Heart Project : ปริศนาความทรงจำ

10.0

เขียนโดย PnPn

วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2561 เวลา 23.40 น.

  17 ตอน
  0 วิจารณ์
  15.65K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 11 มกราคม พ.ศ. 2562 23.07 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

11) ตอนที่ 11

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
     ตอนที่ 11
     นาเดียมาอยู่ได้ 2 อาทิตย์กว่าแล้ว
     เช้าวันเสาร์ที่ณ สนามฝึกในศูนย์วิจัย
     “นี่ๆเอม ไวท์กับนาเดียไปไหนหรอ?” ชิตถามเอม เพราะตั้งแต่เข้ามายังไม่เห็นสองคนนั้นเลย
     “เห็นบอกว่าไปจัดการบางเรื่องนะ เลยออกไปตั้งแต่ก่อนพระอาทิตย์ขึ้นแล้ว” เอมตอบชิต
     “แย่จังเลยน้า อุตส่าห์มาหานาเดียจังคนเดียวเลยนะเนี่ย” ดรีมพูดขึ้นมา
     “อ่า...พอสองนั้นกลับมาจะไปบอกให้นะ” เอมพูดกลับไป จนดรีมต้องทำสีหน้าแปลกๆออกมา
     จากนั้นนิสาก็เดินเข้าในสนามฝึก ทั้งนี้เอม ชิต ดรีมก็รู้อยู่แล้วว่าวันนี้นิสาคงไม่สบอารมณ์สุดๆ เธอเดินเข้ามาด้วยอาการนิ่งเฉยใบหน้าของเธอไม่แสดงออกมาเลย แต่เอม ชิต ดรีมกลับสัมผัสรังสีอาฆาตที่แผ่ออกมาอย่างต่อเนื่อง
     “วันนี้ชั้นจะเป็นคู่ซ้อมให้พวกนายเอง” นิสามองมาทางทั้งสามคนด้วยสายตาเอาจริงเอาจังมาก…..
     ทั้งสี่คนก็ซ้อมต่อสู้กันจนถึงเวลาเที่ยงที่เป็นทานอาหารกลางวันซึ่งทางศาสตราจารย์อรชุนได้เตรียมอาหารไว้แล้วทั้งนี้การที่พวกเอมมาใช้สนามฝึกของทางศูนย์วิจัยเป็นประจำก็เป็นประโยชน์แก่ทางศาสตราจารย์อรชุนเช่นกันเพราะสามารถเก็บข้อมูลการต่อสู้ การใช้พลังด้วยอุปกรณ์ครบครัน จึงไม่แปลกใจที่หลังๆมานี้ศาสตราจารย์อรชุนจะต้องรับชิต ดรีมรวมถึงอนุญาตให้เอมกับนิสาใช้สนามฝึกได้ตลอดเวลา
     อีกทั้งการต่อสู้ที่ต้องทำเป็นทีมจำเป็นต้องมีผู้ให้คำแนะนำสำหรับการวางแผนและให้คำปรึกษาเพื่อทำให้การทำงานเป็นทีมเกิดประสิทธิภาพสูงสุดซึ่งที่ศูนย์แห่งนี้ก็มีคุณซิลเวอร์ที่มีประสบการณ์จริงในการต่อสู้หรือการรับมือสิ่งรุกรานมามากก็สามารถให้คำปรึกษาได้
       เอม ชิต ดรีม นิสาไปทานอาหารกลางวันที่โรงอาหารของศูนย์วิจัยที่อยู่ตึกสำนักงานด้านหน้า
      “ชิต เอม วันนี้ใช้การโจมตีระยะประชิดได้ดีขึ้นนิ มีการโจมตีผสานด้วยกันด้วย ช่วยกันปิดช่องโหว่ พวกเธอสองคนไปแอบซุ่มกันตั้งแต่เมื่อไหร่” นิสาเริ่มเปิดประเด็น
       “นั่นสิๆ เราก็มองตลอดนะ ไอความพร้อมเพรียงโจมตีนี่มัน....” ดรีมพูดเสริม “แถมท่วงท่าที่ทำเหมือนจะรู้ใจกันอะไรอย่างนั้นละ เห๊ะ!! หรือว่า...พวงนายคบกันอยู่ใช่ไหม” ดรีมตะโกนออกมา
        เอมกับชิตถึงกับนิ่งไปสักพัก
       “ไม่ใช่สักกะหน่อย เราไม่ได้เป็นอะไรแบบนั้น” ชิตแก้ตัว
       “ใช่ๆ เราไม่ได้เป็นอะไรแบบนั้น” เอมแก้ตัวตาม
     “หืม....ก็ตั้งแต่เกิดเหตุที่เขต 17 คราวนั้นเธอสองคนก็ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอดเลยนี่” ดรีมพูดต่อพร้อมมองไปที่ชิตกับเอม
     “นั่นสิๆๆ...ขนาดชั้นที่เป็นเพื่อนร่วมหอด้วยแท้ๆ บางวันยังกลับหอกับชิตโดยทิ้งชั้นให้กลับคนเดียวด้วย” นิสาทำท่าทีเหมือนร้องไห้ อีกทั้งหลังๆมานี้ดรีมก็ไม่ค่อยได้กลับหอพักแต่ถูกเรียกตัวไปบ้านใหญ่ก็หลายครั้ง
     “หูวว...ขนาดนั้นเลย” ดรีมอุทานออกมา
     ชิตกับเอมนิ่งไปสักพัก
     “แล้วใครที่พอถึงเวลากลับบ้านก็พุ่งไปหาผู้ชายก่อนละ คะ/ครับ” เอมกับชิตตะโกนใส่นิสาพร้อมกัน
     หลังจากนั้นทุกคนก็กินข้าวกลางวันจนเสร็จและเตรียมสำหรับการซ้อมในช่วงบ่ายต่อ.....ทันใดนั้น!!
     “ตืดดดด!!....ตืดดดด!!....ตืดดดด!!” เสียงสัญญาณเตือนภัยดังขึ้นจนทำให้ทุกคนแตกตื่น คุณซิลเวอร์รีบลุกจากที่นั่งแล้วเดินมาที่โต๊ะที่เอม ชิต ดรีม นิสานั่งอยู่ เขาใช้อุปกรณ์รูปร่างคล้ายโทรศัพท์พกพาฉายเป็นภาพแผนผังภายในของศูนย์วิจัยแห่งนี้ ในแผนผังปรากฏเป็นจุดสีแดงสองจุดโดยจุดแรกอยู่ที่โรงฝึกที่พวกเขาไปฝึกมาในช่วงเช้า และอีกจุดอยู่ที่อาคารเก็บของด้านหลังศูนย์วิจัย
     นิสาใช้นิ้วจิ้มไปที่จุดสีแดงแล้วภาพจากกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งไว้ก็แสดงออกมาพบเป็นกลุ่มคนออกมาทั้งสองที่
     “ผู้บุกรุกหรอ...กล้ามากเลยนะ!!” นิสาพึงพำออกมาทำให้เอม ชิต ดรีมที่เห็นภาพก็ตกใจและทำอะไรไม่ถูก
     ความจริงแล้วการบุกรุกในเขตการศึกษาของวิทยาลัยสายพลังแล้วถือเป็นเรื่องร้ายแรงมากเพราะบุคลลากรในวิทยาลัยแห่งนี้ไม่ใช่มือสมัครเล่นเลยแม้กระทั้ง รปภ.เฝ้าประตูก็เป็นถึงอดีตนายกองในหน่วยงานทหาร
     “ศาสตราจารย์กับศรไปที่ห้องนริภัยก่อน” คุณซิลเวอร์ตะโกนออกมา “นิสามากับผม และพวกเธอทั้งสามคนไปที่สนามฝึก”
     จากนั้นคุณซิลเวอร์ไปเปิดเซฟลับแถวนั้นที่ออกมาเป็นคลังอาวุธเขาหยิบปืนประจำตัวออกมา “พวกเธออยากได้อะไรก็หยิบไปเลยนะ” (ความจริงคือเซฟลับมันมีแทบจะทุกจุดทั่วศูนย์วิจัย) ถึงอย่างนั้นเอม ชิต ดรีม นิสา ก็ไม่ได้หยิบอะไรไปเลยซึ่งคุณซิลเวอร์ก็แปลกใจเล็กน้อย
     “เอ่อออ...พวกเธอไม่เอาสักชิ้นหรอ” คุณซิลเวอร์ถาม
     “พวกเราก็มีของพวกเราอยู่แล้วครับ” ชิตตอบ “งั้นของแหวนแบบทุกๆครั้งก็พอครับ”
     คุณซิลเวอร์เลยหยิบแหวนสำหรับแปลงร่างเป็นชุดสูทให้
     “ทุกคนเข้าใจ ที่มีผู้บุกรุกกล้าเข้ามาแบบนี้ให้ถือว่าเป็นสิ่งรุกรานระดับเอไว้ก่อน และอาจสูงได้อีก” คุณซิลเวอร์พูดต่อ
     “ครับ/ค่ะ”
     จากนั้นนิสากับคุณซิลเวอร์ก็มุ่งหน้าไปที่อาคารเก็บของทันที และเอม ชิต ดรีมก็ไปที่สนามฝึกโดยมีพี่ศรกับศาสตราจารย์อรชุนจะคอยสั่งการจากห้องนิรภัย
     “ที่สนามฝึกพบผู้บุกรุกสามคน” เสียงมาจากวิทยุเป็นข้อมูลแรกที่ เอม ชิต ดรีมได้รับ ซึงก็เป็นจริง
     เอม ชิต ดรีมรีบบุกเข้าไปในสนามฝึกทันที
     “รายงานค่ะ พบผู้รุกกำลังเจาะพื้นที่กลางสนามอยู่ค่ะ” เอมรายงานสถานการณ์
     “ทำการหยุดการกระทำของผู้รุกทันที” เสียงวิทยุตอบกลับมา
เมื่อได้ยินดังนั้นดรีมจึงใช้ปืนยิงลำแสงอนุภาคสูงไปที่กลุ่มคนทั้งสามทันที
ทันใดนั้นสองในสามคนก็พุ่งเข้ามาโดยกางโล่ที่อยู่ตรงแขนซ้ายออกมารับลำแสงนั้น จากนั้นลำแสงนั้นก็ถูกดูดหายไป
     “หรือว่า....” ชิตอุทานขึ้นมา “โล่ดูดซับพลัง....เตรียมการมาดีนี่”
     เล่นแบบนี้การโจมตีประเภทจำพวกบีมก็ไม่ได้ผลแถมยังถูกดูดไปอีกทำให้เอมกับชิตไม่มีทางเลือกก็ต้องใช้การโจมตีระยะประชิดเท่านั้นซึ่งทางเอมเองก็มีแค่เอมกับชิตเท่านั้นที่สามารถสู้ระยะประชิดได้เท่านั้น
     เอมเรียกกิ้งก่าของเธอมาเกาะไว้ที่แขนของเธอแล้วใช้หางเป็นดาบไว้โจมตี ส่วนชิตก็ใช้ดาบที่เสริมพลังด้วยอัญมณีที่ประดับอยู่ฟันไปที่คนปริศนา คนปริศนาทั้งสองก็หยิบอุปกรณ์คล้ายกระบองตรงบริเวณเอวออกมากลายเป็นดาบรับการโจมตีของเอมกับชิต
     เอมสังเกตบริเวณที่คู่ต่อสู้ขณะหยิบอาวุธออกมาทำให้เธอรู้สึกแปลกใจว่าไอรูปร่างกระบองแบบนั้นเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน จนกระทั่งเอมเข้าประชิดตัวอีกฝ่ายได้ทำให้เธอเห็นบริเวณเอวของคนปริศนาได้ชัดเจน
     “พวกอาร์มเมอร์”
     จากนั้นเอมกับชิตก็หมุนตัวแล้วแบ็คคิกไปที่คู่ต่อสู้ทั้งสองเพื่อให้ถอยห่างออกไป
     พวกอาร์มเมอร์ที่บุกมาในวันนี้สวมเกราะหนาสีน้ำตาลดำทั้งตัวที่แขนซ้ายถือโล่ มือขวาถือดาบส่วนหัวสวมหมวกเป็นรูปส่วนหัวของด้วงกวาง
     คนปริศนาทั้งสองเตรียมจะพุ่งเข้าไปหาเอมกับชิต แต่ก็ถูกหยุดไว้ด้วยวิชาผนึกของดรีมที่อยู่ด้านหลัง ทำให้เปิดช่องว่างให้เอมกับชิตโจมตีอีกครั้งแต่พอจะโจมตีเข้าไปก็มีแรงดันเข้ามาปะทะทั้งสองจนเอมกับชิตต้องถอยออกไป
     อาร์มเมอร์คนที่สาม ที่มีรูปร่างเหมือนนกร่างกายกำยำลำตัวมีสีขาวมีปีกข้างหลังมือทั้งซ้ายขวาสวมกรงเล็บเป็นอาวุธ ส่วนเท้าก็มีกรงเล็บ ส่วนหัวสวมหมวกรูปนกเหยี่ยวปิดครึ่งหน้าไว้เผยให้เห็นส่วนปากกับรอยยิ้มที่พิลึก
     “เป็นการต้อนรับที่....น่าตื่นเต้น....ดีนะครับ” อาร์มเมอร์คนที่สามพูดขึ้นมา
     “พวกนายต้องการอะไร” ชิตถามขึ้น
     อาร์มเมอร์คนที่สามค่อยๆเดินมาข้างหน้าอาร์มเมอร์ในชุดเกราะหนักทั้งสอง “สิ่งที่พวกผมต้องการก็แค่บางสิ่งที่มันอยู่ใต้จุดนี้เท่านั้นเองครับ” เสียงพูดที่สุภาพออกมาจากอาร์มเมอร์คนที่สาม
     ดรีมที่ยืนอยู่ทางด้านหลังของเอมกับชิตติดต่อไปยังพี่ศรเพื่อถามว่าใต้สนามฝึกมีอะไรอยู่
     “พี่ศรครับ ใต้สนามนี้มีอะไรอยู่ครับ” ดรีมถามผ่านวิทยุไป“พอจะรู้ไหมครับพวกมันต้องการอะไร”
     “อืมมมม......มันก็พูดยากนะน้องดรีม” พี่ศรตอบกลับมาจากวิทยุ “เพราะใต้สนามฝึกก็มีพวกอุปกรณ์เหลืองทิ้งเยอะแยะเลย ฮ่าๆๆๆ” (มันใช่เวลามาขำไหม)
     ถึงตอนนี้ข้อมูลที่ได้จากคนในศูนย์วิจัยมันก็...ไม่ได้ความอะไรเลย
     อีกอย่างคงสงสัยกันว่าทำไมไม่บุกไปทางเข้าชั้นใต้ดินของสนามฝึกแบบที่ควรจะทำแทนที่จะมานั่งขุดพื้นให้วุ่นวาย คำตอบก็คือมันก็เหตุผลคล้ายๆกับที่ทำไมคุณซิวเวอร์ถึงให้คนนอกกับคนที่มาอยู่ไม่ถึงเดือนมาที่สนามฝึกนั่นก็เพราะเส้นทางศูนย์วิจัยนั้นวกวนราวกับเขาวงกตขนาดที่ว่าพี่ศรที่มาอยู่ที่นี่กว่าสามปีแล้วยังหลงทางได้เลย
     หลังจากที่เอม ชิต ดรีมได้ฟังข้อมูลอันเป็นประโยชน์มากกกกก(ประชด) ทั้งสามจึงจำเป็นต้องรีบปิดงานให้จบก่อนพวกมันจะเจาะพื้นได้สำเร็จ
     เอมกับชิตเริ่มโจมตีอีกครั้ง ทางด้านอาร์มเมอร์คนที่สามเห็นดังนั้นจึงกางปีกออกแล้วสะบัดปีกเกิดเป็นแรงลมเข้าปะทะทั้งสอง ดรีมที่มองอยู่ห่างๆก็ใช้วิถีผนึกโซ่เงาโดยจะใช้เงาของตนสร้างเป็นโซ่แล้วไหลตามพื้นไปมัดอีกฝ่าย
     เอมที่เห็นดรีมทำแบบนี้ก็คิดในใจ ‘นี่มันวิชาเงาเลียนแบบนี่’ (คนละเรื่องแล้ววว)
     แต่ถึงอยางนั้นอาร์มเมอร์คนที่สามก็กระโดดหลบแล้วพุ่งไปหาชิตกับเอมหวังใช้กรงเล็บโจมตี แต่เอมกับชิตก็กันไว้ได้ ถึงตอนนี้ชิตสังเกตได้ว่าอาร์มเมอร์หัวด้วงสองตัวที่โดนผนึกอยู่ได้หายไปแล้ว
     “หรือว่า.......ดรีมอันตราย!!!” ชิตรีบหันไปเตือนดรีม แต่ก็ไม่ทันแล้ว...
     ตอนนี้อาร์มเมอร์หัวด้วงได้เข้าประชิดตัวดรีมเรียบร้อยแล้ว
     “ขอโทษด้วยนะครับ ทางพวกเราของเอาชีวิตเพื่อนของพวกคุณไปก่อนแล้วกัน” อาร์มเมอร์ที่มีปีกพูดด้วยท่างทางเหมือนเยาะเย้ย
     “แน่ใจหรอ ไอ้หัวนก” เอมพูดสวนกลับทันที สิ้นคำพูดของเอมร่างเกราะหนักของอาร์มเมอร์สองตนก็กระเด็นกลับมาทำให้อาร์มเมอร์ที่ต้านอาวุธถึงกับอึ้ง จากนั้นเอมกับชิตก็ม้วนตัวเตะอาร์มเมอร์ปีกนกกระเด็นไป
     ดรีมค่อยๆเดินมาหน้าเอมกับชิตยืนอยู่
     “นี่มันบ้าอะไรกัน....แกไม่ได้เป็พวกใช้เวทย์หรอ” อาร์มเมอร์ปีกนกตะโกนออกมา
     “ก็จริงที่ผมใช้เวทย์ ผมถนัดการโจมตีระยะไกล แต่ผมก็ฝึกพวกการเตะๆต่อยๆมาเหมือนกัน อีกอย่างมันก็เข้ากับโพเทนซีของผมเหมือนกัน” ดรีมตอบกลับ
     อย่างที่เคยกล่าวไปแล้ว โพเทนซีของดรีมคือการควบคุมแรกที่อยู่ในตัวเองไม่ว่าจะสลายหรือเปลี่ยนทิศของแรง ทั้งนี้ก็แค่ใช้โพเทนซี่ของตนเพิ่มแรงเข้าไปในหมัดก็ทำให้หมัดหนักขึ้นรวมถึงคุมแรกในร่างการก็ทำให้เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงได้(ใครจะไปคิดว่านายจะเล่นtankก็ได้)
     จากนั้นดรีมพุ่งตัวเข้าไปชกตัวอาร์มเมอร์ปีกจนกระเด็นไปกองรวมกับอาร์เมอร์ด้วงทั้งสองตัว
     “มันจะมากไปแล้ว!!!!!!!!!!!” อาร์มเมอร์ปีกถึงกับตะโกนออกมาด้วยความโมโห “เลิกเล่นได้แล้ว!!!!!!”
     “นี่ชิต...ไอบทพูดเมื่อกี้มันคุ้นๆเนอะ” เอมหันไปถามชิต
     “นั้นสิก็ว่าเหมือนเคยมีใครพูดมาก่อน” ชิตตอบกลับ เอมกับชิตทำหน้าเหมือนนึกอะไรบางอย่าง
     “เห้ยยย...พวกนายรู้อะไรก็บอกกับบ้างสิ” ดรีมที่ฟังอยู่ด้วยความงงก็ถามกลับไป “เห้อออ...ก็เป็นซะแบบนี้ก็คบกันแล้วนิ ฉันเลยก็เป็นคนนอกไปเลย” ดรีมถอนหายใจแล้วก็แบะปากออกมา
      “พูดบ้าอะไรของนายฟร๊ะ” เอมกับชิตพูดพร้อมกัน
     บางทีก็คิดนะว่าเอม ชิต ดรีมตอนนี้ควรให้ความสำคัญกับคู่ต่อสู้หน่อยเล่นปล่อยแล้วทำเป็นไม่สนใจแบบนี้ พวกอาร์มเมอร์ที่นอนกองกันอยู่ก็กัดปากกันใหญ่แล้วโดยเฉพาะตัวที่มีปีกหนึ่งเดียวนั้นไม่ชอบการถูกเมินที่สุดทำให้ยิ่งโมโหที่สุดเขาเลยลุกขึ้นยืนแล้วหันไปบอกอาร์มเมอร์ด้วงสองตัว จนถึงตอนนี้เอม ชิต ดรีมก็ยังไม่สนใจกลับมาเลย
     “นึกออกแล้ว..” ชิตตะโกนออกมา “นี่เอม ก็ป้าแมงมุมที่เขต 15 ไงจำได้ไหม”
     “เออ...ใช่ๆๆๆ ก็เป็นพวกเดียวกันนิคงถูกโปรแกรมบทพูดเหมือนกัน ฮ่าๆๆ” เอมขำออกมา “ดรีมบอกเลยยัยป้านั่นตอนแรกก็มากเข้มแบบนี้ละ แต่ไปๆมาๆพอสู้ไม่ได้เข้าหน่อยก็ทำท่าทีหัวร้อนเชียว ฮ่าๆๆ”
     ตอนนี้อาร์มเมอร์ปีกโมโหสุดขีดจึงสั่งให้อาร์มเมอร์ด้วงทั้งสองโจมตีไปที่ดรีมทันทีแต่ดรีมก็สามารถหลบแล้วชักมีดสั้นที่ซ่อนอยู่ด้านหลังออกมารับดาบของอาร์เมอร์ด้วงตัวแรกไว้ ส่วนอีกตัวชิตที่ยืนกับเอมอยู่เมื่อเห็นว่าอาร์มเมอร์ด้วงกำลังมารุมดรีมก็มาช่วยรับดาบของอาร์เมอร์อีกตัวไว้
     เมื่อเห็นว่าเอมยืนคนเดียวอาร์มเมอร์ปีกที่ตอนนี้โมโหสุดขีดก็กระโดดขึ้นไปแล้วพุ่งตัวลงจากที่สูงแล้วใช้กรงเล็บหมายปักเข้าที่ลำตัวของเอมถึงแม้ว่าเอมจะเอาหางกิ้งก่ามากันได้ก็ตามแต่ด้วยแรงขนาดนี้ก็ไม่น่าจะกันอยู่และถึงจะพยายามหลบก็คงสายไปเสียแล้ว
     แต่มันคงไม่ง่ายแบบนั้นนะสิ...เพราะอาร์มเมอร์ปีกไม่ทันที่จะถึงตัวเอมก็เกิดเป็นกำแพงน้ำแข็งมาป้องกันไว้ อาร์มเมอร์ปีกพุ่งทะลุกำแพงน้ำแข็งไปแต่เนื่องจากโจมตีผ่านกำแพงน้ำแข็งมาทำให้การโมตีช้าลงและเอมก็หลบมาได้ ทางอาร์มเมอร์ปีกเองก็ทำได้แค่จั่วลม
     เอมให้กิ้งก่าของเธอกลับไปแล้วแล้วใช้พลังจากแหวนที่ได้มาก่อนจะมาที่สนามฝึกแปลงรูปร่างของสัตว์อัญเชิญในรูปลักษณ์ที่แปลกไปโดยมาในรูปลักษณ์ของเกราะแขนยาวถึงไหล่ข้างซ้ายของเธอซึ่งเป็นข้างเดียวกับมือที่สวมแหวนไว้
     เกราะแขนสีขาวยาวตั้งแต่มือถึงไหล่ ที่ไหล่มีหัวของสิงโตน้ำแข็งพร้อมกับไอเย็นที่ออกมาปากของสิงโตและเมื่อไอเย็นสะท้องกับแสงออกมาทำให้ภาพที่เห็นเหมือนมีผ้าคลุมไหลอยู่ โดยไอเย็นที่ออกมาจะสามารถสร้างน้ำแข็งได้
     เอมสวนกลับโดยตวัดแขนซ้ายของเธอเพื่อให้ไอเย็นกระจายตัวเกิดเป็นกำแพงน้ำแข็งพุ่งไปหาอาร์มเมอร์ปีกแต่อาร์มเมอร์ปีกก็ใช้กรงเล็บฟันไปที่กำแพงน้ำแข็งที่พุ่งมาแล้วใช้ปีกพัดตีกลับเป็นผลึกน้ำแข็งเพื่อสวนกลับไป
     “แค่นี้ยังอ่อนไป” อาร์มเมอร์ปีกพูดขึ้นหลังจากใช้ปีกพัดกำแพงน้ำแข็งที่ตอนนี้แตกออกเป็นผลึกสวนกับไป
     “เอ๊ะ........” อาร์มเมอร์ปีกถึงกับอุทานออกมาเพราะตอนนี้เกราะแขงของเอมได้เปลี่ยนจากสีขาวเป็นสีน้ำเงินแล้ว
     เกราะแขนของเอมตอนนี้เปลี่ยนมาใช้พลังของนกสายฟ้าเป็นเกราะแขนสีน้ำเงินที่ไหล่มีหัวนกสายฟ้าอยู่ปล่อยสายฟ้าออกมาคล้ายผ้าคลุมไหล่
     เอมรวมรวมสายฟ้าไปที่มือซ้ายแล้วปล่อยออกไป สายฟ้าผ่านก้อนนำแข็งที่ตีกลับมาแต่ด้วยความแรงของสายฟ้าทำให้ก้อนน้ำแข็งเหล้านั่นแตกละเอียดทันทีและสายฟ้าก็พุ่งไปยังอาร์มเมอร์ปีก
     อาร์มเมอร์ปีกโดนสายฟ้าเข้าไปเต็มๆ “อ้า!!!!!!!!!!!!!” เสียงร้องดังออกมาแล้วก็เงียบลงพร้อมร่างของอาร์มเมอร์ปีกที่ตอนนี้กลายเป็นสีดำก็ร่วงลงไปนอนในทันที
     จากเสียงร้องและแสงของสายฟ้านั้นทำให้อาร์มเมอร์ด้วงสองตัวที่ต่อสู้กับดรีมกับชิตรู้ทันทีว่าตัวที่ต่อสู้กับหญิงผมยาวคนนั้นได้เสียท่าแล้ว
     “bird เสียท่าแล้ว” อาร์มเมอร์ด้วงตัวแรกพูดขึ้น
     “งั้นก็คงต้องทำแบบนั้นแล้ว” อาร์มเมอร์ด้วงอีกตัวพูดต่อ
     “cash mode” สิ้นเสียงพูดของอาร์มเมอร์ด้วงทั้งสองตัวเกราะหนาทั้งตัวของทั้งสองตัวก็แตกออกแล้วดันตัวชิตกับดรีมที่อยู่ใกล้ๆกระเด็นออกมา พร้อมเศษเกราะที่แตกออกมา
     ชิตที่ตั้งสติได้ก็พยายามลุกขึ้นยืนแล้วมองไปที่อาร์มเมอร์ด้วงทั้งสองและเขาก็ตกใจกับคลื่นพลังที่ปล่อยออกมาจากอาร์มเมอร์ด้วงทั้งสองที่ตอนนี้อยู่ในสภาพเป็นเกราะบางทั้งตัวต่างตอนแรกที่เป็นเกราะหนาทั้งตัวแต่ตอนนี้มีไอความร้อนออกมาด้วย อีกทั้งอาวุธที่ถืออยู่จากดาบกับโล่เป็นมีดสั้น
     “ดรีมระวังด้วยนะพวกมันมีพลังเพิ่มขึ้นเยอะพอควรเลย” ชิตเตือนดรีม
     “พอรู้อยู่น่า” ดรีมที่กำลังลุกขึ้นยืนก็ตอบมา
     เมื่อทั้งสองลุกขึ้นยืนได้แล้วและกำลังเตรียมรับมือ แต่ว่า.....ด้วงถอดเกราะทั้งสองตัวได้หายไปจากตรงหน้าแล้ว
    ทดรีมกับชิตรู้สึกได้ทันทีว่าตอนนี้อาร์มเมอร์ด้วงทั้งสองตัวนี้ได้อยู่ข้างหลังแล้ว........
***********************************************************
มาลงต่อได้สักที หายไป 2 สัปดาห์กว่าพอดีเป็นช่วงเปิดเทอมเลยติดๆๆไรนิดหน่อย

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา