โอม ตอนที่ 1 แรงอาฆาต
เขียนโดย Jalando
วันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2561 เวลา 10.48 น.
แก้ไขเมื่อ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2561 19.32 น. โดย เจ้าของนิยาย
15) คุณพระ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ 15 คุณพระ
…………………………
ภายในห้องหรูของอพาร์ทเม้นท์ระดับห้าดาวดูสวยงามตระการตาราวกับสวรรค์ชั้นฟ้าก็ไม่ปาน ทุกสิ่งทุกอย่างประดับประดาด้วยเฟอร์นิเจอร์ราคาแพงแต่กลับปรากฏเครื่องใช้สำคัญบางอย่างที่ดูพื้นๆและไม่ค่อยมีราคาค่างวดมากนัก ซึ่งขัดแย้งกับเฟอร์นิเจอร์และสภาพแวดล้อมภายในห้องยิ่งนัก บนหัวนอนของเตียงไม้ราคาแพงปรากฏกรอบรูปถูกๆที่หาซื้อได้ทั่วไป ภายในกรอบรูปเป็นภาพถ่ายคู่ของหญิงสูงวัยนางหนึ่งที่ยังคงดูมีเค้าโครงของความสวยอยู่ เธอซ่อนร่างขนาดกะทัดรัดในชุดเสื้อคอกระเช้าสีขาว ผ้าซิ่นสีดำ ผมที่มวยยังดำขลับด้วยฤทธิ์ของยาย้อมผม ใบหน้าสวยได้รูปมีรอยเหี่ยวย่นตามร่องรอยประสบการณ์ที่มีมานานถึง 50 ขวบปี แต่ดวงตางามยังคงเปล่งประกายหวานซึ้งดูมีเสน่ห์ ข้างกายของหญิงชรานั้นมีสาวสวยวัยผู้ใหญ่นางหนึ่งที่อยู่ในชุดเสื้อยืด กางเกงยีนส์ยาว ใบหน้าของหญิงคนนี้มีส่วนละม้ายคล้ายหญิงสูงวัยผู้นี้อยู่หลายส่วนจนน่าจะดูออกได้ไม่ยากว่าทั้งคู่น่าจะเป็นแม่ลูกกัน คนที่เป็นลูกอยู่ในอากัปกิริยาที่กอดประคองหญิงชราผู้แม่แนบแน่น ใบหน้าแม่ลูกคู่นี้ยิ้มละไมด้วยอารมณ์สุขที่อบอวล
มองเผินๆเหมือนห้องนี้จะเป็นห้องสาวสวยคนหนึ่งที่น่าจะพอมีอันจะกินแต่สิ่งที่ขัดตาก็คือ เด็กหนุ่มร่างสันทัดนายหนึ่งที่ตอนนี้อยู่ในชุดเสื้อยืดสีขาว กางเกงบอลสีดำ ผิวกายของเขาค่อนข้างคล้ำออกเป็นสีทองแดงเนื่องด้วยโดนแดดเผา ใบหน้าของเด็กหนุ่มก็ดูไม่ได้หล่อเหลามากนักเพราะผิวหน้าดูกร้านๆคล้ายกับคนที่ไม่เคยบำรุงผิว แถมปากหนาเป็นกระจับ แต่ถ้าดูให้ดีๆเขาก็มีส่วนชวนมองอยู่บ้าง ด้วยรูปหน้าเรียวยาว จมูกโด่งเป็นสัน ที่ดูน่ามองที่สุดคือดวงตากลมโตที่มีแว่นตาทรงกลมกั้นกลางเอาไว้ เพราะถ้ามองเข้าไปในดวงตาคู่นั้นให้ดีก็จะเห็นประกายตาที่คมวาวและใสบริสุทธิ์คล้ายดวงตาของเด็กทารกก็ไม่ปาน ทำให้ใจหญิงสาวหลายนางอาจหวั่นไหวได้ถ้าจ้องลึกเข้าไปถึงภายในของเด็กหนุ่ม
ท่าทางของเด็กหนุ่มดูตื่นเต้นปนระทึกนิดๆ ในโสตประสาทหูของเขาได้ยินแต่เสียงน้ำไหลจากภายในห้องน้ำส่วนตัวในอพาร์ทเม้นท์หรูเป็นระยะ และเสียงนี้คือเสียงเดียวที่สามารถสร้างความตื่นกลัวให้กับเขาได้มากกว่าการเผชิญหน้ากับความตายหรือผีตายโหงทั้งป่าช้าซะด้วยซ้ำ
ในระหว่างที่เด็กหนุ่มนั้นนั่งตัวแข็งเกร็งอยู่บนเก้าอี้ไม้รับแขก เขาก็ถึงกลับสะดุ้งน้อยๆอีกครั้งเมื่อเสียงน้ำไหลรินภายในห้องน้ำเกิดหยุดหายไปเสียดื้อๆ ทำให้เขารู้ได้เลยว่าการอาบน้ำของบุคคลที่อยู่ภายในได้สิ้นสุดไปแล้ว อีกไม่กี่อึดใจช่วงเวลาซึ่งอึดอัดที่สุดในชีวิตของเขาก็จะเริ่มต้นขึ้นและก็เป็นไปตามนั้นจริงๆ เมื่อบานประตูไม้ของห้องน้ำหรูนั้นเปิดออก
ร่างที่ปรากฏออกมาจากห้องน้ำเป็นร่างสูงระหงของหญิงสาวนางหนึ่ง ร่างนั้นได้สัดส่วนทั้งเว้าโค้งทุกรูปมุม แม้ว่าเธอจะอยู่ในชุดนอนแบบเสื้อกางเกงแนวผู้ชายสีขาวลายจุดแต่ก็ไม่อาจบดบังความงดงามทางสรีระได้มากมายนัก หญิงสาวก้าวเดินออกมาพร้อมเอาผ้าเช็ดตัวผืนเล็กเช็ดผมที่ยาวสลวยและเปียกชื้นของเธอไปพร้อมกัน ใบหน้างามอันเป็นใบหน้าเดียวกันกับหญิงสาวในภาพถ่ายแดงซ่านนิดหนึ่งเมื่อเธอเหลือบขึ้นเเลเห็นเด็กหนุ่มนั่งเอ๋อมองตาค้างอยู่บนเก้าอี้ไม้ราคาแพง
“ อ้าว พี่อาบน้ำนานไปหรือ โทษทีนะ โอม ” หญิงสาวกล่าวทักเด็กหนุ่ม
“ ฮะๆ ไม่เป็นไรครับ นอนกันดีกว่าครับ ” เด็กหนุ่มหัวเราะแห้งๆพลางก้าวมานอนบนฟูกสำรองที่หญิงสาวปูไว้ให้ที่พื้นข้างเตียงนอน
“ จ๊ะ ราตรีสวัสดิ์ ” หญิงสาวเช็ดผมที่ใกล้แห้งอีกสองสามทีก่อนก้าวเดินไปปิดไฟ
ทันทีที่ปิดไฟ ทั้งห้องก็มืดมิดและเงียบงันในทันที หญิงสาวสาบานกับตัวเองเลยว่าถ้าเกิดวันนี้เธอมีอันต้องอยู่คนเดียว เธอไม่มีทางที่จะข่มตานอนหลับได้อย่างแน่นอน เพราะสิ่งที่เธอพบเจอเมื่อครู่นี้นับว่าหนักเกินไปสำหรับคนธรรมดาทั่วไป แต่ถึงแม้ว่าจะมีโอมอยู่เป็นเพื่อนด้วย เธอเองก็ยังเป็นกังวลอยู่ดีเพราะเมื่อปิดไฟแล้วทุกสิ่งทุกอย่างภายในห้องก็มองเห็นได้เพียงรำไรจากแสงไฟยามราตรีของเมืองหลวงที่สาดส่องผ่านหน้าต่างเข้ามา
หญิงสาวก้าวเดินด้วยความชำนาญแม้มองไม่เห็นสภาพภายในห้องมากนัก พริบตาเธอก็ประจำบนเตียงนอนหนานิ่มของเธอ ดวงตาหวานซึ้งปิดลงอย่างรวดเร็วพร้อมกับการข่มบังคับจิตใจให้เข้าสู่นิทราในทันที
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป หญิงสาวยังไม่สามารถข่มตาหลับได้เลยแม้แต่วินาทีเดียว จิตประสาทของเธอแข็งตึง ภาพใบหน้าอันสยดสยองของปีศาจสาวและภาพการเฉียดความตายของโอมยังคงฝังอยู่ในมโนจิตของเธออยู่มิรู้คลาย ตลอดเวลาที่เธอพลิกไปมาและพยายามข่มตาหลับ เธอก็ได้ยินเสียงกรนของเด็กหนุ่มเป็นระยะ
“ นี่เขาหลับลงได้ยังไงนะ ทั้งที่เพิ่งจะเจอเรื่องร้ายแรงขนาดนั้น ” หญิงสาวคิดในใจ เธอไม่รู้ว่าจะนับถือความเข้มแข็งของจิตใจหรือขบขันกับความไร้เดียงสาของเด็กหนุ่มดี อาจเป็นไปได้ว่าทั้งสองสิ่งจะผสานอยู่ในตัวเด็กหนุ่มนายนี้อย่างละครึ่ง
หญิงสาวทนพลิกกายไปมาอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็ตัดสินใจลุกขึ้นนั่งพลางส่งเสียงเรียกเด็กหนุ่มที่นอนอยู่ข้างเตียงของเธอเบาๆ
“ โอม ”
“ คร่อกฟี้ๆ ” มีเพียงเสียงกรนเบาๆดังขึ้นมาแทนคำตอบ
หญิงสาวส่ายหัวและบ่นเบาๆกับตัวเอง
“ เจริญล่ะ นี่น่ะหรือองครักษ์ชั้น เฮ้อๆ ”
หญิงสาวนั่งเงียบอยู่บนเตียงหนานุ่มอยู่ครู่ใหญ่ เธอก็นึกอะไรขึ้นมาได้
“ ไหนๆก็นอนไม่หลับ ออกไปรับลมที่ระเบียงดีกว่า ”
พอตัดสินใจได้ หญิงสาวก็พาร่างสูงระหงลุกขึ้นจากที่นอนแบบเงียบกริบเพราะเธอรู้สึกเกรงใจเด็กหนุ่มที่นอนหลับใหลอยู่ข้างเตียงของเธอ กลัวว่าเขาจะตื่นก่อนเวลาอันควร หญิงสาวค่อยก้าวช้าๆจนสามารถไปถึงประตูเลื่อนตรงทางออกสู่ระเบียงรับลม ทันทีที่มืองามของเธอจับที่จับขอบประตูเลื่อน ก็มีเสียงนุ่มทุ้มลึกของเด็กหนุ่มผู้หนึ่งดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง
“ อย่าเพิ่งออกไปที่ระเบียงจะดีกว่านะครับ พี่ ”
“ เอ๊ะ โอม นี่เธอ ” หญิงสาวสะดุ้งตัวลอยพร้อมหันหลังกลับมา เธอก็เห็นร่างสันทัดของเด็กหนุ่มหยัดยืนอยู่ไม่ห่างกายของเธอเท่าไหร่นัก
“ ครับ ผมเอง ผมแนะนำว่าพี่อย่าเพิ่งออกพ้นเขตห้องนี้จะดีกว่า ถึงวิญญาณตนนั้นจะโดนฤทธิ์ของตะกรุดนั่นจนผมเชื่อว่าในวันนี้เขาไม่น่าจะแผลงฤทธิ์อะไรได้อีก แต่เราก็เน้นความปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่าครับ ” เด็กหนุ่มกล่าวเตือน ความมืดสลัวภายในห้องทำให้หญิงสาวไม่สามารถรู้ได้เลยว่าบัดนี้เด็กหนุ่มผู้นี้จะมีสีหน้าเช่นไร
“ เอ่อ จ๊ะ ” หญิงสาวรับคำอย่างว่าง่ายพร้อมก้าวเดินกลับมาประจำที่เตียงนอนอีกครั้ง
เมื่อเด็กหนุ่มเห็นหญิงสาวเข้าประจำในที่ๆควรอยู่แล้ว เขาก็ถือวิสาสะเอื้อมมือไปกดสวิตซ์โคมไฟตรงหัวนอน พอไฟสีส้มเปล่งประกายออกมาก็ปรากฏดวงหน้าของสาวงามที่มองจ้องเด็กหนุ่มอยู่ก่อนแล้ว
“ เธอหลับอยู่ไม่ใช่หรือ โอม ทำไมถึงรู้ได้ว่าพี่กำลังเดินไปที่ระเบียงได้ล่ะ ” เจ้าของใบหน้างามถามย้ำเพื่อคลายความสงสัย
“ ฮะๆ ก็หลับแล้วจริงล่ะพี่ แต่ผมบังเอิญตื่นขึ้นพอดีน่ะ พอเงยหน้ามาไม่เห็นพี่ก็เลยลุกขึ้นดู ผมจึงเห็นพี่เดินไปที่ประตูทางออกสู่ระเบียง ” เด็กหนุ่มตอบซื่อๆผสมน้ำเสียงกลั้วหัวเราะดุจเดิม
“ อื้อ ก็น่าจะเป็นอย่างนั้นนะ ” หญิงสาวพยักหน้ารับคำและคิดว่านี่คงเป็นเรื่องบังเอิญอย่างที่เด็กหนุ่มว่าจริงๆ
“ ว่าแต่พี่นอนไม่หลับรึครับ ” เด็กหนุ่มลุกขึ้นนั่งที่เก้าอี้ไม้พร้อมหันหน้ามามองหญิงสาว
“ อื้อ ใช่ พยายามแล้วแต่ไม่หลับเลย ” หญิงสาวพยักหน้ารับ
“ อ้าวแล้วทำไมไม่หลับล่ะครับ ” เด็กหนุ่มถามต่อ
ถึงตอนนี้หญิงสาวเงยหน้างามๆของเธอขึ้นสบตากับเด็กหนุ่มแบบเต็มๆ ภายในแสงสลัวรำไร เด็กหนุ่มเห็นแววฉงนปนสงสัยอย่างชัดเจน วินาทีต่อมาเสียงใสๆปนแววดุของหญิงสาวก็เอื้อนเอ่ยแนวตัดพ้อ
“ ก็แล้วทำไมเธอหลับได้ล่ะ ถ้าเพิ่งจะเจอเรื่องร้ายแรงขนาดนี้มาโดยปกติมันไม่น่ามีใครสามารถหลับได้นะ เธอเป็นคนที่แปลกประหลาดมากเลยนะ ”
“ ฮะๆ ผมคงเป็นคนซื่อบื้อน่ะครับ เลยไม่ค่อยรู้สึกรู้สาอะไรซักเท่าไหร่ ” เด็กหนุ่มตอบไปก็หัวเราะขบขันไปแบบคนอารมณ์ดี
“ เธอนี่จริงๆเลย ดูสิด่าตัวเองไปก็หัวเราะไป มีอย่างที่ไหน เฮอะ ” หญิงสาวสั่นศีรษะด้วยความระอา
“ เอาเถอะครับ นอนเถอะ พี่เหนื่อยมามากแล้ว ร่างกายต้องการพักผ่อนนะครับ ” เด็กหนุ่มพูดเบาๆ น้ำเสียงที่กล่าวออกมาดูอบอุ่นผสมความจริงใจ
ทันทีที่หญิงสาวรับฟังคำกล่าวที่แสนนุ่มนวลนั้น เธอก็เหลือบแลมองไปที่เด็กหนุ่มแต่ก็เห็นเพียงเงามืดที่ปกคลุมใบหน้าเรียวยาวและผอมของเด็กหนุ่มเท่านั้น แต่ถึงแม้มองไม่เห็นแววตาใสซื่อที่ดูสดใสของเด็กหนุ่ม แต่เธอก็สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่แผ่ซ่านออกมาจากตัวของเด็กหนุ่ม
“ อืมๆ พี่ก็ลองแล้วแต่มันไม่ได้ผลน่ะ ” หญิงสาวก้มหน้านิดหนึ่งก่อนตอบตะกุกตะกัก พรางคิดในใจว่าดีที่ภายในห้องยังมืดสลัว โอมเลยไม่เห็นสีหน้าที่แดงซ่านของเธอเช่นกัน
หนุ่มโอมนิ่งเงียบไปแต่เท่าที่เธอสังเกตเห็น เธอพบว่าใบหน้าเรียวผอมของเด็กหนุ่มกระตุกน้อยๆ สันนิษฐานได้ว่าเด็กหนุ่มที่อยู่เบื้องหน้าน่าจะกำลังอมยิ้ม
“ เอาล่ะ อยากนอนหลับมั้ยพี่ ผมพอมีวิธี ” หนุ่มโอมเสนอแนะหลังนิ่งเงียบไปอึดใจ
“ วิธีอะไร ” หญิงสาวร้องถาม
“ ขั้นตอนแรก พี่ต้องนอนลงไปก่อน ” เด็กหนุ่มตอบกลับมาในทันที
“ เอ๋ เอ่อ…” หญิงสาวนึกสงสัย
“ เอ้า….พี่ ถ้าไม่นอนลง พี่จะหลับยังไงล่ะครับ ” เด็กหนุ่มแถลง น้ำเสียงดูขบขัน
“ เอ้า เอาก็เอา ” หญิงสาวรับคำพร้อมปฏิบัติตาม แต่ท่าทางเธอยังคงความระแวงอยู่
“ ฮะแฮ่ม เรียบร้อยยัง ” เด็กหนุ่มกระแอมดังคล้ายผู้ใหญ่ที่กำลังเตือนให้เด็กปฏิบัติตามคำสั่ง
“ จ้าๆ เรียบร้อยแล้วเจ้าคะ ” พอหญิงสาวได้ยินเสียงกระแอมล้อเลียน เธอก็ตอบล้อเลียนกลับ ดูท่าทางเธอค่อนข้างที่จะผ่อนคลายและอารมณ์ดีขึ้นมาบ้างแล้ว
“ ฮะ……แฮ่ม ขั้นต่อไปสำคัญมากนะครับ ” เด็กหนุ่มกระแอมเตือนอีกครั้ง
“ ว่าไป ” หญิงสาวนอนตัวตรงก่อนตอบกลับน้ำเสียงเด็ดเดี่ยว
“ พนมมือขึ้น ” หนุ่มโอมพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูจริงจังขึ้น
“ เอ๋..” หญิงสาวเริ่ม งง
“ ทำสิครับ ไม่อยากหลับรึไง ” หนุ่มโอมเตือนเสียงเข้ม
“ อืมๆ ” หญิงสาวยกมือขึ้นพนมตามสั่งแม้เธอยังดู งงๆอยู่บ้าง
“ จากนั้นให้คิดตามสิ่งที่ผมจะพูดนะครับ ” หนุ่มโอมกล่าวสั่งช้าๆ เบาๆ
“ อืม ” หญิงสาวพยักหน้ารับ
“ พระพุทธเจ้ามีคุณอันประเสริฐ แนะแนวทางให้แก่สัตว์โลกและมวลหมู่ผู้ยังเวียนว่ายตายเกิดให้เข้าถึงทางแห่งการพ้นทุกข์ พระองค์ทรงมีเมตตาต่อทุกสรรพสิ่ง ” เด็กหนุ่มกล่าวออกมานิ่มนวลยิ่งกว่าที่เคย จนทำให้หญิงสาวนึกแปลกใจแต่ถึงกระนั้นเธอก็พยายามนึกตามในสิ่งที่โอมพูด
“ พระธรรมคือคำสอนของพุทธองค์ที่สอนให้มวลหมู่ผู้เวียนว่ายให้เข้าใจกฎของธรรมชาติ ให้จิตยอมรับเพื่อไปสู่หนทางแห่งการหลุดพ้น ” เด็กหนุ่มกล่าวประโยคที่สองด้วยน้ำเสียงดุจเดิม คราวนี้หญิงสาวดูสงบมากยิ่งขึ้น
“ พระสงฆ์คือผู้ที่บำเพ็ญตนตามคำสอนของพระพุทธองค์เพื่อมุ่งหวังที่จะถึงหนทางแห่งความหลุดพ้น พระสงฆ์แท้ล้วนแต่จิตใจดีงาม มีเมตตาต่อสัตว์โลกโดยไร้ประมาณ ” เด็กหนุ่มกล่าวต่อประโยคที่สาม คราวนี้หญิงสาวถึงกับหลับตาพริ้ม ลมหายใจเริ่มแผ่วเบาและสม่ำเสมอ
เด็กหนุ่มเว้นช่วงการพูดนิดหนึ่งก่อนที่จะส่งเสียงนุ่มทุ้มลึกที่กังวานไกลราวกับระฆังเหล็กใบโต
อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ วิชชาจะระณะสัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู อะนุตตะโร ปุริสสะทัมมะสาระถิ สัตถา เทวะมนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติ.
( เพราะเหตุอย่างนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น เป็นผู้ไกลจากกิเลส เป็นผู้ตรัสรู้ชอบโดยพระองค์เอง เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ เป็นผู้ไปแล้วด้วยดี เป็นผู้รู้โลกอย่างแจ่มแจ้ง เป็นผู้สามารถฝึกบุรุษที่สมควรฝึกได้ อย่างไม่มีใครยิ่งกว่า เป็นครูผู้สอนของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานด้วยธรรม เป็นผู้มีความจำเริญจำแนกธรรมสั่งสอนสัตว์ ดังนี้ )
สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม สันทิฏฐิโก อะกาลิโก เอหิปัสสิโก โอปะนะยิโก ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูฮีติ.
( พระธรรม เป็นสิ่งที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว เป็นสิ่งที่ผู้ศึกษาและปฏิบัติ พึงเห็นได้ด้วยตนเอง เป็นสิ่งที่ปฏิบัติได้ และให้ผลได้ไม่จำกัดกาล เป็นสิ่งที่ควรกล่าวกับผู้อื่นว่า ท่านจงมาดูเถิด เป็นสิ่งที่ควรน้อมเข้ามาใส่ตัว เป็นสิ่งที่ผู้รู้ พึงรู้ได้เฉพาะตน ดังนี้ ฯ )
สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ อุชุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ญายะปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สามีจิปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ยะทิทัง จัตตาริ ปุริสะยุคานิ อัฏฐะ ปุริสะปุคคะลา เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ อาหุเนยโย ปาหุเนยโย ทักขิเณยโย อัญชะลีกะระณีโย อะนุตตะรัง ปุณณักเขตตัง โลกัสสาติ.
( สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าหมู่ใด ปฏิบัติดีแล้ว สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าหมู่ใด ปฏิบัติตรงแล้ว สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าหมู่ใด ปฏิบัติเพื่อรู้ธรรมเป็นเครื่องออกจากทุกข์แล้ว สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าหมู่ใด ปฏิบัติสมควรแล้ว ได้แก่บุคคลเหล่านี้คือ คู่แห่งบุรุษสี่คู่ นับเรียงตัวได้แปดบุรุษ นั่นแหละ สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า เป็นผู้ควรแก่สักการะที่เขานำมาบูชา เป็นผู้ควรแก่สักการะที่จัดไว้ต้อนรับ เป็นผู้ควรรับทักษิณาทานเป็นผู้ที่บุคคลทั่วไปควรทำอัญชลี เป็นเนื้อนาบุญของโลก ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า ดังนี้ )
โอมท่องบทสรรเสริญคุณพระรัตนตรัยด้วยน้ำเสียงที่สงบเยือกเย็นและเข้าท่วงทำนองเป็นจังหวะไม่ต่างกับพระสวด หญิงสาวที่นอนอยู่ก็ท่องตามในใจอย่างต่อเนื่อง เธอรู้สึกสงบขึ้นมาทันที ความหวาดกลัว วิตกกังวลหรืออารมณ์ร้ายใดๆเริ่มจางหายไปเรื่อยๆ เธออยู่ในภาวะเช่นนั้นไม่นานก็สงบลงจนมือที่พนมค่อยเคลื่อนต่ำตกลงสู่ฟูกที่นอนอันหนานิ่มพร้อมเสียงลมหายใจแผ่วเบาเป็นจังหวะของหญิงสาว
หนุ่มโอมค่อยๆชะโงกหน้าดูหญิงสาวที่เข้าสู่นิทราด้วยอารมณ์สงบอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นมองไปรอบๆห้องนอนที่มีความมืดสลัวปกคลุม ทันใดนั้นเองเขาก็ล้วงกระเป๋ากางเกงเพื่อหยิบถุงพลาสติกขนาดเล็กซึ่งภายในบรรจุผงอะไรซักอย่างหนึ่งเอาไว้
“ เอาล่ะ พี่สาวหลับแล้ว ได้เวลาทำงานของเราแล้ว ” โอมพูดกับตัวเองเบาๆ
หลังจากนั้นหนุ่มโอมก็ดำเนินการทำตามแผนงานที่ตัวเองวางเอาไว้ โดยที่เขาไม่รู้เลยว่าในเวลานี้มีเงาดำบางอย่างที่กำลังล่องลอยอยู่นอกตัวห้อง เงาดำนั้นกำลังจับจ้องมาที่เด็กหนุ่มและหญิงสาวด้วยประกายตาที่แดงจ้าดุจสีเลือด บางสิ่งนั้นคำรามดังด้วยเสียงกร้าวและแหบแห้ง
“ ฝากไว้ก่อนเถอะ มึง ”
สามารถติดตามงานเขียน ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจ Jalando นักเขียนดาร์คไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ
https://www.facebook.com/Jalando.darksidewriter
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้

รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ