด มันโต๊ะของผมนะครับ ทำไมคุณไม่ไปหาโต๊ะนั่งเองล่ะ เฮ้อ! เมฆเหนื่อยจังครับ ผมค่อยๆชี้มือไปที่โต๊ะ แล้วมาชี้ที่ตัวเอง ขมวดคิ้วนิดๆ พอให้เขารู้ว่า นี่คือโต๊ะของผม เขาหัวเราะออกมา เขาดูดีมาก แต่นี่มันโต๊ะผม คุณอย่ามาใช้ความหน้าตาดีหลอกล่อผมหน่อยเลย มันไม่ได้ผลหรอก
 
    “นั่งด้วยกันนะครับ” เสียงนุ่มบอกผม มือหนาผายไปทางที่ตรงข้ามกับเขา
 
    “…” มันที่ของผมนะ
 
    “ครับ รู้แล้ว”
 
    “…” รู้แล้วก็ลุกไปสิครับ
 
    “ราเมงมาแล้วนะครับ นั่งเร็ว” เขาคลี่ยิ้มให้ แล้วชี้ให้ดูน้องคนนั้นที่วิ่งถือถ้วยเข้ามาให้ พอเห็นอาหารมาผมก็อารมณ์ดีขึ้นนิดหน่อย แล้วรีบนั่งลงเมื่อน้องเขาวางถ้วยลงบนโต๊ะ น้องเขายิ้มให้ แล้วบอกผมว่า
 
    “ถ้าพี่เมฆอยากกินอะไร บอกเนยอีกได้นะค่ะ”
 
    “ไม่ต้องหรอกครับน้องเนย”
 
    ไม่ใช่เสียงผมนะครับที่ตอบ เพราะเส้นราเมงเต็มปากผมอยู่ คนที่นั่งตรงข้ามกับผมต่างหากที่เป็นคนตอบ อะไรกันนะหมอนี่ มาแย่งที่ของผมแล้วยังคิดจะมาแย่งเด็ก(ส่งข้าว)ผมอีกหรอ น้องหน้าเสียเล็กน้อย ก่อนจะหน้าแดงจัดเมื่อมองหน้าอีกฝ่าย
 
    “ค่ะ..ค่ะ!” น้องพูดลนลาน แล้ววิ่งออกจากโรงอาหารไป อ่า คนหายไปหมดแล้ว เหลือแต่ผมกับหมอนี่แค่สองคน(และป้าๆลุงๆ ที่ประจำร้านอาหาร) ราเมงอร่อยจัง
 
    “ค่อยๆกินครับ เดี๋ยวก็ติดคอหรอก” เขาบอกผมยิ้มๆ
 
    ผมลองสังเกตคนตรงหน้าที่นั่งเท้าคางมองผมกิน แล้วยิ้มอย่างกับคนบ้า ความจริงเขาหล่อมากๆเลยล่ะ ถ้าพูดถึงหน้าตาเต็มสิบผมก็ให้สิบ ดวงตาฟ้าทะเลคมกริบที่ถ้าเผลอสบด้วยเมื่อไร คงต้องถึงกับต้องเพ้อหา ใบหน้าก็ขาวจนเกือบซีดเนียนใสไร้ตำหนิใดบนใบหน้า ผมสีดำสนิทยิ่งขับให้ใบหน้าดูโดดเด่นมากขึ้น จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากสีแดงเรื่อคลี่ยิ้มบางๆ ทำให้เห็นลักยิ้มที่แก้มข้างซ้าย มันยิ่งทำให้คนตรงหน้าผมดูดีขึ้นไปอีก รูปร่างของเขาผมคงไม่ต้องพูดแล้วมั้ง มันไร้ที่ติ เขาเหมือนรูปปั้นที่พระผู้เป็นเจ้ารังสรรค์ขึ้นมา
 
    งดงามเกินไป
 
    …จนเหมือนไม่ใช่คน
 
     “เลอะใหญ่แล้วครับ” เขาพูดเสียงนุ่ม หัวเราะออกมาอย่างเอ็นดู
 
    ผมไม่ชอบซักเท่าไหร่ ที่เขาทำเหมือนเราสนิทกันมาก ทั้งที่ความจริง ผมไม่รู้แม้กระทั่งชื่อเขาด้วยซ้ำ จะว่าไป ผู้ชายคนนี้สินะ ที่เป็นรุ่นพี่ปีสาม ที่สาวทั้งโรงเรียนเพ้อหา รวมถึงเป็นต้นเหตุที่ทำให้โรงอาหารร้าง(คน)กลายเป็นที่ชุมนุมของสาวๆ ทั่วโรงเรียน อ่า ราเมงหมดแล้ว อร่อยจังแฮะ วันหลังคงต้องลองอย่างอื่นบ้างล่ะ
 
    ผมชะงักเล็กน้อย เมื่อจู่ๆ มือหนาของคนตรงหน้ายื่นมาเช็ดอะไรบ้างอย่างที่มุมปากผม มันน่าจะเป็นสาหร่ายสินะ อ่า เสียดายจัง ผมใช้ลิ้นเลียสาหร่ายบนปลายนิ้วเรียวเข้าปาก เจ้าของมือชะงักเล็กน้อย ก่อนหัวเราะออกมาเสียงดัง
 
    “คนตะกละ”
 
    “…” มันแค่น่าเสียดาย
 
    “หึหึ ครับๆ”
 
    “…” รุ่นพี่ปีสาม?
 
    “เรารู้จักกันดีเลยนะครับ ลืมแล้วหรอ”
 
    “(.  .)” ผมเอียงหัวน้อยๆ กัดปากนิดๆ อย่างใช้ความคิด
 
    จู่ๆ เขาก็ลุกขึ้น มือหนาข้างหนึ่งยกปิดปากตัวเองไว้ มืออีกข้างก็ยกขึ้นมายีผมของผมเบาๆ อ่า สบายจังเลย แต่มือหนาก็ผละออกไปอย่างรวดเร็ว ผมมองเขานิดนึง อย่างแสนเสียดายสัมผัสของเขา 
 
    “ตั้งใจเรียนนะครับ”
 
    เขาพูดทั้งที่ยังไม่เอามือออกจากหน้า อ่า เข้าเรียนแล้วนี่นา คาบบ่ายเป็นวิชาพละที่ผมไม่ชอบซะด้วย พอหันไปหาเขา เจ้าตัวก็ไม่อยู่ซะแล้ว ผมต้องรีบไปเรียนสินะ
 
    16.20 น.
 
    เพื่อนทุกคนเริ่มทยอยกันออกจากสนามบาส เพื่อเตรียมตัวกลับบ้าน แต่ไม่ใช่ผม ผมยังคงซ้อมเรื่อยๆ จนกว่าจะได้ลูกที่เพอร์เฟ็กต์ที่สุด  อีกสองวันอาจารย์จะสอบลูกโทษ การรีบราวน์ และการเล่นเป็นทีม ผมต้องทำให้ได้คะแนนเต็ม ไม่งั้นคงโดนคุณแม่โกรธอีกแน่นอน จะว่าไป อยากกินเค้กช็อกโกแลต กับลูกอมมิ้นต์จัง อ่า ผมควรต้องรับกลับบ้านแล้วสินะ ผมเดินออกจากสนาม โดยไม่ลืมชู้ตลูกลงกรงเก็บลูกบาส อ่า เหม็นเหงื่อของตัวเองชะมัด
 
    “จะกลับแล้วหรอครับ”
 
    ผมชะงักมือที่กำลังดึงกระเป๋าพาดบ่า หันไปมองต้นเสียงนุ่ม เขานั้นเอง รุ่นพี่ปีสามคนดัง เขานั่งไขว้ห้างกอดอกมองผม ปากยิ้มบาง ผมดึงกระเป๋าพาดบ่า ก่อนหันไปหาร่างสูงเต็มตัว พยักหัวน้อยๆ แทนคำตอบ
 
    “เดี๋ยวไปส่งนะครับ” เขาลุกขึ้นยืนแล้วเดินมาหา
 
    ผมมองเขานิดหน่อย แต่ผมไม่มีสิทธิ์ไปห้ามเขาหรอก ชีวิตเขานี่ ไม่ใช่ชีวิตผม เขาจะทำอะไรก็ได้ ผมไม่พูดอะไรต่อ ออกตัวเดินไปทางหน้าโรงเรียน รอคนขับรถมารับ ตลอดทางคนข้างผมไม่ได้พูดอะไร ทำเพียงแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มาตลอดทาง เขานั่งรอเป็นเพื่อนแบบเงียบๆ จนคนขับรถผมมารับ เขาเดินมาเปิดประตูให้ ทำท่าผายมือเชิญผมขึ้นรถ พอก้นผมแตะเบาะรถ เขาก็ชะโงกหน้าเข้ามาแล้วกระซิบเสียงแผ่ว ที่มีเพียงผมเท่านั้นที่ได้ยิน
 
    “คืนนี้เจอกันนะครับ”  
 
 
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา